ฉบับ 1100 28/6/56 : “อยากเป็นนักเขียน” ความในใจ “โต้ง 1,000 ล้าน”
Mr. Coffee : คุณโต้งรักหนังแค่ไหน

คุณโต้ง : เรียกว่าคลั่งเลยดีกว่า ผมไม่รู้เหมือนกัน เพราะวันๆ หนึ่งผมคิดแต่เรื่องหนัง ตอนแรกมันเกิดจากความชอบ ที่ดูทุกวันตั้งแต่เด็กแล้วพอโตขึ้นมา เราได้มาทำงานตรงนี้อีก มันก็เลยเหมือนกับว่า ก็ดีชีวิตก็มีอยู่แค่นี้แหล่ะ มันเหมือนเราเล่นสนุกทุกวัน ไม่น่าจะเรียกว่ารักแต่เป็นระดับบ้าคลั่ง

Mr. Coffee : เวลาว่างคุณโต้งก็จะดูหนังมากกว่าทำอย่างอื่นใช่ไหมครับ

คุณโต้ง : ก็จะดูหนัง ดูซีรี่ แล้วก็คอนเสิร์ตนี่ชอบมากครับชอบดูสดๆ

Mr. Coffee : ทีวีล่ะครับ

คุณโต้ง : ไม่ดูเลยครับ แต่ youtube ดูครับ ผมชอบดูคลิปขำๆ ใน youtube ล่าสุดผมชอบดูตลก ComedyCentral ของคนดำ 2 คนชื่อ Key & Peele (www.youtube.com/playlist?list=PL83DDC2327BEB616D)ดูเป็นสิบๆ คลิปเลยครับ

Mr. Coffee : ระหว่างความรักที่เกิดในกวนมึนโฮ กับ พี่มาก...พระโขนง ชอบแบบไหน

คุณโต้ง : ผมว่าพี่มากฯแฟนตาซีครับ กวนมึนโฮ Realistic กว่าเยอะ กวนมึนโฮต้องเกิดขึ้นได้มากกว่าอยู่แล้วแต่ผมว่าคนที่คิดแบบพี่มากฯ มีเยอะ คือคนที่ดูหนังเรื่องแม่นาคแล้วข้องใจว่าก็พี่มากรักแม่นาคมาตลอดแล้ว พอรู้ว่าเค้าตายแล้ว เกลียดอย่างนั้นเลยหรือนี่ก็มีเยอะ ผมก็ว่าเกิดขึ้นได้ทั้งคู่แหล่ะครับ แต่คนแบบพี่มาก อาจจะไม่ใช่ทุกคนแต่ Momentแบบในกวนมึนโฮ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่แค่อาจจะยังไม่เคยเจอ หมายถึงไปต่างแดนเหงาๆ และเกิดความประทับใจกันได้อย่างรวดเร็ว แต่กวนมึนโฮมันมากว่าชาวบ้านตรงที่เจอคนที่ใช่มากๆ ด้วยประมาณว่าเราไม่เคยเป็นตัวของตัวเองขนาดนี้เลยเวลาอยู่กับแฟน

Mr. Coffee : ในกวนมึนโฮหากคุณโต้งเป็นพระเอกในฉากที่เจอก้อย จะทำยังไง

คุณโต้ง : ผมว่าคงสติแตกคงบ้าไปเลย คงทำคล้ายๆ พระเอกในเรื่องนะผมว่า เพราะว่าก้อยไม่ผิดอะไรเราก็เขียนไปขอเค้าแต่งงาน และตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอกว่า เอ...แต่พระเอกก็บัดซบเหมือนกันนะหึหึ

Mr. Coffee : แล้วคุณโต้งเคยถามคนในทีมงานเช่นเต๋อ ดูบ้างไหมว่าถ้าเป็นเค้า เค้าจะทำยังไง

คุณโต้ง : ผมว่าทำอะไรไม่ถูกสิ่งที่พระเอก (เต๋อ) ทำ ก็คือรับ Re-act ตรงหน้า พอก้อย(จุ๋ย) เข้ามากอดก็กอด แค่นั้นเอง การพยายามวิ่งไปบอกนางเอก (หนูนา) ว่าอย่าพึ่งไปมันยิ่งเห็นแก่ตัวไง ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ ตอนนั้นมันคือการทำอะไรไม่ถูกแต่หนังมันดันเล่าว่าจะเจอกันบนเครื่องอีกไง โมเมนท์นั้นมันเลยข้ามไปหน่อย

Mr. Coffee : ฉากนี้อยู่ในบทตั้งแต่ร่างแรกเลยใช่ไหมครับ

คุณโต้ง : ใช่ครับว่าก้อยจะต้องมาเป็นสิ่งที่ทำให้ผมอยากทำหนังเรื่องนี้เลยครับ มันน้ำเน่าดี ผมชอบครับ

Mr. Coffee : การเขียนบทหนังรักดราม่าที่คุณโต้งจะทำเรื่องต่อไป มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทีมงานที่มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงมาช่วยกันเขียนบทเหมือนเดิมหรือไม่เพราะเหตุใด

คุณโต้ง : ใช่ครับยังจะใช้แบบเดิมคือมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง เนื่องจากถ้าผมเขียนเองมันก็จะได้ในมุมของฝั่งผู้ชายอย่างเดียว และแอ้ม (นนตรา คุ้งวงษ์)ก็จะมาช่วยในส่วนด้านมุมของผู้หญิงได้เยอะมาก จริงๆ ตอนในกวนมึนโฮเกิดจากทางโปรดิวเซอร์ โยนมาว่าต้องมีคนเขียนบทผู้หญิงในทีมเพราะว่าเป็นหนังรักที่ไม่ใช่หนังรักปกติ มันมีการ Explore ทัศนคติเพราะจะคุยกันทั้งเรื่อง เถียงกันในเรื่องทัศนคติของความเป็นหญิง ความเป็นชายก็เลยจำเป็นมากที่ต้องมีคนเขียนฝั่งผู้หญิง และบังเอิญนางเอก กวนมึนโฮคล้ายแอ้มด้วยครับ ความรั่ว วิธีคิดอะไรบางอย่างใช่เลย

Mr. Coffee : ขอตัวอย่างหนังรักของไทยและต่างประเทศที่คุณโต้งชอบ

คุณโต้ง : หนังไทยก็Last Life in the Universe ของพี่เป็นเอก รัตนเรืองครับ ชอบมากๆ ครับ รู้สึกว่าโคตรจี๊ดเลยและมีลีลาที่เป็นของตัวเองสุดๆ ผมว่านี่คืองานของพี่ต้อมที่ดีที่สุดคือเรื่องหนึ่งครับสำหรับผม ดีกว่ามนตร์รักทรานซิสเตอร์ด้วย พี่ต้องสร้างภาษาหนังที่เป็นเอกลักษณ์มากๆและอีกเรื่องก็ O-Negativeรักออกแบบไม่ได้ คงจะเป็นประเด็นเรื่องเพื่อนด้วย ชอบมาก ส่วนพวกแฟนฉันหรือเพื่อนสนิทก็ชอบมากครับ ความจำสั้นแต่รักฉันยาว ก็ซาบซึ้งดีแต่ที่ชอบมากที่สุดก็เป็น Last Life in the Universe ครับ ส่วนหนังฝรั่งก็ When Harry Met Sally และ JerryMaguire เป็นหนังแนวพูดมากๆ แบบที่ผมชอบ ลีลาการพูดแบบ JerryMaguire จริงๆ มันเน่ามาก แต่เขียนและกำกับกันซะจนโคตรโรแมนติกเลยจริงๆ มีอีกเยอะครับ Notting Hill ก็ชอบมากครับ ดูเป็นสิบๆ รอบดูแล้วอยากทำหนังให้ได้แบบนี้คือ โคตรเน่าเลยแต่มีรสนิยมมากๆ

Mr. Coffee : มุมมองด้านความรักในหนังไทยกับหนังต่างประเทศมีความแตกต่างกันอย่างไร

คุณโต้ง : สิ่งที่ต่างแน่นอนก็คือวัฒนธรรมของการแสดงออกฝรั่งแสดงความรักกันอย่างชื่นมื่นมาก จูบ การกอด มีอะไรก็พูดๆๆคำหวานหรือคำพูดเลี่ยนๆ จะประดิดประดอยได้มากกว่า เพราะเค้าเป็นวัฒนธรรมที่เยอะพูดได้ แสดงออกทั้งหมด ในขณะที่คนไทยจะทอะไรที่Privateมากกว่า การประดิดประดอยมากกว่า ใช้คำสวยหรูฝรั่งพูดจะธรรมชาติกว่าเยอะ คนไทยจะต้องน้อยกว่า เช่น I love you จะไม่ได้พูดกันตลอดเวลา จะพูดใน Moment ที่สำคัญมากๆฝรั่งพูดตลอดเวลาได้ แต่ญี่ปุ่นยิ่งแล้วใหญ่จะเป็นวัฒนธรรมที่เก็บสุดๆ ผมว่าบริบทมันต่างกันที่วัฒนธรรมคนเท่านั้นคือเราก็เคยคุยกันว่าเราชอบบทสนทนาจี๊ดแบบใน Jerry Maguireหรือใน When Harry Met Sally ที่พูดประมาณว่า “ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว ผมอยากจะเริ่มชีวิตตอนนี้ เวลานี้ กับคุณ” คนไทยไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้กันเลยแน่ๆแล้วจะทำยังไงให้มีความโรแมนติกในบทสนทนา ซึ่งกวนมึนโฮเป็นความพยายามครับมีประโยคจำเต็มไปหมด แต่ว่าไม่เลี่ยนและต้องจำได้ เช่น “ผมไม่รู้หรอกว่าไอ้ความรู้สึกนี้มันคืออะไรแต่เวลาที่ผมอยู่กับคุณมันโคตรมีความสุข” หรือ “คุณไม่สงสารชั้นหรอ”คือมันจะน้อยกว่าแต่ต้อง Memorableเท่ากัน ฝรั่งก็มี Realistic ในเแบบของเค้าของเราก็มีในแบบของเรา หนังไทยบางเรื่องก็เคยเห็นพยายามทำแบบฝรั่ง ผมดูแล้วขนลุก

Mr. Coffee : อะไรสำคัญที่สุดในการจะสร้างหนังรักสักหนึ่งเรื่องบท เคมี ฯลฯ

คุณโต้ง : ผมว่าเท่ากันเลยนะครับถ้า Cast ถูกต้อง เคมีดีแค่ไหนก็ตามแต่ถ้าเรื่องมันไม่มีอะไรเลย อาจจะเป็นหนังรักที่พอดูได้ แค่มีเสน่ห์ แต่ธรรมดาถ้าบทดีด้วยก็จะยิ่ง Perfect แต่ถ้าบทดีแล้ว cast ผิด ก็ไปเลยเหมือนกันถ้ามองในแง่หนังรัก cast อาจจะเหนือว่านิดนึง เพราะไม่ว่า 2 คนนี้จะพูออะไร มันก็จะดูน่าฟังไปหมดแล้วบทห่วย ก็จะเป็นหนังรักกลางๆ แต่ถ้าบทดีมากแต่ Cast เอาใครมาเล่นก็ไม่รู้นี่ไปเลยไม่มีมีทางรอด ถึงบทจะระดับออสการ์ก็ตาม

Mr. Coffee : ถ้าไม่ได้เป็นผู้กำกับคุณโต้งจะไปทำอะไรครับ

คุณโต้ง : ชอบคิดครับคงไปเป็น Creative Agency หรือไม่ก็นักเขียนอยากเขียนหนังสือ

Mr. Coffee : จะเป็นผู้กำกับหนังไปอีกนานแค่ไหนหรือจะไปเป็นโปรดิวเซอร์

คุณโต้ง : ยังตอบไม่ได้ครับถ้ายังมีเรื่องที่อยากเล่าก็คงยังทำอยู่ แต่ในอนาคตอาจมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับ รุ่นน้องได้เพราะทำหนังมาเยอะ.




Create Date : 29 กันยายน 2557
Last Update : 29 กันยายน 2557 16:54:39 น.
Counter : 656 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mrcoffee.BlogGang.com

Mr. Coffee
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]

บทความทั้งหมด