Day 4 Shirakawago บางวันก็รู้สึกว่าโลกนี้ใจดีกับเราเป็นพิเศษ
เคยได้ยินชื่อหมู่บ้านชิราคาวาโกะ และเคยเห็นรูปมาแล้วมากมาย เป็นอีกที่เที่ยวยอดฮิตของคนไทย
ความรู้สึกก่อนไปก็คือ ไหนๆมาแถวนี้ก็คงต้องไป แต่ไม่ได้รู้สึกอยากมาที่นี่เป็นพิเศษ
กลายเป็นว่า การไปเที่ยวชิราคาวาโกะวันนี้ ได้มีโอกาสเจอผู้คนน่ารักมากมาย ได้อยู่ในบรรยากาศเขียวๆ ลมไม่แรง แดดไม่ร้อน
พอมารวมๆกัน กลายเป็นชอบวันนี้มากๆ ทุกอย่างมันดีไปหมด เป็นวันที่รู้สึกว่าโลกใจดีกับเราจัง 

แวะมาจองรอบรถบัสทั้งขาไป-กลับชิราคาวาโกะไว้ก่อนแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ใช้ JR pass ยื่นให้พนักงานก็ออกตั๋วได้เลย ไม่เสียเงินเพิ่ม
จองรอบเช้า 8.20 เดินมาขึ้นรถออฟฟิศ Nohi bus อยู่ติดกับสถานีรถไฟทาคายาม่า


ระหว่างรอเวลารถออก ข้าวปลายังไม่ได้กิน ขนมที่ซื้อจากนาโกย่าได้เวลาของเธอแล้ว
กวินยามัน อร่อยมาก หอมเนยชุ่มฉ่ำหวานเจี๊ยบ รู้งี้ซื้อมา 2 ชิ้น


รถแล่นบนถนนที่เป็นอุโมงค์ทะลุภูเขาแทบจะตลอดทาง เลยไม่คดเคี้ยวมาก นั่งสบายๆ 
ใช้เวลา 50 นาทีก็มาถึงหมู่บ้านมรดกโลกยูเนสโก Shirakawa-go 
เห็นหลังคาบ้านทรงจั่วมุงด้วยหญ้าจนหนา ที่เรียกว่า Gassho style house อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบ้านในแถบนี้


ไปขอพี่สาวชาวญี่ปุ่นช่วยถ่ายรูปให้ มากัน 2 คนจากคุมาโมโต้ เค้าพูดญี่ปุ่น เราพูดอังกฤษ แต่ก็คุยกันได้เป็น 10 นาที 
ทำให้รู้ว่า มนุษย์เราสามารถสื่อสารกันพอรู้เรื่องอยู่นะ แม้พูดคนละภาษา สิ่งสำคัญไม่แพ้คำพูดก็คือภาษากายนี่แหละ


หอระฆังของวัด Myozenji ขนาดหอระฆังหลังคาก็ยังมุงหญ้า ไม่หลุดธีม


ตรงข้ามกับวัด มีร้านขายพุดดิ้ง ตอนแรกจะเดินผ่านแล้ว แต่ได้ยินเด็กนักเรียนที่ครูพามาทัศนศึกษากินแล้วชมว่าอร่อย
เลยต้องขอลองซักหน่อย มีติดป้ายว่าได้รางวัลประกวดพุดดิ้งเมื่อปี 2022 ด้วย


อร่อยจริงไรจริง เนื้อนุ่มละมุน หวานกำลังดี นมญี่ปุ่นนี่ขึ้นชื่อเรื่องความหอมมันอยู่แล้วเนอะ 
กินเสร็จ เราเก็บกระปุกแก้ว กลับมาเมืองไทยด้วยแหละ ฮ่าๆ นิสัยคนแก่มากมาย


มาช่วงต้นฤดูร้อน (จริงๆช่วงนี้คือหน้าฝนญี่ปุ่น) บรรยากาศก็จะเขียวๆ มีดอกไม้บาน อากาศสบายๆ 




ช่วงเก้าโมงที่มาถึงหมู่บ้าน นักท่องเที่ยวน้อยมากๆ แต่ที่เยอะคือ นักเรียน มีตั้งแต่ตัวเล็กๆแบบประถมต้นจนถึงเด็กม.ปลาย
พอใกล้ๆเที่ยง นักท่องเที่ยวเริ่มมาแทนเด็กนักเรียนแล้วล่ะ
ลิบๆบนเขา คือจุดชมวิว ถ่ายรูปมุมสูงของหมู่บ้าน แต่เราไม่ได้ขึ้นไป


เดินๆอยู่ได้ยินเสียงคุยภาษาไทย เลยเอ่ยทักทายซักหน่อย กลายเป็นได้อีกหนึ่งบทสนทนาดีๆ
เป็นคู่แฟนมากัน 2 คน เที่ยวญี่ปุ่นมาเยอะมากๆ รอบนี้ก็เช่ารถมาขับกันเอง น้องชวนเราไปถ่ายรูปตรงจุดจอดรถ
เออ ก็เพิ่งรู้ว่าจุดจอดรถบัสประจำทาง กับจุดจอดรถส่วนตัวรถทัวร์ มันอยู่คนที่กัน 
ถ้าไม่ได้คุยกับน้อง ก็คงไม่ได้โผล่มาตรงสะพานข้ามแม่น้ำตรงนี้ 


ฝั่งนี้คือลานจอดรถ ใครขับรถเองหรือมากรุ๊ปทัวร์ ต้องเดินข้ามสะพานเพื่อมาที่หมู่บ้าน อินโทรดูอลังการกว่ามารถเมล์เยอะ


แล้วน้องคือขยันถ่ายรูปขยันหามุมให้เรามาก ได้รูปมาเกือบ 30 รูป เหมือนฟ้าส่งตากล้องมาให้


ที่นี่นอกจากคนมาเที่ยวเยอะแล้ว หมาก็มาเที่ยวเยอะนะ เห็นหลายตัวเลย คุณพ่อคุณแม่พามาเที่ยวมาใช้เวลานอกบ้านร่วมกัน
น้องชิบะไอหนุ ชื่อ ฟู่กะหลิน น้องน่ารัก พูดรู้เรื่องมาก พ่อแม่เธอพาออกเที่ยวทุกวีคใช่มะ


มีบ้านกัชโช่ในหมู่บ้าน อยู่ราว 60 หลัง เปิดเป็นร้านอาหาร ที่พัก บางหลังก็ปิดไว้เฉยๆ และมีบางหลังที่เปิดให้เข้าชมได้ 
Wada House เป็นหนึ่งในบ้านที่สามารถเข้าชมได้ ค่าเข้า 400 เยน


บริเวณเตาไฟของบ้าน นอกจากเป็นที่ทำอาหาร ยังเป็นที่ให้ความอบอุ่นในฤดูหนาวด้วย


ชั้นสอง เป็นชั้นใต้หลังคาจั่ว โครงสร้างด้านในเป็นแบบนี้เอง


ถ่ายจากห้องใต้หลังคาออกมา ได้วิวแบบนี้


กลับมาถึงทาคายาม่าประมาณบ่ายสอง ยังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลย ไปหาของกินที่ย่านเมืองเก่ากัน 
สะพานแดง Nakabashi bridge


อาคารบ้านเรือนในเขตอนุรักษ์ทาสีดำอยู่สองข้างทาง


Hida Kotte Ushi มาอลงเนื้อวัวฮิดะแบบง่ายๆ ไม่ต้องจ่ายแพง ซูชิ 3 คำ 1000 เยน
มีหน้าข้าว 3 แบบ ฮิดะโรยเกลือ ฮิดะทาซอส ฮิดะห่อสาหร่ายกับไข่
ไม่คิดว่าจะอร่อยนะ ดูเป็นร้านที่ขายเอาคอนเท้น 55 แต่อร่อยมาก อร่อยจริงจังบอกเลย เนื้อนุ่มละลาย รสชาติดีทุกแบบ
แผ่นเซมเบ้รองซูชิก็กินได้ zero waste อีกตะหาก 


ร้านขายของแถวนี้ นอกจากของที่ระลึกสารพัดอย่าง สิ่งที่มีชื่อเสียงในทาคายาม่าคืองานไม้ สาเก และงานคราฟต์ต่างๆ
เรานี่เดินเข้าออกดูของหลายร้าน แต่ไม่ได้ซื้อซักอย่าง แหะๆ 


นึกได้ว่านี่ก็บ่ายแก่ๆ แต่ยังไม่ได้กาแฟของวันเลยนี่หว่า 
แว่บเข้าร้านนี้ Soeur เพราะส่องเข้าไปในร้านแล้วเห็นวิวสวย วิวแม่น้ำมิยากาวะกับแนวบ้านเรือน
สั่งกาแฟกับแซนวิช เพราะเป็นเซ็ตคุ้มกว่า 55 แต่ยังอิ่มกับซูชิตะกี้อยู่ กินไม่หมด เลยห่อแซนวิชกลับไปกินเป็นมื้อเย็นซะเลย


แล้วโชคชะตาก็ทำให้เราเดินมาเจอร้านขายเครื่องเขียนสุดจะน่ารักแห่งนี้ Penhouse IMAI 
ร้านไม่ได้ติดถนนใหญ่ด้วยนะ เห็นป้ายชี้เข้าตรอกเล็กๆ เลยเดินตามมา 


เป็นร้านขายเครื่องเขียนขนาดกะทัดรัด แต่ของเยอะมาก แน่นมาก ราคาทั่วๆไปเลย บรรยากาศสุดจะอบอุ่นเป็นกันเอง
ไปชื่นชมกับพนง.ที่ร้าน บอกว่าเราชอบร้านนี้มาก เค้าให้โบรชัวร์ร้านมาอ่าน เลยรู้ว่าเป็นร้านเก่าแก่ของทาคายาม่าอยู่มาตั้ง 60 กว่าปีแล้ว
ทำต่อมช้อปแตก เครื่องเขียนญี่ปุ่นก็น่ารักอยู่แล้ว มีสมุดที่ปกสกรีนทองเป็นลายบ้านกัชโช่งี้ ยางลบเอามาต่อกันเป็นศาลเจ้าจิ้งจอกงี้
 ปากกาดินสอดีไซน์แพรวพราวงี้ ซื้อเป็นของฝากได้สบาย (แต่สุดท้ายเก็บไว้เอง อิอิ)


ร้านอยู่ชั้นสอง ของตึกด้วยนะ ดูความหลบมุมแล้วยังหากันจนเจอ


พอตกเย็น ทาคายาม่าก็กลายเป็นเมืองร้างอีกแล้ว เมื่อชั่วโมงก่อน คนยังเดินกันขวักไขว่อยู่เลย
เดี๋ยวพรุ่งนี้ (บลอกถัดไป) จะมาเที่ยวตลาดเช้าแห่งนี้ นี่เดินตอนเย็น เงียบผีหลอก



Create Date : 14 ตุลาคม 2566
Last Update : 15 ตุลาคม 2566 11:03:08 น.
Counter : 1055 Pageviews.

0 comments
สุกี้โบราณและอาหารจีน ร้านเรือนเพชรสุกี้ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นายแว่นขยันเที่ยว
(27 มิ.ย. 2568 01:16:33 น.)
ร้านพม่า กาบริเอล
(21 มิ.ย. 2568 17:08:56 น.)
Himeji ไร้นาม
(21 มิ.ย. 2568 10:40:55 น.)
วันที่ 2 นอนโบโลญญ่า แล้วแว่บมาหาบรูเนลเลสกี้ที่ฟลอเรนซ์ khimyo
(21 มิ.ย. 2568 14:33:53 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmariabamboo, คุณ**mp5**

ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Khimyo.BlogGang.com

khimyo
Location :
ลำพูน  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]