ตามชื่อบลอกเลยค่ะ ตั้งแต่แฝดเข้าโรงเรียนนี่ป่วยบ่อยมากเลย
ก็เลยทำให้ไปๆหยุดๆตลอดค่ะ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเพื่อนนักเรียนในห้องป่วย
แล้วผุ้ปกครองไม่ให้ลูกตัวเองหยุด คราวนี้เลยป่วยติดกันไปตามระเบียบ
จริงๆ ตั้งแต่เปิดเทอมได้สัปดาห์แรกๆนี่ทางโรงเรียนก็มีเรื่องมือเท้าปากระบาดแล้วค่ะ
แต่ก็มีการปิดโรงเรียนไปแล้ว ทว่าปิดไปแค่อาทิตย์เดียว
ซึ่งระยะการรับเชื้อฟักตัวของมือเท้าปากนี่อย่างน้อยน่าจะต้องปิดโรงเรียนถึง10 วัน
เด็กที่ได้รับเชื้อในวันหลังๆ จะได้แสดงอาการและไม่แพร่เชื้อต่อหากเด็กหยุดอยู่กับบ้าน
ทีนี้พอหยุดแค่อาทิตย์เดียวเด็กที่รับเชื้อวันหลังเลยมาปรากฏอาการ
ในสัปดาห์ที่โรงเรียนเปิด และแน่นอนก็มีการติดเชื้อต่อกันอีก
ณ มนให้แฝดหยุดเลยค่ะหลังจากมีข่าวเพื่อนเป็น
แต่ก็ยังได้รับเชื้อไวรัส ดีที่ไม่ใช่มือเท้าปาก
แต่เป็นเชื้อเฮอร์แปง ไจน่า มีอาการออกตุ่มหนองในช่องปากและลำคอ
รักษาจนลูกหายก็ค่อยให้ไปโรงเรียนและก่อนหน้านี้คือให้พกกระติกน้ำของตัวเองไป
ไม่ให้ดื่มน้ำร่วมแก้วกับคนอื่นๆ
หลังจากนั้นก็มีเรื่องเพื่อนเป็นหวัดเล้กๆ น้อยๆ แฝดก็ติดมา
พี่เป็นก็มาติดน้องต่อ ก่อนหน้านี้หยุดกันไปถึงสองอาทิตย์ฺเลยค่ะ
พอกลับมาเรียนได้วันเดียว เอ้าติดไข้มาอีกแล้ว คราวนี้หยุดต่อกันอีกอาทิตย์นึง
เพิ่งได้ไปเรียนก็วันนี้นี่เอง
พอเห็นแบบนี้แล้วก็เลยนึกถึงบทความของคุณหมอเเด็กที่ท่านแชร์ในเฟซบุ๊ก
เนื้อหาบทความคืออยากให้ผุ้ปกครองตระหนักว่าโรงเรียนไม่ใช่โรงพยาบาล
และคุณครูก็ไม่ใช่พยาบาล ดังนั้นถ้าลูกป่วยก็ให้หยุดอยู่กับบ้าน
จากนั้นพาไปหาหมอรักษาให้หายก่อนแล้วค่อยให้ลูกไปโรงเรียน
เชื่อว่าเพื่อนบลอกที่มาอ่านบลอกของณ มนตอนนี้ แล้วมีลูุกวัยเรียน
คงต้องเจอปัญหาเดียวกันแน่ๆเลยใช่ไหมคะ
ถ้าโรงเรียนไม่มีจุดคัดกรองเด็กป่วยก่อนให้เด็กเข้าเรียนในแต่ละวัน
พ่อแม่ผู้ปกครองคงต้องเจอปัญหาแบบณ มนเจอกันอีกต่อไปแน่ๆ
ตอนนี้เลยอาศัยทำในสิ่งที่เราพอทำได้ก่อน นั่นคือถ้าพบว่าแฝดเริ่มมีอาการป่วย
ณ มนจะจับลูกหยุดเรียนก่อนเลยค่ะ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ไปแพร่เชื้อไข้ใส่เพื่อนๆ
ปล. ไม่ลงรูปตอนเด็กน้อยป่วยนะคะ ขอลงรูปตอนเขาแข็งแรงดีแทนก็แล้วกันนะคะ
พ่อแม่ผู้ปกครองน่าจะตระหนักเช่นเดียวกับที่คุณหมอแชร์ไว้นะคะ
โรงเรียนไม่ใช่โรงพยาบาล และครูก็ไม่ใช่พยาบาล
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ