ฉบับ 1099 21/6/56 : จิบกาแฟกับ “โต้ง 1,000 ล้าน” (ตอนที่ 2)
บอกได้เลยว่า “เนชั่นสุดสัปดาห์” และ “ม็อค่า ปาท่องโก๋” ได้รับเกียรติเป็น“สื่อแรก” ที่ “เข้าถึงตัว” สุดยอดผู้กำกับ “โต้ง 1,000 ล้าน” ภายหลังความสำเร็จของ “พี่มาก…พระโขนง”แม้ว่าเราจะตีพิมพ์ทีหลังสื่ออื่นบ้างเล็กน้อยก็ตาม ก็ยังถือว่าเราโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติและมีโอกาสได้สัมภาษณ์ “ผู้กำกับหนังไทยเบอร์หนึ่งแห่งยุค” บรรจง ปิสัญธนะกูล…

Mr. Coffee : คุณโต้งเคยสนใจที่จะทำงานประเภทอื่น ที่ไม่ใช่หนัง เช่น ละครละครเวที มีการทาบทามหรือชักชวนหรือไม่

คุณโต้ง : ก็มีละครเวทีติดต่อเข้ามาบ้างครับ ส่วนโฆษณาผมทำอยู่แล้ว ด้าน MV ก็มีมาเรื่อยๆ นะ แต่ผมไม่ค่อยถนัด ละครเวทีน่าสนใจที่สุด อาจเป็นเพราะผมอยากทำเองด้วย คือผมเคยเขียนบทความลงนิตยสารเอนเตอร์เทนเกี่ยวกับละครเวทีทางค่ายซีนาริโอก็เลยมาชวนให้ทำ พอดีรู้จักกันอยู่แล้ว แต่ละครเวทีคงต้องใช้เวลากับมันนานมาก ยังไงตอนนี้ยังอยากทำหนังอยู่ส่วนละครเวที ถ้าทำ ก็คงอีก 2-3 ปี

Mr. Coffee : แล้วพวก Sit-com ล่ะครับ

คุณโต้ง : ไม่ทำแน่นอน เพราะว่าไม่ใช่ทางของเราครับ ละครทีวียังอยากทำมากกว่า อย่างเวลาผมเห็นเรยา (ดอกส้มสีทอง) หรือแรงเงา ดัง ผมจะชอบอยากจะศึกษาว่าอะไรที่ทำให้เขาดังได้ขนาดนั้น คือละครเวลาออนพร้อมๆกัน มันมีเป็นสิบๆ เรื่องใช่ไหมครับ แต่ถ้ามันดังเรื่องเดียว แสดงว่ามันต้องมีอะไร หรืออย่างละครชุดคุณชาย ผมอยากไปดูทีมงานเขาทำงานเหมือนกัน เพราะเขาดังมาก

Mr. Coffee : ปัจจุบัน SocialNetwork มีผลต่อหนังมากขนาดไหน

คุณโต้ง : ก็มีผลสองด้านนะ คือถ้าหนังมันโดนหนังก็จะแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหนังมันแย่ ก็จะลบอย่างรวดเร็วแต่ไม่มีผลมากเท่า Mass Media คือถ้าเราจะพูดถึงหนังเรื่องหนึ่งให้กว้างทั่วประเทศชาวบ้านรู้จัก ต้องทีวีเท่านั้น อย่างอื่นคนเหล่านี้ไม่สนใจ Twitter ไม่รู้จัก เอาจริงๆ นะครับ Twitter เนี่ย เล็กมากๆ ครับFacebook ใหญ่กว่า เพราะว่า Mass กว่าถ้าจะบอกว่าอะไรสำคัญที่สุด เพื่อนเค้าสำคัญที่สุด คือปากต่อปาก เค้าไม่สนใจนักวิจารณ์ เซเล็บในทวีตก็มีไม่กี่คนหรอกครับ

Mr. Coffee : เวบ Pantipล่ะครับ

คุณโต้ง : มีผลน้อยมากครับ ผมว่าหลักหมื่นคนเองครับ

Mr. Coffee : แล้วถ้าเทียบกับรายการของคุณสรยุทธล่ะครับ

คุณโต้ง : อันนี้สำคัญครับ วิทยุก็สำคัญสมมติคลื่นที่เค้าฟังพูดซ้ำทุกวันว่า คุณต้องไปดู พี่มากฯ นี่โคตรตลกพูดอยู่นั่นแหล่ะ แปลว่าเค้าชอบมากจริงๆแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าพูดถึงหนังทุกเรื่องนะครับหนังที่เค้าเลือกมาพูดถึงมันน้อยมาก ผมว่าการที่พี่มากฯ เข้าฉายพร้อมคู่กรรมทำให้ทั้งสองเรื่องได้รับการพูดถึงอย่างรุนแรงมากๆๆ ทำให้คนแห่ออกมาดู

Mr. Coffee : ถ้าอีก 10 ปีข้างหน้าล่ะครับ อัตราส่วนการมีผลกระทบต่อหนัง ระหว่าง Social Network กับ Mass Media เปลี่ยนไปหรือไม่ มีโอกาสที่ SocialNetwork จะแซงหรือไม่

คุณโต้ง : แซงหรือเปล่านี่พูดยากครับแต่มีผลมากขึ้นแน่นอน น่าจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าครับ

Mr. Coffee : หากมีคนอยากเดินตามคุณโต้งมีฝันอยากเป็นผู้กำกับหนัง มีวิธีตรวจสอบอย่างไรว่าควรจะเข้ามาอยู่ตรงนี้จริงๆ

คุณโต้ง : ผมว่าบางทียังถ้ายังเด็กอยู่อาจตรวจสอบไม่ได้ชัดเจนนักครับ แต่ถ้าโตมาอีกสักพักก็จะรู้แหละครับว่าอยากทำตรงนี้หรือเปล่าแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องลงมือทำ คือแค่เราลงมือทำหนังสั้น สัก 2-3 เรื่องได้ทำงานกับทีม ทำงานกับเพื่อน ได้ออกฉายไปปุ๊บ แล้ว Happy หรือถ้าไม่ กระตือรือร้นที่จะสร้างงานต่อ หรือสามารถรับมือกับคำวิจารณ์ได้หรือไม่ ถ้าคนอยากเป็นผู้กำกับจริงๆ จะไม่มีทางล้มเลิกเลยครับมันจะอยากทำต่อไปเรื่อยๆ จะสงสัย สามารถเอาลง youtube หรือส่งประกวดถ้าคนอยากเป็นผู้กำกับจริงๆ เขาก็จะยืนของเขาได้เอง ผมเชื่ออย่างนั้น

ทุกวันนี้ผมว่าเด็กๆกระตือรือร้นมากขึ้นเยอะเลย อย่างผมไปทำโฆษณา ลูกเอเจนซี่ มาดูเป็น 10 คนเลยครับเอาหนังสั้นมาให้คอมเมนท์ ตอนผมยังเด็ก ผมยังไม่เห็นสนใจขนาดนี้เลย เอาเข้าจริงแล้ว ปัจจุบันอาชีพนี้สามารถเข้าไปถึงเด็กได้ง่ายขึ้นด้วย เครื่องไม้เครื่องมือเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น มีกล้องวิดีโอเล็กๆมีคอมพิวเตอร์ก็ทำหนังได้แล้ว คือถ้าถามว่าสำรวจตัวเองยังไงผมว่าก็ลงมือทำเลย และใช้เวลา มันไม่สามารถบอกได้ด้วยงานเดียวได้หรอกต้องใช้เวลาเพื่อเพื่อดูว่าเราสนใจใจมันจริงๆ หรือไม่บางคนงานเดียวอาจจะเลิกไปเลยก็มี

Mr. Coffee : เทคนิคการให้นักแสดง“ด้น” ฉากต่างๆ ตามความคิดของตัวเอง ที่คุณโต้งใช้ มีที่มาอย่างไรและประสบความสำเร็จ มากน้อยแค่ไหน

คุณโต้ง : จริงๆใช้มาตั้งแต่ 4 แพร่งแล้วครับ คือพอเราทำโฆษณาเราค้นพบเลยว่า การจะทำให้หนังเรื่องหนึ่งมันคม หรือ Memorable มันเกิดมาจาก Moment ที่คาดไม่ถึง มาจากความฟลุ๊ตรงนี้ระบบดิจิตอลมีประโยชน์มากฟิล์มทำไม่ได้ คือต้องรอเมจิกที่จะเกิดขึ้น ถ่ายไปเรื่อยๆ หนังตลกก็เหมือนกันถ้าเราคัทไปเลย ถ่ายตามบทเป๊ะๆ มันอาจจะไม่ขำ อย่าง 4 แพร่ง หรือพี่มากฯซึ่งเราก็จะรู้ว่าเจ้า 4 คนนี้มันเข้าขากัน มันฉลาดด้วย มันจะพูดอะไรออกมาก็ไม่รู้ แต่มันตลกมาก แล้วมาใช้การตัดต่อ สิ่งเหล่านี้อยู่ในหนังเยอะเหมือนกันนะครับ10 ถึง 20% เลยทีเดียว

Mr. Coffee : ในอนาคตคุณโต้งจะทำหนัง 3 มิติบ้างหรือไม่

คุณโต้ง : ถ้ามันไม่ยากนักจริงๆ พี่มากฯ อยากทำเป็น 3 มิติมากครับ แต่พอได้ยินว่าแต่ละคัทต้องรอนานผมเลยขี้เกียจ เพราะหนังตลกผมอยากถ่ายเร็วๆ

Mr. Coffee : ในอนาคต มีโครงการจะเอา “พี่มาก...พระโขนง”ไปทำเป็น 3 มิติ เหมือน “จูราสสิก พาร์ค”ที่กำลังจะฉายบ้างหรือไม่

คุณโต้ง : คงไม่ละครับยกเว้นว่ามันจะออกมาดูดี เท่าที่ได้ยินมาตอนนี้มันออกมาไม่ค่อยดี อย่าง JurassicPark 3D ที่คุณว่า ก็คงใช้เงินมหาศาลหนังไทยทำไม่ได้อยู่แล้ว

Mr. Coffee : มีคนพูดกันว่าในเรื่อง “พี่มาก...พระโขนง” คุณโต้งได้แฝงนัยเรื่องของการเมืองไว้

คุณโต้ง : จริงๆ ในตัวเรื่องเรามีการคุยกันอยู่แล้วว่ามันมีนัยชัดเจนมากเรื่องของคนนอก คือการที่คนอยู่กับผี คือคนที่สังคมไม่ยอมรับซึ่งจริงๆ มันคือคนที่แตกต่างเราคุยกันแต่แรกแล้วว่าเราพูดเรื่องกว้างมาก ไม่ได้พูดว่านี่คือการเมือง จริงๆ มันคือการเหยียดผิว เหยียดชนชั้น เหยียดเพศที่ 3 หรือเหยียดความคิดทางการเมืองก็ได้คือมันเป็นเรื่องเดียวกันหมด ทำไมเราต้องไปรังเกียจคนที่เห็นต่างจากเรา

(สัปดาห์หน้าเราจะมาเจาะลึก “ความรักของผู้กำกับพันล้าน” ห้ามพลาดครับ!)



Create Date : 29 กันยายน 2557
Last Update : 29 กันยายน 2557 16:54:30 น.
Counter : 467 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mrcoffee.BlogGang.com

Mr. Coffee
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]

บทความทั้งหมด