อัตนัย ปรนัย [สารบัญ] [อ่านบทความอื่น] จากกรณีที่ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติให้ใช้ข้อสอบปรนัย 100% ในการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือเอเน็ต ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิสชั่นส์ ประจำปีการศึกษา 2550 นั้น ก็ได้ก่อให้เกิดความเห็นทั้งสนับสนุน และ คัดค้านตามมาอีกมาก ทั้งจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง คือผู้ที่สอบ และผู้ที่เกี่ยวข้องระดับอื่น ๆ เช่น ญาติ ผู้ปกครอง บุคคลในแวดวงการศึกษา กระทรวงศึกษา ตลอดจนผู้สนใจทั่วไป คิดว่าเรา ๆ ท่าน ๆ ที่อ่านอยู่นี้ก็คงเห็นต่าง ๆ กันไปด้วยเหมือนกัน ประเด็นต่าง ๆ ที่ได้ถูกยกมาเป็นเหตุผลของทั้งผู้สนับสนุน และ คัดค้าน ก็เช่น การวัดความสามารถของผู้สอบ ความยุติธรรม และมาตรฐาน แม้จะมีเหตุอื่น ๆ อีกเช่น ความพร้อม (หรือความไม่พร้อม) แต่ผมว่าที่น่าสนใจก็คือ ความยุติธรรมและมาตรฐาน นั้นสิ มันอยู่ที่ไหน แล้วแต่ละคนตีความเหมือนกัน หรือ ต่างกันอย่างไร จากกรณีสอบ Admissions ครั้งที่ผ่านมานั้น มีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นมาก มากเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ คือไม่น่าเชื่อว่าความพร้อมจะไม่มีได้ขนาดนั้น จนความเสียหายเกิดขึ้นอย่างไม่ควรให้อภัย นั้นแหละ การที่ต้องสอบอัตนัย ก็เป็นประเด็นหนึ่งที่ถูกเพ่งเล็ง และมองว่านี่เป็นปัญหา เพราะก่อให้เกิดความไม่โปร่งใส ความไม่ยุติธรรม และ ความไม่มีมาตรฐานเกิดขึ้น ที่จริงแล้ว เรื่องความยุติธรรมและมาตรฐานของข้อสอบนั้น (ถ้าพูดให้กว้างกว่านี้ก็คือ "การสอบ") ก็พูดกันมานานมากแล้ว ไม่เพียงแค่การสอบ admission นี้เท่านั้น การสอบทุกระดับไม่ว่าจะสอบ ม 1 สอบบรรจุ สอบใบอนุญาติ สอบอะไรก็แล้วแต่ ก็ล้วนแล้วแต่มีข้อครหาว่า มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้หรือไม่ มีมาตรฐานหรือไม่ และยุติธรรมแล้วหรือไม่ เราคงไม่พูดกันว่า อัตนัย หรือ ปรนัยนั้น มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เพราะคิดว่า เราทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า อะไรเป็นอะไร และในเมื่อทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย เราก็ยิ่งไม่สมควรพูดว่า วิธีการสอบแบบไหนดีกว่ากัน และไม่ควรพูดด้วยว่า เราควรจะใช้การสอบวิธีไหนมากกว่ากันด้วย ปัญหาก็คือ เราควรมีวิธีคิด หรือ หลักคิดอย่างไรว่า ณ เวลานี้ เราควรจะทำอย่างไรให้เหมาะสมที่สุด สมมติว่า มีข้อดีกับข้อเสีย ในวิธีการต่าง ๆ เราควรทำให้เกิดข้อดีมากที่สุด และ ลดข้อเสียลงให้มากที่สุดใช่หรือไม่ ถ้าวันนี้การสอบอัตนัย ยังมีปัญหามาตรฐานอยู่ เช่นว่า ใครจะตรวจ เกณฑ์การให้คะแนนเหมือนกันไหมในระหว่างกรรมการคนที่ตรวจแต่ละคน ถ้าอ่านไม่เข้าใจให้เรียกมาถามได้หรือไม่ ถ้าอ่านไม่ออกล่ะทำอย่างไร วิชาก็เรียนมาตั้งเยอะ แล้วถ้าเราจะออกอัตนัยให้ครอบคลุมวิชาให้มาก ๆ นั้นจะทำได้หรือไม่ ถ้ามีสมมติฐานว่า การสอบแบบอัตนัยจะวัดความสามารถโดยรวมได้มากกว่าแล้วล่ะก็ สมมตว่าออกข้อสอบอัตนัยน้อยข้อเกินไป หรือไม่ครอบคลุมวิชากว้างพอ คนที่ทำข้อสอบข้อหนึ่ง ๆ ไม่ได้นั้น แปลว่าเขาไม่มีความสามารถหรือเพราะว่าคนออกข้อสอบไม่มีความสามารถที่จะออกข้อสอบได้กว้างพอ ลองคิดดูนะครับ สมมติว่าออกข้อสอบอัตนัยเพิ่มอีกข้อ เป็นโจทย์อีกลักษณะนึงเลย เด็กคนนั้นอาจทำได้ดีมาก ๆ ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์สมมติอื่น ๆ อีก เช่น ในการทำข้อสอบ physiscs เกิดสมมติว่า ทำผิดหมดเลย แต่ว่าดูแล้ว มีการให้เหตุผลดีมาก ๆ อธิบายได้ว่าทำไมถึงคิดแบบนี้ แบบนี้มีที่ให้คะแนนหรือไม่ และถ้าให้ กรรมการคนอื่นจะเห็นด้วยหรือเปล่า ตรวจข้อสอบเป็นแสนคน กรรมการจะมาคุยกันนั้นเป็นไปได้หรือไม่ การยกประโยชน์ให้ไป จะยุติธรรมกับคนอื่นหรือเปล่า หรือถ้าให้ศูนย์ไปเลย จะยุติธรรมกับคนนั้นหรือไม่ ผมว่านะ ถ้ายังตอบเรื่องพวกนี้ไม่ได้ หรือเกรงว่าจะม่ปัญหาต่อไปในอนาคต ช่วงระยะเปลี่ยนผ่านนี้ เราควรทำให้สิ่งที่ "ไม่ดี" ที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น เป็นศูนย์ คือให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด ดังนั้นการติดสินใจว่าจะให้สอบปรนัย 100% นั้น จึงควรเป็นการตัดสินใจในฐานที่ว่า ยังไม่สามารถจัดสอบอัตนัยอย่างโปร่งใสและมีมาตรฐาน จนเกิดความยุติธรรมต่อทุกฝ่ายได้ และควรจะสำนึกอยู่ด้วยว่า การสอบปรนัยนั้น ก็ไม่ได้ว่าจะดีโดยไม่มีข้อเสีย จึงควรพัฒนาให้เกิดการสอบวิธีอื่นด้วย (เช่น อัตนัย) โดยก่อนที่จะใช้นั้น ต้องทำให้เกิดความโปร่งใส มีแผนการรองรับ เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยในมาตรฐาน จนเกิดปัญหาความไม่ยุติธรรมให้เป็นที่ครหาอีก ข่าวที่เกี่ยวข้อง น.ร.เสียงแตกสอบ"ปรนัย"เอเน็ต100% จากมติชน วันที่ 07 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10376 "จาตุรนต์"ย้ำเอเน็ตต้องมีอัตนัย จากมติชน วันที่ 08 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10377 [สารบัญ] [อ่านบทความอื่น] [หน้าแรก Blog] เห็นด้วยครับว่ายังไม่มีมาตรฐานชัดเจนในการตรวจข้อสอบอัตนัย ทำให้การตรวจอาจจะไม่โปร่งใส และไปในทางทิศเดียวกันได้คงต้องหาหนทางแก้อีกนานเลยครับในเรื่องนี้
โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:16:14:28 น.
กำลังคิดถึงเรื่องมาตรฐานการตรวจข้อสอบอัตนัยอยู่พอดี
ก็ยากเหมือนกันที่จะคุมความคิดและลักษณะการให้คะแนน ของผู้ตรวจทั้งหมดได้ในทิศทางเดียวกัน อย่างการตรวจข้อสอบของนิสิต-นักศึกษา 50-60 คน สำหรับอาจารย์คนเดียวยังยากเลย ถ้าไม่มีความชำนาญ และความเชี่ยวชาญเพียงพอ คิดว่าสำหรับการออกข้อสอบให้นักเรียนมัธยม เพื่อวัดผลความรู้ทั่วไป และที่เรียนมาทั้งหมด นอกจากออกข้อสอบอัตนัยเก่งจริง ๆ ที่โยงใยเชื่อมโยงความรู้ทั้งหมดได้แล้ว เห็นว่าการออกข้อสอบปรนัย จะให้ความหลากหลายและครอบคลุมมากกว่า ซึ่งถ้าจะบอกว่า อยากให้เด็กเก่ง รู้จักเขียน รู้สึกเรียบเรียงความคิดออกมา ให้ได้เป็นเรียงความ บทความแล้ว ก็ขอแนะนำให้เด็ก ๆ มีเรียงความที่ต้องทำ มากกว่าแค่ในวิชาภาษาไทยแบบนาน ๆ ที โดย: หมาเลี้ยงแกะ IP: 124.120.16.235 วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:20:04:14 น.
อันที่จริงก็ต้องบอกว่า
โดยทฤษฎีแล้ว ข้อสอบ choice นี่ มั่วได้ก็จริง แต่ไม่มีทางมั่วได้ถูกหมดหรอก แม้แต่มั่วให้ผิดหมดยังทำไม่ได้เลย สมมติว่าข้อสอบมี choice 5 ตัวเลือก และมี 100 ข้อ ถ้าไม่รู้คำตอบและพยายามจะเดา โอกาสถูกในข้อนั้นคือ 1/5 หรือ 20% โอกาสผิดมี 4/5 หรือ 80% หรือโอกาสผิดมี 4 เท่าของโอกาสถูก ถ้ามั่วหมด 100 ข้อ ก็จะมีโอกาสถูก 20% คือ 20 คะแนน โอกาสผิดหมด 80% จะเห็นว่า ไม่มีทางผิดหมด และไม่ทางถูกหมด การที่มีการตัด choice ได้ ก็แปลว่า คนออกข้อสอบนั้น ออกไม่เป็นเอง โดย: Plin, :-p ตัวจริง ไม่ได้ login IP: 202.28.62.245 วันที่: 9 สิงหาคม 2549 เวลา:13:12:06 น.
การถอดร่าง 1.ทำหลังเที่ยงคืนเท่านั้น 2.จุดธูปไว้หัวนอน3ดอก 3.นอนหลับตาแล้วตั้งสมาธิให้ดี 4.นึกถึงที่ๆเราจะไปเปนอันดับแรก 5.กลั้นหายใจ10วินาที 6.จาดนั้นคุณก้อจะไปในที่ที่คุณต้องการ 7.เมื่อคุณรูสึกว่ากลิ่นธูปเริ่มหายไปให้มองหาแสงสีขาวแล้วเดินเข้าไป 8.ถ้าคุณกลับไปไม่ทันคุณจะกลับไปไม่ได้อีกเลย 9.ถ้าทำเกิน2ครั้งอายุของคุณจะสั้นครั้งละไป99วัน ใครที่อ่านแล้วคิดดูให้ดีน่ะถ้าอยากจะสนุกก้อต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนและนั่นก้อหมายถึงชีวิตของคุณเองนั้นแหละได้มาจากคัมภีย์เขมรโบราณ คำเตือน ผู้ใดที่อ่านแล้วต้องนำไปโพสต่ออีก5ครั้งไม่งั้นอีก7วันต่อไปคุณจะมีอันเป็นไปมีเรื่องของการถอดวิญญาณเพื่อออกจากร่างและคุณจะไปได้ทุกที่ๆต้องการ ....ขอโทษนะ คือเราไปอ่านกระทู้มา เจอแล้วกลัวอ่ะ ใครที่อ่านก็ขอโทษด้วยนะ
โดย: patoo IP: 118.172.225.147 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:25:53 น.
|
บทความทั้งหมด
|