11-09-01 : วันนี้ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว บนจอหนัง สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ บล็อกน้องใหม่ ...เรื่องจริงผ่านจอ{หนัง} บล็อกนี้ จะว่ากันถึง เรื่องราวที่เป็นประวัติศาสตร์ของโลก หรือเหตุการณ์-บุคคลสำคัญ ที่มามีบทบาทอยู่บนจอหนัง ในหลายต่อหลายเรื่อง ทั้งที่เป็นเรื่องโดยตรงและโดยอ้อมที่ข้องเกี่ยวกัน ...ผมจะพามารำลึก ชวนนึกถึงความเชื่อมโยงที่ก่อให้เกิดเป็นหนังที่มีนิยามของคำว่า "Inspired by the true stories" แปะอยู่บนหน้าหนัง ในวันนี้ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ...ทุกๆคนทั่วโลกคงจำกันได้ดี ว่าวันนี้เป็นวันอะไร เพราะอาจแม้ว่ามันจะไม่ได้เกิดเหตุขึ้นใกล้ๆตัวเรา แต่มันก็เหมือนกับกลายว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราเอาอย่างมากๆไปแล้วในทุกวันนี้ ![]() เวลา 8.30 น. ตามเวลาในนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา (คือประมาณ 2 ทุ่มในบ้านเรา) ได้เกิดเหตุการณ์การก่อวินาศกรรมตึกคู่แฝด "เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์" โดยใช้เครื่องบินทางพาณิชย์จำนวน 2 ลำ ชนตึกแต่ละฝั่ง ในเวลาที่ไล่เลี่ยกันประมาณ ครึ่งชั่วโมง ![]() อานิสงส์ของสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนาทีนั้น ก็คือ การสูญเสียของผู้คนนับหลายร้อยที่ต้องแลกไปกับการสูญสิ้นพังครืนของตึกแฝด WTC ไปทั้งหมด ...ความเสียใจที่มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวของคนทุกคนที่ได้มีความรู้จักสนิทสนมกับผู้คนที่สูญเสียไปพร้อมที่นั่น ...และ การฉีกหน้ากันอย่างซึ่งๆ กับประเทศที่เคยมีคนพูดพร่ำบอกปาวๆว่า การรักษาความปลอดภัยดีที่สุดในโลก การรับมือเหตุร้ายดีที่สุดในโลก ระบบข่าวกรองดีที่สุดในโลก และ ฯลฯ ที่ดีที่สุดในโลก นี่คือ เหตุการณ์ที่สร้างความช็อก สะเทือนเลือนลั่นกันไปทั่วโลก แม้ทั้งๆที่ผู้เสียหายมากที่สุดจะเป็นอเมริกาก็ตามที ...ซึ่งกับในบางประเทศก็อาจจะดูเป็นอะไรที่เล็กน้อย หากแต่หลังจากนั้นแล้วมันก็ก่อให้เกิดมาตรการที่ห้ามประมาทกันเป็นอันขาดในทุกๆที่ ทุกๆเมืองทั่วโลก ![]() ที่ผมเอาวันนี้ เมื่อ 6 ปีที่แล้ว มาพูดถึงในวันนี้ ไม่ได้ต้องการจะมาวิเคราะห์ถึงความเป็นมาเป็นไป ชำแหละชี้ชัดทุกแง่มุมที่เป็นตัวแปรให้เกิดเรื่องร้ายๆอย่างนี้ขึ้นแต่อย่างใด ...หากแต่ผมสนใจที่จะเอามาพูดในแง่ของ "เรื่องจริงผ่านจอ{หนัง}" ทั้งที่เป็นเรื่องราวก่อนหน้าวันนั้น หรือจะหลังจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ ... หนังที่ว่ากันด้วยเรื่องของการก่ออาชญากรรม ทางวินาศกรรม มีให้เราเห็นกันมาได้นานหลายปีดีดักแล้ว ...วินาศกรรมหลายๆครั้งในหนังอาจจะเป็น เหตุที่เกิดขึ้นมาจากภัยธรรมชาติ (เช่น Twister , Volcano , Deep Impact) หรือ กระทั่งจากการรุกรานนอกโลกของต่างดาว (เช่น Independence Day , War of the Worlds) หากแต่ในอีกหลายครั้ง ก็ยังมีวินาศกรรมที่มาในรูปแบบที่กระทำขึ้นด้วยน้ำมือของมนุษย์ ความชั่วที่เกิดมาจากอุดมคติของคนร้ายผู้หมายมุ่งจะทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นการประกาศชัยชนะ และการก่อวินาศกรรมเหล่านี้ ก็มักจะเลือกสถานที่ใดสถานที่หนึ่งอันมีความสำคัญบนโลกใบนี้ เป็นฉากหลังของการก่อความอำมหิตผิดมนุษย์ ![]() เราเคยได้เห็น ตึกดังๆ หลายแห่งในอเมริกา ต้องระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ...เราคุ้นๆกับภาพที่มีผู้ก่อการร้ายยิงขีปนาวุธ ใช้อาวุธเคมี วางระเบิด C-4 แม้กระทั่งยอมพลีชีพเพื่อแลกกันกับอุดมการณ์ที่ยึดมั่นถือมั่น ...แต่ในสุดท้ายท้ายที่สุดแล้ว แทบทุกๆเหตุการณ์ที่เห็นในหนังล้วนแล้วแต่จบลงด้วยความแฮปปี้ มีสันติภาพ ผู้เป็นพระเอกสามารถจัดการทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างหมดจดเรียบร้อย (ซึ่งเป็นเรื่องตลก ที่โดยทั่วไปแล้วพระเอกคนนี้ มักจะมีสัญชาติเป็นอเมริกา แทบทุกผู้คน) ![]() ด้วยความที่ฮอลลีวู้ดชอบสร้างภาพอันใหญ่โต กับการก่อวินาศสันตะโรโดยไม่สนไปถึงเหตุผลความจริงจังบนโลกความจริง... สิ่งที่เราได้เห็นในทุกๆหนังที่มีฉากเหล่านี้ ก็คือ ความแหลกละเอียดทำลายล้าง ระเบิดลูกโตๆ ห่ากระสุนหลายร้อยเม็ด และการทุ่มทุนสร้างนับเป็นหลักล้านเหรียญ เพื่อขายความสะใจ และหวังเงินจากคนดูจะได้เห็นมาเห็นความพินาศของสถานที่ๆคุ้นตากันอย่างจะๆ ![]() แต่ใครจะไปคาดคิดว่า แฟชั่นสุดฮิตของเหล่าหนังวินาศสันตะโรนี้ จะได้มาเกิดขึ้นจริงในสถานที่จริง เครื่องบินจริงๆ ระเบิดจริงๆ มีการสูญเสียสูญสิ้นจริงๆ และการได้เห็นภาพอันคุ้นตาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวกันจริงๆ จากที่เคยเห็นแล้วมันสะ...ใจ กลายเป็นความสะ...เทือนใจ เพียงชั่วพริบตาเดียว ในชั่ววินาทีสั้นๆ ที่เครื่องบินกำลังบดกับตึก แล้วเกิดการระเบิดตูมตาม เป็นภาพที่เหมือนน่าจะอัศจรรย์ หากแต่มันคือความจริง ที่ไม่ใช้เอฟเฟกต์ใดๆ ![]() หลังจากวันนั้น เป็นต้นมา ก็ส่งผลให้โลกฮอลลีวู้ด ในชั่วระยะหนึ่ง ต้องหยุด ต้องเลิก การสร้างภาพอันน่ากลัวชวนติดตาเหล่านั้น เพียงเพื่อจะไม่ให้คนดูตาดำๆต้องกลับไปสะเทือนจริงในสิ่งที่เคยมองว่าสะใจ ...และในเวลาประมาณ 2-3 ปีต่อมา หลังจากที่คนอเมริกาสามารถทำใจกับภาพเหล่านั้นได้แล้ว ก็ถึงทีที่เทรนด์การสร้างหนังแนวใหม่ จะเกิดขึ้นตามจากผลพวงของเหตุการณ์ครั้งนี้ ![]() เรื่องแรก ที่ชี้ชัดว่าเป็นหนังที่สร้างขึ้นมาเพื่อรำลึกถึง 9/11 โดยเฉพาะ ก็คือ "Fahrenheit 9/11" ...หนังสารคดีของผู้กำกับจอมแฉ "ไมเคิล มัวร์" ที่ทำการล้วงแคะแกะเกาเบื้องลึกเบื้องหลังของรัฐบาล "จอร์จ ดับเบิลยู. บุช" ว่ามีส่วนสำคัญต่อการก่อให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ในฐานะของผู้ให้การอุดหนุนกลุ่มผู้ก่อการร้าย ข้อมูลที่ผมได้รับมาจากล่อเป้าของ มัวร์ อยู่ในข่ายที่มีความน่าเชื่อถือ ...แม้บางอย่างอาจจะดูเหลือเชื่อ แต่การเป่าหูที่เขาทำกับผู้คนที่ได้ดูหนัง ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่า ความเชื่อมโยงของมันจะเป็นไปไม่ได้ (แต่จะชี้ชัดว่า 100 เปอร์เซ็นต์ มันก็ดูจะเป็นการที่โปร ฟังหูไม่ไวหูจนเกินไป) หลังจากดูหนังสารคดีนี้จบ ผมเลือกฝั่งได้ทันถ่วงทีว่า ประธานาธิบดีคนนี้ คือ ผู้ก่อการร้ายที่ชั่วที่สุดในโลก ![]() อีกเรื่องที่ไม่ได้โยงใยกับเหตุผลอะไรให้ยากยุ่ง หากแต่ก็มีความเป็นสารคดีอยู่ในตัวหนัง คืออีกหนึ่งหนังดรามาที่ทรงพลังที่สุดในรอบปี 2006 (ทั้งยังเป็นหนังที่ผมรักมากที่สุดในปีก่อนอีกด้วย) "United 93" ...เป็นเรื่องราวของเครื่องบิน ไฟลท์ 93 ลำหนึ่ง ที่โดนผู้ก่อการร้ายไฮแจ๊ค เพื่อจะขับไปยังเป้าหมายการก่อการร้ายอีกแห่งที่วางแผนไว้ นั่นคือ ทำเนียบขาว (The White House) หากแต่สุดท้ายแล้ว การร่วมมือร่วมใจของผู้คนโดยสารบนนั้น ก็ทำให้เครื่องบินไปไม่ถึงที่หมาย และตกลงพร้อมการดับชีวิตทุกๆคนที่อยู่ร่วมชะตากรรมช่วยแผ่นดินแม่เอาไว้ได้อย่างน่าเห็นใจ ผู้กำกับ "พอล กรีนกลาส" สามารถนำเสนอความจริงให้กลายเป็นความจริงที่ดูแล้วเชื่อ เห็นแล้วอิน และสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง คล้ายกับเราไปอยู่บนเครื่องลำนั้น ในเวลานั้นด้วย ...ขณะเดียวกันผู้ร้ายตัวจริงของหนัง อย่าง เจ้าหน้าที่ภาครัฐคนอเมริกาด้วยกันเองที่ทำอะไรก็ต้องอยู่ในอุดมคติ ก็กลายเป็นคนที่อำมหิตยิ่งไปกว่าผู้ก่อการร้ายที่ทำเพื่ออุดมการณ์เสียอีก "United 93" น่าจะถือเป็นหนัง 9/11 เรื่องเดียว ที่คนสร้างไม่ได้มีการโปรอเมริกาเลย ...แม้หนังจะเป็นการเชิดชูให้กับผู้สละชีพอย่างกลายๆ แต่ต่อให้ไม่ใช่คนอเมริกัน ก็ยังเป็นการกระทำที่น่านับถือกันอย่างมาก ยิ่งไปกว่าคนบางคนที่ไม่สนใจไยดี แล้วรังจะทิ้งคนชาติเดียวกันให้ตายทั้งเป็นเช่นนั้น ![]() ในปีเดียวกันหลังจากนั้นไม่กี่เดือน อีกหนึ่งหนัง 9/11 ก็มีออกมา ทั้งยังเป็นหนังที่หาญกล้าจะทำให้คนได้ดูต้องหลอนกับภาพที่คุ้นตาอีกครั้ง เป็นผลงานการกำกับของ "โอลิเวอร์ สโตน" ที่ใช้ชื่อกันตรงๆว่า "World Trade Center" ถึงแม้ว่าหน้าหนังในตอนแรก จะทำขึ้นมาเพื่อสนองใจให้คนดูได้กลับไปซึมซับความสะเทือนใจครั้งเลวร้ายอีกหน หากแต่สุดท้าย หนังกลับทำลำเป็น โปรอเมริกา กล่าวสดุดีว่า การไปสู้รบเพื่อล้างแค้นเป็นสิ่งที่สมควรทำที่สุด ...และนั่นจึงทำให้หนังดีๆต้องเสียท่า เพียงเพราะการเห็นด้วยสนับสนุนความคิดชั่วๆของ ปธน.บุช ![]() นอกเหนือจากหนังที่ว่ากระทบกับเหตุการณ์วันนี้กันตรงๆแล้ว ก็ยังมีหนังเรื่องอื่นๆอีก ที่ไม่ได้มีโครงเรื่องเกิดในวันนี้ หากแต่เป็นเรื่องของผลกระทบทางความคิดและจิตใจของผู้คน ภายหลังจากวันมหาวินาศวันนี้ ยกตัวอย่าง "Crash" หนังออสการ์ม้ามืดของ พอล แฮกกิส ที่หลายคนมองว่า ไม่สมควรชนะหนังเกย์บนภูเขาเรื่องนั้น แต่ด้วยความที่เรื่องราวอยู่ใกล้ตัวบรรดาคณะกรรมการผู้มอบรางวัล ผมจึงคิดว่าไม่ผิดอะไรที่หนังเรื่องนี้ควรจะได้รางวัลไป และอีกอย่างหนังเรื่องนี้ก็ว่ากระทบเป็นลูกโซ่ทอดๆ ที่ทำให้เราเห็นภาพความเป็นอยู่ของผู้คนที่มีต่อการก่อการร้ายในครั้งนั้นได้อย่างน่าเชื่อ ยังไม่จบเพียงแค่นั้น ในปีนี้ เราก็ยังจะได้เห็นหนังอีกหลายเรื่อง ที่ว่ากระทบกันมาจากเหตุการณ์ในวันนี้ทั้งเพียงเล็กๆ และใหญ่ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของสงครามการล้างแค้น ที่อเมริกาส่งทหารหาญไปฆ่าตัวตายในดินแดนตะวันออกกลาง และโดยทั้งหมดของหนังจำพวกนี้ ก็ได้รับการหมายตาว่าจะมีบทบาทสำคัญต่อความเข้มข้นของเวทีการมอบรางวัลในปลายปีนี้ ยันถึงออสการ์ ยกตัวอย่างที่น่าสนใจอย่าง หนังโรเบิร์ต เรดฟอร์ด "Lions for Lamb" , ผลงานกำกับเรื่องใหม่ ของ พอล แฮกกิส "The Valley of Elah" และหลังจากนี้ไปแล้ว หนังเนื่องมาจากเหตุการณ์ 9/11 คงจะยังไม่จบลงง่ายๆ หมายความว่า ต่อไปเราจะต้องได้เห็นหนังที่ว่ากระทบกันตรงๆ หรืออ้อมๆอีกมากเรื่อง ...นี่ยังไม่รวมไปถึงหนังมหาวินาศกรรมทำลายล้างที่ได้คืนกลับมาสู่ระบบทำเงินอย่างเต็มตัวอีกครั้ง อย่างที่ล่าสุด เราก็เพิ่งได้เห็น The White House ระเบิดตูมใน Die Hard 4.0 กันมาจะๆ ฮอลลีวู้ด ก็ยังเป็นฮอลลีวู้ดอยู่วันยังค่ำแหละครับ ...ถึงต่อให้มีการก่อวินาศกรรมที่ไหนขึ้นมาอีก ความบันเทิงก็จะถูกเข้ามาแทนที่ความสะเทือนใจ และอีกไม่นานกว่านั้น ความสะเทือนใจก็จะเปลี่ยนกลับไปเป็นความบันเทิงได้อีกเรื่อยๆ เป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันจบวันสิ้น "เรื่องจริงผ่าน{จอ}" ในคราวหน้า จะกลับมาในหัวข้อ "ภาวะโลกร้อน" ครับ... ![]() Link ของหนังที่เกี่ยวข้อง... "United 93" ... ลุ้นระทึกจนน้ำตาทะลัก //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=14-08-2006&group=2&gblog=7 "World Trade Center" ... บทเรียนราคาแพง ที่แลกได้กับ ความรักอันไม่สามารถประเมินค่า //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=05-10-2006&group=2&gblog=5 เหตุการณ์ 911 คงอยู่ในใจมวลมนุษยชาติไปอีกนานครับ ![]() โดย: มิสเตอร์ฮอง
![]() อเมริกันชนสมควรโดนหนักกว่านี้ด้วยซ้ำ
ก็ทำกับชาวโลกเขาไว้เยอะ โดนแค่นี้ทำเป็นโอดครวญ แถมยังมีหน้ากลับไปล้างแค้นกับคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีก มันชั่วเกินคำบรรยายจริงๆ ![]() โดย: joblovenuk
![]() ![]() ลืมวันนี้ไปได้ยังไงกันเนี่ย??????? โดย: คำห้วน-lopzang-เฉือนคำรัก
![]() ขอแย้งว่าอเมริกันชนไม่สมควรโดนพี่จ๊อบ
พวกนักการเมืองอเมริกันต่างหากที่สมควรโดน ใน 911 มีพวกมันตายซักคนหรือเปล่า? โดย: nanoguy (nanoguy
![]() + คืน 911 นั่นพี่ไม่ได้อยู่ในเมืองไทย ... เวลาท้องถิ่นขณะเกิดเหตุเป็นเวลาที่ผมกำลังนอนหลับอุตุอย่างสบายอยู่บนเตียง ... ตื่นเช้าขึ้นมาไปโรงเรียน ยังตกใจเลยกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดูแล้วขนลุกอ่า
![]() + พี่เคยจินตนาการไว้เหมือนกันนะครับก่อนหน้าจะเกิดเหตุ ว่าวันใดวันนึงมันมีเหตุการณ์มหาวินาศเกิดขึ้นจริงๆ ก็ได้ ... เพราะฮอลลีวูดเคยสร้างหนังเกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมออกมาให้ดูกัน (ตัวอย่างเรื่องที่ผู้ก่อการร้ายทำได้สำเร็จก็เช่น Arlington road) ... แต่พอเกิดจริง มันก็กลายเป็นหายนะไปเลย ![]() + ถ้าเพียงแต่ ... วันที่บุชน้อยได้เป็น ปธน. สมัยแรก ... มีการเฉือนคะแนนกันอย่างฉิวเฉียดกับอัล กอร์ในการนับคะแนนช่วงท้าย จนถึงกับต้องให้ศาลตัดสิน ... ... ถ้าอัล กอร์ไม่เฟค ... ถ้าเค้าเป็นผู้ชนะแทนบุช ... เราอาจได้เห็น 'อเมริกา ผู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม' แทนที่ 'อเมริกา ผู้กระหายสงคราม' อย่างทุกวันนี้ก็เป็นได้ (ครอบครัวบุช มีผลประโยชน์มหาศาลที่บ่อน้ำมันในรัฐเทกซัส ดังนั้น ยิ่งมีการบริโภคน้ำมันและเกิดสงครามมากขึ้นเท่าไหร่ เค้าก็จะร่ำรวยมากขึ้นเท่านั้น) ... + ก็ได้แต่หวังว่า ภายในปีหน้า ปธน.เมกาคนต่อไป ... ไม่ว่าจะเป็น ฮิลลารี คลินตัน, บารัค โอบามา (แต่อย่าเป็นเจ๊คอนดอร์ ไรซ์เชียว) หรือใครก็ตาม คงเห็นแล้วว่า สงครามก่อให้เกิดผลกระทบต่อชาติอเมริกา และโลกทั้งใบมากเพียงใด ... ขอให้เค้าหรือเธอผู้นั้นจงกลับใจ หันมาสนับสนุนสันติภาพ ถอนกำลังทหารออกมาจากประเทศต่างๆ และคืนความสงบสุขกลับมาสู่โลกใบนี้อีกครั้งด้วยเถิด ... เพราะพวกเราทุกคน 'ตกนรก' (แห่งการก่อการร้าย และความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน) มานานเกือบ 8 ปีแล้ว!!! ![]() โดย: บลูยอชท์
![]() ผมว่าฝั่งเดโมแครตคงไม่พ้นฮิลลารี่ (เชียร์ Barack Obama แต่ด้วยความที่มาเจอกับฮิลลารี่ + เป็นคนดำ + ด่าฮิลลารี่ไปหลายยกทั้งที่อยู่พรรคเดียวกัน คงไม่มีโอกาสเป็นตัวแทนพรรคเป็นแน่แท้ แม้เขาจะมีนโยบายไม่เอาสงครามอิรักก็ตาม)
และผมว่าฮิลลารี่ไม่ถอนทหารออกด้วยสิ.... หึหึ โดย: nanoguy
![]() + ก็ไม่แน่อ่ะครับตี้ ยังเหลือเวลาอีกตั้งปีกว่าๆ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ความพลิกผันเกิดขึ้นได้เสมอ ... ดังนั้นพี่ขอเลือกมองโลกในแง่ดีไว้ก่อนดีกว่า ลุ้นให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้น เพราะทุกวันนี้สถานการณ์โลกก็เลวร้ายมากพออยู่แล้ว ทั้งจากที่มนุษย์กระทำต่อมนุษย์ด้วยกันเอง และที่โดนธรรมชาติลงโทษ (เพราะไปรุกรานและทำร้ายธรรมชาติ)
... เผลอๆ ถ้าทั่นอาร์โนลด์ ซวาเซเนคเกอร์ จะขอเปิดตัวแข่งขึ้นมาอีกคน เราอาจได้ ปธน.(อดีต)คนเหล็ก เหมือนอย่างในการ์ตูนซิมป์สันก็ได้นา 555 ![]() โดย: บลูยอชท์
![]() ^
^ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคงฮาแตก อิรักกับอัฟกานิสถานอาจจะเป็น springfield 2 (ถูกบริษัทน้ำมันเอาแผนมายื่นให้จิ้มเพราะแกมา lead ไม่ได้มา read) โดย: nanoguy
![]() เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ สวยมากๆ
โดย: ภูนพัฒน์ ซือสูงเนิน IP: 180.183.126.159 วันที่: 15 มิถุนายน 2554 เวลา:17:19:47 น.
|
บทความทั้งหมด |
นอกจากผลกระทบเรื่องของเหตุการณ์ทางการเมือง การสู้รบ การแหกมติยูเอ็นของชาติที่คิดว่าตัวเองเป็นพ่อประเทศอื่นเขาไปทั่วโลกแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงและจะหยั่งรากลึกไปอีกยาวนานคือสภาพสังคมที่คนต้องหันมาระแวดระวังภัยที่อาจมาเยือนตัวเองอย่างไม่คาดฝัน รวมไปถึงคนมุสลิม คนอาหรับ คนเปอร์เซีย อีกหลายล้านคนที่ต้องถูกหลอกหลอนด้วยอคติที่ถูกสร้างขึ้นมาจากพวก muslim-fundamentalists จำนวนไม่กี่คนที่สร้างภาพลักษณ์เลวทรามให้กับพวกเขา พร้อมกับคนอเมริกันที่พร้อมจะรับแนวคิดอคตินี้ใส่สมองโดยไม่ต้องคิดอะไร...
นอกจากภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้โดยตรงแล้ว ภาพยนตร์อีกนับร้อยนับพันเรื่องที่จะกำเนิดออกฉายสู่สายตาประชาคมโลกหลังจากนี้ คงหนีไม่พ้นที่จะสะท้อนสภาพสังคม และความเป็นไปของโลกหลังเหตุการณ์วิปโยคครั้งนั้นอย่างแน่นอน