การเมืองที่เจ็บแล้วจำคือคน...เจ็บแล้วทนคือ...
ความอิรุงตุงนังของการเมืองในประเทศเราเป็นสิ่งที่แก้ไขยังไงก็ไม่มีวันหมด
เราคิดว่า สาเหตุสำคัญมันเป็นเพราะ คนในประเทศ ของเรานี่แหละ

ว่ากันว่า เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือความ แต่... เจ็บแล้วลืม คือ คนไทย
5555555555555555555555555555555555555555555555555555+

ไม่เชื่อก็ลองย้อนไปดูข่าวดังๆ ในปีก่อนๆ ที่ผ่านมาดูเป็นตัวอย่างก็ได้
คดีเด็กชนรถตู้ตายห่ายกคัน เราเสียคนไปถึง 8 คน คนไทยเฮโลด่าเขา
ได้ไม่นาน แล้ว...ก็ลืม คดีฆ่าข่มขืนแล้วโยนเด็กออกจากโบกี้รถไฟ
ก็เฮโลด่าได้ไม่นาน แล้ว...ก็ลืม คดีเสือดำ เสือตายฟรีไปเป็นชาติแล้ว
คดีก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงไหน แล้ว...ก็ลืม คดีนักการเมืองทุจริตหนีออกนอก
ประเทศ มีแค่ประเทศเรานี่แหละที่คนทำผิดจริงหนีออกนอกประเทศ
แล้วอ้างว่าตัวเองบริสุทธิ์ แล้วคนก็เฮโลสงสารเขา แล้วเราก็...ลืม

ประเทศเราเป็นประเทศที่มีผู้คนมีแต่ตรรกะผิดๆ เพี้ยนๆ อะไรก็ไม่รู้
ต่างประเทศ ประเทศที่เจริญแล้ว ต่อให้มีข่าวว่า ผู้นำของประเทศ
โกงกิน เขาก็ออกมากราบขอโทษและลาออก และยอมรับกระบวนการ
ยุติธรรม ยอมเข้ารับการตรวจสอบทั้งหมด ไม่มีการหนีไปต่างประเทศ
ผิดก็ยอมรับผิด ส่วนประเทศเรา โกงกินกันทั้งโคตรเหง้า โกงกิน
ทุกยุคทุกสมัย ก็ออกมาปฏิเสธหน้าด้านๆ ว่า ไม่ได้ทำ ไม่โน่นไม่นี่
แถมยังไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมอีก เอาเข้าไป แค่ผู้นำ
ยังเห็นแก่ตัวขนาดนี้ ยังจะหวังว่าประเทศมันจะเดินหน้าได้ยังไง?

คนที่พยายามตอกย้ำให้คิดทบทวนให้ดีๆ ว่าเขาทำอะไรไว้บ้าง
โกงกินประเทศยังไง ก็ถูกกล่าวหาว่า ก้าวข้ามไม่พ้นบ้างอะไรบ้าง
คนกลุ่มนี้คือ คนที่พร้อมลืม ใครโกงกินยังไงไม่ว่า ขอแค่ภาพลักษณ์
ประเทศมันดูเจริญก็พอ... เอาจริงๆ ประเทศไม่เจริญก็เพราะมี
คนกลุ่มนี้เยอะ ทั้งลืมง่าย ทั้งคิดง่ายๆ ทั้งไม่คิดอะไรให้รอบคอบ
คิดไม่รอบด้าน พอเลือกมาแล้วผิดหวัง ก็ไม่จำ ก็ยังเลือกต่อไป
พอประเทศมันไม่ไปไหน ก็บ่น แล้วแม่งเลือกทำไม ทำไมตอนเลือกไม่คิด?

บ้านเมืองเราบอบช้ำมามากๆ ตั้งแต่เริ่มเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง
เราเปลี่ยนอย่างกะทันหัน คนกลุ่มใหญ่ยังไม่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลง
คนที่ขึ้นมาบริหาร ต่างคนต่างเข้ามาโกงกินกันทุกยุคทุกสมัย ไม่มีเว้น
นักการเมืองยุคแรกเริ่มอยากให้คนเลือกตัวเอง แค่ประโคมข่าวอะไร
ก็ได้ที่ดูเป็นฮีโร่ของประเทศ ชาวบ้านชาวช่องก็พร้อมเลือกกันแล้ว
พอได้เป็นรัฐบาล มันก็เข้าวงจรอุบาทว์ วนเวียนโกงกินไม่มีหยุดหย่อน
แม้ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี เป็นแค่รัฐมนตรีกระทรวงโน้นนี้นั้น ก็โกงกิน
สมัยแล้วสมัยเล่า บางคนก็หาว่ารู้ไม่จริงบ้าง อะไรบ้าง มีหลักฐานหรอบ้าง

คนที่เขาสนิทไปมาหาสู่กันถึงบ้าน เขาคงไม่รู้มั้งว่าอีกฝั่งทำอะไรบ้าง
หลายเรื่องก็รู้มาจากแฟนเรา เพราะครอบครัวเขาสนิทกับนักการเมือง
ไม่ใช่ท้องถิ่นนะ นักการเมืองของประเทศนี่แหละ รับรู้อะไรมาเยอะ
บางเรื่องก็มาจากรุ่นน้องมหาวิทยาลัย คนที่ทำงานราชการ
บ่นตำแหน่งขึ้นยาก ที่ขึ้นง่ายๆ ก็ต้องจ่ายเงิน จะเอาไหนมาจ่ายได้
ก็ต้องรับใต้โต๊ะ มันกินกันเป็นทอดๆ อย่างนี้ไง มันไม่มีวันเจริญ
ต่อให้เลือกพรรคการเมืองที่ดีที่สุดมาบริหาร ระบบที่มันหมุนอยู่
เบื้องหลังต่างหาก ที่เป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศนี้ไว้

แล้วระบบพวกนี้ กำจัดได้ไหม? ไม่ทราบ! แต่สิ่งที่เราอยากให้เกิดขึ้น
คือ ประชาชนสามารถตรวจสอบนักการเมืองท้องถิ่นเองได้
สามารถตรวจสอบข้าราชการทุกคนที่ทำงานตามท้องถิ่นได้
และสามารถโหวตขับไล่นักการเมืองและข้าราชการท้องถิ่นได้ทุกคน
เพราะระบบต่างๆ มันพังเพราะคนกลุ่มนี้ เข้ามาก็ใต้โต๊ะ ใต้โต๊ะ
พวกท้องถิ่นเนี่ยตัวดี งานการไม่รู้จักทำ เงินเดือน 8000 บาท
สร้างบ้านใหม่ได้ทุกปี ปรับปรุงบ้านใหม่ได้เรื่อยๆ บ้านใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
มันคืออะไร? ลูกหลานก็นอนอยู่บ้าน งานการไม่ทำ มันคืออะไร?

อย่าถามว่ารู้มาจากไหน มาจากหมู่บ้านในบ้านเกิดเราเอง
แค่สะพานข้ามแม่น้ำระหว่างหมู่บ้านขาด อบต. ชุดเดิมๆ อยู่กินมา
2-3 สมัย ไม่เคยทำให้สำเร็จได้ เพราะ???? แม่งไม่ทำงานไง
ไม่ช่วยเหลือทุกข์สุขของประชาชน ใครจะเดืือดร้อนอะไร
ช่างแม่งมันทั้งหมด ขอตัวเองได้เงินใต้โต๊ะเป็นฐานเสียง
ให้นักการเมืองของจังหวัด ได้เงินกินยาวๆ แค่นั้นก็พอใจแล้วงี้

ญาติเราที่เราไปช่วยงาน เขาทนไม่ไหว เลยไปลงเลือกตั้งเองด้วย
แล้วได้ด้วย ทำทุกอย่าง ตั้งแต่ตรวจสอบพื้นที่ ถ่ายรูป
จัดทำเอกสาร เดินเอกสาร ประสานงาน ของบมาซ่อมแซมสะพาน
เป็นอยู่ 2 สมัย ถึงทำสะพานเสร็จ คิดดู คนทั้ง อบต. แม่งวันๆ
นั่งชิวๆ ชาวบ้านเดือดร้อนไม่เคยสนใจ ไม่พอ พอทำเรื่องของบเสร็จ
ประธาน อบต. มีมานั่งคิดว่าจะกินเงินเท่าไหร่ดี มันใช้อะไรคิดดดด!!!
เงินภาษีประชาชน ประชาชนเลือกมึงให้มาทำงานเว้ยเห้ย
ไม่ใช่ให้มาหาแดกแบบนี้ ญาติเราก็ไฟท์สิ ทุกข์ร้อนประชาชน
มันสำคัญกว่าปากเปรตปากผีแบบมึง สรุปญาติเราอยู่ แดกไม่ได้
จริงๆ ไม่ใช่แค่สะพาน มันยังลามไปถึงส่วนอื่นๆ ด้วย

ประปาหมู่บ้านเรา มีคนมาทำ รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นทุกเดือน
และเงินเดือนขึ้นให้ตัวเองเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่มีเงินมาบำรุงรักษา
ท่อและระบบบำบัดน้ำของหมู่บ้าน ตอนนั้นคือ หายนะของหมู่บ้าน
น้ำไม่ไหล น้ำที่ไหลก็มีแต่ตะกอนดำๆ เหม็นโคลนตม เหม็นสนิม
ตอนที่ครอบครัวเราดูแล มันไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย ไม่มีเลย
แต่พอครอบครัวเราถอยจากงานการปกครองหมู่บ้าน
ทุกอย่างเลวร้ายลงเรื่อยๆ จนชาวบ้านไล่เขาออกทั้งหมดยกทีม
แล้วมาขอร้องให้ครอบครัวเรา กลับมาดูแลเหมือนเดิม

หมู่บ้านเรา จริงๆ ก็มีที่มา คือ ต้นตระกูลเรา อพยพพร้อมทาสในเรือน
ย้ายถิ่นฐานมาด้วย มาก็สร้างหมู่บ้าน สร้างวัด ถางป่า เป็นไร่นา
ครอบครัวเราดูแลทุกข์สุขของคนทั้งหมดมานาน และมันก็อยู่ใน
สายเลือดของตระกูลเรา เราไม่โกงกิน เรามีแต่สร้างอาชีพ
เรามีแต่แก้ปัญหาให้ชาวบ้าน พอเลิกทาส หมดยุคทาสแล้ว
คนทุกคนเสมอกัน ครอบครัวเราก็ยังคงได้รับความไว้วางใจ
จากชาวบ้านเหมือนเดิม พอนานเข้าๆ ก็รู้สึกกันว่า น่าจะให้
ชาวบ้านลองดูแลกันเอง พอหมดสมัยกันหลายๆ ส่วน ก็ไม่ลงอีก
พอไม่ลงอีก ชาวบ้านก็จะได้เลือกกันเองบ้าง ผลสุดท้าย
มันเลยกลายมาเป็นอิหร่อบนี้ คือ เข้ามาก็มาโกงกินกันหมด
(เราถึงเข้าใจคำสอนของ ร.9 ว่า อย่าให้คนไม่ดีมีอำนาจ)

เรื่องของเรา เป็นเรื่องของแค่ตำบลเล็กๆ ในจังหวัดหนึ่ง
คุณก็ลองคิดกันดูว่า ขนาดตำบลเล็กๆ นอกจากโกงกินกันแหลก
แถมยังไม่ช่วยเหลือประชาชนใดๆ ทั้งสิ้น ประเทศเรามันจะไปไหน
มันก็อยู่กับที่นี่แหละ เรื่องของตำบลเรา เอาจริงๆ มันน่าคิดนะ
คนที่จะมาปกครอง คนที่จะมาดูแล มันต้องมี inner มาเต็ม
คือ ต้องเป็นคนที่มีจิตสาธารณะเต็ม 100 ทั้งกายทั้งใจทุ่มเท
ให้ชาวบ้าน ไม่ใช่แค่ใครก็ได้มาลง หรือแค่เรียนเกี่ยวกับ
การปกครองมา มันแสดงให้เห็นว่า คนที่จบสายตรงมา
มันก็ไม่ได้ดูแลประชาชนเต็มที่ มันก็โกงกินอยู่ดี

แค่ส่วนหนึ่งของการปกครองหมู่บ้าน ตำบล ก็ยังพังพินาศขนาดนี้
มันก็เหมือนฟันเฟืองที่มีแต่สนิม บางอันมันก็เก่ามากแล้ว ใช้งานไป
ประเทศมันก็ไม่เดินหน้า มันก็ได้แต่ย่ำอยู่กับที่ คนไม่พร้อม
อะไรๆ มันก็ไม่พร้อม

สิ่งหนึ่งที่เรามองว่า มันน่าจะมี คือ โรงเรียนสำหรับนักการเมือง
เราทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่อง CHANGE หรือพวกการเปลี่ยนแปลง
เราอ่านงานวิจัยต่างชาติแค่เรื่องการฝึกคนให้มีจิตสาธารณะ
เขาทดลองทำกันมาเป็นหลายปี และผลที่ได้คือ มันส่งผลโดยตรง
มันมีกระบวนการ มันมีขั้นตอนที่ทำให้คนกลุ่มหนึ่งมีความพร้อม
ที่จะดูแลทุกข์สุขของชุมชน ทดลองกับคนในวิทยาลัย คนประมาณ
1000 กว่าคน ทดลองปัจจัยที่แตกต่างกัน หลายๆ อย่างทั้งหมด
เหลืออยู่แค่หลัก 10 คนเท่านั้น ที่ยังคงทำงานต่างๆ ตอบแทนชุมชน
ในขณะที่ 600 กว่าคน ก็ทำบ้างประปรายตามกิจกรรมที่ถูกจัดให้ไป

เราอ่านเราก็เห็นได้ชัดว่า คนที่ไปช่วยเหลือชุมชนด้วยตัวเอง
โดยที่ไม่รอใครบีบบังคับให้ทำ เขายังคงทำอยู่ต่อเนื่องแม้หมดระยะ
กิจกรรมที่ทดสอบ ทดลอง ต่างๆ เราเลยมองว่า มันควรจะมี
โรงเรียนสำหรับนักการเมือง ประจำจังหวัด แยกกันไปเลย
เรียน ศึกษา และทำจิตอาสาภายในจังหวัดของตัวเองทุกอย่าง
ให้เด็กกลุ่มนี้ไปสัมผัสปัญหาของชาวบ้านทุกอำเภอ ไปช่วยเหลือ 
ไปเสนอความคิดเห็นในการแก้ไขสิ่งต่างๆ เมื่อเรียนจบ ม.6
ก็ต่อสายการเมืองการปกครองต่อไปเลย แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเรียนได้
ต้องมีผ่านการตรวจสอบ รับรองจากนักจิตวิทยาเด็กจากองกรค์อิสระ
ที่ไม่ขึ้นตรงต่อใคร เพราะฉะนั้นเด็กที่สามารถเข้าเรียนได้จะมีน้อยมาก
เด็กกลุ่มนี้จะเป็นกำลังสำคัญของระบบการเมืองการปกครองสมัยใหม่
ทั้งกลับมาดูแลบ้านเกิด และสามารถขึ้นเป็น สส. คุณภาพของจังหวัดได้
(ถ้ามันเกิดขึ้นได้ มันจะดีมากๆ)

ส่วนไอ้คนที่บอกว่า เข้าไปพูดคุยสอบถามปัญหาจากประชาชน
โดยตรง บอกเลย คนไทย นิสัยหลักๆ คือ "ตอแหล" จ่ะ
ไอ้คนบอกปัญหาไม่ใช่คนที่เดือดร้อน คนเดือดร้อนไม่มีเวลามาพูด
เพราะมัวแต่หาเช้ากินค่ำ มันจะได้เรื่องอะไร มันก็ไม่ได้อะไร
ปัญหามีแต่ก๊อกๆ แก๊กๆ เราแค่คนที่เข้าไปคลุกคลีมาช่วงนึง
เราถึงรู้ว่า ปัญหาประเทศเรามันมีเยอะมาก และคนที่เห็น
กลับมีแค่คนกลุ่มน้อย ที่เสียงไม่ดังพอจะให้มันเป็นวาระแห่งชาติ

ยุครัฐบาลผู้หญิงนั่นก็อีก ตลกมาก จ้างชาวนารับจ้างที่ไม่มี
แม้แต่ที่นา ปลูกข้าว ไถนายังไม่เป็นเลยพวกนี้อ่ะ มันเป็นนายหน้า
มันไม่ใช่ชาวนา จ้างมาเป็นหน้าม้ามาขอบคุณสร้างภาพ คนก็เชื่ออีกนะ
ตอแหลสุดๆๆ ญาติเราก็ทำนา แม่งไม่มีจะแดกอยู่แล้ว บ่นจะเป็นจะตาย
เงินก็ไม่ได้ ข้าวก็โดนกดราคา หักเหี้ยห่าอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด
แม่เราให้ยืมเงินใช้อยู่ช่วงนึงเลยอ่ะ แล้วคนอื่นๆ ที่ไม่มีให้ยืมเขาจะอยู่ยังไง?
เราอยู่กับคนทุกชนชั้น เราเห็นปัญหาทุกอย่างกับตาเราเอง

ทุกวันนี้ มีแต่คนที่ไม่ควรมาเล่นการเมือง ลงมาเล่นเต็มไปหมด
ลูกนักธุรกิจที่แค่ความตั้งใจพายเรือแคนนูข้ามเกาะเรื่องเล็กๆ
ความตั้งใจเล็กๆ ก็ยังทำไม่สำเร็จ เรื่องแค่นี้ มันยังทำไม่ได้เลย
นับประสาอะไรกับดูแลประเทศ ไม่พอก็แทบจะยุบศาสนาอีก
ไม่รู้คิดอะไร คนก็เชื่อกันเป็นบ้าเป็นหลัง เราคนหนึ่งละที่ไม่เลือก
ไม่ใช่อะไรมากเลย แค่อ้าปากจะพูดความคิดเขาก็ลอยมาแล้ว
แม้กระทั่งเพื่อนธุรกิจกับแฟนเรา ก็ไม่มีใครเลือก เรามองว่า
คนที่เขาคิดอะไรรอบคอบ เขาไม่เลือกคนนี้ทั้งนั้น แต่คนที่เบื่อ
การเมืองมากๆ มีหลายกลุ่ม และส่วนใหญ่ก็เลือกคนนี้ทั้งนั้น
รู้ไม่ทันพวกนี้หมด ส่วนใหญ่กลุ่มธุรกิจที่มาลงการเมือง
จริงๆ ก็แค่มาหา ใบเบิกทางที่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโต
แบบก้าวกระโดดได้เลย ประมูลอะไรก็ได้ จะทำอะไรก็แค่แก้กฎหมาย
เปิดทางให้กิจการตัวเอง อย่าบอกว่าคนรวยไม่โกง คนก่อนหน้า
มันก็ทำมาแล้ว เจ็บแล้ว...ลืม นี่แหละคนไทย ไม่จำหรอก ลืมเลย 55

ปัญหาของภาคใต้ มันไม่ใช่เรื่องของศาสนา แค่นี้ก็มองไม่ออก
เรามีพี่ที่เราสนิทมาก เป็นคนใต้ เกิดและโตที่ใต้ จริงๆ แล้วทางใต้
ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันขนาดนั้นตั้งแต่แรก แต่เพราะมีคนไปทำให้
มันวุ่นวาย ไปไล่บี้ฆ่าคนใต้ คนจิตใจอำมหิต ไปฆ่าเขาเพราะแค่
เขาไม่เลือกมันเป็นรัฐบาลแค่นั้น ปัญหาของทางใต้ มันอิรุงตุงนัง
มาตั้งนานแล้ว แต่มันไม่บานปลาย พอมีคนไปทำให้มันแย่ลง
มันเลยเป็นอย่างทุกวันนี้ ทั้งส่งปืนให้โจร ทั้งจ่ายเงินให้ฝั่งเราไปสู้
เหมือนจ่ายเงินให้คน 2 กลุ่มตีกัน จนมันวุ่นวายแบบทุกวันนี้

ปัญหาชองภาคใต้ มันเกิดจากสนธิสัญญา ที่ทางเราไปตกลงด้วย
มันเลยทำให้โจรหนีจากอีกฝั่ง มาอยู่ฝั่งของประเทศเรา ซึ่งก็ไม่น่าทำ
แต่เรื่องมันเลยมาไกลมากแล้ว ทางแก้มี แต่มันจะโหดร้ายมาก
ซึ่งเราก็ไม่อยากจะเอ่ยถึง มีหลายวิธี แต่ละวิธีใช้เวลาต่างกัน
เร็วที่สุดไม่เกิน 2 ปี ช้าที่สุดไม่เกิน 10 ปี แต่เป็นวิธีที่สงบที่สุดเท่าที่มี

เอาจริงๆ รัฐบาลทหาร เราเองก็ไม่ได้มองเหมือนคนทั่วไปนะ
อย่างที่เชียงใหม่ เท่าที่ฟังเพื่อนมาคือ ปัจจุบันมี RTC รถสาธารณะ
ซึ่งเมื่อสมัยที่เราเรียน ป.ตรี มันเคยมี รถเมล์ ตลอดสาย 10 บาท
แล้วมันก็ล่มไป เพราะกลุ่มมาเฟียรถแดง ต่อต้านทุกทางจนรถวิ่งไม่ได้
เรานี่โคตรเซ็งตอนนั้น อะไรดีๆ หายหมด แล้วเวลาที่เราอยาก
กลับบ้าน เราไม่รู้จะฝากรถที่ไหน ตอนนั้นกลัวมากๆ ก็นั่งรถแดง
ไปอาเขตตลอด เสียเงินไม่ต่ำกว่า 60 บาท บางคันบังคับให้เหมา
200 บาท ขูดรีดแม้กระทั่งเด็ก มหาวิทยาลัย แทนที่เด็กไม่มีรายได้
จ่ายแค่ 10 บาท กลับต้องจ่ายครั้งละ 200 บาท แพงกว่าค่าตั๋ว
รถกลับบ้านซะอีก แล้วรัฐบาลที่เลือกตั้งมา ไม่มีใครแก้ปัญหานี้เลยย

ขับรถก็เหี้ยมากกกกกก เวลาเราขี่มอเตอร์ไซตามหลังรถแดงอ่ะ
นึกจะเบรกก็เบรก นึกจะจอดไหนก็จอด เจอแม้กระทั่งหักรถ
เข้าๆ ออกๆ ริมฟุตบาท เกือบจะชนอยู่แล้ว ทำไมไม่แก้พวกนี้ซักที
ให้มันไปสอบใบขับขี่ใหม่ แล้วไม่ใช่สอบแบบบุคคลทั่วไปนะ
เอาแบบมีคนขับรถตาม แล้วมีคนโบกรถ ทดสอบแม่งไปเลย
ถ้าแม่งเลี้ยวเข้าไปจอดแบบหักปุบปับ ปรับสอบตกไปเลย
รถจะชนกันก็เพราะมันนี่แหละ 555555555555555555555

รถสาธารณะ โดนบังคับให้นั่งรถแดง ครั้งละ 200 บาท เกินไปมาก
ปัจจุบันมีรถเมล์วิ่งเป็นเส้นทาง ตลอดสาย 20 บาทรึไงนี่แหละ
ถ้าไม่ใช่รัฐบาลทหาร สิ่งนี้ ไม่มีวันเกิดขึ้นที่เชียงใหม่ รถสาธารณะ
ที่ช่วยลดการจราจรที่แออัด มันควรมีตั้งนานแล้ว แต่มันเกิดไม่ได้
เกิดไม่ได้มาทุกยุคทุกสมัย เราถึงมองว่า จริงๆ รัฐบาลทหารก็มีข้อดี
คือ พวกมาเฟียท้องถิ่น ใช้อำนาจไม่ได้มาก อะไรเจริญๆ ก็เข้ามาหมด
เรากลับมองว่า มันเป็นเรื่องดี เหลือแค่ส่งเสริมให้คนหันไปใช้
บริการรถสาธารณะให้มากขึ้น เพื่อนเราที่อยู่ที่เชียงใหม่ก็เริ่มใช้แล้ว
ปั่นจักรยานไปทำงาน เอาจักรยานขึ้นรถเมล์ได้ด้วย ลดค่าใช้จ่าย
ต่อเดือนลงไปมากๆ

ส่วนพรรคการเมืองไหน ชูเรื่องรายได้ขั้นต่ำ 400 บาทขึ้น 
เราไม่เลือกแน่นอน มันกำลังจะทำให้ประเทศกลายเป็นแบบเวเนซูเอล่า
รัฐเลี้ยงประชาชน ผลสุดท้ายประเทศล่มสลาย ส่วนคนหาเช้ากินค่ำ
เลือกพรรคพวกนี้แน่นอน เพราะตัวเองอยากได้เงินเยอะๆๆ
นี่คือปัญหาหลัก คือ คน ของประเทศเรา คนเราแตกต่างกันมาก
มองไม่รอบด้าน ถ้าค่าแรงขึ้น ค่าครองชีพก็จะขึ้นตามมโหฬาร
คนชนชั้นกลางที่มีเงินเดือน ก็แทบจะตายไปพร้อมกับคนจนทันที
แทนที่ข้าวจะจานละ 20-30 บาทเหมือนเมื่อก่อน ทุกวันนี้ ต่ำๆ
จานละ 40-50 บาทเข้าไปแล้ว ถ้าค่าแรงขึ้นอีก ไม่ปาไปจานละ
50-60-100 บาทเลยหรอ?

แก้ปัญหาคนจน ไม่ควรแก้ที่รายได้ แต่ควรแก้ที่การใช้จ่ายของเขา
คนจนประเทศเราเป็นประเภท จนแล้วไม่เจียม ก็ต้องพูดมันตรงๆ นี่แหละ
นอกจากไม่มีเงินแล้ว ยังเสือกผลิตลูกหลานเยอะอีก หาเงินได้เท่าไหร่
มันก็หมด ทางแก้ ร.9 เคยให้ไว้แล้ว เศรษฐกิจพอเพียง ชูขึ้นมาสิ
เอากลับเข้ามา ดำเนินการอย่างจริงจัง สอนการบริหารการเงินให้เขา
คนจน จนได้ แต่ก็อยู่อย่างคนจนนั่นแหละ อย่าไปกินหรูอยู่แพง
อวดได้อวดมีอย่างคนอื่นเขา ใช้เงินให้ประมาณตน ใช้ชีวิตให้พอเพียง
มันอยู่ได้อยู่แล้ว

เราจะยกตัวอย่างแรงงานพม่าที่เพื่อนเราเคยไปเป็นหัวหน้า
ค่าใช้จ่ายเขาแทบจะ 0 บาท ส่งเงินกลับบ้านที่พม่าได้เป็นแสนๆ
กลางวันกินข้าวที่ไร่ เช้าและเย็นเก็บผักตามขอบรั้วบ้านมาแกงกินเอง
เพื่อนเรายังตกใจ "กูทำงานแทบตาย เงินเก็บกูน้อยกว่าแรงงานในสวน
ทั้งที่เงินเดือนกูก็เยอะกว่านะ" แค่รู้จักพอเพียง พอประมาณ มันอยู่ได้
นี่คือกลุ่มตัวอย่างที่ดี เรื่องการใช้ชีวิตให้พอดีกับเงินที่มี

คนจนไม่ใช่ปัญหา มันไม่มีหรอก ประเทศที่ไม่มีคนจน
มันมีทุกประเทศนั่นแหละ เพียงแต่เขาใช้ชีวิตกันยังไงมากกว่า
อย่างที่เยอรมันที่แฟนเราไปมา คนจนเขาเก็บขวดไปใส่ตู้รีไซเคิล
เขาได้ตั๋วซื้อสินค้าเป็นจำนวนเงินเท่าที่เอาขวดใส่ลงไป สามารถ
ใช้จ่ายตามร้านค้าต่างๆ ได้เลย วันนึงๆ แทบจะไม่ต้องทำอะไร
แค่ไล่เก็บขวดตามท้องถนนเอาไปทิ้งเอง ได้ตั๋วแทนเงินสด
เอาไปใช้จ่ายได้ตลอด อยู่กินง่ายๆ มันไม่มีปัญหาอะไรหรอก

เรามองว่า คนจนบ้านเรา ต้องปรับการใช้ชีวิต หน่วยงานรัฐ
ที่ว่างๆ มันก็มี ทำไมไม่ออกตระเวนไปตามหมู่บ้าน สอนการใช้ชีวิต
ให้เขา เป็นวาระใหญ่ของประเทศไปเลย ไม่ต้องไปเพิ่มเงินให้เขา
ขูดรีดเงินจากเจ้าของบริษัท โรงงานต่างๆ มันจะทำให้คนตกงาน
มากขึ้นเสียเปล่าๆ เจ้าของบริษัท โรงงานเขาไม่ได้รวยทุกคน
เขาแบกหนี้สินกันเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน เขามีหนี้รอใช้
เพิ่มฐานเงินขั้นต่ำ -> ประชาชนตกงานมากขึ้น -> ค่าครองชีพสูงขึ้น
ทำแบบนี้ คนจนจะตายกันหมดทั้งประเทศมากกว่า

พรรคไหนบอก คนจนจะหมดจากประเทศ เราบอกเลย "ตอแหล"
ประเทศที่เจริญแล้วเค้ายังไม่คิดจะเอามาแก้เลย คนจนมีทุกประเทศ
ไม่ใช่ไม่มี แต่เค้าเลือกที่จะทำอย่างอื่นมากกว่า ให้คนกลุ่มนี้
อยู่ได้ โดยที่ไม่เดือดร้อน จากจำนวนเงินที่มีในมือ

คนจนต้องถูกคุมกำเนิด ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ใส่ห่วง กับทำหมันชั่วคราว
อะไรไปก็ได้ คนพวกนี้ รู้จักถุงยาง แต่ไม่คิดที่จะซื้อ เพราะ "เอาไม่มัน"
ถุงยางก็ราคาสูงเกินไปสำหรับคนกลุ่มนี้ เขาเลยเลือกที่จะไม่ใช้
ละก็พวกนักสิทธิมนุษยชนทั้งหลายทั้งแหล่ ถ้ามาต่อต้งต่อต้านนะ
มึงกล้ารับเลี้ยงลูกหลานพวกนี้เองไหม? ถ้าไม่ก็หุบปากไปเลย
แหกปากแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง แก้ปัญหาก็ไม่ได้ รั้นแต่จะสร้างปัญหา
ให้พอกพูนขึ้นไปอีก คนจนนอกจากใช้เงินไม่เจียมแล้ว
ยังเป็นพวกทำอะไรไม่คิด พอท้องไม่พร้อม มีลูกทั้งที่ยังเด็ก
ก็มีแต่เพิ่มประชากรคนจนให้มากขึ้นไปอีก ในเมื่อทำอะไรไม่คิด
สิทธิในการใช้ชีวิตก็ต้องถูกจำกัดลง จนกว่าคุณจะพร้อม
เราคิดแบบนี้มากกว่า ลดปัญหาใหญ่ๆ ของประเทศไปเป็นกระบุงแน่ๆ

ปัญหาบ้านเมืองเรามันเยอะ มันอิรุงตังนัง ขยะใต้พรมเยอะ
ใต้โต๊ะก็เยอะ ทุจริตก็เยอะ เช้าชามเย็นชามก็เยอะ เยอะทุกส่วน
พวกการศึกษาก็อีก เหมือนเคยเขียนไปแล้ว แต่มันก็มีเรื่องให้คิด
แค่หาคนที่จะมาเป็นครู ที่มีความเป็นครู จะมีถึง 1% ไหมก็ไม่รู้
คนไม่เก่ง คนไม่มีความเป็นครู ออกมาเป็นครู เป็นอาจารย์
เต็มไปหมด อนาคตของชาติมันสำคัญมากๆ นะ โอเน็ตเอเน็ต
ยกเลิกไปเถอะ ให้เด็กมันสอบ เอ็นทรานส์แบบเดิมน่ะดีแล้ว
มหา'ลัยจะได้ได้คนที่มีคุณภาพด้วย เราว่ามันชัดเจนมากๆๆ
คุณภาพของคน 2 กลุ่มต่างกันมาก สมัยที่เราเรียน ป. ตรีอ่ะ

เรา แฟน และคนระดับทอปๆ ของคณะวิศวะ เป็นกลุ่มคนที่
สอบติดตั้งแต่โควต้า คือ แทบจะไม่มีปัญหาในการเรียนเลย
เกรดที่โรงเรียน และเกรดในมหาวิทยาลัย อยู่ในระดับเดียวกัน
เรามาจากจังหวัดอื่น แต่เป็นโรงเรียนหัวกะทิประจำจังหวัด
(ยุคนั้น โรงเรียนเราติดทอป 10 ของประเทศ น่าจะอันดับ 3 นะ)
เกรดเราในโรงเรียนเท่าไหร่ ในมหาวิทยาลัยก็เท่าๆ กัน
ก็เกรดตามประสาพวกไม่อ่านหนังสือ 3.++ 55555555
ถ้าอ่านจริงๆ จังๆ ก็ 4.00 แบบไม่คิดอะไรมาก 5555555

เอาจริงๆ บางวิชาเราก็ 100 เต็ม A แบบ ไม่มีข้อถกเถียงด้วย สบายๆ
ส่วนแฟนเรา เป็นพวกหางมังกร เกรด 2 ปลายๆ ของโรงเรียนระดับทอปภาค
พอเข้ามาเรียนในคณะ ก็เกรด 2 ต้นๆ เพราะวันๆ เอาเวลาไปทดลอง
โน่นนี่นั่นทำอย่างอื่นหมด ฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรียน 55 (แต่น่ารักนะ)
ส่วนกลุ่มคนที่ติดแอดมิดชั่น ส่วนใหญ่กระท่อนกระแท่นมาก
ต้องมาพึ่งพา มาให้พวกที่ติดโควต้าสอนให้ตลอดช่วงใกล้สอบ
บางคนเรียนไม่ไหว ก็รีไทน์ออกไปตั้งแต่ยังไม่หมดเทอม

เราเลยมองว่า ให้สอบเอ็นทรานส์แบบเดิม ดีมากๆๆ อยู่แล้ว
และมันก็จะไม่ได้จำกัดช่วงอายุของคนที่เข้าเรียน แค่เด็ก ม.ปลายด้วย
คนวัยไหนๆ ก็สามารถเข้าเรียนได้ทั้งหมด มันยุติธรรมดี
และโรงเรียนรอบนอก ก็ควรที่จะจัดสอบระดับความสามารถ
ของเด็กด้วย รุ่นเรา รร.เรายกเลิก จริงๆ ควรให้เด็กเก่ง
ไปอยู่รวมกัน เด็กไม่เก่งก็แยกกันไปเลย อยู่ระดับเดียวกัน
ถ้ามันจะดี มันก็ดีของมันเอง ถ้ามันไม่ดี มันก็พากันลงเหวเอง
ตอนเราเรียน พวกไม่เก่งก่อเรื่องทุกวัน แทบจะไม่ได้เรียน
ก่อกวน ครู อ. ตลอดเวลา แถมพาลเก่งอีก แถมทำข้าวของเสียหาย
คนชดใช้ก็เป็นทั้งห้อง คนก่อเรื่องก็ไม่สำนึกผิด ก็ก่อเรื่องอีก
บรรยากาศในห้องเรียนมันไม่อำนวยต่อการเรียนรู้จริงๆ

อีกอย่างที่สำคัญที่สุด ครูและอาจารย์ จะได้สอนได้ง่ายๆ ด้วย
พวกเก่งๆ สอนนิดหน่อยเขาก็ได้แล้ว สอนสบายๆ ก็เข้าใจ
พวกไม่เก่ง มันระดับเดียวกัน ครูและอาจารย์ก็ปรับการสอน
ให้เข้ากับคนกลุ่มนี้ มันจะง่ายกว่ากันมาก และเด็กไม่เบื่อด้วย 
พวกไม่เก่ง พอเอามาปนกับคนไม่เก่ง คนเก่ง มันเบื่อนะ
ง่ายแค่นี้ แม่งยังไม่เข้าใจกันอีก เราก็รู้สึกแบบนั้นในห้องเรียน
เรียนพิเศษก็เรียน แม่งก็ยังมาให้เราสอนซ้ำในห้องเรียนอีก
มันน่าเบื่อ สอนง่ายๆ ก็ไม่เข้าใจ ต้องอธิบาย ยกตัวอย่างเทียบ
กว่ามันจะเข้าใจ คือ สมองมันต่างกันมาก จนมันรู้สึกน่าเบื่ออ่ะ
(สาเหตุที่ไม่อยากเป็นครูก็เพราะอย่างนี้แหละ รำคาญ 555)

ส่วนตัวอย่างของเด็กไม่เก่ง ที่อยู่ปนกับเด็กเก่ง เป็นกลุ่มเณร
ที่เมื่อก่อนเราไปเล่นเกมเจอ ก็ฟังเด็กๆ บ่น เรียนไม่เก่งจนโดนไล่ออก
พอถามไปๆ มาๆ คือ ครูสอนไม่รู้เรื่อง สอนอะไรก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ
มันอาจจะลำบากพวกครูนะ ที่ต้องเตรียมการสอนแยกกันในช่วงแรก
พวกเก่งสอนอย่างนึง พวกกลางๆ สอนอย่างนึง พวกไม่เก่ง
สอนอีกอย่างนึง ลำบากแค่ช่วงแรกๆ แต่สุดท้ายจะชินเอง

การแยกระดับการสอนตามความเข้าใจ ความสามารถของเด็ก
จะทำให้เด็กเรียนรู้ได้ดีมากขึ้นทุกระดับ การเรียนการสอนไม่เน้นจำ
เน้นความเข้าใจ พอเขาเข้าใจ เขาจะเอามันไปประยุกต์ได้
ตรงนี้เราแยกได้ตั้งแต่ตอนที่สอนเพื่อนเรา ตอน ม. 2 แล้วแหละ
อธิบายตามฉบับคนเก่ง ไม่เข้าใจ อธิบายตามฉบับคนกลางๆ ไม่เข้าใจ
ต้องอธิบายแบบสาธยายเล่าเป็นเรื่องๆ เป็นฉากๆ ถึงเข้าใจ
ที่เพื่อนให้สอนให้เพราะเราได้คะแนนเต็มตอนสอบ ครูให้ยืนขึ้น
หลังคะแนนออก เรานั่งหลังสุดของห้อง และกำลังฟุบโต๊ะอยู่ 5555
ลบภาพเด็กหลังที่ไม่เอาไหนทิ้งได้เลยนะ 555555555555555555

จะว่าไป พ่อเราน่าจะไปลง สส. เมื่อซัก 20 ปีก่อน ป่านนี้
พวกระบบการศึกษาอะไรพวกนี้ คงเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว
ระบบการศึกษาเท่าต่างชาติในปัจจุบันด้วยซ้ำ แต่ว่า
มันก็เป็นที่ยุคสมัยด้วย พ่อเราเสียงไม่ดังพอ และไม่เข้าหาอำนาจ
มันก็เลยได้แต่เสนออะไรลอยๆ 

พูดถึงเรื่องเลือกตั้ง ที่ไปเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เขตเลือกตั้งโคตรวุ่นวาย คนโคตรเยอะ ระบบระเบียบไม่มีเลย
เราถึงขั้นสละหนังหน้าตัวเอง ทั้งปีนเสาอาคาร ทั้งตะโกนจัดแถว
ของเขตเรา คือตอนแรกเรียกเจ้าหน้าที่มาช่วยแล้ว แต่คำตอบจุกมาก
"เจ้าหน้าที่ไม่ดูแลข้ามเขตครับ เขตใครเขตมัน" เห้ยยยยยยย
กกต. ต้องดูแลความเรียบร้อยเว้ย ไม่ใช่ให้มันอิรุงตุงนังแบบนี้
พ่อเราก็เคยเป็นประธาน กกต. ดูแลตามหน่วยเหมือนกัน
มันไม่วุ่นวายแบบนี้ หน้าที่คุณคือ อำนวยความสะดวกให้ประชาชน
ไม่ใช่ปล่อยประชาชนดูแลกันเอง คนมันร้อยพ่อพันแม่เว้ยเห้ย
เข้าใจว่ามันคุมยาก แต่มันก็ต้องทำให้เป็นระเบียบหน่อยไหม

พอเราปีนเสา ตะโกนจัดแถว เจ้าหน้าที่ถึงแห่กันมาช่วยจัดแถว
คือ เรายืนรอมา 2 ชม.แล้วยังไม่ได้เลือกไง ทำไมอ่ะหรอ?
เพราะพวกเห็นแก่ตัว แทรกแถวกันตลอด 2 ชม.ไง แถวมันเลยไม่ขยับ
แล้วแถวมันยาวมาก จุดที่คนแทรกแถว คือ บริเวณเสาที่เราขยับไปถึง
มันมาแทรกกันตรงนั้นตลอด 2 ชม.ที่ผ่านมา จากระยะทางที่เราอยู่
กับคูหา มันห่างกันแค่ 30 กว่าคน มันไม่ควรจะนานแบบนั้นไง

พอจัดแถวใหม่ทั้งหมดแล้วอ่ะ มันก็ไม่วาย มีเด็กอายุประมาณ 18-19
2 คน เดินมาถามหาจุดเลือกตั้ง เราก็บอก "ไปต่อแถวสิคะน้อง"
แทนที่จะเดินไปต่อท้ายแถว น้อง 2 คนยืนตีเนียนอยู่ตรงเสาเจ้าปัญหา
นั่นแหละ เราหมดความอดทน เราตะโกนไล่ให้ไปต่อท้ายแถว
"ปลายแถวอยู่เลยประตูทางออกค่ะ ไปเลยสิคะ ยืนรอทำไมคะ"
คงอายไม่น้อย แต่เราอ่ะ ไม่ไหวแล้ว คนอื่นยืนกันมา 2 ชม.แล้ว
นี่อะไร เด็กพวกนี้ เห็นแก่ตัว อยากเห็นอนาคตของประเทศ
แค่สันดารตัวเองมันยังไม่ยอมแก้ไขให้มันดี ประเทศมันจะมีอนาคตได้ไง

ระเบียบวินัยก็ไม่มี แถมยังเห็นแก่ตัวเอง มาทีหลังดันอยากเลือกก่อน
พูดแล้วก็โมโหไม่หาย ไม่ต้องพูดถึงคนที่ตามๆ หลังเรานะ
ยิ้มร่ากันหมดตั้งแต่เราปีนเสา จนเจ้าหน้าที่มาช่วยจัด แถมยังตะโกน
ไล่เด็กแทรกแถว 2 คนนั่นอีก มันต้องโดนคนอย่างเราด่านี่แหละ
มันถึงจะได้อาย หัดไปต่อแถวเป็นกับคนอื่นเขาบ้าง

นั่งพิมพ์มานานมาก 5555 ถือว่าเป็นการบ่นวาระใหญ่ประจำ blog
เข้ากับกระแสการเมืองหน่อย เรื่องการเลือกตั้งนี่ โมโหจริงจังมาก
เรารอ 2 ชม. พ่อแม่เพื่อนสนิทเรายิ่งร้าย ยืนรอ 3 ชม. เจ้าหน้าที่ให้
คนมาแทรกเรื่อยๆ จนไม่ได้เลือกอ่ะ สุดท้ายแทบจะถอดรองเท้า
ปาตีหัวกันกับเจ้าหน้าที่ ทำงานได้ทุเรศสุดๆ นี่ถ้าเราอยู่ จังหวัดนั้น
รับรอง เจ้าหน้าที่ได้หน้าแหกก่อนจะปล่อยคนมาแทรกแน่นอน

ไม่ต้องถามว่าเลือกพรรคอะไรนะ เราก็ไม่รู้จะเลือกพรรคไหนเหมือนกัน
แต่ที่ไม่เลือกแน่ๆ คือ พรรคทหาร คนที่ลงสมัครจังหวัดเรา 
มันเป็นพ่อค้ายาเสพติดที่ไปดึงมาจากพรรคเก่าที่โกงหนีไป ตปท.อ่ะ
เราเลยไปเลือกคนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้จังหวัดเรา
ทั้งที่เป็นคนธรรมดา ไม่มีตำแหน่งการเมือง เราเห็นผลงานมาแล้ว
เขาทำมันได้จริง เป็นรูปธรรม เราเลยคิดว่า อนาคตจังหวัดเรา
เราฝากเขาดูแลดีกว่า เราเลือกแบบไม่สนพรรค เราสนแค่
ผลงานที่เป็นรูปธรรมที่เราเห็นชัดเจนว่าเขาทำมาแล้วจริงๆ มากกว่า
ถ้าจังหวัดคุณผู้อ่านมีคนที่สร้างผลงานดีๆ แม้จะอยู่พรรคเล็กๆ
เราคิดว่า อย่าเสียเวลาคิดให้มากเลย เลือกคนดีๆ ทำเพื่อประชาชน
เข้ามากันดีกว่า อย่าเลือกจากพรรคเลย อย่างน้อย สส.ที่ได้
ก็เป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อจังหวัดของเราอย่างแน่นอน

(ถึงแม้ว่าจะเลือกไม่เหมือนคนทั้งบ้าน โดนพี่ด่าด้วยก็เถอะ
เราก็เลยย้อนถามไป ประชาธิปไตยคืออะไร คือกรูก็มีสิทธิเลือก
คนที่กรูอยากเลือกไม่ใช่หรอ มึงอย่ามาบังคับกรูให้เลือก
คนที่มึงอยากเลือก ให้กรูเลือก งี้มึงก็ไม่เคารพสิทธิของคนอื่นสิ)



Create Date : 20 มีนาคม 2562
Last Update : 20 มีนาคม 2562 3:25:25 น.
Counter : 691 Pageviews.

4 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร

  


สวัสดียามเช้าครับน้องเหม่ง


วันนี้น่าจะเป็นบล็อกที่เนื้อหายาวที่สุดของน้องเหม่งเลย
เท่าที่พี่ก๋าเคยอ่านมา

เนื้อหาก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเราจริงๆนั่นล่ะครับ
และก็จะเกิดขึ้นต่อไป 555
เมื่อวานหมิงหมิงลูกชายพี่ก็ชวนคุยเรื่องเสือดำ

กรณีนี้ก็สะท้อนความจริงทางการเมือง สายสัมพันธ์
และขั้วอำนาจได้ดีที่สุดกรณีหนึ่งเลย

การเมืองมีแต่ปัญหา
เพราะคนที่เข้าไปสู่การเมืองมีปัญหาและตัณหา

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2562 เวลา:6:51:13 น.
  
Princezz Matcha Latte Political Blog ดู Blog
หนึ่งโหวตสำหรับคำว่าไม่เลือกแน่ๆ คือพรรคทหารจ้า

โดย: หอมกร วันที่: 20 มีนาคม 2562 เวลา:9:51:26 น.
  
หวย 30 ล้านพี่ก๋าไม่เคยอ่านข่าวเลยครับ 555
พี่ก๋าไม่เล่นหวย เลยไม่ได้ตามข่าวมาตั้งแต่ต้นครับ

ข่าวการเมืองก็ตามแบบห่างๆ
แต่รู้แน่นอนว่าไม่เลือกพรรคทหาร
5 ปีที่ผ่านมาประเทศก็ถดถอยไปมาก
เศรษฐกิจย่ำแย่

อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2562 เวลา:11:39:26 น.
  
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มีนาคม 2562 เวลา:23:15:04 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Princezz-matcha-latte.BlogGang.com

Princezz Matcha Latte
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด