หันหน้า หาอดีต : อุโมงค์ขุนตาน - สะพานขาวทาชมภู - สะพานดำ เส้นทางฉึกฉักลำปู๊น




27th January 2019



ด้วยเนื้องานทำให้การเดินทางเยือนลำพูนคราวนี้ต้องสืบเสาะหาที่เที่ยวคั่นเวลา.. ลำพูนมีสิ่งดีงามและโบราณสถานเรียงรายให้เที่ยวได้ไม่หยุดไม่หย่อน เรียกได้ว่าจะให้ใช้เวลาเป็นวัน ๆ เที่ยวอยู่อย่างนั้นก็คงเก็บไม่หมดในวันเดียวค่ะ..

ด้วยการเยือนลำพูนคราวนี้เราตั้งอกตั้งใจที่จะไปเยือนสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของลำพูนอย่างอุโมงค์ขุนตานกันค่ะ อะไรที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และรถไฟด้วยแล้ว ยิ่งต้องตามค่ะ



"พระธาตุเด่น พระรอดขลัง ลำไยดัง กระเทียมดี ประเพณีงาม จามเทวีศรีหริภุญไช"


และแน่นอนว่า
สถานที่แรกของเช้าวันนั้นราว ๆ หกโมงกว่า ๆ เราเลือกจะไปที่นี่กันก่อนค่ะ อุโมงค์รถไฟขุนตาน ซึ่งตอนเช้าแสงระหว่างทางก็จะ "สวย"








ทางที่จะไปอุโมงค์ขุนตานก็หาไม่ยากค่ะ ตาม GPS ไปก็ถึง หรือตามป้ายไปก็จะมีบอกเป็นระยะ ๆ ค่ะไม่หลงแน่นอน







ทางที่ไปอุโมงค์ขุนตานราดยางตลอดสายค่ะ จะมีช่วงหนึ่งที่เหลือให้วิ่งแค่เลนเดียวแต่ก็ถือว่าขับง่ายอยู่ค่ะ คอนเฟิร์มจากคนขับไม่เก่งอย่างจขบ.




ในที่สุด !!

เราก็ถึงอุโมงค์ขุนตานที่ตั้งใจออกบ้านตามหาก่อนตะวันจะขึ้นซะอีก
อยู่ตรงหน้านี้แล้ว




อุโมงค์ขุนตาน


ว่ากันว่าอุโมงคดอยขุนดานนี้ใช้เวลาขุดเจาะทั้งหมด 8 ปี มีเรื่องเศร้าเกิดขึ้นมากมายขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่

ตัวอุโมงค์มีความยาวถึง 1,352 เมตร เริ่มขุดเจาะตั้งแต่ปีพศ. 2458 และใช้เวลาขุดเจาะและวางรางจนแล้วเสร็จ 11 ป


อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ก็คือ “อุโมงค์ขุนตาล” อยู่ระหว่างจังหวัดลำปางกับลำพูน เจาะลอดใต้ดอยงาช้างของเทือกเขาขุนตาลเข้าไป ยาวถึง ๑,๓๖๒.๐๕ เมตรกว่าจะทะลุอีกด้าน นับเป็นความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ สร้างความตื่นเต้นให้คนทั้งประเทศ ซึ่งต้องใช้วิทยาการและความอุสาหะอย่างมาก เพราะเครื่องมือเครื่องใช้ก็ไม่มีเหมือนในยุคนี้ ต้องใช้แรงคนตอกหินทีละก้อน ทั้งการเดินทางเข้าไปทำงานก็ยากลำบาก ต้องบุกป่าฝ่าดงแบกอุปกรณ์เข้าไป ซ้ำวิศวกรชาวเยอรมันที่ควบคุมงานทั้งหมดยังถูกจับในฐานะเป็น “ชนชาติสัตรู” ต้องใช้เวลาถึง ๓ รัชกาลจึงเปิดเดินรถได้
หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงทำพิธีเริ่มสร้างทางรถไฟในวันที่ ๔ มีนาคม ๒๔๓๔ จนปลายปี ๒๔๔๘ รถไฟสายเหนือก็เพิ่งเดินรถไปได้แค่สถานีนครสวรรค์ และการสำรวจเส้นทางที่จะไปถึงเชียงใหม่มีอุปสรรคใหญ่ คือเทือกเขาขุนตาลที่ขวางกั้นจนยากที่หลบเลี่ยงได้
การเจาะอุโมงค์ขุนตาลเริ่มต้นในปี ๒๔๕๐ ซึ่งยังอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยมีวิศวกรเยอรมันชื่อ อีมิล ไอเซนโฮเฟอร์ เป็นผู้ควบคุมคนแรก และขุดทั้ง ๒ ด้านให้มาบรรจบกันพอดี ซึ่งต้องใช้การคำนวณที่แม่นยำมาก
จุดเริ่มต้นขุดอุโมงค์ทั้ง ๒ ด้าน อยู่ในบริเวณทุรกันดารที่การเดินทางต้องใช้เดินเท้าหรือขี่ม้าเข้าไป ส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ในการก่อสร้างและสัมภาระทั้งหลาย ต้องใช้ช้างและเกวียนบรรทุก บางตอนที่เป็นภูเขาชันก็ต้องใช้รอกกว้านขึ้นไป โดยฐานหัวงานอยู่ที่ลำปาง
วิธีขุด เริ่มด้วยการเจาะเป็นรูเล็กๆเข้าไปโดยใช้แรงงานคนตอกหรือใช้สว่าน จากนั้นจึงเอาดินระเบิดไดนาไมต์ฝัง สอดใส่แก๊ปหรือเชื้อประทุ แล้วต่อสายชนวนยาวเพื่อความปลอดภัยของคนจุดชนวนระเบิด
บางจุดก็ใช้วิธีสุมไฟให้หินร้อนจัด ซึ่งจะทำให้สกัดออกได้โดยง่าย หรือบางก้อนราดน้ำลงไปหินร้อนก็จะแตกเองเป็นเสี่ยงๆ
ยิ่งขุดลึกเข้าไปงานก็ยิ่งยากขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะต้องขนเศษหินออกมาทิ้งนอกอุโมงค์ ซึ่งหินที่เจาะออกมาจากอุโมงค์ขุนตาลมีปริมาณถึง ๖๐,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตร การใช้แรงงานคนขนออกจากถ้ำ จึงเป็นงานที่หนักหนาสาหัสยิ่ง
คนงานที่สมัครมารับภาระในการขุดเจาะอุโมงค์ขุนตาลนี้ ส่วนใหญ่เป็นพวกที่หาทางไปทำงานอย่างอื่นได้ยาก ได้แก่พวกนักร่อนเร่เผชิญโชค พวกขี้เหล้าและขี้ยา ซึ่งขี้ยาในยุคนั้นก็คือพวกสูบฝิ่นที่ยังไม่มีกฎหมายห้าม ปรากฏว่าพวกที่ทำงานได้ดีที่สุดก็คือพวกขี้ยา ซึ่งมีความขยันมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ทั้งๆที่ทุกคนต่างมีร่างกายผอมแห้ง ที่ขยันทำงานก็หวังจะได้เงินมาสูบฝิ่น ทั้งยังไม่มีความกลัวควันพิษต่างๆในอุโมงค์ที่เกิดจากฝุ่นหิน เพราะเชื่อในอิทธิฤทธิ์ของฝิ่นว่าจะกำจัดได้หมด เมื่อขุดเข้าไปลึกๆอากาศหายใจก็น้อยลงทุกที ต้องปั๊มอากาศเข้าไปช่วย แต่พวกสูบฝิ่นที่ผอมแห้งก็ใช้อากาศหายใจน้อยกว่าพวกอื่น
เนื่องจากอุโมงค์ขุนตาลอยู่ในแดนทุรกันดารที่ชุกชุมด้วยไข้ป่า กรรมกรเหล่านี้นอกจากจะเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ยังมีไม่น้อยที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพราะความประมาท อย่างเช่นการต่อสายชนวนเข้ากับแก๊ปเชื้อประทุ แทนที่จะใช้คีบบีบ กรรมกรหลายคนมักง่ายใช้ฟันกัดแทนคีม ถ้าเกิดพลาดไม่ถึงตายก็ฟันร่วงหมดปาก
หลังจากขุดอุโมงค์ขุนตาลมาได้ ๕ ปีก็มีเรื่องเศร้าสลดเกิดขึ้นแก่พสกนิกรชาวไทย เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิดรถไฟไทย ได้เสด็จสวรรคตในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ แต่การขุดเจาะอุโมงค์ขุนตาลก็ยังดำเนินต่อไป
หลังจากใช้เวลาเจาะอยู่ถึง ๘ ปี อุโมงค์ทั้ง ๒ ด้านก็ทะลุถึงกันตรงตามที่คำนวณไว้ จากนั้นยังต้องใช้เวลาทำผนังและเพดานคอนกรีตตลอดอุโมงค์อีกถึง ๓ ปี เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำจากภูเขา
ระหว่างที่การขุดอุโมงค์ขุนตาลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ไทยก็เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ประกาศสงครามกับเยอรมัน ในการตัดสินพระทัยเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงคำนึงถึงการเจาะอุโมงค์ขุนตาลและการสร้างทางรถไฟสายเหนือ ซึ่งอยู่ในความควบคุมของวิศวกรเยอรมันทั้งสิ้น และต่างก็มีความดีความชอบได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ โดย มิสเตอร์ เอฟ ชะแนร์ ได้เป็น พระอำนวยรถกิจ มิสเตอร์ แอร์วิล มูลเลอร์ ได้เป็น พระปฏิบัติราชประสงค์ มิสเตอร์ ยี เอฟ เวเลอร์ ได้รับพระราชทานนามสกุล “เวลานนท์” เมื่อประกาศสงครามกับเยอรมันแล้ว คนเหล่านี้ต้องถูกจับเป็นเชลยทันทีเพราะเป็นชาติคู่สงคราม แม้จะเป็นมิตรที่ดีของคนไทยมาตลอดก็ตาม และเมื่อเห็นว่าไทยไปเข้าข้างสัตรู ก็อาจขุ่นเคืองหาทางแก้แค้นได้ จนมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับอุโมงค์ขุนตาลได้
ดังนั้นในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๖๐ ก่อนจะประกาศสงครามเพียง ๒๕ วัน จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน ซึ่งทรงศึกษาวิชาวิศวกรรมและทหารช่างจากอังกฤษ กำลังดำรงตำแหน่งจเรทหารบก เข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ ควบคุมการก่อสร้างทางรถไฟทั้งหมด
นอกจากนี้ยังทรงมีพระราชหัตถเลขาถึง พระยาสฤษดิ์การบรรจง (สมาน ปันยารชุน) นายช่างแขวงบำรุงทางรถไฟจังหวัดนครราชสีมา กำหนดให้เปิดซองอ่านในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ทรงกำหนดไว้อย่างเงียบๆว่าจะเป็นวันประกาศสงคราม
พระยาสฤษดิ์การบรรจงได้รับลายพระหัตถ์แล้วก็มิได้เฉลียวใจ เผอิญถึงกำหนดลาพักผ่อนไว้ จึงขึ้นไปเยี่ยมเยียนพระราชดรุณรักษ์ ซึ่งเป็นญาติ ซึ่งไปรับตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่จังหวัดเชียงใหม่ พอวันที่ ๒๒ กรกฎาคมจึงไปเปิดซองพระราชหัตถเลขาออกอ่านที่นั่น พอทราบเรื่องก็ตกใจ รีบเดินทางไปที่อุโมงค์ขุนตาลทันที และได้พบกับกรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน ซึ่งทรงไปบัญชาการอยู่ที่นั่นแล้ว
นอกจากจะมีชาวเยอรมันที่ควบคุมการขุดอุโมงค์ขุนตาลถูกจับ ถูกถอดบรรดาศักดิ์ และถูกคุมตัวส่งลงมากรุงเทพฯ ตามกติกาของสงครามแล้ว ยังมีชาวเยอรมันที่อยู่ในกรมรถไฟและกรมไปรษณีย์รวมกันถึง ๑๗๘ คนถูกจับทั้งหมด แต่ก็เป็นการทำตามกติกาสงครามเท่านั้น คนเยอรมันยังได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ใช้โรงพยาบาลทหารบกที่ถนนอุณากรรณ ซึ่งทันสมัยเหมือนโรงแรมชั้น ๑ เป็นที่ควบคุม และยังมีหมอและพยาบาลดูแลสุขภาพด้วย ส่วนครอบครัวที่มีเด็กก็ใช้สโมสรของชาวเยอรมันเองที่ถนนสุรวงศ์เป็นที่กักกัน
เมื่ออุโมงค์ขุนตาลเสร็จเรียบร้อยในปี ๒๔๖๑ จากนั้นก็ถึงขั้นวางราง แต่รางรถไฟสายเหนือจากจังหวัดลำปางก็ยังมาไม่ถึงอุโมงค์ขุนตาล เนื่องจากภูมิประเทศเต็มไปด้วยหุบเหวและป่าทึบ ยากแก่การวางราง โดยเฉพาะในช่วง ๘ กิโลเมตรก่อนถึงขุนตาล มีเหวลึกถึง ๓ แห่งที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ต้องสร้างสะพานข้ามไปเท่านั้น คือหุบเหวที่ ปางยางเหนือ ปางยางใต้ และปางหละ ซึ่งเหวที่ปางหละเป็นเหวที่กว้างและลึกที่สุด ต้องใช้ซุงหลายสิบต้นตั้งเป็นหอขึ้นมาจากก้นเหวรองรับรางรถไฟ ตอนข้ามก็ต้องวิ่งอย่างบรรจงช้าๆ เป็นที่หวาดเสียวของผู้โดยสารอย่างยิ่ง และใช้มาจนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ จึงเปลี่ยนเป็นหอคอนกรีตเสริมเหล็ก
อุโมงค์ขุนตาลแล้วเสร็จสมบูรณ์ เปิดให้ขบวนรถไฟผ่านเป็นครั้งแรกในวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๖๘ ในสมัยรัชกาลที่ ๗ เป็นความตื่นเต้นและปรารถนาของคนไทยอย่างยิ่งที่อยากจะนั่งรถไฟลอดอุโมงค์ขุนตาลสักครั้งในชีวิต แม้ในเวลากลางวันภายในอุโมงค์ขุนตาลก็จะมืด รถไฟต้องเปิดไฟทั้งขบวนจนผ่านพ้นอุโมงค์
การเจาะภูเขาที่เป็นหินแกร่งให้เป็นอุโมงค์กว้างจนรถไฟเข้าไปได้ และเป็นระยะทางไกลถึงกิโลเมตรเศษเช่นนี้ ในยุคนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง จนเกือบเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้วด้วยความอุสาหะพยายามของมนุษย์ อย่างที่มีคำกล่าวไว้ว่า “แม้แต่แม่น้ำยังหลีกทาง ภูเขาต้องโค้งคำนับ”
ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลอย่างในปัจจุบัน ถ้ามนุษย์จะนำมาใช้อย่างสร้างสรรค์ ไม่เอามาใช้ทำลายล้าง ข่มเหง เบียดเบียนกัน โลกใบนี้ก็จะสวยงามน่าอยู่ขึ้นอีกมาก

เครดิต : thailandtourismdirectory








เจ้าถิ่นก็จะเยอะหน่อย













เช้ามากค่ะ ไม่มีใคร ร้านค้าแถวนั้นก็ไม่เปิดมีแต่เราแค่นั้น
เคยรู้มาว่าจากตรงนี้เดินเท้าไปหาอุทยานแห่งชาติขุนตาลได้ด้วยวันนั้นเลยได้ทีสำรวจทางขึ้นนิดหน่อย พอเรียกน้ำย่อยไม่มากมาย
ใช่ค่ะทางขึ้นเขาไปอุทยานแห่งชาติขุนตาลก็ตรงป้ายรูปล่างนี้เลย
ไว้คราวหน้าจะมาแน่นอน









รางรถไฟก็น่าเดินชะมัด  ลองมะ?



















สายกำลังดี.. ได้ทีละที่นี่ค่ะ
.
.
.






สะพานขาวทาชมภู

ตั้งอยู่บริเวณบ้านทาชมภู หมู่ 4 ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน อยู่ระหว่างสถานีขุนตานกับสถานีทาชมภู เป็นสะพานประวัติศาสตร์ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2461 และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2463 เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินรถไฟจากลำปางมายังเชียงใหม่ สะพานขาวบ้านทาชมภูก่อสร้างต่อจากอุโมงค์รถไฟขุนตาน ซึ่งเป็นเส้นทางสายกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ เพื่อให้รถไฟข้ามผ่านลำน้ำแม่ทา มีลักษณะรูปทรงโค้งทาสีขาว เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นตื่นเต้นเข้ามาดูชมการสร้างสะพานนี้อยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นสิ่งใหม่ รวมไปถึงนำอาหารและสิ่งของมาจำหน่ายให้กับกรรมกรแรงงานและนายช่างอยู่ตลอดเวลา
สะพานทางรถไฟแห่งนี้ทาสีขาวโดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทุ่ง ถัดจากอุโมงค์ขุนตาน แตกต่างจากสะพานรถไฟอื่น คือเป็นโครงคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 87.3 เมตร ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกและท้าทาย เนื่องจากปกติสะพานรถไฟจะสร้างด้วยเหล็ก เพราะสามารถทนต่อแรงสะเทือนและอ่อนตัวได้ดีกว่า แต่เนื่องจากช่วงเวลาที่สร้างสะพานเป็นภาวะสงครามไม่สามารถหาเหล็กมาสร้างสะพานได้ แต่ด้วยการคำนวณและควบคุมงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้สะพานทาชมพูยังคงใช้งานได้อยู่จนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันนอกจาก สะพานทาชมภู จะเป็นทางรถไฟที่ทอดข้ามแม่น้ำแล้ว ยังใช้เป็นจุดแบ่งเขตแดนระหว่างอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาน กับเขตป่าสงวนแห่งชาติอีกด้วย อีกทั้งสะพานแห่งนี้ยังถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญจุดหนึ่งของการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงทำให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ จึงไม่ควรพลาดที่จะหาโอกาสมาแวะชมความงดงามของสะพานทาชมภู เครดิต : thailandtourismdirectory.go.th








เนื่องจากเคยรีวิวที่นี่ไปแล้ว ลำพูน ไม่ลำพัง : สะพานขาวทาชมภู

ให้ภาพเล่าเรื่องรอบนี้แทนละกันนะคะ





















แดดเริ่มร้อน เราลาสะพานขาวไปหาอะไรจิบกันเนาะ
.
.
.








เก็บรูปมาเล็กน้อยที่ไร่ริชชา ไร่มัลเบอรี่ชื่อดังของลำพูน
รับรองเรื่องความชิล และความสดของผลิตภัณฑ์ค่ะ
























มัลเบอรี่ที่นี่ รับรองความสดค่ะ
.
.
.










สะพานดำ ลำพูน

ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดนักให้สืบหา เรารู้เพียงแต่ว่าคนทุกรุ่นในพื้นที่จังหวัดลำพูนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า.. "เกิดมาก็เห็นสะพานดำนี้เลย" นี่คือคำพูดของเด็กเล็ก ๆ ไปจนถึงคนรุ่นหัวหงอกผมขาว แต่สันนิษฐานกันว่าน่าจะอายุพอ ๆ กับสะพานทาชมภู และอุโมงค์ขุนตาน ระยะไล่ ๆ กันกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ส่วนสาเหตุที่ตัวสะพานเป็นสีดำนั้นเพราะ.. สีของเหล็กที่พอจะหาได้ในสมัยนั้นนั่นเอง จึงเป็นเหตุให้ชาวบ้านเรียกสะพานแห่งนี้ว่า "สะพานดำ"  เราไม่อาจจะมองข้ามความธรรมดาของสะพานนี้ได้ แม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ก็ถือเป็นสถานที่เก่าแก่และเป็นของคู่บ้านคู่เมืองลำพูนหลายยุคหลายสมัยมาค่ะ










ขออนุญาตเจ้าของคลิปด้วยนะคะ

เครดิตภาพมุมสูงสวย ๆ สองภาพนี้ :  ขบวน 408 พ รถแอ่วเหนือ ผ่านสะพานดำ ลำพูน













เส้นทางกลับเชียงใหม่ ถนนเรียบทางรถไฟ.. เราก็จะเห็นรถไฟวิ่ง ส่งเสียงหวูดเป็นระยะ ๆ
เส้นทางสายนี้เป็นที่ตื่นเต้นของเด็ก ๆ เสมอค่ะ










ขอบคุณที่แวะมา




Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2562
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2562 20:06:46 น.
Counter : 2588 Pageviews.

29 comments
ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มฟื้นคืนชีพ สวยสุดซอย
(12 เม.ย. 2567 14:13:40 น.)
Mahar Shwe Thein Taw Pagoda, Royal Jasmine Hotel - Pyin Oo Lwin สายหมอกและก้อนเมฆ
(11 เม.ย. 2567 16:06:34 น.)
Day 7 เที่ยววันสุดท้าย Arashiyama กลางสายฝน khimyo
(10 เม.ย. 2567 12:51:53 น.)
วัดตะโหมด Wat Tamod, Phatthalung. nanakawaii
(11 เม.ย. 2567 09:28:07 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเนินน้ำ, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณทนายอ้วน, คุณวลีลักษณา, คุณmambymam, คุณกะว่าก๋า, คุณSweet_pills, คุณRinsa Yoyolive, คุณtoor36, คุณKavanich96, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณหอมกร, คุณJinnyTent, คุณnewyorknurse, คุณสองแผ่นดิน, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณInsignia_Museum, คุณเรียวรุ้ง, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณkae+aoe, คุณhaiku, คุณเกศสุริยง, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณล้งเล้งลัลล้า, คุณThe Kop Civil

  
ตามแม่โมมาเที่ยวด้วยค่ะ
หันหน้าหาอดีต อุโมงค์ลอดถ้ำขุนตาลยังไม่เคยไปเลยค่ะ ต้องนั่งรถไฟเนาะถึงจะได้ลอด
วันนี้ไปได้ชมทั้งสะพานขาวและดำ เป็นจังหวะที่รถไฟแล่นมาพอดี สวยค่ะ
โดย: เนินน้ำ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:11:23:24 น.
  
สะพาน ทาชมภู เป็นอีกหนึ่งสะพานที่สวยเป็นเอกลักษณ์เดียว
ของเรา... สร้างมาเกือบจะครบหนึ่งร้อยปีแล้ว ยังแข็งแก่รงอยูเลยนะครับ สวยงามมากด้วย
ที่ว่าสวยเพราะ...วิวสวยและ ทางรถไฟช่วยทำให้สวย....ด้วยสร้างทางให้เป็นทางโค้ง เพื่อทุกคนที่โดยสารรถไฟมา มองเห็นสะพานได้เต็มๆ
ตั้งข้อสังเกตุว่า..ตัว อช. ใช้คำว่า "ขุนตาล"
แต่ ตัวอุโมงค์ ที่สร้าง กับใช้ชื่อ "ขุนตาน"
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:12:00:18 น.
  
อ่านประวัติยาวเหยียดแล้วก็แอบอึ้งทึ่งเสียว
ว่าสมัยโน้นเรายังสามารถเจาะอุโมงค์ทำทางลอดรถไฟมาหากันได้
อเมซิ่งไทยแลนด์ 555
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:12:50:20 น.
  
เห็นรางรถไฟในภาพแรก... นึกถึงการทำฐานราง วางราง
สมัยนี้ของบางประเทศ ทันสมัยมาก

แต่นึกถึงคนสมัยก่อน ยากลำบากใช้กรรมกร ขุดดินเก่านำดิน
ใหม่ใส่บุ้งกี รถบดอัด... แต่งานก็ทำให้พวกเราได้ใช้ตลอดมา

ยิ่งเห็นประวัติขุดอุโมงค์ขุนตานแล้ว น่าทึ่งที่สุดใช้ฆ้อน
เวลาอันยาวนาน 11 ปี..

......

แม่โม เคยไปไร่หรือสวนปลูก วาซาบิที่ลำพูนหรือยังครับ

เคยอ่านข่าวว่า มีการปลูกเพราะ น้ำดีอากาศเย็น... เขาว่า
ปลูกแล้วส่งออก..

น่าสนใจ เพราะชอบกินวาซาบิ ฝน.. มากกว่าวาซาบิเทียม
ครับ.. แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเหมือนกัน
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:13:32:36 น.
  
ตามเที่ยวด้วยคนค่ะ
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:15:21:31 น.
  
อุโมงค์ขุนตาลนี่อยากไปที่สุดครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:19:45:18 น.
  
บ้านเรามีสถานที่เที่ยวสวยๆเยอะเลยนะคะ
โดย: วลีลักษณา วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:19:47:53 น.
  
โหวตครับแม่โม

มีทั้งสะพานขาว สะพานดำเลย
เห็นภาพอุโมงค์ขุนตาล
นึกถึงอดีตเลย
20 กว่าปีที่แล้วพี่ก๋าเดินขึ้นขุนตาล
มีวีรกรรม มีเรื่องเล่ามากมายกับเพื่อนๆ
เป็นทริปที่สนุกมากครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:20:19:23 น.
  
วันนี้ฝุ่นเยอะจริงๆ
พี่ต้องหลบไปออกกำลังกายในห้องเลยล่ะครับ
มาดามใช้แอพวัดค่า 187 ครับ
108 นี่อันตรายแล้วนะ
เกินขีดอันตรายไปเยอะเลย
โรงเรียนหมิงหมิงแจ้งเตือนแล้ว
ว่าพรุ่งนี้่ให้ใส่หน้ากากไปโรงเรียนครับ




ตอนนั้นพี่ก๋านอน ย.3 ครับ
สนุกมาก เดินไกลจริงๆ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:22:47:09 น.
  
แสงยามเช้าสวยจังค่ะแม่โม
พี่ต๋าเคยนั่งรถไฟลอดอุโมงค์ขุนตานแต่ไม่เคยลงเดินชมค่ะ

สะพานขาวทาชมภูและสะพานดำเป็นสองสะพานที่เก่าแก่นะคะ
มีโอกาสไปลำพูนครั้งหน้า จากที่คิดจะชมสะพานขาวทาชมภูที่เคยเห็นจากบล็อกแม่โม
จะเพิ่มสะพานดำอีกแห่งค่ะ

นอนหลับฝันดีนะคะ
ขอบคุณแม่โมสำหรับกำลังใจค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:0:30:55 น.
  
สถานีรถไฟนี่สวยแฮะ เจ้าถิ่นเยอะจริงๆ ท่าทางเอาเรื่องด้วย

เดินเล่นบนรางระวังด้วยนะครับ สะพานดำลักษณะแบบเดียวกับสะพานพุทธเลย
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:0:53:33 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:2:41:54 น.
  


สวัสดียามเช้าครับแม่โม

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:6:25:39 น.
  

แสงเช้า...ระหว่างทาง เป็นภาพที่งดงามมากค่ะ..
โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:10:02:57 น.
  
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
มีรูปสวยแล้วยังมีเรื่องราวด้วยนะคะแม่โม

โดย: หอมกร วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:10:56:23 น.
  
อิอิ คนเจียงใหม่ อยู่ฮิมละปูน
และบะไกลจากลำปาง แต่บะเกยแอ่วอย่างแม่โมเลยเจ้า
เกยแต่นั่งรถไฟลอดอุโมงค์ขุนตาล
ซึ่งเมินมาก ๆ แล้ว

สะพานขาวทาชมพู สะพานดำ
กะบะเกยไปแอ่วสักตี้ แอ่วตวยแม่โมไปก่อนเนอะ

เกยให้เพื่อน ๆ ไปถ่ายหลายคนเจ้า
ไว้ได้ขับรถลงใต้ มีเวลาค่อยแวะ
โดย: JinnyTent วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:12:05:43 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับแม่โม

ใช่ครับ
ไม่มีใครหนีพ้นตายได้เลยสักคนเดียว
แต่การที่เรามีศรัทธาที่ดี มีความเชื่อที่ดี
จะทำให้ความตายไม่ไ่ด้เป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับเราเลย
พี่ก๋าเชื่อเช่นนั้นครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:13:50:17 น.
  
แสงยามเช้าที่อุโมงค์ขุนตานสวยมากๆ เลยค่ะแม่โม

ไร่น่าไปปปปป อยากไปกินมัลเบอร์รี่ค่ะ

สะพานดำไม่เคยไป คล้ายสะพานดำที่เพชรบุรีอยู่นะคะนี่

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
auau_py Review Food Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:16:26:11 น.
  
ทักทายก่อนเลิกงานครับ
ชอบเที่ยวสะพานครับ(ซื้อหนังสือเที่ยวสะพานเก็บไว้ด้วย) แต่ไปที่เดียว สะพานข้ามแม่น้ำแคว
ชอบรูปสะพานที่มีแบ๊คกราวด์เป็นภูเขาครับ สวยครับ
แล้วจะตามรอยไปเที่ยวบ้างครับ

ส่งกำลังใจครับ แม่โม mariabamboo Photo Blog

โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:16:29:53 น.
  
เมืองไทยยังมีที่เที่ยวสวยๆ อยู่อีกมากมายเลยนะคะ

รุ้งก็อยากเที่ยวเหนือยาวๆ บ้างจัง บอกตัวเองว่ารอตกงานก่อนคราวนี้เที่ยวกันยาวๆ เลย

**************

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะแม่โม แต่รุ้งไม่ได้เฝ้ารอใครนะคะ ก็อยากมีโมเม้นท์แบบนั้นบ้าง แต่ยังรักตัวเองมากเกินกว่าจะทำร้ายตัวเองอะ
โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:17:12:43 น.
  
สวัสดีคะ...

ขอบคุณที่แวะไปทักทายกันคะ..

เวลาไปแอ่วเจียงใหม่ ก็จะแวะไปลำพูนบ่อยๆคะ..

ชอบทานก๋วยเตี๋ยวลำใยใกล้วัดพระธาตหริภุญชัย

ทานไส้อั่วยายปี๋...ไม่ไกลกันมากนักคะ..

อ๋อ..เช่าพระรอดด้วยคะ..ยังอยู่ในรถประจำ..

โหวตให้เลยนะคะสาวๆ...อิอิ

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:19:59:24 น.
  
ถือเป็นอุโมงค์ และสะพานที่สวยจริงๆค่า
น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนจะแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันบ่อยๆ
ทาสีสัสดใสเชียว


เมื่อคืนมาดึกไปหน่อยเลยได้แวะแค่โหวตค่า
วันนี้จึงมาชมเป็นทางการอีกครั้งค่า

โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:23:01:03 น.
  


สวัสดียามเช้าครับแม่โม

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:6:31:53 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rinsa Yoyolive Review Travel Blog ดู Blog
JinnyTent Travel Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
แวะมาทักทายกันค่ะคุณโม
โดย: เกศสุริยง วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:18:00:47 น.
  
Happy Valentine's Day ค่ะแม่โม

โดย: Sweet_pills วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:20:20:24 น.
  
น่าเที่ยวจังค่ะ
นั่งรถไฟสมัยนี้ห่างไปเลยค่ะ
สมัยเด็กไปไหนก็อาศัยรถไฟอย่างเดียว

รูปถ่ายสวยมากค่ะ แม่โม

โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:19:46:43 น.
  
โดย: 三星s10_百度搜索 IP: 212.47.252.101 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:21:58:20 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
tuk-tuk@korat Music Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
Sai Eeuu Food Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

ไปปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์)เสียสองวัน ขอแบ่งบุญมายังคุณโม มีความสุขจิตผ่องใสกันนะคะ
โดย: ล้งเล้งลัลล้า วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:9:57:32 น.
  
ต้องไปตามรอยที่ขุนตาลบ้างเสียแล้วครับ บรรยากาศน่าไปพักมากเลยครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:11:46:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mariabamboo.BlogGang.com

mariabamboo
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]

บทความทั้งหมด