ฉบับ 1098 14/6/56 : จิบกาแฟกับ “โต้ง 1,000 ล้าน” (ตอนที่ 1)
บอกได้เลยว่า “เนชั่นสุดสัปดาห์” และ “ม็อค่า ปาท่องโก๋” ได้รับเกียรติเป็น“สื่อแรก” ที่ “เข้าถึงตัว” สุดยอดผู้กำกับ “โต้ง 1,000 ล้าน” ภายหลังความสำเร็จของ“พี่มาก…พระโขนง” แม้ว่าเราจะตีพิมพ์ทีหลังสื่ออื่นบ้างเล็กน้อยก็ตามก็ยังถือว่าเราโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติและมีโอกาสได้สัมภาษณ์ “ผู้กำกับหนังไทยเบอร์หนึ่งแห่งยุค” บรรจง ปิสัญธนะกูล…

Mr.Coffee : นิตยสาร The Hollywood Reporter ขึ้นปก “พี่มาก…พระโขนง” ว่า “10 Million Admissions” หรือ US$ 33,000,000 คือไปแตะที่ 1,000 ล้านบาท คุณโต้งรู้สึกอย่างไร

คุณโต้ง : ตอนนี้ก็ Chill เลยครับ รู้สึกโล่งใจ มันไปไกลกว่าที่คิด แรกๆ ก็รู้สึกตกใจแต่ตอนนี้ก็ดีใจที่มาได้ถึงขนาดนี้ แต่ว่าก็คิดว่ามันคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้วเพราะว่ามีหลายอย่างมาบรรจบมากๆ ทั้งไอเดีย ทั้งการหยิบตำนานที่ชาวบ้านรู้จักทุกคนก็เลยกว้างกว่าปกติ คือตอนแรกเคยคิดว่าถ้ามันได้ตามปกติ เช่น 200 ล้าน มากกว่าเรื่องเดิมหน่อยนึงก็อาจจะกดดันเพราะมันค่อยสเต็ปก้าวเพิ่มขึ้นมา แต่ตอนนี้มันไปไกลเวอร์เกินเลยไม่รู้สึกอะไรแล้ว Chill

Mr.Coffee : เช่นนั้นแล้ว เรื่องต่อไปกดดันไหม

คุณโต้ง: ไม่กดดันครับ ได้เท่าไหร่ก็แล้วแต่ สบายๆ มันเลยไปแบบบ้าไปแล้ว

Mr.Coffee : หมายถึงว่า คุณไม่ใช่ “ผู้กำกับร้อยล้าน” แต่เป็น ผู้กำกับพันล้าน”

คุณโต้ง : อย่างที่บอก เรื่องรายได้คงไม่กดดันแล้วล่ะครับ เพราะมันคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้วจะกดดันที่การเลือกเรื่องมาทำมากกว่า เรารู้สึกว่า ต้องมีคนจับตาแน่ๆอย่างน้อยผู้กำกับ “พี่มากฯ”กลับมาทำเรื่องใหม่ ก็คงรู้สึกว่าจะซ้ำรอยเดิมหรือเปล่าและเราก็อยากจะโตขึ้นในทุกๆ เรื่องที่ทำอยู่แล้วด้วยครับ จะทำเรื่องใหม่ทั้งทีเรื่องมันต้องโดนมากๆ หรือว่ามีอะไรใหม่ๆ ให้ทดลอง

Mr.Coffee : แนวหนังอะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำ

คุณโต้ง :ที่เล็งๆ ไว้ก็จะเป็นโรแมนติกดราม่า ที่ไม่มีขำเลย อีกอันนึงก็คงเป็น Thrillerฆาตกรรม เพราะผมรู้สึกว่าประเทศไทยยังไม่มีเรื่องไหนทะลุได้ทั้งคนดู ได้ทั้งหนังที่โอเคด้วย จริงๆ มีหนังบางเรื่องที่คนอาจจะตอบรับเช่นเรื่องเฉือนแต่ก็อาจจะยังไม่ได้กว้างนัก อยากลองดูว่าจะทำแนวนี้ได้ไหมเพราะมันท้าทายมาก

Mr.Coffee : หนังค่ายเดียวกันอย่าง“บอดี้ศพ#19” ถือว่าเป็นแนวนี้หรือไม่

คุณโต้ง : “บอดี้ศพ#19” ไม่นับนะ เพราะถือว่าเป็นหนังผีด้วยคือนับก็ได้แต่ก็ไม่แท้นัก แต่อย่าง “เคาท์ดาว์น” ก็ถือว่าใกล้เคียง แต่ก็แตกต่างออกไป

Mr.Coffee : แล้ว “คน-โลก-จิต”ล่ะครับ

คุณโต้ง : ใช่ครับ คล้ายๆ อย่างนั้น

Mr.Coffee : แล้วถ้าเอา 2 แนวนี้มาเทียบกันคุณโต้งมองว่าอย่างไหนสร้างยากกว่า ระหว่างโรแมนติก ดราม่า กับ Thriller ฆาตกรรม

คุณโต้ง : ก็คงแล้วแต่คนครับ แต่ว่าThriller ฆาตกรรมยากมากตรงที่ไม่อยู่ในความคุ้นเคยของคนไทยเพราะคนไทยไม่คุ้นเคยกับฆาตกรต่อเนื่อง ถ้าในหนังฝรั่งอย่าง Seven หรือหนังเกาหลีก็จะมีเยอะ แต่วัฒนธรรมของเค้าเอื้อให้มี แต่ของไทยนี่จะชาวบ้านมากๆ ฆ่ากันก็เพราะว่าหึงหวง แก้แค้น หรือโดนจ้างไปฆ่า มันไม่มีความซับซ้อนคือถ้าเราชอบหนังฆาตกรแบบฉลาดๆ พอเราดูหนังฝรังแนวนี้ก็จะสนุกมากๆแต่ไทยไม่มี ง่ายที่สุดคือเพราะมันไม่มีเกิดขึ้น ญี่ปุ่นกับฝรั่งก็จะมีแบบนี้เยอะมาก ความป่วยไข้ของคนยิ่งประเทศเจริญเท่าไหร่ การฆาตกรรมต่างๆ จะซับซ้อนขึ้น เมืองไทยมีชั้นเดียว การจะทหนังก็ต้องหาลู่ทางที่มันเหมาะไม่งั้นมันจะรู้สึกว่ามัน Fakeมาก ก็เลยรู้สึกว่าแนวนี้ยากกว่า

Mr.Coffee : จริงๆ ก็อยากดูหนังจากคุณโต้งทั้ง2 แนวนะครับเพราะน่าสนใจทั้งคู่

คุณโต้ง : ใช่ครับแต่จริงๆ คงทำโรแมนติกดราม่าก่อน เพราะว่า Thriller ฆาตกรรม หาพล็อตดีๆ ยากมาก และน่าจะใช้เวลากับบทมากกว่า

Mr.Coffee : อีกนานเท่าไหร่ครับกว่าเราจะได้ดูทาง GTHกำหนดหรือไม่ว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่

คุณโต้ง : ไม่มีครับแล้วแต่ว่าบทจะเสร็จเมื่อไหร่ ตอนนี้ก็เริ่มมีการคุยกับทีมบทแล้วว่าเราจะทำแนวนี้

Mr.Coffee : จะใช้ทีมเขียนบททีมเดิมหรือไม่

คุณโต้ง : ใช่ครับ ทีมผมมี เต๋อ (ฉันทวิชช์ ธนะเสวี)และแอ้ม (นนตราคุ้งวงษ์) แล้วก็ตัวผม...

Mr.Coffee : ในหนังที่ทำมาทั้งหมดพี่มากฯ ถือเป็นมาสเตอร์พีชหรือยัง

คุณโต้ง : จริงๆ มันก็มีดี-ไม่ดีปนๆ กันทุกเรื่องอยู่ แต่ “พี่มากฯ” เราก็โตขึ้น ความเอาอยู่ของหนังและความยากของสเกล Production พี่มากฯ ยากที่สุด และเป็นงานที่ทำออกมาแล้ว ผมก็ Happy มากๆ แต่ถ้าชอบที่สุด ก็คงเป็น “คนกลาง” (หนึ่งในหนังสั้นจากภาพยนตร์ชุด “4 แพร่ง”) ตอนนั้นคิดว่าเราเจอสิ่งที่มันใหม่จริงๆ และก็มีลีลาที่เป็นของเรา คืออาจจะมองว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นที่สุดของผมแต่จริงๆ ก็ชอบหมดครับ “คนกลาง”,“กวนมึนโฮ” และ “พี่มากฯ” แต่ “พี่มากฯ” โตที่สุด

Mr.Coffee : อีก 10 ปีข้างหน้า หนังไทยจะเป็นอย่างไรจะยังวนเวียน รัก ตลก ผี อยู่หรือไม่ หรือจะมีการพัฒนาขึ้นไปอีกหรือไม่

คุณโต้ง : ไม่รู้เลยครับผมว่าคงไม่หนีไปมากว่านี้ แต่เอาจริงๆ ผมกลับไม่รู้สึกว่ามันซ้ำ คือซ้ำก็ซ้ำได้แต่ขอให้มันดีเถอะ เอาจริงๆ หนังที่ดีมันยังมีไม่ถึงครึ่งเลยคือความหลากหลายมันต้องมาพร้อมความต่อเนื่อง อย่างเมืองนอก หนังที่เข้าสู่คนวงกว้างได้มีไม่กี่แนวที่มากว่าเราก็แอ็กชั่นกับไซไฟ ซึ่งมันใช้เงิน เงื่อนไขเมืองไทยนั้น ตัดออกไปได้เลย ก็เหลือ รัก ตลก ผี ดราม่า เอาจริงๆดราม่ายากที่สุด เพราะพูดถึงอารมณ์ ที่ไม่ได้เข้าถึงคนวงกว้าง แต่จริงๆ หนังไทยก็เริ่มพยายามทำอยง “วัยรุ่นพันล้าน” ที่เป็นดราม่าที่ไม่ใช่ด้านความรักหรือ “เคาทดาว์น” ที่เป็น Thriller แต่ก็เป็นแนวใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยของคนไทยแต่ผมอาจจะเห็นไม่เหมือนชาวบ้านที่ไม่ติดเรื่องความหลากหลายมากเท่าไหร่แต่แค่แนวเท่าทีมีขอให้มันดีให้ได้เถอะ แต่ที่มันมีก็ยังไม่ดีเลย

Mr.Coffee : แล้วอีก 10 ปีต่อไป คุณโต้งคิดว่าคนไทยยังจะดูหนังกันในโรงภาพยนตร์อยู่หรือไม่ครับ

คุณโต้ง : ดูแน่นอนครับการดูหนังที่บ้านกับดูในโรงมันคนละเรื่องกันเลย และเป็นกิจกรรมของการเดทและการไปสังสรรค์กับเพื่อน ถ้าไม่มีอะไรทำก็เข้าโรงหนังไปและถ้ามีหนังที่อยากดูจริงๆ ผมเชื่อว่าคนก็ยังอยากดูในโรงอยู่ดี

Mr.Coffee : ปัจจุบันโรงหนังมีอยู่ มีเพียงพอหรือยังเพราะตอน“พี่มากฯ”ดูเหมือนคุณโต้งจะทำให้โรงหนังเหมือนมีไม่พอ เพราะมันเต็มทุกที่เลย

คุณโต้ง : ผมว่าเป็นเพราะมันชนกับ G.I.Joe2 มากกว่า พอดูตอน Ironman3 หรือ Fast &Furious 6 ที่เป็นหนังโดดเด่นเพียงเรื่องเดียว ก็ดูเพียงพอนะ อย่าง“พี่มาก” ที่ไปดู 10 โมงเช้าแล้วได้ดูอีกที่ตอนเย็น ผมว่าเป็นเพราะว่าหนังใหญ่มันแย่งกัน 2 เรื่องมากกว่าคือมันเกินไป ความต้องการขนาดนี้ มันควรจะต้องมีโรงให้พอ ไม่ใช่ต้องรอกันขนาดนี้แต่ถ้าจะให้เพิ่มจำนวนโรงหนัง ผมรอให้เครือใหญ่ๆ ขยายออกไปมากกว่านี้ดีกว่า Box office จะได้นับยอดรวมได้ถูกต้อง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นหรือเปล่า (ติดตามอ่านต่อในวันศุกร์หน้า)




Create Date : 29 กันยายน 2557
Last Update : 29 กันยายน 2557 16:54:20 น.
Counter : 500 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mrcoffee.BlogGang.com

Mr. Coffee
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]

บทความทั้งหมด