มนตร์อัปสรา





วราลี สาวเจ้าของร้านเบเกอรี่ ถูกญาดาพี่สาว ตามตัวให้ไปพบที่กาสิโนในปอยเปต ประเทศกัมพูชา หญิงสาวได้รู้ความจริงว่า พี่สาวเป็นหนี้บ่อนการพนันอยู่ถึงสิบล้าน มิทันจะได้หันหน้ามาช่วยกันแก้ปัญหา พี่สาวก็หนีหายไปเสียก่อน ทิ้งให้เธอตกเป็นตัวประกัน ทำงานขัดดอกในบ้านอเล็กซ์ หนุ่มรูปหล่อเจ้าของกาสิโนจนกว่าจะตามตัวญาดากลับมาจัดการเรื่องหนี้สิน

ในดินแดนอารยธรรมโบราณ วราลีซึ่งมีสัมผัสพิเศษในสิ่งลี้ลับ ได้เห็นภาพและรับรู้เรื่องราวรักสามเส้าแต่ครั้งอดีตกาลของกษัตริย์ขอม องครักษ์หนุ่มและอัปสราวลัย-นางรำสาวงาม ซึ่งลงเอยด้วยแรงแค้นและคำสาปที่ผูกพันต่อเนื่องมา วราลีและอเล็กซ์ตกอยู่ในวังวนของคำสาปนี้ด้วย แม้จะรู้เงื่อนงำของคำสาปและหนทางแก้ไข แต่ปมเวลาที่กระชั้นเข้ามาก็ทำให้ทั้งคู่ตกอยู่ในช่วงเวลาระทึกขวัญพรั่นพรึง...







บทที่ 1

อาคารทันสมัยกว่าสิบชั้นที่ตั้งตระหง่านติดถนนใหญ่ ดูโดดเด่นท่ามกลางอาคารอื่นด้วยกระจกสีน้ำเงินเข้มด้านหน้าที่เรียงต่อกันจนกลายเป็นกระจกเงาบานใหญ่ สะท้อนแสงแดดอ่อนๆยามเช้าเป็นประกายวิบวับราวกับผืนน้ำเป็นมันเลื่อมพราย

พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากต่างลากรถบรรทุกของตัวผ่านถนนขนาดสี่เลนที่มุ่งสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างไม่ขาดสาย เพื่อนำสินค้าข้ามไปขายยังตลาดโรงเกลือในฝั่งอรัญประเทศ สวนทางกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลายคนที่แบกเป้ หิ้วกระเป๋ามุ่งหน้าสู่ด่านตรวจคนเข้าเมืองทางกัมพูชา

วราลีเบือนสายตาจากภาพความสับสนวุ่นวายบนท้องถนนกลับมายังภาพหญิงสาวร่างอวบอิ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มที่กำลังมองตอบเธออย่างตื่นๆผิดกับท่าทางสงบเยือกเย็นภายนอกแล้วต้องถอนใจเบาๆ ก่อนเหลือบมองป้ายตัวหนังสือภาษาอังกฤษขนาดใหญ่บนเสาข้างตัวอาคารซึ่งติดดวงไฟหลากสีไว้โดยรอบอีกครั้ง

‘บลูไดมอนด์คาสิโน’

หญิงสาวทวนชื่อสถานที่ตรงหน้า สูดลมหายใจเข้าเต็มที่เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง มือกำสายเป้สะพายหลังแน่น แล้วเดินขึ้นบันไดสี่ขั้น ผ่านประตูกระจกอัตโนมัติเข้าไปปะทะกับอากาศเย็นฉ่ำด้านใน

ห้องโถงที่ตกแต่งอย่างทันสมัยราวกับโรงแรมหรูกลางกรุงทำให้หญิงสาวคลายใจลง ความกังวล เกรงว่าจะเจอนักเลงหน้าเหี้ยมยืนคุมบ่อน มีนักพนันออกันอยู่ตามโต๊ะพนัน ทุ่มเทกับการเล่นเกมอย่างหน้าดำคร่ำเคร่งหรือมีควันบุหรี่ลอยโขมงเหมือนที่เคยเห็นในละครมลายไป

วราลีถอดหมวกแก๊ปออกตามที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเตือน ปล่อยให้ผมสีดำยาวสลวยทิ้งตัวลงมาถึงกลางหลัง ก่อนเดินผ่านเครื่องตรวจอาวุธ ไปหยุดอยู่กลางทางเดินโล่ง

เบื้องหน้าเป็นเคาน์เตอร์ใหญ่ มีพนักงานสาวสองคนในชุดสูทสีน้ำเงินยืนยิ้มหวาน ต้อนรับแขกต่างประเทศอย่างขะมักเขม้น ขวามือเป็นห้องโถงอีกห้องซึ่งมีตู้สล็อตแมชชีนตั้งเรียงแถวเป็นระเบียบ ภายในมีผู้คนค่อนข้างบางตา

หญิงสาวชะเง้อมองอย่างสนใจ กำลังคิดว่าจะเดินเข้าไปดีหรือไม่ สาวสวยร่างสูงโปร่งคนหนึ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้สไตล์ฝรั่งเศสทางซ้ายมือที่เธอไม่ทันสังเกตในตอนแรก ตรงเข้าคว้าแขนของเธอไว้เสียก่อน เจ้าหล่อนลากเธอออกมาทางฝั่งตรงกันข้ามผ่านเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ โดยไม่สนใจว่าเธอจะตามทันหรือไม่ ก่อนผลักเธอเข้าไปในลิฟต์ตัวหนึ่งซึ่งเปิดออกพอดี

หญิงสาวผู้นั้นบอกพนักงานหนุ่มในลิฟต์ให้กดชั้นหก ขณะที่นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยส่งสัญญาณเตือนไม่ให้เธอเอ่ยปาก

เมื่อถึงชั้นที่ต้องการ...เธอก็ถูกฉุดข้อมือไปตามทางปูพรมสีแดง ผ่านห้องพักที่สร้างหันหน้าเข้าหากัน เดินไปจนเกือบสุดทาง กว่าจะหยุดลงที่หน้าประตูห้องหนึ่ง

เข้าไปด้านในได้ คนถูกลากมาตลอดทางก็สะบัดข้อมือตัวเองออกจากการเกาะกุม หยุดยืนอยู่กลางห้อง โยนเป้ลงบนเตียง แล้วหันมาเล่นงานคนที่เพิ่งปิดประตูเสร็จทันที

“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ จู่ๆพี่ตาลก็โทรเลขบอกให้เตยรีบมาที่คาสิโนด่วน”

หญิงสาวนิ่วหน้า คิ้วโก่งเรียวขมวดเข้าหากัน นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลมองพี่สาวอย่างอัดอั้น

“รู้มั้ยคะว่าตอนอ่านโทรเลข เตยเป็นห่วงพี่แค่ไหน เตยกลัวไปสารพัด กลัวว่าพี่ตาลจะเป็นอะไรไป กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนพี่ต้องให้ใครโทรเลขตาม แต่นี่...”

คนเป็นน้องกวาดตามองสภาพห้องพักอันหรูหรา มีเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ก่อนตวัดสายตามาหยุดลงที่ใบหน้ายิ้มจืดของพี่สาวซึ่งพยายามสบตาเธออย่างออดอ้อนเช่นทุกครั้งยามเจ้าตัวกระทำผิด แล้วต้องเม้มปากแน่น

“พี่ตาลตามเตยมาใช้หนี้อีกแล้วใช่มั้ยคะ” วราลีถามตรงเป้า

กี่ครั้งแล้วที่ญาดาก่อเรื่องให้เธอต้องเป็นห่วง คอยตามแก้ปัญหา ซึ่งทุกครั้งเจ้าตัวก็จะรับปากแข็งขันว่าจะไม่ทำอีก จะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น หากไม่เลย...ญาดายังคงทำตัวไม่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนเช่นเคย และพอเกิดเรื่อง เจ้าตัวก็จะโทรตาม หรือจดหมายมาขอร้องให้เธอช่วยเหลือ เพียงแต่อีกฝ่ายยังไม่เคยใช้วิธีโทรเลขเรียกตัวด่วนเช่นนี้

ข้อความสั้นๆซึ่งไม่ระบุอะไรเลยทำให้เธอกังวลกับความปลอดภัยของพี่สาวมาก จนต้องปิดร้านเบเกอรี่ของตัวเองอย่างฉุกละหุก สั่งงานให้เด็กในร้านดูแล ก่อนจะรีบเดินทางมาปอยเปตทันที

ใบหน้าสวยค่อนข้างเรียวกว่าน้องสาวทำหน้าสำนึกผิด แววตาที่เคยเป็นประกายสดใสสลดลง พูดเสียงอ่อยว่า

“พี่กลัวเตยจะไม่มา เลยต้องทำแบบนี้”

คำพูดที่ได้ยิน ทำให้คนถูกหลอกโกรธจนน้ำตาคลอ น้ำเสียงที่พูดต่อไปจึงสั่นเครือด้วยอารมณ์ภายใน

“พี่ตาลบอกเตยดีๆก็ได้นี่คะ ถึงยังไงเตยก็ต้องช่วยพี่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่พี่จะต้องใช้วิธีนี้หลอกให้เตยเดินทางมาที่นี่”

“พี่ขอโทษ...”

ญาดายอมรับผิดแต่โดยดี เหลือบมองน้องสาวอย่างเกรงๆ เห็นว่าอีกฝ่ายยังยืนนิ่ง กอดอกมองไปทางอื่น ด้วยท่าทางที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ก็ต้องถอนใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะทำเรื่องให้น้องสาวคนเดียวเสียความรู้สึกถึงเพียงนี้

แต่ญาดาก็คือญาดา...หญิงสาวปัดความรู้สึกผิดนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ปั้นหน้ายิ้มหวาน พร้อมกับตรงเข้าลูบแขนอีกฝ่ายซึ่งเริ่มมีท่าทีสงบลง พาไปนั่งบนโซฟาตัวยาวริมหน้าต่างบานใหญ่อย่างเอาใจ เพราะรู้ดีว่าเจ้าตัวใจแข็งกับเธอได้ไม่นาน อ้อนสักพักก็ใจอ่อน หายโกรธเหมือนทุกครั้ง

“นั่งลงก่อนนะจ๊ะ เดินทางมาเหนื่อยๆ พักดื่มน้ำเย็นให้ชื่นใจดีกว่า”

ญาดากดไหล่น้องสาวให้นั่งลงบนโซฟากำมะหยี่สีเขียวเข้ม ก่อนกุลีกุจอไปรินน้ำในตู้เย็น ยกมาเสิร์ฟน้องสาวถึงที่ คะยั้นคะยอให้เจ้าตัวดื่ม ดับกระหายและอารมณ์โกรธ

“เช็ดหน้าเช็ดตัวสักหน่อยจะได้อารมณ์เย็นจ้ะ” คนเป็นพี่ยังคงเอาใจ รีบยื่นผ้าเย็นที่คว้ามาจากตู้เย็นส่งให้น้องสาวด้วย และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับไปแต่โดยดี ทั้งมีสีหน้าท่าทางผ่อนคลายลงมาก เจ้าตัวก็ต้องลอบอมยิ้ม

วราลีถอนใจยาว ตวัดตาค้อนพี่สาวแวบหนึ่งแล้วถามว่า

“ครั้งสุดท้ายที่เตยช่วยเคลียร์หนี้ให้ พี่ตาลสัญญาว่าจะไม่เล่นการพนันอีกแล้ว จำได้มั้ยคะ” หญิงสาวทวงสัญญา

“พี่อดไม่ได้นี่นา คิดแต่ว่าจะหาเงินมาช่วยเตยผ่อนบ้าน” ญาดาทำหน้าจ๋อย มองน้องสาวด้วยใบหน้าใสซื่อ

“พี่รู้ว่าเตยใช้หนี้ให้พี่มาหลายครั้งแล้ว พี่เองก็ตั้งใจว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย...” คนผิดรีบพูดต่อเมื่อเห็นน้องสาวเลิกคิ้ว หรี่ตามองเธออย่างไม่เชื่อสายตา “ตอนนั้นพี่กำลังมือขึ้น เล่นได้มาตั้งสามล้าน เลยอยากได้มากกว่านี้หน่อย กะว่าจะเอาไปทำทุน เอ๊ย ลงทุน แต่เกมถัดไปดันพลิกล็อค เล่นเสียซะได้ พี่ก็พยายามเล่น หวังเอาเงินคืน แต่ไปๆมาๆ กลับได้หนี้ก้อนโตมาแทน”

วราลีส่ายหน้า ฟังพี่สาวรำพันต่อ

“พี่สัญญานะว่า ถ้าเตยช่วยเคลียร์หนี้ให้พี่ครั้งนี้ ต่อไปพี่จะเลิกเล่นการพนันอย่างเด็ดขาด” นักพนันสาวยกมือขึ้นชูสามนิ้วด้วยท่าเหมือนเนตรนารีที่เจ้าตัวเคยเรียน...แต่เรียนไม่เคยสำเร็จ...

“พี่ตาลบอกเตยกี่ครั้งแล้ว” คนตามแก้ปัญหามาตลอดทำเสียงระอา เบือนหน้าหนีสายตาออดอ้อนชวนใจอ่อนของพี่สาว ทำทีมองอาคารสูงฝั่งตรงข้ามซึ่งปลูกเรียงราย เปิดเป็นคาสิโนให้นักเสี่ยงโชคได้ใช้บริการอย่างสนใจ

“ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ” ญาดาคว้ามือน้องสาวมากุมไว้แน่นราวกับจะย้ำคำสัญญาของตน ดวงตาจ้องใบหน้าค่อนข้างกลมที่ไม่ยอมสบตาด้วย

“เท่าไหร่” คนใจอ่อนถามอย่างอดไม่ได้

อย่างไรเสียเธอก็ต้องช่วยพี่สาว ในเมื่อตอนนี้เหลือกันอยู่สองคนพี่น้องเท่านั้น

ที่สำคัญ...ญาดาเป็นเช่นนี้ ก็มีสาเหตุมาจากเธอด้วย

ถ้าไม่ใช่พ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปตั้งแต่เธอยังเด็ก ทำให้ญาดาซึ่งมีอายุแก่กว่าเพียงสามปีต้องออกจากโรงเรียนมาทำงานสารพัด เพื่อหาเงินเลี้ยงดู ส่งเสียให้เธอเรียนจนจบปวส. เจ้าตัวคงไม่หลงติดบ่วงการพนันจนถอนตัวไม่ขึ้นเช่นนี้หรอก

“สิบล้าน” เสียงบอกเบาหวิว

คนกำลังคิดเรื่องในอดีตเพลินสะดุ้ง รู้สึกราวกับมีสายฟ้าผ่าเปรี้ยงอยู่ข้างหู จนต้องรีบหันขวับมามองหน้าพี่สาวอย่างตกใจ

“สิบล้าน!”

วราลีทวนอีกครั้งเผื่อว่าตัวเองจะฟังผิด แต่เมื่อเห็นพี่สาวยิ้มเจื่อน พยักหน้ายืนยันซ้ำ เจ้าตัวจึงได้แต่สูดหายใจเข้าอย่างแรง พูดไม่ออกไปพักใหญ่

“ทำไมพี่ตาลปล่อยให้ตัวเองเสียหนักขนาดนี้” หญิงสาวคราง

คิดไม่ถึงว่าหนี้ของพี่สาวจะมากถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาญาดาเล่นเสียเพียงไม่กี่หมื่น มากสุดก็แสนกว่าเท่านั้น หากคราวนี้กลับเป็นล้าน และไม่ใช่แค่ล้านเดียว แต่เป็นสิบล้าน

“เพราะเสียมาก พี่ถึงต้องเล่นต่อ เผื่อว่ามันจะลดหนี้ลงได้...แต่ยิ่งเล่นกลับยิ่งเสีย” คนเป็นพี่สบตาน้องสาวอย่างเสียใจ

“คราวนี้พี่เห็นผลของมันรึยังล่ะ พี่ตาลคิดว่าเตยจะหาเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นมาใช้หนี้ให้พี่ได้ยังไง ตอนนี้เงินสดในบัญชีธนาคารก็มีไม่ถึงล้าน ถึงเตยจะขายร้านเบเกอรี่มาสมทบ ก็ยังไม่พอเลย” วราลีพูดอย่างอัดอั้น น้ำเสียงเครือด้วยความโกรธ นัยน์ตามีน้ำตาคลอออกมาอีกครั้งจนเจ้าตัวต้องกะพริบตาถี่ กันมิให้มันไหลลงมา

หญิงสาวนึกถึงร้านเบเกอรี่ซึ่งเป็นรายได้หลักให้เธอหาเลี้ยงตัวเอง แล้วต้องถอนใจ กิจการกำลังรุ่งเรืองทำกำไรได้เดือนละหลายหมื่น หากต้องขายทิ้งเพื่อใช้หนี้แทนพี่สาวแล้วต่อไปเธอจะทำอย่างไร จะให้พี่สาวที่ทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันหาเลี้ยงก็คงไม่ได้

“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษจริงๆ พี่เข็ดแล้ว ต่อไปพี่ไม่เล่นการพนันอีกแล้ว...” ญาดายังคงใช้ลูกอ้อน โอบไหล่น้องสาวที่เม้มปากแน่นเบือนหน้าหนีไปอีกทาง จับมืออีกฝ่ายกุมไว้

“เตยช่วยพี่อีกครั้งเถอะนะ ตอนนี้พี่ไม่มีเงินเหลือเลย จะเอาเงินที่ไหนไปใช้เขา ไม่งั้นก็คงต้องขายตัวใช้หนี้แล้วล่ะ” น้ำเสียงสิ้นหวังของผู้เป็นพี่ทำเอาคนฟังต้องใจอ่อน ถอนใจยาวอีกครั้ง

“ถ้าเตยยังไม่เชื่อนะ พี่สาบานก็ได้” ว่าแล้วเจ้าตัวก็คลายมือจากการโอบบ่าน้องสาว พนมมือไว้หว่างอก

“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกเป็นพยาน ต่อไปถ้าลูกช้างเล่นการพนันอีก ขอให้....”

คำสาบานยังไม่ทันหลุดออกจากปากครบประโยค วราลีก็รีบหันขวับ เอื้อมมือมาปิดปากอีกฝ่ายทันที

“พี่ตาล! อย่าเอาคำสาบานมาล้อเล่นแบบนี้” คนพูดทำหน้าตาตื่น รู้สึกใจหายวาบ

แค่พี่สาวเอ่ยปาก เธอก็ขนลุกเกรียว

เพราะเชื่อเรื่องพวกนี้ หญิงสาวจึงไม่อยากให้พี่สาวต้องมีอันเป็นไปจากคำสาบานที่เธอไม่คิดว่าผู้เป็นพี่จะกระทำได้

“พี่ขอโทษ...พี่ลืมไปว่าเตยถือ”

ญาดาเหลียวมองรอบห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ผ่านโต๊ะเครื่องแป้งกับชั้นวางทีวีตรงปลายเตียงอย่างระแวง

“ว่าแต่ที่นี่มีอะไรผิดปรกติรึเปล่า” น้ำเสียงคนถามชักไม่สบายใจบ้าง เมื่อเห็นท่าทีของน้องสาวแปลกไป

“เปล่าค่ะเปล่า ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” วราลีเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้พี่สาวกังวล “แล้วเราจะทำยังไงดีคะ ขอผ่อนได้มั้ย”

“ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ พี่ยังไม่ได้คุยกับเจ้าหนี้เลย” คนเป็นพี่หลบตาวูบ ไม่กล้าบอกอีกฝ่ายว่าเธอหลบหน้าเจ้าหนี้มาหลายวันแล้ว แต่เมื่อเห็นน้องสาวมีสีหน้าวิตกเจ้าตัวก็รีบยิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดต่อด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“ตอนนี้พี่ว่าเตยพักก่อนดีมั้ยจ้ะ เดี๋ยวพี่ออกไปหาอะไรให้กิน แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”

หญิงสาวหรี่ตา...ท่าทางกับยิ้มแบบนั้นคนนอกอาจไม่คิดอะไร แต่ด้วยความที่สนิทสนมกันมาแต่เด็ก เธอคิดว่าญาดามีท่าทีไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไร หากยังไม่ทันพูดอะไร เจ้าตัวก็เปิดประตูออกจากห้องไปเสียแล้ว

+++++++++++++++++++++

หลังอาหารเที่ยง ญาดาก็ออกไปอีก วราลีจะขอตามไปด้วย เจ้าตัวก็ปฏิเสธบอกว่าจะไปทำธุระ ทำให้เธอต้องอยู่เฝ้าห้องคนเดียว หญิงสาวจึงได้แต่นั่งเล่นดูข่าวในโทรทัศน์ไปพลางๆ

ตอนนั้นเองที่กระแสความรู้สึกบางอย่างวูบขึ้นมา!

มันเป็นความรู้สึกที่เธออ่านไม่ออก แปลไม่ได้ รู้เพียงว่ามันรบกวน ทำให้จิตใจเธอกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก

หญิงสาวนิ่วหน้า เหลียวมองรอบตัวอย่างระแวง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปรกติอันใด กอปรกับแสงแดดยามบ่ายจากภายนอกก็ยังเจิดจ้า หญิงสาวจึงคลายกังวล พยายามไม่สนใจกับการรับรู้นั้น แม้ว่าลึกลงไป เธอจะยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดังกล่าวอยู่ตลอดก็ตาม

วราลีถอนใจยาว หวนคิดถึงเรื่องที่ยังค้างคาใจอยู่แทน

นับแต่เรื่องหนี้ก้อนโตซึ่งเธอยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง มาถึงเรื่องพี่สาวผู้ไม่เป็นโล้เป็นพาย จนถึงร้านเบเกอรี่ที่ต้องทิ้งมาอย่างกะทันหัน

สองเรื่องแรกนั้น คิดให้ตายยังไงเธอยังหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้จนต้องหยุดคิด เปลี่ยนใจรอญาดากลับมาช่วยกันหาทางแก้ไข

ส่วนเรื่องร้านเบเกอรี่นั้น โชคดีที่เธอมีนกเอี้ยง...เด็กในร้านที่คล่องและไว้ใจปล่อยให้เฝ้าร้านแทนได้ ทำให้ไม่ต้องกังวลมากนัก เพียงแต่หวังว่าเธอจะไม่ต้องอยู่ที่นี่นานจนลูกค้าขาประจำหายไปหมด

หญิงสาวขยับตัวบนโซฟา เหลือบมองโทรทัศน์ซึ่งกำลังฉายละครที่เธอฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง

“อะไรกัน ฉันนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยนานขนาดนี้เชียว...” เจ้าตัวรำพึงอย่างตกใจ เมื่อพบว่าเป็นเวลาเกือบหกโมงแล้ว

วราลีลุกจากโซฟาเพื่อเดินไปเปิดสวิตช์ไฟกลางห้อง แล้วตรงไปยังกระเป๋าที่วางไว้บนตู้ข้างโต๊ะเครื่องแป้ง รื้อเป้ของตัวเอง คว้าผ้าขนหนูออกมาเดินเข้าห้องน้ำ

กลับออกมาอีกครั้งในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งสีขาวกับกางเกงขาสั้นเธอค่อยรู้สึกสบายตัวขึ้น จึงกลับมานั่งประจำที่ดูข่าวต่างประเทศรอพี่สาวต่อไป หากรออยู่นานญาดาก็ยังไม่กลับ จนเกือบทุ่มหญิงสาวจึงโทรสั่งอาหารขึ้นมารับประทานบนห้อง จากนั้นก็คว้าตำราอาหารที่พกติดตัวออกมานั่งอ่านฆ่าเวลาบนเตียง

ทว่าอ่านได้ไม่นาน...เจ้าความรู้สึกที่เธอพยายามลืมก็หวนกลับมาวนเวียนอยู่รอบตัวอีกครั้ง และคราวนี้มันหนักหน่วง รุนแรงมากขึ้นจนเธอไม่อาจตั้งสมาธิจดจ่อกับหนังสือตรงหน้าได้

หญิงสาววางหนังสือลงข้างตัว กวาดสายตาไปทั่วห้องอย่างระมัดระวัง ในใจนึกภาวนา ขออย่าได้มีสิ่งผิดปกติอันใดเกิดขึ้นเลย เพราะถึงเธอจะทำใจให้ชินกับความสามารถพิเศษของตัวเองมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่หัวใจของเธอก็ยังคงหวาดหวั่น สั่นระรัวทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้

แต่แล้วเรื่องที่กลัวก็บังเกิด!

ความเศร้าสะเทือนใจจากไหนสักแห่งทะลักเข้ามาในบรรยากาศรอบตัวราวกับกระแสน้ำที่ไหลบ่าลงมาอย่างไม่มีอะไรกางกั้น กระทบกับหัวใจอ่อนนุ่มของเธออย่างฉับพลัน จนเธอรู้สึกสะเทือนใจไปด้วย

ท่ามกลางกระแสความรู้สึกที่หลั่งไหลท่วมท้นหัวใจ... เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังมีอารมณ์คล้อยตามไปกับสัมผัสนั้นสะดุ้งโหยง พร้อมกับความรู้สึกสะเทือนอารมณ์นั้นจางหายไปทันทีราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

หญิงสาวหันขวับไปมองที่มาของเสียงนั้น ก่อนถอนใจอย่างโล่งอก รู้สึกเหมือนกับคนจมน้ำแล้วมีขอนไม้ลอยผ่านมาช่วยชีวิตไว้ได้ทัน

ญาดายิ้มกริ่ม ตรงมานั่งข้างเตียงโดยไม่สนใจสีหน้าตื่นตระหนกของเธอ เจ้าตัววางกระเป๋าสะพายสีดำใบโตไว้บนตัก เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ว่า

“ยังไม่นอนอีกเหรอ”

คนถูกทิ้งพยายามปรับสีหน้าและความรู้สึกของตัวเองให้เป็นปรกติก่อนตอบ

“ก็รอพี่ตาลอยู่ไงคะ เอาข้าวเที่ยงมาทิ้งแล้วก็หายไปเลย....ปล่อยให้เตยเฝ้าห้องอยู่คนเดียว” วราลีต่อว่า ก่อนจะต้องหรี่ตาลงเมื่อเห็นสีหน้าชื่นมื่นของอีกฝ่าย

“ทำไมพี่ตาลอมยิ้มอย่างนั้นล่ะ มีอะไรรึเปล่า”

นักพนันสาวไม่ตอบ แต่เปิดกระเป๋าสะพายของตัวเอง เทธนบัตรใบละร้อยดอลล่าร์หลายปึกออกมากองบนเตียง

“พี่ตาลเอาเงินมาจากไหนคะ!” เห็นดวงตาอีกฝ่ายเป็นประกาย วราลีก็นิ่วหน้า ถามต่อด้วยน้ำเสียงคาดคั้น

“อย่าบอกนะว่าพี่ลงไปเล่นพนันอีก” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “พี่ตาลสัญญาว่าจะเลิกเล่นแล้วนะ ทำไมยังลงไปเล่นอีก หนี้ที่มียังไม่พออีกหรือไง”

“ทำไมเตยต้องโกรธด้วย เห็นมั้ยว่าพี่เล่นได้มาตั้งห้าล้านเชียวนะ อย่างน้อยก็ช่วยลดหนี้ไปตั้งครึ่งหนึ่ง”

ญาดาพูดพลางหยิบธนบัตรปึกหนึ่งขึ้นมาโบกใส่น้องสาวด้วยท่าทางเริงร่า คิดในใจว่า ถ้าพรุ่งนี้เธอเล่นได้อย่างนี้อีก ก็คงดี เพราะเธออาจจะใช้หนี้ได้หมด โดยไม่ต้องอาศัยน้องสาวช่วยก็เป็นได้

วราลีมองสีหน้ายิ้มละไมนั้นแล้วส่ายหน้า... นึกว่าพี่สาวเธอได้รับบทเรียนเป็นหนี้ก้อนโตขนาดนี้แล้วจะเข็ดหลาบบ้าง กลับเป็นว่าเจ้าตัวไม่สำนึกเลย

“ว่าแต่พี่ตาลเอาเงินจากไหนไปเล่นคะ” คนเป็นน้องจ้องพี่สาวเขม็ง ตั้งใจจับพิรุธเต็มที่....เพราะเจ้าตัวบอกเองว่าเป็นหนี้ตั้งสิบล้าน ทางคาสิโนไม่น่าจะยอมให้ญาดากู้เงินเพิ่มอีก

ญาดายิ้มจืดๆ ทำท่าอิดอออดเล็กน้อยก่อนสารภาพ

“พี่หยิบเงินจากกระเป๋าเตยไปนิ๊ดนึง”

คนฟังใจหายวาบ ถลาลุกจากเตียงไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่เก็บอยู่ในเป้ เปิดออกมาพบว่าเงินหายไปเกือบหมื่น...มิน่าก่อนออกจากห้องเธอถึงเห็นญาดาก้มๆเงยๆอยู่ตรงเป้ของเธอ แต่ตอนนั้นเธอไม่ทันคิดว่าอีกฝ่ายจะขโมยเงินเพื่อไปเล่นการพนัน

“พี่ตาลเอาเงินเตยไปตั้งหมื่นอย่างนี้เรียกว่านิดนึงหรือคะ” วราลีชักโมโห ไหนจะเรื่องที่พี่สาวผิดสัญญา ไหนจะเรื่องที่อีกฝ่ายแอบหยิบเงินเธอไปโดยไม่บอกกล่าว

“เอาน่า...ตอนนี้พี่ก็เล่นได้มาตั้งเยอะ เตยเอาคืนไปแสนหนึ่งก็ได้” ญาดาบอกอย่างใจป้ำ ท่าทางยังไม่สำนึกเท่าไร

“พี่ตาล!” คนได้เงินแสนเรียกชื่อพี่สาวอย่างเหลืออด “เตยไม่ได้หวงเงินตัวเองหรอกนะคะ ถ้าพี่จะเอาไปซื้ออะไรเตยจะไม่ว่าเลยสักคำ แต่พี่ตาลกลับเอาเงินไปเล่นการพนัน พี่คิดบ้างมั้ยคะ ถ้าเกิดพี่เล่นพลาด เงินที่เตยพกติดตัวมาก็สูญ ทีนี้เราสองคนจะกลับกรุงเทพฯกันยังไง”

วราลีพยายามนับหนึ่งถึงสิบ ก่อนพูดต่อไปว่า

“ไม่รู้ล่ะ เตยไม่ให้พี่ตาลเล่นการพนันอีกแล้ว ถ้าจะใช้หนี้ พี่ก็เก็บเงินก้อนนี้ไว้ ไม่งั้นถ้าพี่เอาเงินไปต่อเงินอีก เตยกลัวค่ะ กลัวว่าหนี้ที่มีมันจะมากขึ้นไปอีก ถึงตอนนั้นจริง ต่อให้เตยช่วยพี่ขายตัวอีกคน ก็คงใช้หนี้ได้ไม่หมด เสียพนันครั้งเดียวมันยิ่งกว่าไฟไหม้บ้านเจ็ดครั้งเชียวนะคะ”

พูดจบ หญิงสาวจัดแจงรวบรวมเงินที่กองไว้บนเตียงเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม คว้าเงินในมือของพี่สาวคืนเป็นปึกสุดท้าย ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงผิดหวังว่า

“วันนี้พี่ตาลสัญญากับเตยว่ายังไง บอกว่าจะไม่เล่นการพนันอีกแล้วไม่ใช่หรือคะ แต่ยังไม่ทันข้ามวัน พี่ตาลก็ลืมสัญญาแล้ว”

คนฟังหลบตา ทำหน้าเสียใจ หากยังอดเหลือบตามองกระเป๋าสะพายที่น้องสาววางไว้บนโต๊ะหัวเตียงด้วยความเสียดายไม่ได้

“ถ้าพี่ตาลจะเอาเงินก้อนนี้ไปเล่นอีกก็ตามใจนะคะ” คนเป็นน้องดักคอ มองตามสายตาพี่สาวอย่างเหลืออด “แต่เตยจะไม่ช่วยใช้หนี้ให้พี่แล้ว พรุ่งนี้เตยจะกลับกรุงเทพฯ เจ้าหนี้ของพี่จะทำอะไรพี่ก็ตามใจ เพราะเตยคงไม่มีปัญญาแก้ปัญหาให้พี่ได้โดยที่พี่ไม่ยอมหยุดสร้างปัญหาให้เตย”

วราลีขยับตัวไปริมเตียงด้านหนึ่ง ล้มตัวลงนอน แล้วพูดทิ้งท้ายอีกว่า

“ที่สำคัญ พี่ตาลจะต้องหัดแก้ปัญหาด้วยตัวเองบ้าง เตยคงไม่สามารถตามแก้ปัญหาให้พี่ได้ตลอดชีวิตหรอก” ว่าแล้วเจ้าตัวก็คว้าผ้าห่มขึ้นคลุมถึงปลายคาง พลิกตัวหันหน้าหนีไปอีกทาง ตัดการสนทนากับพี่สาวเพียงเท่านั้น ทิ้งให้คนก่อเรื่องนั่งถอนใจเพียงลำพัง

++++++++++++++++++

ไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีร่างทั้งร่างก็หนาวสั่น ขนลุกซู่อย่างประหลาด จะขยับตัวคว้าผ้าห่มที่เลื่อนไปอยู่ตรงปลายเท้าขึ้นก็ขยับเขยื้อนไม่ได้...วราลีใจหายวาบ นึกรู้ทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น...หัวใจจึงร่วงไปอยู่ปลายเท้ากองคู่กับผ้าห่ม

หญิงสาวกวาดตามองไปทั่วห้องอย่างระแวง

ท่ามกลางความมืดสลัว เห็นตู้โต๊ะเป็นเงาตะคุ่มสีดำอยู่ตามผนังห้อง มีเพียงแสงนีออนจากป้ายชื่อคาสิโนของอาคารฝั่งตรงข้ามส่องลอดม่านหน้าต่างผืนบาง เสียงนาฬิกาข้อมือผสานกับเสียงเครื่องปรับอากาศคล้ายจะดังขึ้นเป็นพิเศษ

ทุกอย่างเป็นปกติอย่างที่ควร...

ถ้าเพียงเธอจะไม่รู้สึกถึงอารมณ์บางอย่าง!

มันเป็นความเศร้า...ความอาวรณ์... ที่อวลอยู่ในอากาศ... ก่อนจะค่อยคืบคลาน แทรกซึมเข้ามาในจิตใจ จนเธอสะท้านไปทั้งตัว....

คนบนเตียงใจเต้นแรง พยายามสูดหายใจเข้าเต็มที่ ตั้งจิตให้สงบ ขจัดความหวาดกลัวในใจออกไป

อาการเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับเธอ เพราะมันเกิดขึ้นเสมอ นับตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะเวลาที่เธอมีอารมณ์อ่อนไหว จิตใจสับสน ตอนแรกเธอกลัวมากจนไม่กล้าอยู่คนเดียว แต่นานวันเข้า ได้คนในครอบครัวคอยให้กำลังใจ เธอจึงทำใจยอมรับและผ่านเรื่องเหล่านี้ไปได้

‘เตยไม่ต้องกลัวนะลูก ทำใจให้สบาย สิ่งที่เห็นอาจเป็นเพราะเขามีห่วง มีเรื่องจะขอร้อง เขาไม่ทำร้ายลูกหรอกจ้ะ ลูกบอกเขานะว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ขอให้เขาจากไปอย่างสงบ’

หญิงสาวพยายามคิดถึงคำสอนของมารดา พลางเหลือบมองไปรอบห้องอีกครั้งด้วยความหวาดหวั่น...เพราะถึงจะทำใจยอมรับความสามารถพิเศษของตัวเองได้ แต่กระนั้น เธอก็ยังทำใจให้ชินกับสิ่งเหนือธรรมชาตินี้ไม่ได้เสียที

ความจริง...ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เกิดขึ้นนานแล้ว เพราะหลังจากรู้ความ เธอพยายามหลีกเลี่ยงสถานที่หรือโบราณวัตถุทั้งหลายเพื่อไม่ให้ตัวเองสื่อถึงสิ่งลี้ลับเหล่านี้ได้ กระทั่งมีเหตุให้เธอต้องเดินทางมาที่นี่

ครั้งแรกที่เธอสัมผัสกับความรู้สึกนี้ในตอนบ่าย เธอเข้าใจว่าอาจอุปาทานไปเอง หากเมื่อรับรู้อีกครั้งตอนหัวค่ำ หญิงสาวก็เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จนครั้งนี้เมื่อได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้เต็มๆ เธอก็ไม่สงสัยอีกแล้วว่าสัมผัสพิเศษที่หายไปนาน ได้หวนกลับมาหาเธออีกครั้ง....คิดพลางถอนใจยาว ก่อนเจ้าตัวจะสะดุ้ง เมื่อตวัดสายตากลับมายังภาพเบื้องหน้าแล้วพบว่ามีร่างโปร่งแสงของสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ปลายเตียง !

สตรีในอาภรณ์โบราณที่สวมเพียงผ้านุ่งยาวกรอมเท้าและสร้อยสังวาลสะพายเฉียงจากไหล่ลงมายังสะโพกทั้งสองข้าง เผยทรวงอกคู่งามแก่สายตา ศีรษะสวมมงกุฎสีทองอร่ามตัดกับเส้นผมสีดำราวกับนิลปล่อยสยายยาวถึงกลางหลัง มีดอกลีลาวดีสีขาวพันเรียงลงมาเป็นสายยาว

แม้ร่างนั้นจะซ่อนอยู่ในเงามืด เห็นเป็นเงาเลือนรางแลวูบไหว แต่เธอกลับรับรู้ได้ว่า ใบหน้าของนางนั้นสวยกระจ่างตา งดงามราวกับนางสวรรค์ ทว่าดวงตาคู่สวยของนางที่ทอดสายตามายังเธอกลับเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ริมฝีปากได้รูปที่เผยอยิ้มแฝงไว้ด้วยความโศกเศร้า

“คุณ...คุณเป็นใคร”

วราลีคิดว่าตัวเองตะโกนถามออกไปด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก หากแท้จริงแล้ว เสียงของเธอแทบไม่ได้ผ่านพ้นริมฝีปากเลย

สตรีตรงหน้าไม่ตอบ จะมีก็แต่แววตาที่ดูจะอ่อนแสงลงอีก แววตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจ...อาลัยอาวรณ์...ราวกับเจ้าตัวได้สูญเสียบางสิ่งบางอย่างที่รักไป

นี่เอง...ที่มาของความเสียใจที่เธอสัมผัสได้...ความเสียใจที่ทำเอาหัวใจเธอสั่นคลอน รู้สึกเหมือนโดนบีบคั้นไปด้วย

ความสงสาร... เห็นใจ... ท่วมท้นจิตใจ....

วราลีปล่อยให้ตัวเองร่วมรับรู้ไปกับความเศร้าโศกนั้นจนน้ำตาซึม

“มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย”

ไม่รู้อะไรทำให้หลุดปากถามออกไป

หากคำตอบที่ได้รับ มีเพียงริมฝีปากอิ่มที่คลี่ยิ้มมากขึ้น พร้อมกับปรากฏภาพรูปสลักซึ่งมีวงหน้าเหมือนนางไม่ผิดเพี้ยนซ้อนทับขึ้นมา...แลคล้ายเงาแห่งกันและกัน...

ก่อนที่ทั้งสตรีนางนั้นและรูปสลักจะจางหายไป !

“เดี๋ยวก่อน...”

วราลีร้องห้าม ผวาลุกขึ้นนั่งตัวตรง ถลาไปยังจุดที่เธอเห็นสตรีนางนั้นอย่างลืมตัว

แต่พบเพียงความว่างเปล่าราวกับสิ่งที่เธอเห็นทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน ถ้าไม่มีคราบน้ำตาที่ยังเปื้อนอยู่สองข้างแก้มเหลือทิ้งไว้เป็นหลักฐาน

แสงอรุณเบื้องนอกเริ่มสว่างเรืองรอง สาดแสงสีทองผ่านหน้าต่างบานสูงเข้ามาในห้อง ส่องกระทบโซฟาริมหน้าต่าง เป็นเงาทอดยาวมายังปลายเตียง บางส่วนกระทบกับกระจกเงาบานใหญ่ของโต๊ะเครื่องแป้งเป็นประกายสะท้อนเข้าตา ปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากภวังค์

วราลียกมือลูบใบหน้า เช็ดคราบน้ำตาออกจนหมด

ไม่น่าเชื่อว่าเพียงวันแรก เธอก็เจอดีเข้าเสียแล้ว...เจ้าตัวถอนใจยาว พยายามสลัดความหม่นหมองที่ยังเหลือเป็นตะกอนค้างอยู่ในใจออกไป

กำลังจะล้มตัวนอนต่อ สายตาก็สะดุดเข้ากับที่นอนว่างเปล่าข้างกาย

พี่ตาลหายไปไหนแต่เช้า... หญิงสาวนิ่วหน้า

ปกติแล้วญาดาไม่เคยตื่นนอนจนกว่าจะเลยสิบโมงไปแล้ว การที่เจ้าตัวหายไปแต่เช้าเช่นนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องผิดวิสัยอย่างยิ่ง

วราลีเหลียวไปยังโต๊ะข้างเตียงแล้วก็ต้องใจหาย เมื่อพบว่ากระเป๋าสะพายของพี่สาวเปิดอ้าไว้ หญิงสาวตรงเข้าไปคว้ากระเป๋าใบนั้น เทเงินทั้งหมดออกมา พบว่ามีธนบัตรหายไปส่วนหนึ่ง

พี่ตาล! พี่ตาลเอาเงินไปเล่นการพนันอีกแล้ว ?

มือที่จับกระเป๋าชะงักค้าง นิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ในใจรู้สึกผิดหวังกับพฤติกรรมของพี่สาวเหลือเกิน ก่อนจะตัดใจ คิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งคร่ำครวญตอนนี้ เธอต้องรอให้อีกฝ่ายกลับมาก่อน ค่อยเจรจากันให้รู้เรื่อง

วราลีเก็บเงินคืนใส่กระเป๋า วางบนโต๊ะข้างเตียงเหมือนเดิม ตอนนั้นเองที่สายตาเหลือบไปเห็นกระดาษจดหมายของโรงแรมวางอยู่ใกล้กัน มีที่เขี่ยบุหรี่ทับไว้กันปลิว หญิงสาวหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาอ่าน ข้อความนั้นเขียนด้วยลายมือคุ้นตาของพี่สาว



เตยจ๊ะ

หลังจากได้ฟังเตยพูดแล้วพี่ก็คิดได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ไม่เคยแก้ปัญหาอะไรด้วยตัวเองเลย เอะอะก็ตามให้เตยมาจัดการเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน พี่รู้ว่าเตยต้องใช้ความเสียสละมากแค่ไหน ถ้าไม่เห็นแก่พี่ เตยคงไม่เดินทางมาที่นี่ ประเทศที่มีแต่โบราณวัตถุหรือโบราณสถานซึ่งอาจทำให้เตยเห็นหรือสัมผัสกับอะไรมากกว่าคนอื่น

พี่ขอบใจมาก สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา พี่คิดว่าคราวนี้พี่จะขอแก้ปัญหาด้วยตัวเองสักครั้ง พี่เอาเงินไปล้านหนึ่ง คิดว่าจะหาทางลงทุนแล้วเอาเงินมาใช้หนี้ให้ได้ แต่เตยไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าพี่จะลงทุนโดยการหันกลับไปเล่นการพนันอีก พี่คิดว่าหนี้ที่พี่ก่อมันมากเกินพอแล้วล่ะ

ส่วนเรื่องราวทางนี้ พี่คงต้องอาศัยเตยจัดการเจรจาต่อรองให้พี่ก่อน พี่คิดว่ามิสเตอร์โรลองซ์...เจ้าของคาสิโน คงจะไม่ใจร้ายใจดำกับผู้หญิงไทยตาดำๆอย่างเตยหรอกจ้ะ (แม้จะเคยได้ยินถึงความโหดเหี้ยมของเขามาบ้างก็ตาม) พี่ไม่ได้ขู่นะ เพียงแต่คิดว่าเตือนให้เตยระวังตัวไว้เท่านั้น

พี่รู้ว่าเตยจะต้องจัดการต่อรองได้ แล้วพี่จะติดต่อมาจ้ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ดูแลตัวเองให้ดี



รักและห่วงใยน้องเสมอ

พี่ตาล



คนเป็นน้องอ่านข้อความในกระดาษอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนทิ้งตัวนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง

พี่ตาลไปแล้ว !

พี่ทิ้งเธอไปแล้ว...ปล่อยให้เธอจัดการกับหนี้สินก้อนใหญ่คนเดียว !

ที่ผ่านมาถึงจะมีปัญหาหนักหนาแค่ไหน ญาดาก็ไม่เคยหนีหน้าแบบนี้ พี่จะทำหน้าที่เจรจา โดยมีเธอจ่ายเงินแทนเท่านั้น แต่ครั้งนี้เธอจะต้องจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง...หญิงสาวถอนใจอีกรอบ อ่านทวนประโยคในวงเล็บอีกครั้ง

แม้จะเคยได้ยินถึงความโหดเหี้ยมของเขามาบ้างก็ตาม

มิสเตอร์โรลองซ์คนนี้น่ากลัว ขนาดพี่สาวที่ไหลลื่นของเธอไม่กล้าต่อรอง ต้องหนีหน้า ทิ้งให้เธอเผชิญความร้ายกาจของเขาเพียงลำพังเชียวหรือ...

คนถูกทิ้งสูดหายใจเข้าอย่างแรง

+ + + + + + + + + + +

จบบทที่ 1



TOP




Create Date : 29 มิถุนายน 2553
Last Update : 29 มิถุนายน 2553 20:20:19 น.
Counter : 2472 Pageviews.

6 comments
  
จะพิมพ์มนต์อัปสราขึ้นมาอีกไหมคะ หรือว่าติดขัดอะไร เท่าที่ทราบเรื่องนี้หาซื้อไม่ได้แล้วคะ ไม่เคยอ่านแต่ทุกคนที่เคยอ่านบอกว่าสนุกมากๆๆๆ
โดย: aoy IP: 125.26.141.194 วันที่: 26 มิถุนายน 2554 เวลา:11:02:47 น.
  
เรื่องนี้คงต้องถามทางสนพ.ค่ะ ถ้ามีคนสนใจมาก ทางสนพ.คงจะพิมพ์เพิ่มมังคะ
โดย: อรพิม วันที่: 12 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:56:18 น.
  
เคยเช่ามาอ่านแล้วชอบมาก แต่หาซื้อไม่ได้เลยคะ
โดย: rain IP: 58.8.14.37 วันที่: 31 สิงหาคม 2554 เวลา:7:09:29 น.
  
อยากได้เรื่องนี้มากค่ะ หาเช่าก็ไม่ได้ เช่าทางอินเตอร์เน็ตก็แพงจัง
โดย: Bunsong IP: 58.11.112.171 วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:17:24:12 น.
  
ตีพิมพ์ใหม่กับ คำต่อคำ น่าจะออกก่อนงานหนังสือปี 57 เดือนมีนาคมค่ะ
โดย: อยากได้เหมือนกันค่ะ IP: 118.175.61.83 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:11:46:14 น.
  
ฮ้า ตีพิมพ์ที่ คำต่อคำ ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวจะไปสอย ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน
โดย: ่jeed IP: 171.99.191.215 วันที่: 2 มีนาคม 2557 เวลา:12:23:07 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Orapim.BlogGang.com

อรพิม
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]