รักร้ายๆ..ลูกชายมาเฟีย 5
5.

.เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าผมอยู่ในห้องนอนของผมเอง ม่านสีส้มอิฐยังคงปิดบังทัศนียภาพภายนอกไว้จนหมด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ห้องดูมืดทึบจนเกินไป เครื่องปรับอากาศชั้นดียังคงทำงานอย่างมีประสิทธิภาพไร้เสียงรบกวนใดๆ ความเย็นสบายทำให้บรรยากาศในห้องน่านอนต่อ แต่ที่ผมตื่นขึ้นเพราะรู้สึกไม่สบายตัว... ผมขยับตัวไม่ได้และคล้ายมีอะไรหนักๆทับตัวผมอยู่

“อือ..อ..ม”

“อ่ะ!”

...พี่โอ..

พี่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆผม...พี่อยู่ตรงนี้ตลอดเลยหรือ...เผลอปล่อยยิ้มออกมาจนได้...แขนข้างหนึ่งของพี่กำลังกอดผมไว้ นี่กระมังความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยตลอดทั้งคืนที่ได้รับจากการต้องต่อสู้กับความฝันที่โหดร้ายเมื่อคืนนี้ ...แม้มันจะเป็นแค่ในความฝันก็ตาม...ขอบคุณนะฮะพี่...ขอบคุณมาก

ผมยกมือลูบเส้นผมที่ปรกหน้าผากของพี่ออก ถือโอกาสสำรวจใบหน้าของพี่เล่น

คนที่มีใบหน้าคมคาย กับสายตาดุๆ
คนที่มักจะพูดจาไม่เพราะและไม่ค่อยตามใจผมสักเท่าไหร่
คนที่แข็งกระด้างกับทุกเรื่องราว...แม้กระทั่งเรื่องของ..หัวใจ...
...คนนี้..คนที่ผมหลงรักไปได้อย่างไรกัน...

สายน้ำเกลือที่มือซ้ายทำให้ผมนึกทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา...ผมหลับตา...ภาพเหตุการณ์เมื่อวานพร่าเลือนในความทรงจำ จำได้ว่าผมออกจากรีสอร์ทไอ้โตเพราะมีเรื่องกับไอ้พี่ดิว ผมกินยาอะไรสักอย่างเข้าไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ... อืม...ปวดหัวจัง...ผมยกมือกุมขมับ สายน้ำเกลือที่ติดอยู่ขยับทำให้เจ็บแปลบ

“โอ๊ะ!ซี้ด.ด.ด.”

“อ่ะฟลุ๊ค!..ตื่นแล้วหรือเป็นไงบ้าง”

พี่งัวเงียรีบลุกขึ้นนั่ง กุมมือผมไว้ มืออีกข้างก็วางทาบหน้าผากผมยกใหญ่ ดูเหมือนพี่จะเป็นกังวลกับอาการของผมไม่น้อย อดดีใจลึกๆไม่ได้ ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งพี่ก็เข้ามาช่วยประคองให้ลุกได้ง่ายขึ้น
อ่ะ!กลิ่นนี้.. Bvlgari Aqua จากตัวพี่กระจ่างชัดอยู่ในความทรงจำ…ผมรู้ว่าหน้าผมแดง

ยิ้มจางๆจากปากผมส่งไปให้พี่ พร้อมกับวาจาน่าตีตามแบบฉบับของผม...
...ก็เพื่อ...กลบเกลื่อนความอายจากฝันอีโรติคเมื่อคืน

“ยังไม่ตาย..แค่นี้ไกลหัวใจเยอะ”

พี่โอหน้าเครียดขึ้นมาทันที ถอนหายใจหนักๆก่อนจะลูบหัวผมเบาๆและเลี่ยงออกไปจากห้อง อ้าว...ทำไมไม่ต่อว่าหรือเถียงกลับผมสักหน่อยล่ะ..ฮื่ย!!ไอ้พี่บ้า


“เพี้ยะ!”

“อ่ะ!พี่อารักษ์..หยุดเถอะ..พอแล้ว”

เสียงนายหัวเอ่ยห้ามพ่อที่กำลังเง้อง่าจะฝาดฝ่ามือใหญ่ตามลงมาที่หน้าผม ... เป็นครั้งที่สอง... ไม่เจ็บหรอกครับ เพราะแค่นี้ผมทนได้ สมควรแล้วกับความประมาทของผมเอง

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ..ตอนนี้ฟลุ๊คก็ปลอดภัยแล้ว”

“ไม่ได้ครับนาย... โอทำผิดมากผมต้องลงโทษ... ไม่ใช่แค่ในฐานะเจ้าของบริษัทบอดี้การ์ด...แต่ในฐานะพ่อด้วย”

“โอทิ้งน้องทำไม...พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าอยู่ไกลจากน้อง”

“ถ้าน้องเป็นอะไรไป..โอ..พ่อไม่อยากจะคิด”

...ผมก็คงจะตามน้องไป...พ่อคงไม่ได้เห็นผมมานั่งคุกเข่าก้มหน้าสำนึกผิดแบบนี้หรอกครับ...


ผมก้มหน้านิ่งไม่มีอะไรที่ผมจะต้องแก้ตัว...ผมผิดทุกอย่าง...
...ผิดที่บกพร่องในหน้าที่บอดี้การ์ดที่ดี ...บกพร่องในหน้าที่พี่ที่ดี..
…ผมผิด...ที่ทำให้คนที่รักผม...เสียใจ
...และผมผิดมากเหลือเกิน...ที่ผมทำให้คนที่ผมรักมากที่สุด...ต้องตกอยู่ในอันตราย


“พ่อครับ..ผมขอโทษ”

ผมก้มกราบพ่อทั้งสอง นายหัวปัญญาเข้ามาประคองผมให้ลุกยืน ตบหลังตบไหล่กอดปลอบใจผม เราอยู่ในห้องหนังสือ...ที่เลือกใช้ห้องนี้เพราะพ่อไม่ต้องการให้ผมเสียหน้าต่อลูกน้องทั้งหมด ผมพลาดครั้งยิ่งใหญ่ และงานเลี้ยงฉลองสมรสของน้องไอซ์ในเดือนหน้านี้ผมต้องไม่ทำให้เกิดการผิดพลาดอีก

ผมกลับเข้ามาที่ห้องนอนของน้องอีกครั้ง น้องเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว พยาบาลพิเศษที่หมอเมย์ส่งมาช่วยดูแลเรื่องกิจวัตรให้จนเรียบร้อย น้ำเกลือผสมวิตามินซีขวดที่สองถูกปลดออกไปแล้ว ปากจิ้มลิ้มที่เคยแดงสดดูจางลงไป แม้ว่าจะดูซีดเซียวไปบ้างแต่ใบหน้าสวยหวานนั้นก็ยังคงหน้ามอง น้องนั่งพิงพนักหัวเตียง ตาโตเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่ทอดยาวจากเพดานจรดพื้นเปิดมุมมองกว้างไกล สายตาของน้องโฟกัสที่ใดผมไม่รู้ อาจจะเป็นสวนป่าหนาทึบด้านหลังอาณาจักรธรรมมลนั้นก็ได้


ผมหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องกอดอกมองน้องเงียยบๆอยู่นานจนมือนิ่มๆของใครบางคนสะกิดที่บ่า

“จะยืนอยู่ตรงนี้อีกนานไหมคะพี่โอ”

น้องไอซ์ครับ ผมส่งยิ้มจางๆให้ แล้วเดินตามน้องไอซ์ไปที่เตียงคนไข้ น้องหันกลับมายิ้มเมื่อเสียงใสๆของพี่สาวเอ่ยทัก

“ไงล่ะEve เช้านี้สบายดีไหม”

“โอ่ะพี่ไอซ์อ่ะ... อย่าเอ่ยชื่อนี้ได้ไหม ฟลุ๊คขยาดไงไม่รู้สิฮะ”

น้องรับน้ำส้มคั้นสดจากมือน้องไอซ์ไปจิบ แล้วส่งให้พยาบาลที่ยืนอยู่ใกล้ๆนำไปวางที่ตู้ข้างเตียงเอ่ยเบาๆกับคุณพยาบาลให้ไปพักก่อนจะหันมาคุยกับพี่สาวต่อ

“ฟลุ๊คขอโทษนะฮะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง ต่อไปฟลุ๊คจะระวังตัวให้มากกว่านี้”

น้องหันมาสบตากับผมอย่างจังและเป็นผมเองที่ต้องหลบสายตาของน้อง เพราะประกายระริกไหวในดวงตากลมโตคู่นั้น ทำให้ผมใจกระตุก
..พี่เกือบจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้วใช่ไหม... ฟลุ๊คครับพี่ขอโทษ...เพราะพี่เอง…พี่ผิดเอง
...ผมเลี่ยงมองไปทางอื่น...เพราะใบหน้าหวานที่มียิ้มจางๆนั้นยังคงอยู่ตรงนี้…
...พี่เกือบจะต้องสูญเสียคนที่พี่รักมากที่สุดไปแล้วจริงๆ...


ภาพพี่น้องสองคนหัวร่อต่อกระซิกกันตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเล็กลงไป...ผมผิด..ผิดเกินกว่าจะเอ่ยอะไรออกมาได้... ลำคอตีบตัน...ใจมันสั่น ..ผมกำลังสูญเสียความมั่นใจ

“พักผ่อนมากๆล่ะ พี่ไปทำงานก่อนนะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมล่ะ”

“ฟลุ๊คอยากทานแมคฮะ..ฮ่าๆ”

น้องไอซ์จูบแก้มซ้ายขวาของน้องชายคนเดียวก่อนผละออกไปทำงาน ผมยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น คนบนเตียงหันมามอง ยกยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ยออกมา

“คุณครับ..คุณ อ่ะอ้าว ขยับได้นี่นึกว่าหุ่นขี้ผึ้งซะอีก”

“...พี่มีอะไรจะทำก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องมายืนถมึงทึงจ้องฟลุ๊คขนาดนี้หรอก”

น้องเบ้ปากให้ผม ปากจิ้มลิ้มยังคงเราะร้าย แม้ฟลุ๊คคนเดิมจะกลับมาแล้ว แต่คนที่เปลี่ยนไปคือผมเอง ถ้าโดนจิกขนาดนี้เป็นเมื่อก่อนผมคงไม่ยอมปล่อยไอ้เด็กดื้อให้พูดได้ยาวขนาดนี้แน่ๆ แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ที่จะต่อกรอะไรกับน้องได้อีก

...พี่ยอมทุกอย่าง...ฟลุ๊ค..

ผมขยับตัวจะเดินออก แต่หมอเมย์เดินเข้ามาพอดี ผมก็เลยอยู่ฟังอาการและผลการตรวจของน้องด้วย

“เป็นยังไงบ้างคะน้องฟลุ๊ค เช้านี้มีไข้ไหม”

หมอเมย์รับchartคนไข้จากคุณพยาบาลมาอ่านดู แล้ววาง Stethoscope ทาบกับอกน้อง ตรวจร่างกายทั่วไป อยู่พักใหญ่ ก็พบว่าไม่มีอะไรน่ากังวลแล้ว อาจจะมีอาการปวดศีรษะและอ่อนเพลียอยู่บ้าง เมย์คุยเรื่องการรักษาต่อกับน้อง น้องตั้งใจฟังคำแนะนำของหมอเมย์มาก ก่อนกลับหมอเมย์ให้วิตามินซีขนาด1,000มิลลิกรัมสำหรับทานวันละ4ครั้งเพื่อเร่งการขับสารตกค้างออกจากร่างกาย และยาจำพวกวิตามินบำรุงอีก1ชุด บอกคุณพยาบาลให้เฝ้าระวังเรื่องการติดเชื้อและติดตามเรื่องอาการการนอนหลับของน้องด้วยเพราะอาจมีการนอนไม่หลับไปสักระยะหนึ่ง

ผมเดินเงียบๆออกมาส่งเมย์ที่รถ สภาพผมคงโทรมจนเมย์สังเกตเห็นจึงเอ่ยทัก

“โอคะคุณมีอะไรกังวลใจอีกหรือเปล่า ถ้าเรื่องน้องตอนนี้ผ่านไปก็10กว่าชั่วโมงแล้ว ฤทธิ์ของยาไม่มีอยู่ในร่างกายแล้วนะคะ”

“จะมีก็แต่เพียงอาการข้างเคียงที่ไม่รุนแรงเท่านั้น และระหว่างนี้อย่าให้น้องออกไปไหน เพราะว่ายังคงสามารถตรวจพบสาร amphetamine ในปัสสาวะได้อยู่”

“โอคะ..อืม..โอชอบน้องฟลุ๊คหรือคะ”

ลมเย็นโชยแผ่วอากาศช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว น้อยครั้งที่กรุงเทพฯจะรู้สึกถึงความหนาวเย็นแบบนี้ หน้าต่างบานใหญ่ที่ผมให้พี่พยาบาลเปิดไว้ ทำให้ผมมองเห็นวิวของสวนดอกไม้รอบๆบ้านได้อย่างชัดเจน ทางเดินที่ทอดยาวสู่ลานจอดรถนั้นอยู่ในระดับสายตาของผมพอดี ภาพพี่กำลังเดินประคองหมอเมย์ไปส่งที่รถนั้นกระตุกใจผมอย่างแรง ผมละสายตาจากภาพนั้นไม่ได้ เมื่อถึงรถส่วนตัวของคุณหมอแล้วทั้งคู่หยุดคุยกันครู่ใหญ่ ก่อนที่พี่จะ...จะ..อ่ะ..อึก...

.....พี่...พี่ดึงหมอเมย์มากอด…

...นี่คงเป็นเหตุผลที่พี่ไม่แสดงอาการว่าเสียใจเลยสักนิดที่พี่ไอซ์ประกาศหมั้น...

...ฮึก...อ่ะ..ตาผมพร่า ผมรีบหลับตา..ไม่อยากเห็นภาพนั้น

“คุณฟลุ๊คเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

พี่พยาบาลเอ่ยถาม... เธอคงจับสังเกตผมได้..ผมก็เลยล้มตัวลงนอน หันหลังให้กับหน้าต่างบานนั้น
“พี่ฮะช่วยปิดหน้าต่างและรูดม่านให้ด้วย..ฟลุ๊คแสบตา”


“ผมผิดปกติหรือเปล่าครับ”

เมย์คลี่ยิ้มแล้วส่ายหน้าน้อยๆ เธอมีจิตใจดี เยือกเย็นและอ่อนโยนเหมาะสมเหลือเกินกับวิชาชีพที่เธอเลือก ในใจผมสั่นไหวระหว่างรอคำตอบของเธอ คำตอบจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้วินิจฉัย

“ไม่หรอกค่ะโอ ความรักเป็นเรื่องของธรรมชาตินะคะ ทัศนคติต่อเรื่องนี้ก็คิดเห็นต่างกันไปตามยุคตามสมัย อย่างในยุคกรีก-โรมันไม่เพียงแต่ถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการแสดงออกซึ่งความรักที่สูงส่งกว่าธรรมดาอีกด้วย”

“ถึงแม้ในปัจจุบันความคิดเห็นของสังคมมีต่างๆ กันไป แต่ด้านของจิตแพทย์มีความโน้มเอียง และคิดว่าเรื่องนี้เป็นความพอใจส่วนตัวของแต่ละคน ไม่ใช่ความผิดปกติทางจิตใจนะคะ อย่ากังวลไปเลย”

มือเรียวสวยของเมย์ลูบแก้มที่สากด้วยไรหนวดของผมแผ่วเบา เธอคว้ามือผมมากุมไว้ บีบให้กำลังใจคนที่เคยเข้มแข็งตรงหน้าเพราะรู้ว่าผมอ่อนล้าอย่างเหลือเกิน

“..ความรักเป็นสิ่งสวยงามไม่ใช่หรือคะโอ...คุณน่าจะรู้จัก มาสโลว์ เจ้าของทฤษฎีมานุษยนิยม นะคะ ท่านได้กล่าวไว้ว่า ความรัก...ไม่ใช่สัญลักษณ์ของเรื่องเพศ ความรักที่แท้จริงจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่ดี ห่วงหาเอื้ออาทร ความรักความสัมพันธ์ระหว่างคน 2 คน จะรวมถึงความรู้สึกยกย่องนับถือซึ่งกันและกัน ความไว้วางใจกัน”

“ถ้าโอรู้สึกว่าความรักของโอเป็นแบบที่เมย์พูด..แสดงว่าโอกับเมย์ก็ไม่ต่างกัน จะรักระหว่างชายกับหญิง ชายกับชาย หรือหญิงกับหญิง ตัดแค่เรื่องเพศออกไป ก็ยังเหลือความรักอยู่เหมือนเดิม..นั่นแหละคือความรัก ง่ายๆแค่นี้เองค่ะโอ”

หัวใจของผมพองโต ผมดึงเมย์เข้ามากอดไว้แน่น .. ขอบคุณที่เรามีแพทย์ดีๆที่เข้าใจชีวิตและธรรมชาติของมนุษย์ได้ดีอย่างคุณ
“ขอบคุณมากนะครับเมย์..”.
.
.
.
ผมทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับหัวใจที่สั่นไหว อยู่ๆก็หนาวสะท้านขึ้นมา ผมสั่นไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่ได้ รีบดึงผ้าห่มผืนหนาคลุมโปงไว้ ผมปล่อยน้ำใสๆออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

สายตาของพี่ที่เลี่ยงจะสบตาผมทำให้ผมเจ็บปวด ฟลุ๊คทำให้พี่เบื่อมากขนาดนี้เชียวหรือ เบื่อที่จะต่อล้อต่อเถียงกับฟลุ๊ค เบื่อที่จะต้องดูแลกันแล้วใช่ไหม ..พี่โอเกลียดฟลุ๊ค
หัวใจผมเจ็บอีกแล้ว ผมจะทนมันได้นานแค่ไหนกันนะ ผมจะทนให้พี่เฉยชากับผมแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนกัน

ผมตื่นอีกครั้งเมื่อล่วงเข้าบ่ายมากแล้ว พี่พยาบาลช่วยพยุงพาไปที่ห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ผมอยากอาบน้ำ เหนียวตัวจากอาการเหงื่อออกมากเพราะผมยังคงฝันร้าย..เหนื่อยเหลือเกิน
ผมยืนอยู่ใต้สายน้ำเย็นฉ่ำทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ปล่อยให้สายน้ำชะล้างฟองครีมออกจากร่างจนหมด ซับน้ำจากตัวจนแห้งดี ผมก็เดินมาเป่าผมที่หน้ากระจก สำรวจหน้าตาตัวเอง
“หึ...โทรมเป็นบ้า”

หยิบ Bvlgari Aqua ออกมาแตะนิดที่ข้อมือแล้วใช้ข้อมือถูกันทั้งสองข้างก่อนจะแตะไปที่หลังหู ซอกคอ และข้อพับต่างๆ กลิ่นหอมของมันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด อาจเป็นเพราะมันคือกลิ่นที่ทำให้ผมคิดถึง...ใครอีกคน

“พี่โอ ฟลุ๊ค...อ่ะของฝาก”
กล่องสีฟ้าน้ำทะเล ถูกเลื่อนมาวางอยู่ตรงหน้าเราทั้งคู่
“อะไรอ่ะพี่ไอซ์ น้ำหอมเหรอ แล้วทำไมต้องเป็นกลิ่นเดียวกันด้วยล่ะ”
ผมหยิบน้ำหอมทั้งสองขวดขึ้นมาดู เมื่อไม่เห็นข้อแตกต่างก็เลยสอบถาม ก่อนจะยื่นอีกกล่องไปให้พี่โอ พี่รับไปเปิดและหยิบขึ้นมาดู ขวดสวยเลยทีเดียว
“Bvlgari Aqua กลิ่นหอมที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศของใต้ท้องทะเล ที่บริสุทธิ์ สดชื่น แต่แฝงไปด้วยพลังลึกลับ ชวนให้จินตนาการไปว่า ชายหนุ่มที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้คงเป็นชายหนุ่มที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความลึกลับ มุ่งมั่น และเค้าคงเป็นชายหนุ่มที่มีพลังน่าอัศจรรย์บางอย่างที่ซ่อนอยู่...เป็นเสน่ห์ที่ชวนให้น่าค้นหายิ่งนัก”

“เฮอะ..แล้วมันเหมาะกับฟลุ๊คตรงไหนเนี่ย ชายหนุ่มที่ลี้ลับ”

ผมบ่นๆ แต่ก็อดยิ้มกับกลิ่นหอมนี้ไม่ได้...หอมจริงๆ..ผมชอบนะ

“พี่ซื้อโดยเลือกจากพี่โอเป็นหลักย่ะ สำหรับฟลุ๊คนะเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันกับพี่โอกลิ่นน้ำหอมจะได้ไม่ตีกันไง”

“ตีกันอยู่ทุกวันแล้ว ขอให้มีอะไรที่เหมือนกันและไปด้วยกันได้หน่อยเถอะ คิกๆๆ”

พี่ไอซ์พูดจบก็คว้าถุงสำพาระอีกกระบุงโกยขึ้นห้องไป ผมทำปากเบ้ๆยื่นให้คนที่นั่งอมยิ้มกลั้นหัวเราะไว้จนหน้าแดงแจ๋ อดหมั่นไส้ไม่ได้จริงๆเลย

“แหมๆๆ...ลึกลับ สงบนิ่ง มีเสน่ห์ น่าค้นหา ฮื่ย!!หล่อตายล่ะ..ไอ้พี่หมึก”

คว้าเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก๊อตจากตู้ออกมาสวม ขณะกำลังติดกระดุมผมเพิ่งสังเกตรอยแดงจางที่บริเวณอกซ้าย ..รอยอะไร...อืม...

Kiss mark ...!!!

ดันเผลอไปนึกถึงความฝันที่หวามไหวเมื่อคืน รู้สึกอุ่นวาบในท้องขึ้นมาเฉยๆ...มันเหมือนจริงมากจนใจสั่น..
บ้า!..ไม่ใช่หรอกน่า สงสัยยุงกัด..มั้ง

ผมเดินออกมาที่ห้องอาหาร ป้าสมพิศเตรียมซุปใสอุ่นๆไว้ให้เพราะผมทานอะไรไม่ค่อยได้ เบื่ออาหารขึ้นมาเฉยๆจะเป็นจากฤทธิ์ของไอ้ยาวายร้ายหรือเพราะหัวใจผมเองที่มันเหี่ยวเฉาก็ไม่รู้นะฮะ

วันนี้พี่ไอซ์กลับมาจากทำงานไวกว่าทุกวัน ฟิชเบอร์เกอร์และนักเก็ตถูกนำไปอุ่นแล้วยกมาเสิร์ฟ ผมทานนักเก็ตไปแค่2ชิ้น แต่ก็พยายามดื่มซุปจนหมดได้แค่นั้นจริงๆ พี่ไอซ์ลูบผมของผมเล่น มองหน้าผมอยู่นาน เหมือนพี่จะพูดอะไรออกมาแต่แล้วมือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน พี่ไอซ์ยิ้มให้กับคนที่หน้าจอ ...พี่ต้น..หันมาพยักเพยิดว่าขอตัวไปรับโทรศัพท์แล้วเดินคุยไปจนถึงห้องนอน

ผมเดินช้าๆออกไปที่เรือนไอวี่... เดินดูดอกไม้ที่ปลูกอยู่ภายในเรือน กุหลาบทั้งดอกเดี่ยวและประเภทเลื้อยออกดอกผลิบานแข่งความสวยงามอย่างเต็มที่ ...ไม่ว่าจะสิ่งมีชีวิตประเภทไหน หากได้รับความรักความเอาใจใส่ก็สามารถอยู่ได้ ... ยังสวยงามและเติบโตได้ ... แต่หากขาดความรักความเอาใจใส่เมื่อใด ...ไม่ว่าอะไรก็เหี่ยวเฉา..และตายลงได้...ในที่สุด

ผมนั่งอยู่ที่เปียโนตัวใหญ่ นั่งนิ่งๆอยู่อย่างนั้นนาน นึกไม่ออกว่าอยากเล่นเพลงอะไร ผมกดนิ้วลงไปบนคีย์บอร์ด ไล่นิ้วไปเรื่อยๆ ผมเคยแต่งเพลงไว้หลายเพลงอยู่เหมือนกัน ก็ตามประสาเด็กๆนะครับ ผมรักในเสียงเพลงมาตั้งแต่เด็กจำได้ว่าผมเรียนพิเศษหลายวิชามาก แต่ถ้าวันไหนที่ผมต้องเรียนดนตรี ผมจะไม่เคยโดดเรียนเลยแม้สักครั้ง นั่นจึงไม่แปลกที่วันเสาร์จะไม่ใช่วันเรียนดนตรีของผม เพราะวันเสาร์คือวันที่ผมกับพี่จะต้องไปดูหนังหรือไม่ก็โยนโบว์ลิ่งด้วยกัน ซึ่งความจริงแล้วผมไม่ชอบโยนโบว์สักเท่าไหร่

“พี่โอ..ต่อไปไม่โยนโบว์ได้ไหมอ่ะ มันไม่เหมาะกับนักดนตรีอย่างฟลุ๊ค”

“ไม่เหมาะยังไง”

“ก็ฟลุ๊คต้องใช้นิ้วและข้อมือในการเรียนดนตรี เรียนเปียโน เรียนกีตาร์แต่ลูกโบว์มันหนักเกินไป”

“และครั้งที่แล้วเล็บฟลุ๊คหักเลย”

ผมยื่นมือขวาที่เล็บตรงนิ้วกลางสั้นกุดไปเพราะหักจากการกระแทกกับลูกโบว์ ให้ไอ้พี่เกรียนดู พี่จับมือผมไปดูใกล้ๆ บีบมือผมพลิกไปพลิกมาอยู่หลายตลบจนผมต้องดึงมือกลับ

“ฮื่ย..จะดูอะไรนักหนา ทำยังกับจะหาลายแทงขุมทรัพย์ซะงั้น “

“นี่ให้ดูเล็บนี่”
ผมกำมือเหลือนิ้วกลางไว้1นิ้วยื่นใส่หน้าไอ้พี่เกรียนไป แล้วก็ต้องรีบวิ่งหนีให้ไวที่สุด

“ไอ้ฟลุ๊ค!!!!..ด่าพี่เหรอมานี่มาให้แตะเสียดีๆ”

ฮ่าๆๆถ้าผมยังอยู่ตรงนั้น ผมก็โง่เต็มทีแล้วละฮะ หลังจากนั้นเหรอฮะ ผมวิ่งหนีพี่ไม่พ้นหรอก ก็ตอนนั้นผมเด็กนี่นาแล้วผมก็ตัวกลมกว่านี้ด้วย พี่เป็นถึงนักเรียนนายร้อยที่ผ่านการฝึกมาอย่างหนักแค่วิ่งไล่จับผมแค่นี้มีหรือพี่จะทำไม่ได้

“ฮ่าๆๆ..อ๊ะๆๆๆๆ!..จั๊กจี้..พะ..พี่..พี่โอ..พี่โอหยุดก่อนฟลุ๊ค..ฮ่าๆๆ ฟลุ๊คหายใจไม่ทัน..อ่ะๆๆ”

ผมหยุดหัวเราะไม่ได้ก็เพราะพี่เล่นจี๋เอวผมอยู่...ก็ใครบ้างล่ะจะไม่จั๊กจี้ก็มือพี่เล่นจิ้มๆที่เอวผมไม่หยุด แถมผมยังหนีไปไหนไม่ได้เพราะแขนพี่รวบคอผมไว้ด้วย กว่าพี่จะยอมปล่อยผมก็หอบจนตัวโยน ผมเหนื่อยก็เลยแกล้งงอนพี่ ไม่ยอมพูดกับพี่ไปเกือบชั่วโมง สุดท้ายพี่ก็ต้องง้อผมโดยพาไปเลี้ยงไอศกรีมฮะ ผมสังเกตว่าช่วงหลังๆก่อนที่พี่จะปิดเทอมพี่มักจะตามใจผมเสมอ ก็ไม่ทุกครั้งแต่ก็มากกว่าเดิมซึ่งทำให้ผมพอใจมาก

พี่บอกว่าหลังจากที่พี่ซึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 1ปิดภาคเรียนแล้ว พี่จะต้องฝึกต่ออีก 1 หลักสูตร อ้าว!ปิดเทอมนี้ ผมก็นึกว่าจะได้เจอพี่ทุกวันเสียอีก ...ว้า ...แย่จัง.. หลักสูตรที่ว่านั่นก็คือ หลักสูตร ต่อต้านปราบปรามการก่อความไม่สงบ… อืมชื่อมันดูเท่ห์มากเลยฮะ ผมก็เลยได้แต่นิ่งเงียบฟังพี่เล่าเรื่องหลักสูตรนี้ต่อ

พี่บอกว่าเป็นการฝึกใช้ชีวิตในป่า ทำระเบิดเบื้องต้น การจัดหมู่ลาดตระเวน และอื่นๆอีกมากมาย โดยจะมีการฝึกอยู่ที่ฐานก่อนเป็นเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ และจะเข้าไปทดลองการตั้งฐานในป่าโดยมีภาระกิจให้ทำและต้องเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้ให้สำเร็จด้วย เหมือนเป็นการทดสอบ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์.. รวมเป็นเวลา4สัปดาห์สำหรับหลักสูตรนี้...อืม..ภาพตอนผมเข้าค่ายลูกเสือลอยอยู่ในความคิด...4สัปดาห์..อืม..ม.ม.

“หา!!!ตั้งเดือน”

“ฮื่อ...คิดถึงพี่อ่ะดิ”

สงสัยไอ้พี่เกรียนมันเพ้อ...นี่ฟลุ๊คนะไม่ใช่พี่ไอซ์ดูดีๆ ชิส์..แต่แวบหนึ่งผมก็อดคิดไม่ได้ว่าตลอด1เดือนที่จะถึงนี้ผมก็คงเหงาน่าดูเหมือนกัน..อ๊ะ!คิดได้ไง

“ฮื่ย!..บ้าแล้ว...คิดถึงคิดเถิงอะไร ฟลุ๊คจะสบายละไม่ว่า จะได้ไม่ต้องโดดเรียนพิเศษบ่อยๆเสียดายเงินที่ป๊าลงทะเบียนให้”

“เหรอ..เสียดายจิงอ่ะเห็นหัวเราะร่าเล่นสนุกทุกครั้งที่โดดเรียนเนี่ยนะ...”

“ก็ถ้าฟลุ๊คมานั่งหน้าบูดพี่ก็ว่าอีกแหล่ะ เอาใจไม่ถูกเลยฮื่ยย!!”
ผมทำปากยื่นๆ กอดอกหันหลังให้ ทำไมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆที่รู้ว่าจะไม่ได้เจอพี่นานตั้งเป็นเดือนนะ พี่เอามือมาโยกหัวผมเล่นอีกละ ฮื่ย!!ไม่ต้องเลยนะไม่ต้องง้อเลย

“โอ๋ๆๆไม่ว่าละ..ไปกินแมคเถอะนะพี่เลี้ยง”

แค่นั้น..ผมก็หัวเราะหน้าบานอีกจนได้ ...ผมเดินตามไอ้หนุ่มหัวเกรียนไปช้าๆ คิดในใจว่าแล้ว1เดือนนี้พี่จะคิดถึงฟลุ๊คไหมละฮะ

ผมเดินกลับไปที่ตึกใหญ่เมื่อแสงสุดท้ายของวันจางหาย เดินผ่านห้องรับแขกเห็นพี่และบรรดาบอดี้การ์ดในสังกัดกำลังเดินผ่านไปยังห้องทำงานของพี่ ที่ป๊าจัดให้ไว้ด้านหลังห้องใหญ่ สีหน้าทุกคนเคร่งเครียดเอาการเอางาน ..คงกำลังวางแผนการคุ้มกันในงานฉลองหมั้นของพี่ไอซ์

....คงไม่มีอีกแล้วเสียงหัวเราะและใบหน้ายิ้มแย้มแบบนั้น.... ไม่มีอีกแล้ว…

กลับมาที่ห้องนอนพี่พยาบาลจัดยาให้ทานแล้วผมก็ขอตัวอยู่ลำพัง เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง ผมรู้สึกว่าการเป็นลูกชายคนเดียวของนายหัวของผมนั้นมันยังไม่สมบูรณ์ ผมอ่อนแอเกินไป ผมไม่อยากเป็นภาระของใครอีกต่อไป พี่โอพูดถูก...ผมจะฝากชีวิตของผมไว้ในมือใครได้... เพราะชีวิตนี้มันชีวิตของผม …ผมควรที่จะต้องดูแลมันเอง
“พี่พลครับ ฟลุ๊คมีเรื่องอยากปรึกษา”

ผมไปที่ห้องของน้องก็ล่วงเข้าเช้าวันใหม่ไปหลายชั่วโมงแล้ว โคมไฟที่โต๊ะทำงานเปิดทิ้งไว้ ผมเดินไปปิด เหลือเพียงแสงไฟหรี่ๆจากโคมทางเดินหน้าห้องน้ำ นั่นก็เพียงพอให้ผมมองเห็นหน้าน้องได้ ใบหน้าสวยหวานหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง คืนนี้น้องหลับสนิทดีไม่มีอาการฝันร้ายแบบคืนแรก เพราะคุณพยาบาลบอกว่าน้องเรียกหายานอนหลับเมื่อหัวค่ำ ผมค่อยหย่อนกายอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตื่นขึ้น

คืนนั้นใจผมเจ็บเหลือเกิน ภาพน้องที่ดิ้นทุรนทุรายกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงทำให้ผมแทบคลั่งเมื่อคิดว่าถ้าหากผมพาน้องออกมาจากที่นั่นช้าไป อะไรจะเกิดขึ้นกับน้องบ้าง ผมไม่อยากคิด ผมกอดน้องไว้เมื่อเสียงกรีดร้องจากฝันร้ายรบกวนจิตใจ กอดและปลอบอยู่นานกว่าร่างนั้นจะคลายจากอาการเกร็ง… แต่...ผมดีใจเหลือเกิน ในฝันนั้นน้องร้องเรียกหาผม...พี่โอ


ผมจูบน้องครับยอมรับเลยว่าผมฉวยโอกาสตอนที่น้องไม่มีสติ ผมมันเลวที่ฉวยโอกาสตอนน้องเคลิบเคลิ้ม มัวเมาเพราะฤทธิ์ยาร้าย แต่ที่ผมทำไปเพราะหัวใจเรียกร้อง... ผมรักน้อง ...ผมหวงน้อง ผมอยากจะเป็นเจ้าของร่างกายนี้

เมื่อคิดว่าผมเกือบสูญเสียน้องไปผมก็ทนไม่ได้ จูบที่ได้ตอบกลับจากน้องแม้จะเป็นเพราะฤทธิ์ยาอีกเช่นกัน...แต่มันก็ทำให้หัวใจผมชุ่มชื่นใจ ผมบรรจงแต้ม Kiss mark ตีตราจองคนที่กำลังหลับสบายซุกกายอยู่กับอกผม จูบซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มด้วยความรักที่เอ่อล้นใจ บอกกับตัวเองว่าจะไม่ไปไหนและผมจะไม่ยอมเสียน้องไปอีกเป็นอันขาด ....น้องเป็นของผม


“….ในความรักก็ยังต้องการการเติมเต็มอยู่เสมอนะคะโอ ...ถ้าหากรู้จักใช้ความรักให้เป็น ทุกอย่างก็จะเป็นสุข มีการเปรียบเทียบว่า มนุษย์ทุกคนมีความต้องการความรักก็เช่นเดียวกับรถยนต์ ที่สร้างขึ้นมาโดยต้องการก๊าซหรือน้ำมัน และมาสโลว์ ยังย้ำอีกว่า...ความต้องการความรักของคนจะเป็นความรักที่เป็นไปในลักษณะทั้งการรู้จักให้ความรักต่อ ผู้อื่นและรู้จักที่จะรับความรักจากผู้อื่น การได้รับความรักและได้รับการยอมรับจากผู้อื่นเป็นสิ่งที่ทำให้บุคคลเกิดความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า”


“ เมย์เชื่อว่าสิ่งที่โอกังวลอยู่ในขณะนี้หากได้เปิดเผยให้น้องรู้ ไม่แน่บางทีอะไรๆอาจจะง่ายกว่าที่เราคิดไว้ก็ได้นะคะ”


ผมลูบแก้มใสของคนหน้าหวานบนเตียงเบาๆ ประทับจูบที่หน้าผากมน และริมฝีปากอิ่ม ก่อนจะเดินหันหลังออกมา


... เมย์ครับ... สิ่งที่เมย์คิดอาจจะผิดก็ได้ ...ผมเต็มใจและพร้อมที่จะให้... แต่คิดว่าตอนนี้คนรับอาจไม่อยากรับก็ได้นะครับ...


Sunday 14 Nov 03.00pm. //Coffee Prince House. //P’Phon^__^


ข้อความที่จดลงบนสมุดบันทึกเล่มน้อยของน้อง ที่เจ้าของลืมเปิดทิ้งไว้บนโต๊ะทำงาน..ดับความฝันของผมจนหมดสิ้น..

“มาสโลว์ กล่าวว่าบุคคลต้องการความรักและความรู้สึกเป็นเจ้าของ และหากขาดสิ่งนี้มักจะเป็นสาเหตุให้เกิดความคับข้องใจและเป็นทุกข์ บุคคลที่ขาดความรักก็จะรู้สึกว่าชีวิตไร้ค่ามีความรู้สึกอ้างว้าง เดียวดาย เคียดแค้นและชิงชัง”


+++THC+++



Create Date : 31 ธันวาคม 2554
Last Update : 31 ธันวาคม 2554 6:39:55 น.
Counter : 891 Pageviews.

8 comments
  


โดย: panwat วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:8:17:11 น.
  
โอ้วววว...อย่างที่มีคนพูดไว้ว่า"ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์"
ตอนนี้คนหน้าหวานกับไอ้พี่เกรียนต่างก็ทุกข์ใจกันทั้งคู่
เข้าใจกันคนละทาง......รักก็เลยชะงักเพราะความคิดต่างกัน
อยากให้เข้าใจกันเร็วๆจะได้มีฉากกุ๊กกิ๊กหวานแหววมั่งอ่ะ!!!!
ขอบคุณน้องดานะคะที่มาลงตอนต่อไปให้..
**สวัสดีปีใหม่นะคะ...ขอให้สวย...ขอให้รวย...
มีสุขภาพแข็งแรง....ตลอดปีและตลอดไปนะคะ**
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ^^
โดย: พี่นิด IP: 58.9.148.208 วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:8:19:18 น.
  
อ่านแล้วอุ่นจัง
โดย: sngg IP: 58.9.183.100 วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:8:40:21 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ชีวิตมีแต่ความสุขนะคะ
โดย: miyukik IP: 110.49.237.244, 141.0.10.37 วันที่: 1 มกราคม 2555 เวลา:21:07:29 น.
  
เหมือนจะสุข แต่ก็เศร้า ปวดจายยยยยย นี่นะหรือความรัก !!!!!ทำไม ต้อง หน่วง แบบนี้ ^___^".
โดย: lek^lek IP: 49.48.125.151 วันที่: 1 มกราคม 2555 เวลา:21:33:12 น.
  
แบบนี้ไม่นานคงได้มีสวีทหวานแล้ว

แต่ต้องทนรอสองคนให้รู้ว่าใจตรงกันก่อน

พี่โอ...ทำให้น้องรู้เร็วๆนะ ^^
โดย: lunarcry25 IP: 223.207.180.89 วันที่: 2 มกราคม 2555 เวลา:0:25:29 น.
  
สวัสดี 2012 จ้า











กระเป๋า kipling
โดย: เพื่อนปราจีน วันที่: 3 มกราคม 2555 เวลา:19:16:44 น.
  
ว้า......ยิ่งเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว ต่างคนต่างรักกันแท้ๆ :(
โดย: Lookwha IP: 58.10.84.237 วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:12:32:32 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lovelyda.BlogGang.com

womam in love
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]