รักร้ายๆ..ลูกชายมาเฟีย 4
4.
“ผมดูแลตัวเองได้..ผมไม่ต้องการคุณ”

...ชิส์!..เชิญเลย...จะไปทำอะไรที่ไหนก็เชิญเลย... ไอ้เด็กดื้อ...ไอ้เด็กเอาแต่ใจ... ..ฮื่ย!!

ผมยอมรับว่าโกรธมากที่น้องกล้าพูดอย่างนั้นกับผม ...โกรธจนไม่อยากจะดันทุรังอีกต่อไป ผมจึงยอมให้นิกกี้ทำหน้าที่นี้แทน อดนึกหมั่นไส้ท่าทางอวดดีนั้นไม่ได้

ทั้งๆที่ผมกับน้องมีเรื่องให้ทะเลาะและขัดใจกันก็บ่อยไป...และทุกครั้งเราจะคืนดีกันได้โดยไม่เคยโกรธกันเกิน1วันเลย แต่คราวนี้ผมรู้สึกว่าน้องมีท่าทีแปลกไป... แปลกมาก...คล้ายจงใจที่จะไม่ต้องการให้ผมติดตาม สายตาที่มองผมขณะพูดมันมีแววเศร้าแฝงอยู่ในนั้น...แววตาแบบที่ผมไม่อยากเห็น...มันกลับมาอีกแล้ว...ผมใจกระตุก

นิกกี้โทรหาผมทันที่ที่น้องแวะที่ไอลดา สอบถามถึงสาเหตุการเรียกตัวด่วนจากเจ้านายคนเล็ก

“หัวหน้าครับ ทำไมคุณฟลุ๊คเรียกตัวผมมาแบบนี้ละครับ...แล้วทำไมหัวหน้าไม่ติดตามคุณฟลุ๊คเองละครับ...แล้วๆ...”

“เรื่องมันยาวนิกกี้..ว่าแต่...คุณฟลุ๊คเป็นอย่างไรบ้าง”

“แหม...หัวหน้าก็แอบฟังมาตลอดแล้วไม่ใช่เหรอ ...จะถามอีกทำไมละครับ”

“ไอ้หมูตุ๋น!...”

“คร๊าบๆ...ก็... คุณฟลุ๊คนั่งหลับตามาตลอดทางเลยครับ..สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่...ดูเหนื่อยๆ...เพลียๆอย่างไรก็ไม่รู้สิครับ...เหมือน...”

“เหมือนอะไร!”

“เอ่อ...เหมือน..เหมือนคนจะร้องไห้..แต่ก็คิดว่าไม่ได้ร้องนะครับ ก็ผมไม่เห็นน้ำตา คุณฟลุ๊คสวมแว่นปิดไว้”

เจ็บแปลบในอก...ท่าทางของน้องที่นิกกี้บรรยายให้ฟังนั้น... ดูเหมือนคนหน้าหวานกำลังพยายามกลั้นน้ำตาแห่งความอ่อนแอไว้อย่างสุดฤทธิ์...น้องคงโกรธและเกลียดผมมากสินะ…
.
.
.
ผมขยี้หัวไอ้เด็กปากแดงช่างเอาแต่ใจไปแรงๆ..ไม่ได้อยากแกล้ง...แค่อยากให้คนที่ดูอ้อนแอ้นตรงหน้าเข้มแข็งขึ้น

“นี่...คราวหลังอย่าร้องไห้ให้ใครเห็นอีกนะ..ถ้าไม่อยากโดนล้อว่าเป็นเด็กขี้แย”

“ใครร้อง..ไม่เค้ย...มีแต่พี่แหล่ะที่ชอบแกล้งฟลุ๊ค..”

“ฮื่ย..ปล่อยน้า....นี่เหรอตำรวจ...แกล้งประชาชนอย่างนี้เหรอ...ฮื่อ..อ.อ.”

“ใครแกล้ง...ไม่ได้แกล้งเลย...โหยอย่ามาๆ...แพ้แล้วก็งอแงดิ”

แขนเรียวเล็กพยายามปัดป้องมือผมที่ตามมาเขย่าหัวน้องไม่เลิก พอตอบโต้อะไรผมไม่ได้ก็ หันไปกอดอกทำหน้างอปากยื่น และก็ตามมาด้วยเสียงบ่นตัดพ้ออีกยืดยาว...

“โห้ย...จะยอมน้องบ้างได้ไหมเนี่ย...ไอ้พี่บ้า!”

ผมเองก็นิสัยเสีย..ก็ไอ้แก้มป่องๆที่พองออกเพราะความโกรธของไอ้เด็กดื้อเนี่ย...มันน่าหมั่นเขี้ยวดีนี่ครับ…

หึ..มันน่ารักเกินไปไหมเนี่ย

“ฮ่าๆ..ยอมให้วันหนึ่งก็ได้...แต่รับปากกับพี่นะว่าจะไม่ให้ใครเห็นน้ำตาอีก”

ผมก็ยอมอ่อนข้อให้บ้างแหล่ะ พอให้ไอ้กำปั้นกลมน้อยๆนั้นทุบหลังทุบไหล่ผมได้บ้างและผมก็ได้เห็นรอยยิ้มสดใสจากใบหน้าที่นับวันจะหวานขึ้นๆ


“อ่ะ...หัวหน้าครับแค่นี้ก่อนนะครับ...คุณฟลุ๊คมาแล้ว..เปลี่ยนมาใช้ Blue tooth car นะครับ”


“เข้าเส้นเพชรเกษม...เราจะไปหัวหินกัน”

เสียงน้องครับ ... หัวหิน...ไปทำอะไรไกลขนาดนั้น ชอบทำอะไรตามใจตัวเองชะมัด..เด็กอวดดี...มันน่า...นักนะ


ชิส์... รู้สึกขัดใจเหลือเกิน อยากจะขับรถปาดหน้าพาไอ้เด็กดื้อกลับบ้านเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่ก็เย็นมากแล้ว ระยะทางเกือบ300กิโลเมตรแม้จะรู้ว่าไม่นานนักสำหรับสมรรถนะรถหรูคันนั้น แต่การที่มาไกลถึงขนาดนี้ในสถานที่ๆประเมินระดับความปลอดภัยไม่ได้ก็ทำให้ผมรู้สึกกังวล


แต่ผมก็ยังต้องทนขับตามรถหรูที่ปล่อยให้นำหน้าทิ้งระยะพอเห็นไฟท้ายได้ลิบๆ นิ่งเงียบฟังเสียงการสนทนาระหว่างเจ้านายกับบอดี้การ์ดส่วนตัวคนใหม่นั้นอย่างใจเย็น

“นิกกี้...เอ่อ...เคยรู้สึกว่า... ชอบใคร...แล้ว..แต่...เอิ่ม...”


ด้วยเทคโนโลยีพิเศษของบลูทูธที่เลือกใช้ซึ่งมีคุณสมบัติตัดเสียงก้องและดูดซับเสียงสะท้อน ทำให้ผมรู้สึกคล้ายกับว่าน้องกำลังพูดอยู่ใกล้ๆ... นี่น้องจะพูดอะไร...คนพูดเว้นระยะไป... คล้ายกล้ากลัวๆที่จะพูดออกมา...


“เอ่อ...ทั้งๆที่รู้ว่า...มันเป็นไปไม่ได้...แต่เราก็ยังชอบ..”

“อ่ะ!..คุณฟลุ๊ค...คุณฟลุ๊คกำลังมีความรักหรือครับ”

ได้ยินกระทั่งเสียงถอนหายใจหนักๆของคนหน้าหวาน


“เปล่า...กำลังอกหักต่างหาก”


ทุกคำที่น้องพูดผมได้ยินชัดเจน ...ใจกระตุกไหวกับคำว่า ...อกหัก..นี่น้องมีความรักตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมผมไม่รู้ ..เจ็บแปลบในใจ...นึกย้อนถึงท่าทางของน้องที่ห่างเหินและเมินเฉยกับผมมาก...ตั้งแต่ได้พบกับ...พี่พล …
.... หรือน้องจะชอบพี่พลขึ้นมาจริงๆ ..ไม่นะไม่...น้องเป็นของผม...ไม่ใช่หรือ

ไม่ถึง2ชั่วโมงดี Mercedes-Benz E500 Coupeสีขาวที่ขับนำหน้าก็เปิดสัญญาณเลี้ยวซ้าย เข้าสู่รีสอร์ทหรูที่โด่งดัง... แองเจลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา... ผมทิ้งระยะในการเลี้ยวตามเข้าไป ประมาณ 5 นาที รีสอร์ทแห่งนี้มีชื่อเสียงมากทำให้ผมเบาใจกับเรื่องความปลอดภัยไปได้ แต่ก็ไม่อาจวางใจสักทีเดียวเพราะกลุ่มคนที่ดำเนินการในทางลับ เราหาโอกาสวางใจได้ยากเหลือเกิน

ในธุรกิจสัมปทานรังนก รายได้มหาศาลที่มาพร้อมกับเสียงปืนและความขัดแย้ง มีหลายอย่างที่ผมเองก็ยากจะเข้าใจได้ แต่หน้าที่ของผมขณะนี้ก็คือการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้เข้าชิงการประมูลสัมปทานรังนกคนต่อไป นั่นก็คือน้อง คนที่ผมพร้อมจะเสี่ยงชีวิตปกป้องดูแลความปลอดภัยให้ถึงที่สุด


น้องลงจากรถพร้อมๆกับมีอ้อมกอดของบางคนรออยู่ แม้จะดูเป็นการกอดแบบเพื่อนฝูงที่สนิทสนมกันแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกฉุนฉิวขึ้นมาอีกไม่ได้ ผมขับรถผ่านไปจอดทางด้านหลังของรีสอร์ทเพราะเกรงว่าน้องจะเห็น Lexus LS460 ของผมเข้า หลังจากได้รับคำสั่งให้รออยู่ที่ล๊อบบี้ นิกกี้รีบตรงมาหาผมที่นั่งรออยู่ที่คอฟฟี่ชอป เราปรึกษากันเรื่องการวางแผนคุ้มกัน ระหว่างทางกลับบ้าน


เหมือนเวลาผ่านไปนานเหลือเกินน้องเข้าไปในส่วนไพรเวทโซนนั้นนานแล้ว ซึ่งผมสั่งให้นิกกี้เตือนให้น้องกลับไม่เกินเที่ยงคืน นิกกี้รับปากแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมจึงนั่งสังเกตผู้คนที่เข้าออกในรีสอร์ท ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะมีคนไทยก็น้อยเหลือเกิน หนึ่งในกลุ่มคนไทยที่กำลังเดินผ่านประตูล๊อบบี้เข้ามาทำให้ผมต้องจับตาเป็นพิเศษ ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงโปร่ง ไม่ผอมแต่กำยำด้วยกล้ามเนื้อแบบคนสนใจออกกำลังกาย คุ้นหน้าเหลือเกินลักษณะท่าทางแบบนี้คล้ายเจอที่ไหน


“สวัสดีครับพี่ดิว มาจากภูเก็ตเมื่อไหร่เนี่ย... เชิญครับเชิญเลยเพื่อนๆกำลังสนุกอยู่ด้านในครับ”

นายคนที่โอบกอดน้องอยู่เมื่อครู่เดินมาทักทายผู้มาใหม่...นายดิว! ผมรีบหันหลังกลับทำทีเป็นดื่มเครื่องดื่มอย่างแขกทั่วไป เมื่อผู้ติดตามของนายดิวเริ่มจะสังเกตแขกในล๊อบบี้เช่นกัน ได้ยินบทสนทนาไม่ชัดนักแต่สองคนนั้นก็ตบหลังตบไหล่และเข้าไปในส่วนไพรเวทโซนแล้ว นี่น้องยังคบค้าสมาคมกับไอ้นี่อยู่อีกหรือ...ทำไมชอบพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าวางใจอยู่เรื่อยเลยเชียว


ผมรู้ว่าตอนแรกนายดิวพุ่งเป้าการปฏิสัมพันธ์ไปที่น้องไอซ์แต่เมื่อน้องไอซ์ประกาศหมั้น เป้าหมายก็เปลี่ยนไปทันทีและดูว่านายดิวจะพึงใจกับเป้าหมายใหม่นี้เหลือเกิน เพราะเชื่อว่าตระกูลธรรมมลคงจะชนะการประมูลสัมปทานครั้งนี้เหมือนเคย การคิดรวบรัดทายาทของตระกูลนั้นจะทำให้ได้ผลประโยชน์ตามมามากมาย ได้ทั้งตัวและทรัพย์สินและผมก็ยังรู้มาว่าเบื้องหลังธุรกิจสถานบันเทิงของนายดิวมีเรื่องร้ายๆแอบแฝงอยู่ด้วย โดยเฉพาะ..ยาเสพติด..


ผมนั่งอยู่กับป้อมที่โซฟาตัวหนึ่งในมุมที่ค่อนข้างลึก ห่างจากโต๊ะของโตและเพื่อนคนอื่นพอควรเพราะผมง่วง หลับตาไปได้สักพักใหญ่ๆก็มีเสียงเรียกจากใครบางคน เสียงเอ่ยเรียกที่ดังตรงหน้ามาพร้อมกับมือใหญ่ที่เขย่าบ่าของผมทำให้ผมค่อยๆลืมตาขึ้น แต่เพราะไฟในห้องที่ค่อนข้างมืดสลัวและตาที่หรี่ปรือทำให้ผมต้องใช้เวลาเพ่งมองคนที่ไอ้โตแนะนำอยู่นาน จนใบหน้านั้นเคลื่อนเข้ามาในระยะโฟกัส ทันทีที่เห็นหน้าคนที่ถูกแนะนำให้รู้จักชัดผมที่กำลังเมาไวน์อยู่ไม่น้อยก็เกือบหายเมาในทันที


“อ่ะ!..สวัสดีครับพี่ดิว”


“อ้าวรู้จักกันแล้วหรือ อืม..ดีจะได้ไม่ต้องแนะนำกันมาก อ้อ...พี่ดิวไม่ต้องเกรงใจนะครับเพื่อนๆผมคนกันเองทั้งนั้น”


ไอ้โตมันรีบบริการพี่แฟนอย่าดิบดี แต่ไม่ดีก็ตรงที่มันดันตัวไอ้พี่ดิวมานั่งซะชิดกับผมเลย ผมก็เลยต้องขยับไปเบียดป้อมที่หันมามองตาผมอย่างรู้ทัน ป้อมขยับให้ผมนั่งสบายขึ้น ผมพยักหน้าขอบใจ เพื่อนร่างใหญ่มองเลยไปยังพี่ดิวแล้วยกมือไหว้ พี่ดิวรับไหว้อย่างเสียไม่ได้ และเริ่มชวนผมคุย ผมตอบคำถามพี่ดิวแบบถามคำตอบคำก็ว่าได้ ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เลยจริงๆ

พี่ดิวหันไปดื่มวิสกี้ที่พนักงานนำมาเสิร์ฟให้ และไม่ได้พูดอะไรกับผมอีก...จากการชวนคุยเมื่อแรกเปลี่ยนเป็นการมองสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแทน ไม่รู้เป็นอะไร เวลาอยู่ต่อหน้าไอ้พี่ดิวผมรู้สึกเหมือนโดนลวนลาม สายตากรุ้มกริ่มหยาดเยิ้มที่มองมายังผมนั้นมันทำให้ผมกระอักกระอ่วนชวนคลื่นไส้อย่างไรไม่รู้สิ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเมามากแล้ว และเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่เอนหลังพิงกับพนักโซฟาอีกครั้ง ผมเอียงตัวซบลงกับบ่าป้อม แอบกระซิบเบาๆกับป้อม


“ป้อม ตามนิกกี้ให้หน่อยได้ไหม คนที่มาพร้อมกับผมนะ”


ป้อมหันไปมองคนที่นั่งอีกมุมหนึ่งของโซฟาอย่างช่างใจพยักหน้าให้ผมก่อนจะลุกเดินออกไป ผมขยับตัวให้ไกลไอ้พี่ดิวมากขึ้น ตอนนี้ผมนั่งชิดกับขอบโซฟาอีกด้านหนึ่งนั่งแทนที่ป้อมที่เพิ่งลุกออกไป หลับตาลงเพราะว่าผมลืมตาไม่ขึ้น มันหนักไปหมด ผมดูเหมือนคนโง่ที่อกหักก็ดื่มเหล้าทำร้ายตัวเอง โดยถือโอกาสใช้งานฉลองสละโสดของเพื่อนบังหน้า...เพื่อที่จะทำให้ลืมบางคน อดหัวเราะออกมาไม่ได้ รู้สึกสมเพสตัวเองเหลือเกิน


“หัวเราะอะไรหรือครับ”


เสียงของใครบางคนดังอยู่ใกล้ๆหู ผมพยายามขยับหนีแต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงที่มีอยู่มันหายไปหมดเพราะไวน์ไม่รู้กี่แก้วที่ผมดันดื่มเข้าไป เสียงเพลงที่ดังลั่นและเสียงหัวเราะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานของโต๊ะเจ้าภาพที่อยู่เยื้องไปดังมาเป็นระยะๆ เพื่อนบางคนยังคงสนุกกับการร้องคาราโอเกะ ไม่มีใครสนใจผมเลย ผมรู้สึกราวกับว่าตอนนี้ผมอยู่กับใครบางคนตามลำพัง ในมุมมืด

...ป้อมไปไหน...ทำไมช้าจัง….


...อ่ะ...รู้สึกถึงสัมผัสจากนิ้วมือที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้มและปลายคาง ผมสะบัดหนี น้ำหอมกลิ่นแรงที่ผมไม่คุ้น คละคลุ้งอยู่รอบกาย ชวนให้วิงเวียน แขนแข็งแรงที่โอบบ่าผมไว้ เลื่อนมาจับที่ท้ายทอยบังคับให้ผมแหงนเงยรับบางอย่างที่กำลังเคลื่อนมาใกล้...นี่ผมกำลังจะถูกจูบหรือ...ไม่!...


พยายามผลักดันคนที่ใช้กำลังบีบบังคับผมอย่างสุดแรง เมื่อมันพลาด...จูบไม่ได้.. มือใหญ่ที่แข็งดังคีมเหล็กก็บีบคางให้ผมเปิดปากออก...เจ็บ...อ่ะ!


“อื้อ..อ...อ”

...เม็ดแบนเล็กที่ขมเฝื่อน... ถูกดันเข้ามาในปาก ผมกลืนมันลงไปเพราะถูกบังคับจากมือที่บีบจมูกอยู่

“แค๊กๆ..อึก..อ่ะ...อะไร..พี่ให้ผมกินอะไร”


“ไม่มีอะไรหรอกน่าแค่Adam นะครับEveของพี่หึๆ”


“เห็นน้องฟลุ๊คเบื่อๆพี่ก็อยากให้สนุกไงครับ...เมาๆอย่างนี้แค่20นาทีก็ขึ้นสวรรค์แล้ว”


ตอนนี้ผมเหลียวหาผู้ติดตามของผม ...ถ้าพี่โออยู่ด้วยจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน ...ตอนนี้ผมกลัวเหลือเกิน...พี่โอ..ช่วยฟลุ๊คด้วย...


....ต้องออกไปจากที่นี่...ให้เร็วที่สุด...


ผมพยายามลุกออกจากโซฟานั้นแต่ก็ถูกดึงรั้งจากคนที่คว้าเอวผมให้นั่งลงบนตัก แขนแข็งแรงกอดรัดผมไว้แน่น จมูกกับคางสากๆขอมันที่วางบนไหล่พยายามจะไซ้ซอกคอผม ....ขยะแขยงเหลือเกิน ผมดิ้นจนสุดฤทธิ์ เมื่อวงแขนคลายก็รีบผลักไอ้พี่ดิว ผมเหวี่ยงมือออกไป รับรู้ว่าฝ่ามือผมไม่ไร้ความหมาย ผมตวัดถูกหน้ามันอย่างแรง


“ฉาด!”

“อ่ะ!..”

“เพล๊ง!

เสียงที่ไม่เบานั้นเพราะตัวผมดันชนกับโต๊ะอย่างแรงแก้วเหล้าตกแตกกระจาย ทำให้โต๊ะของโตเงียบเสียงลงทันที

“ฟลุ๊ค!”

เสียงป้อมดังขึ้นประสานกับเสียงที่แสนจะคุ้นหู ...พี่...พี่โอ...ผมถลาเข้าไปหาพี่โอทันที ...ดีใจเหลือเกิน ...ในที่สุดพี่ก็อยู่ตรงนี้ ... พี่ไม่มีวันทิ้งผมใช่ไหมฮะ ....อ้อมกอดแข็งแรงดึงผมไว้แนบอกพร้อมกับเบี่ยงตัวเข้าบังผมไว้ โดยมีนิกกี้ยืนขวางไอ้พี่ดิวที่กำลังจะตรงเข้ามาหาผมอย่างหัวเสีย

“เฮ้ย!หยุด”

“เกิดอะไรขึ้น...พี่ดิวมีอะไรหรือครับ..เฮ้ยฟลุ๊ค!เป็นอะไรสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”


ไอ้โตรีบเข้ามาหา ไอ้พี่ดิว ปรับสีหน้าจากโกรธขึ้งกลายเป็นยิ้มแย้ม ผมรู้ว่ามันขยาดสายตาดุๆที่มองอย่างเอาเรื่องจากคนที่กำลังกอดผมอยู่ขณะนี้

“เปล๊า.. สงสัยน้องฟลุ๊คคงจะเมามากก็เลยเดินชนโต๊ะจนแก้วตกแตก”

ไอ้โตเหมือนไม่เชื่อ มันหันมามองหน้าผม ผมส่ายหน้าไม่อยากพูดถึงพยายามดันตัวเองให้ยืนอยู่ได้โดยอิงกับอกพี่ไว้ ผ่ามือพี่ที่ประคองเอวผมบีบแน่นจนผมตกใจ...พี่กำลังโกรธจัด..

“ไม่มีอะไรโต...ผมขอตัวกลับก่อนนะ”

.
.
ผมขบกรามแน่น รู้สึกหัวเสียอย่างมากกับสภาพที่ดูไม่ได้ของคนที่นอนหายใจรวยระรินอยู่ที่เบาะด้านข้าง ใบหน้าหวานนั้นชื้นเหงื่อ ปากอิ่มแดงจัด ผมปรับแอร์ให้เย็นมากขึ้นแต่น้องก็ยังดูกระสับกระส่าย และอยู่ไม่สุข น้องเริ่มปลดกระดุมเสื้อออก

“เฮ้ย!ฟลุ๊คทำอะไร”

“ร้อนอ่ะ..พี่โอ...ฟลุ๊ค..ร้อนจังเลย..อื้อ..อ..อ.”

ผมรู้สึกว่าน้องกำลังผิดปกติอย่างมาก ไม่ใช่อาการเมาเหล้าอย่างเดียวแน่ๆ

“ฟลุ๊คกินอะไรเข้าไป..บอกพี่สิ”

“adam...ก็แค่อาดัม ครับน้องฟลุ๊ค Eve ของพี่ฮ่าๆๆไอ้บ้า!..ไอ้พี่ดิวบ้า ไอ้พี่เกรียนต่างหาก ฟลุ๊คจะเป็นของไอ้พี่เกรียน..น..น.”

“อื้อ..อ..อ..หิวน้ำ...อยากดื่มน้ำพี่โอ.อ.อ.อ.ขอน้ำหน่อย”

บัดซบ!

“เมย์...ผมมีเรื่องรบกวน...แต่ขอให้เป็นความลับนะครับ..”


Lexus LS460 ของผมเลี้ยวเข้ามาในอาณาจักรของตระกูลธรรมมลอย่างรวดเร็ว ลูกน้อง2-3คนตรงเข้ามาที่รถ สีหน้าทุกคนที่เห็นสภาพแปลกตาของนายน้อยถึงกับอึ้ง ผมสั่งให้ทุกคนปิดปากเงียบกับสิ่งที่เห็น ผมจะเป็นคนจัดการเรื่องทุกอย่างเอง

กว่าจะพาน้องที่เริ่มมีอาการอยู่ไม่สุข ขึ้นมาที่ห้องนอนได้ก็ทุลักทุเลพอดู เมื่อถึงห้องพักผมรีบจัดการเช็ดตัวคนที่ตัวร้อนและเหงื่อออกมากผิดปกตินั้นด้วยความร้อนรนและเต็มไปด้วยความยากลำบากเพราะน้องไม่ให้ความร่วมมือเลย แขนอ่อนเรียวเกาะเกี่ยว โอบรอบคอผมที่กำลังพยายามเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ชื้นเหงื่อออกให้อยู่ตลอดเวลา มือเรียวคว้าใบหน้าผมได้ก็ระดมจูบไปจนทั่ว ...ที่เป็นแบบนี้เพราะน้องกำลังเมายาอย่างหนัก...


ผมร้อนรนในใจเหลือเกิน ร่างไร้สติบนเตียงกว้างกำลังดิ้นกระสับกระส่าย เสียงหัวเราะคิกคักสลับกับการร้องครางนั้นดูน่าสงสาร น้องมีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อบางส่วน ชีพจรเต้นเร็วและเริ่มมีอาการปากแห้งเพราะขาดน้ำ การหายใจหอบเร็วจากไข้สูงทำให้ผมเป็นกังวลมากขึ้น

“ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วค่ะโอ สัญญาณชีพก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ เมย์ให้น้ำเกลือชดเชยการขาดน้ำแล้ว น้องขาดน้ำจากฤทธิ์ของยา Ecstasy ยาอี หรือยาเลิฟที่เด็กวัยรุ่นชอบเรียกกัน แต่ที่ดูอาการหนักมากก็เพราะน้องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย ”


หมอเมย์วาง Stethoscope ลงบนโต๊ะทำงานที่มุมห้องซึ่งตอนนี้กลายร่างเป็นโต๊ะตรวจของแพทย์ไปแล้ว จดบันทึกอาการและอาการแสดงต่างๆไว้เพื่อติดตามผล รวมทั้งแยกรายการยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ไปและต้องการใช้ไว้ในสมุดบันทึก ก่อนจะเอ่ยถามออกมา

“ว่าแต่ทำไม น้องถึงได้เสพ ...”

“น้องถูกมอมยา...เมย์ครับ...ผมรับประกันนะครับว่าน้องไม่มีประวัติการใช้ยาเสพติดมาก่อน”

“ค่ะถึงขั้นอดีตผู้หมวดกองปราบปรามรับประกันสุดตัวขนาดนี้แล้ว..เมย์เชื่อค่ะ”

เมย์อธิบายการดูแลเรื่องน้ำเกลือและยาบำรุงสำหรับคืนนี้ให้ผมทราบแล้วก็ขอตัวกลับ บอกว่าพรุ่งนี้เย็นจะแวะเข้ามาอีกครั้ง ผมกล่าวขอบคุณก่อนสั่งให้นิกกี้ไปส่งคุณหมอเมย์ พ.ต.ต แพทย์หญิง เมธาวี สุขสกุล ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพราะล่วงเข้าวันใหม่มาหลายชั่วโมงแล้ว


ผมทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ข้างเตียงอย่างอ่อนล้า ใบหน้าสีเผือดของคนบนเตียงทำให้ผมปวดใจ ลูบผมที่ชื้นเหงื่อนั้นอย่างทะนุถนอม กุมมือเรียวสวยของคนที่เริ่มสงบนั้นไว้แน่นก่อนจะยกขึ้นมาประทับจูบลงไป ลูบแก้มคนที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงอย่างรักใคร่ เสียใจเหลือเกินกับการพลาด...ที่ปล่อยให้น้องต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้น ผมน่าจะดื้อดึงตามอารักษ์ขาน้องอย่างถึงที่สุด แต่เพราะทิฐิของผมเอง ผมเป็นคนทำให้น้องต้องพบกับเรื่องเลวร้ายนี้จนได้

“อื้อ..อ.อ.ไม่...พี่โอ.อ..อ.ฟลุ๊คกลัว....”


น้องดิ้นไปมาพร้อมกับละเมอ ปากจิ้มลิ้มนั้นแดงจัด เพราะไข้ยังไม่ลดดี
“ฟลุ๊คครับ... ไม่ต้องกลัวนะพี่อยู่ตรงนี้แล้ว..ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับคนดี..”
ผม วางจูบที่มุมปากเบาๆ จรดหน้าผากผมกับหน้าผากน้องอยู่นานก่อนจะกระซิบเบาที่ข้างหูน้อง

“พี่ขอโทษ”

.
.
.
.

“อ่ะ..อ๊า..ไม่กรี๊ดดดดดดดดดด!”


มือใหญ่หยาบกร้านที่กำลังลูบไล้ร่างเปลือยเปล่าของผมอยู่ตอนนี้ ทำให้ผมต้องกรีดร้องออกมาอย่างดังด้วยความขยะแขยงและรังเกียจอย่างสุดแสน แม้ว่าจะพยายามดิ้นรนวิ่งหนีสักเท่าไหร่...กลับรู้สึกว่าขามันล้าและไม่มีแรงเลย ทุกย่างก้าวของผมดั่งภาพสโลว์โมชั่น ในขณะที่มือหยาบใหญ่ที่พยายามไขว้คว้าตัวผมนั้นมันรวดเร็วว่องไวอย่างเหลือเกิน


ไม่ว่าจะหลบลี้ซุกซ่อนหนีไปที่ใด ดูเหมือนเจ้าของมือใหญ่กักขระกับเสียงหัวเราะที่แสนจะน่าเกลียดน่ากลัวก็ดังตามมาอยู่ใกล้ๆ เสมอ

ผมหกล้มกลิ้งไม่เป็นท่าเพราะพยายามหลบมือที่ตามมาลังควานนั้นได้อย่างเฉียดฉิว...ต้องวิ่ง... ผมกำลังวิ่ง..วิ่ง.. วิ่งไปในอุโมงค์ที่ทึบ แคบ ทั้งร้อนและอับชื้น...มืด..มืด มองไม่เห็นอะไรเลย มันมืดไปหมดจริงๆ...

...เหนื่อย...เหนื่อยเหลือเกิน...เหนื่อยแทบจะขาดใจ...ไม่ไหวแล้ว... ฟลุ๊คเหนื่อย..เหนื่อยมากเหลือเกิน...
…ใครก็ได้...ช่วยผมที...

ผมล้มลงอีกครั้ง ...พร้อมๆกับเงาดำจากฝ่ามือใหญ่กำลังจะครอบคลุมร่างผมอีกครั้ง

“กรี๊ดดด...”

“อื้อ..อ.อ.ไม่..ไม่...พี่โอ.อ..อ...ช่วยฟลุ๊คด้วย”

“ฮือ.อ.อ.....ฟลุ๊คกลัว....”

..อ่ะ!..

แสงสว่างวาบนั้นคืออะไร แสงที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มหมอกสีเงินยวงที่ม้วนเกลียวคล้ายอุ้งมือช้อนร่างของผมให้พ้นจากเงื้อมมือมารสีดำนั้นได้อย่างหวุดหวิด

…อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนร่างของผมลอยขึ้นสูง ..
.
เกลียวหมอกสีเงินยังคงโอบรอบตัวผมไว้ และกำลังพาผมล่องลอยอยู่บนปุยเมฆสีขาวสะอาดตา ..พลิ้วไหวและอ่อนนุ่ม ผมปล่อยหัวเราะอย่างร่าเริงขณะแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางสายหมอกเย็น...ไม่หนาว...แต่กลับรู้สึกสบายอย่างประหลาด

มือสีเงินกลายร่างเป็นใครสักคนที่ผมมองไม่ชัด ภาพพร่าพรายเพราะประกายแดดที่สาดส่อง มือของเราเกาะกุมกันไว้มั่น ผมถูกพามาที่ทุ่งดอกไม้ที่ออกดอกผลิบานเต็มไปหมดทั่วทั้งพื้นที่ หอมหวาน ดั่งดอกกุหลาบหลากหลายพันธุ์มารวมกัน ผมก้าวเดินไปบนพรมที่ปูด้วยกลีบดอกไม้ นุ่มนวลนั้น

...ใคร...มือใหญ่แต่อบอุ่นนี้ของใคร ...

...มือที่กำลังเชยคางให้ผมรับสัมผัสที่แสนจะอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักนี้ ...รับรู้ถึงความอบอุ่นจากสัมผัสนั้น สัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผาก จมูก แก้ม และริมฝีปาก อ่อนโยนและอบอุ่นอย่างเหลือเกิน…

...ไม่นึกรังเกียจเลยสักนิด...เมื่อลิ้นร้อนๆแตะแต้มที่ริมฝีปาก...ผมเผยอปากตอบรับสัมผัสที่รุกเร้านี้อย่างเต็มใจ...จูบทวีความร้อนแรงจนแทบหายใจไม่ออก

....มือนี้...ที่ผมเต็มใจให้สัมผัสร่างกายได้อย่างไม่ขัดขืน…ทุกที่ที่มืออุ่นนี้เคลื่อนผ่านทำให้ผมมีความสุข... เกิดความหวามไหวในอกจนตัวผมสั่น...รับรู้ว่าหัวใจผมเต้นแรงจนแถบจะระเบิด...

....อ้อมแขนแข็งแรงที่โอบกระชับอยู่รอบตัวผมนี้...ของใครกันนะ... ช่างอุ่นเหลือเกิน ...ผมทอดกายซุกร่างอยู่กับอกอุ่นๆนั้นอย่างวางใจ..ใช่...ในใจผมโหยหาอ้อมกอดจากใครบางคนอยู่...อ้อมกอดแสนจะอบอุ่นจากใครสักคนที่จะคอยปกป้องคุ้มครองผมจากภยันตรายนี้ได้...

...หอม..กลิ่นนี้...เหมือน Bvlgari Aqua ที่ผมใช้ กลิ่นนี้...ใช่...เป็นกลิ่นของพี่ด้วย...พี่โอ...พี่หรือฮะ...

“หลับนะครับคนดี...พี่จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”

...เสียงพี่....ผมฝันไปใช่ไหมฮะ... แม้จะเป็นแค่ฝัน..แต่...แค่มีพี่อยู่ในนั้นฟลุ๊คก็สุขใจแล้วฮะ..ขอบคุณนะฮะ..ขอบคุณมาก...

ผมรู้ว่าตัวเองเผลอปล่อยน้ำตาออกมาจนได้...ทั้งๆที่เคยสัญญากับพี่ไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีก..ช่างเถอะมันก็แค่ในฝัน...เท่านั้น...

...แต่ทำไมผมรู้สึกว่าจูบที่กำลังซับน้ำตาอยู่นี้มันเหมือนกับว่าพี่อยู่ตรงนี้จริงๆ...เหมือนมาก...มากเหลือเกิน

...เป็นจริงอย่างที่ฟลุ๊คคิด...ใช่ไหมฮะพี่โอ...

+++tbc+++



Create Date : 29 ธันวาคม 2554
Last Update : 29 ธันวาคม 2554 10:28:24 น.
Counter : 789 Pageviews.

7 comments
  
กรี๊ดดดด ขอบคุณค่ะ ^______^
คิดถึงมากกกกกกกกก
โดย: รักน้อง IP: 49.49.116.25 วันที่: 29 ธันวาคม 2554 เวลา:13:29:39 น.
  
กรี๊ดดดดอีพี่ดิวแกรบังอาจเอายามาให้น้องชั้นกินได้ไงเนี่ย??
ดีนะที่อีพี่เกรียนตามมาช่วยได้ทัน..
ไม่งั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าน้องจะโดนปู้ยี่ปู้ยำขนาดไหน
และแล้วอีตาเกรียนของเราก็แพ้ใจตัวเองจนได้
ก็แหมน้องออกจะบอบบางน่ารักแถมยังอ่อนแอช่วยเหลือ
ตัวเองก็ไม่ได้...ให้แกร่งแค่ไหนก็ต้องแพ้ใจตัวเองอยู่ดี
แค่เลิฟซีนเล็กคนอ่านก็กระชุ่มกระชวยแล้ว
ขอแบบจัดเต็มได้มั๊ยคะน้องดา...
รออ่านตอนต่อไปและเป็นกำลังใจให้นะคะ
โดย: พี่นิด IP: 58.9.52.150 วันที่: 29 ธันวาคม 2554 เวลา:19:09:48 น.
  
เคือง!ช่างกล้า
โดย: miyukik IP: 110.49.253.136, 141.0.8.122 วันที่: 29 ธันวาคม 2554 เวลา:19:45:53 น.
  
โดย: winzar2 วันที่: 29 ธันวาคม 2554 เวลา:21:41:53 น.
  
เฮ้อ !!!เกือบไปแล้ว เกือบจะไม่ทัน แต่สุดท้ายก็ช่วยได้ทันเวลา พอดี อิๆๆๆ ชอบอ่ะ^______^".
โดย: lek^lek IP: 49.48.125.151 วันที่: 1 มกราคม 2555 เวลา:21:06:58 น.
  
เกือบไปแล้วนะฟลุ๊คเอ้ยยยยยยยย….อวดดีจนเกือบเสียท่าเสร็จไอ้บ้าดิวที่จ้องขย้ำอยู่ -*-
พี่โอในตอนนี้เท่ห์มากๆๆๆเลย ทั้งเข้มแข็งคอยปกป้องน้อง และยังอ่อนโยนอีกด้วย
แต่อยากให้หัดทำตัวหวานๆอ่อนโยนต่อหน้าน้องบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวก็น้อยใจว่าพี่ไม่รักหนีเตลิดพาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายอีกจนได้
โดย: Lookwha IP: 58.10.84.237 วันที่: 17 มกราคม 2555 เวลา:11:14:09 น.
  


ไม่อยากจะคิดถ้าพี่เกรียนไม่มาช่วยไว้ได้ทัน

น้องฟลุ๊คขราไม่ใช่ความฝันค่ะ ตัวเป็นๆๆๆๆมาช่วยไว้ได้ทันค่ะ
โดย: ภัทร IP: 115.87.100.73 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:15:41:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lovelyda.BlogGang.com

womam in love
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]