ปัญหามันอยู่ที่ "เงิน" ซื่งเป็นปัจจัยที่ 5 ใช่ไหมนะ
[สารบัญ] [อ่านบทความอื่น]


ปัจจัยสี่ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค

เราก็เรียนแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็คนก็พยายามเติมปัจจัยที่ 5 เข้าไป เหมือนเล่นสำนวน เพราะสุดท้ายคนทั่วไปก็ยังท่องแค่ปัจจัย 4

ไม่ได้ท่องว่าไอ้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับตำแหน่งปัจจัยที่ 5 นี่คืออะไร มันมีตั้งแต่รถยนต์ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต (อันนี้สำหรับผมเลย ) หนังละคร

บางคนก็บอกว่า "เงิน" ไง ปัจจัยที่ 5 อืม พอนั่งคนเขา discuss กันถึงตรงนี้ ก็เลยขอออกปากคุยด้วยว่า "เพื่อน ๆ ครับ ถ้าเพื่อน ๆจะให้เกียรตินับเงินเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตด้วยแล้วล่ะก็ ขออนุญาติจัดอันดับใหม่ครับ"

"ผมว่าถ้าสมัยโบราณก่อนโน้นนะครับ แล้วเพื่อน ๆ เพิ่งจะคิดว่าเงินสำคัญ ผมว่าเพื่อนอยากนับเป็นปัจจัยที่เท่าไหร่ก็ได้ หนึ่งถึงห้า เลือกเอาละกัน แต่ถ้าสมัยนี้แล้วเพื่อนให้ความสำคัญกับเงินมากนะ มากเสียจนเป็นปัจจัยที่ 1 แล้วล่ะก็"

"ผมว่านะ เพื่อนตัดอีกสี่อันทิ้งไปเหอะ มีมันปัจจัยเดียวนี่แหละ"

ไม่ได้เรียกตัวเองว่าเป็นพี่ หรือ เป็นน้อง.... เพราะว่าไม่มีทั้งเงินและทอง (มีเงินเขาเรียกเป็นน้อง มีทองเขาเรียกเป็นพี่) แหะ ๆ

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น สมัยก่อนน่ะเหรอ (แต่คงนานมากแล้วนะ)

ข้าวปลาอาหาร ก็ปลูกเองหลังบ้าน จับปลาเอง บางทีเพื่อนบ้านก็เอามาให้.

เสื้อผ้าเรอะ... โอ้ย ไม่เคยเห็นคนโบราณหรือไง เขาถอดเสื้อทั้งนั้นแหละ ก็มันร้อนนี่นา กางเกงน่ะทอเองเย็บใช้เองก็ได้

บ้านก็นอนถ้ำก็ได้... ปลูกเป็นเพิงหมาแหงนนอนก็ได้... มีแรงหน่อยก็ตัดไม้ปลูกบ้านเอาเอง มีที่ดินเองตามศักดินา ขนาดทาสยังมีศักดินา 4 ไร่เลย

ยา ก็ปลูกเอง ภูมิปัญญาสมุนไพร

เงิน เออ ก็สำคัญนะ ทว่าว่าใช้ไม่เป็นว่ะ สงสัยต้องเอาไปซื้ออาวุธมาใช้มั้ง ไม่ก็ซื้อเครืองประดับที่มันไม่จำเป็น อย่างไรก็ตามสี่อย่างข้างต้นมันก็หาได้โดยไม่ต้องใช้เงิน

แต่มาลองดูสมัยนี้สิ

ใครจะทำนาเองที่บ้านบ้าง ใครจะจับปลาเองบ้าง ไปตลาดซื้ออาหาร ไม่ก็ไปกินข้าวนอกบ้านทั้งนั้นแหละ

ร้อนก็จริง ขืนแก้ผ้าโทง ๆ สิ จะได้โดนจับเอา อยากจะแต่งปอน ๆ เชย ๆ หรือเย็บเสื้อเองก็ไม่ได้อีก โดนคนเขามองกัน สุดท้ายก็ต้องตามกระแสแฟชั่นแบบจำยอมไป แล้วก็ต้องเสียเงินซื้อ

บ้านเหรอ ถึงได้มาฟรีก็ต้องเสียค่าน้ำ ค่าไฟ จะไปตัดไม้มาปลูกเองก็ผิดกฎหมาย

ยาเหรอ ใน รร ไม่ได้สอนหรอกว่า ผลไม้ไทยอะไรใช้เป็นยาได้ ถึงรู้ก็ไม่ได้ปลูกเอง ก็ต้องซื้ออยู่ดี ถ้าอยากได้ยาแผนใหม่ ยิ่งก็ต้องซื้อมาอีก ถึงใช้บัตรประกันสุขภาพก็ต้องเสีย 30 บาท

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ต้องใช้เงินซื้อมาทั้งนั้นเลย ปั้จจัยสี่นั้นเป็นอิสระจากกัน ไม่ขึ้นแก่กัน แต่เงินนั้น ไม่เป็นอิสระจากปัจจัยสี่ข้อแรกและมีความเกี่ยวโยงกันอยู่

ดังนั้น ไม่สมควรเอามานับว่าเป็นหนึ่งในปัจจัย 5 แต่ถ้าให้ความสำคัญมากอย่างนั้น ตัดอีกสี่ข้อไปเลยดีกว่า แล้วนึกเอาว่า จะเอาเงินซื้ออะไรบ้าง (หรือจะฟาดหัวใครบ้าง)

สังคมที่เดินตามกระแสเศรษฐกิจทุนนิยมของโลกนี้ ยิ่งตอกย้ำให้เราเห็นความสำคัญของเงินมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นทุกที

ด้วยเหตุนี้ จึงต้องควบคุมเงินให้ได้ ว่าแต่ควบคุมแบบไหนแง่ไหนล่ะ


บางคนคิดว่า ควบคุมเหรอ ก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดสิ ควบคุมการใช้จ่ายไง ฝากธนาคารไว้ เงินออมเยอะ ภาวะเงินฝืดก็ตามมา

บางคนก็คิดว่าจะต้องหาเงินให้ได้เยอะ ๆ ถึงจะเรียกว่าควบคุมได้ ก็ต้องหาด้วยวิธีการต่าง ๆ กัน ไม่ว่าจะโกงกิน โกงเก็บ เลี่ยงภาษีสารพัด คอรัปชั่น

บางคนก็ว่า เงินน่ะต้องใช้ซื้อของ ซื้อวัตถุไง ถึงมีความสุข ซื้อปัจจัย 4 ข้อแรก และปัจจัยอื่น ๆ ด้วย จับจ่ายเข้าไป คิดว่าควบคุมชึวิตความเป็นอยู่ เพราะนี่คือวัตถุนิยม ... ภาวะเงินออมน้อย การลงทุนใหญ่ ๆ ทำได้ลำบาก

คนบางคนบอกว่า ต้องเป็นเจ้านายของเงิน คือให้เงินทำงานไป ตัวเองนั่งสบาย คิดวางแผนว่า เงินจะไปทำงานอะไรให้บ้าง (ก็แบบพ่อรวยสอนลูก) เช่น การให้กองทุนหมู่บ้าน เอาไปซะ เอาเงินไป เอาไปทำให้เกิดประโยชน์ ทุกคนคงทราบแล้วใช้ไหมว่าสุดท้ายแล้วกองทุนนี้มีสภาพอย่างไร

เอาล่ะ คิดว่าทุกคนคงควบคุมเงินตามวิธีของตนเองอยู่ มีหนังสือเกี่ยวกับความรู้ทางการเงินออกมามากขึ้น ช่วยให้เรามีความเข้าใน และมีการวางแผนทางการเงิน และเราเชื่อว่า ทุกคนก็ทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองอยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นเกิดอะไรขึ้น

ทำไมถึงเกิดปัญหาขึ้นได้ล่ะ ทำไมคนถึงเป็นทุกข์กัน

คงไม่ผิดนักถ้าจะโทษว่า ก็เพราะการที่เห็นว่ามันมีความสำคัญ สำคัญมากไปหน่อยแล้ว นั่นยังไม่ร้ายแรงเท่าการขาดสติ

ที่แท้แล้วการควบคุมเงินให้ได้ และเป็นนายเหนือมันที่แท้จริงนั้น คือ การควบคุมสติ และ ควบคุมความโลภ และของตัวเองให้ได้ต่างหาก ถ้าควบคุมได้ก็จะมีปัญญาในการแก้ปัญหา หรือ เผชิญหน้ากับเงิน ไม่ว่าจะเป็นการหาเงิน การเก็บเงิน การใช้เงิน

เพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับ "เงิน" มากไปกว่าอย่างอื่นนัก และไม่ได้ให้มีความสำคัญเป็นปัจจัยที่ 5

เพียงแต่มีสติว่า มันเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งที่จะได้มาซึ่งปัจจัย 4 เท่านั้น


และไม่คิดโง่ ๆ ตื้น ๆ เพียงแค่ว่า เงินจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง

เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็จะไม่ได้ต้องการเงินมากเกินจำเป็น ไม่โลภ มีมีคนขายเสียงเลือกตั้ง ไม่มีการคอรัปชั่น ไม่มีการเอาเปรียบ ไม่มีการเลี่ยงภาษี กฎหมายจะยุติธรรมขึ้น

จะมีการบริจาคมากขึ้น

และจะมีรอยยิ้มมากขี้น

และคนก็จะสนิทกันมากขึ้น ไม่เกลียดกัน

และถ้าคิดได้นานแล้ว คงไม่มีคนมาตะโกนพร้อมกันว่า "ออกไป.... เอ้อ ใครนะ"



[สารบัญ] [อ่านบทความอื่น]
[หน้าแรก Blog]



Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 31 สิงหาคม 2549 21:22:10 น.
Counter : 1228 Pageviews.

1 comments
อุ้มสีมาทำบุญ ๙ วัด ในวันขึ้นปีใหม่ที่จ.อุบลราชธานี อุ้มสี
(3 ม.ค. 2567 19:10:02 น.)
สวัสดีปีใหม่ Rain_sk
(1 ม.ค. 2567 21:38:33 น.)
The Last Thing on My Mind - Tom Paxton ... ความหมาย tuk-tuk@korat
(1 ม.ค. 2567 14:50:49 น.)
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
  
โดย: โสมรัศมี วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:59:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Plin.BlogGang.com

Plin, :-p
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]

บทความทั้งหมด