ชีวิตการทำงาน ตอนที่ 9
เร่ร่อนไปอ่างทอง

ย้ายกลับมาอยู่ กทม.บ้านเกิด ได้แค่ 6 เดือน ก็สอบเลื่อนระดับได้ ย้ายไปอยู่อ่างทอง ช่วง 6 เดือน ใน กทม. ก็ดีที่ได้อยู่บ้าน อยู่กับครอบครัว แต่เวลาเดินทางไป – กลับ บ้าน – ที่ทำงานแถวริมคลองหลอด เป็นอะไรที่น่าเบื่อมากๆ ปัญหาของ กทม.ที่ไม่เคยแก้ไขได้มาจนปัจจุบันนี้ รถติดไงครับพี่น้องครับ ติดได้ติดดี ติดเป็นชั่วโมงๆ ไม่ขยับไปไหน ช่วงเช้าไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะรีบออกจากบ้านแต่เช้ามืด ไปถึงที่ทำงานไม่เคยเกินเจ็ดโมงครึ่ง แต่เวลากลับบ้านนี่ซิ บางครั้งนั่งอยู่บน รถ ปอ.เป็นชั่วโมงๆ นั่งเบื่อแล้วเบื่ออีก ถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก ใหม่ๆ อยากจะร้องกรี๊ดๆ แต่กลัวเค้าจะหาว่าบ้า

ออกจากที่ทำงาน กว่าจะฝ่าด่านสนามหลวง รถก็ติดสาหัสมาก มาติดหนึบตรงแยกยมราชอีก เชื่อมั๊ยคะว่า เคยนั่งนับขบวนรถไฟ ผ่านไป –มา ได้ถึง 6 ขบวน พอเบื่อมาก ๆ เข้า ก็หาวิธีแก้เบื่อ แก้เครียด ด้วยการนั่งนับรถยี่ห้อต่าง ๆ สีต่าง ๆ แบบต่าง ๆ สลับกันไปในแต่ละวัน เพลินดีเหมือนกัน บางทีก็หาหนังสือมาอ่าน แต่ก็อ่านไม่ได้นาน เพราะเป็นคนสายตาสั้น อ่านนาน ๆ แล้วปวดตา มีพี่ทำงานด้วยกันคนหนึ่ง บ้านเค้าอยู่แถวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รถติดอยู่แถวยมราช พี่เค้าลงจากรถ มาซื้อทุเรียนกินแถวสะพานขาว จนทุเรียนหมดไปลูกหนึ่งแล้ว รถยังไม่ไปไหนเลย...555
พอรถหลุดจากช่วงยมราช ก็ไปติดย่านประตูน้ำอีก จากประตูน้ำ ก็มาติดที่แยกคลองตัน ไป รามคำแหง บางครั้งติดมากๆ เดินมันจากคลองตัน ไปหน้าปากซอยบ้าน แล้วต่อสองแถวเข้าบ้านก็ยังเคยมาแล้ว เดินจากประตูน้ำ ไปคลองตันก็เคยนะ ฝนตก รถเมล์ก็แน่น แท็กซี่ก็ไม่มี (ตอนนั้นสมัยเรียนหนังสือ) เพราะฉะนั้น แค่นี้ จิ๊บๆ

พอได้ย้ายออก...ดีใจมาก ๆ ชอบอยู่ต่างจังหวัดค่ะ ไปไหนๆ ก็แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ถึงแม้จะได้กลับมาอยู่บ้าน แต่คงเป็นเพราะความเบื่อนั่นเอง ชอบ กทม.ที่สุด ตอนหน้าเทศกาล เพราะผู้คนจะพากันออกไปต่างจังหวัดกันหมด ถนนหนทางงี้โล่งเชียว ช่วงนั้นลูกสาวเข้าเรียนอนุบาลแล้ว คุณสามีไม่ได้ย้าย ขืนย้ายคงได้โกลาหลอีกครั้ง จัดระเบียบชีวิตตัวเองไม่ถูก คุณสามีเคยพูดไว้ว่า หากใครคนหนึ่งย้าย อีกคนต้องอยู่เป็นหลักกับลูก
ไปอยู่อ่างทองแรกๆ เช่าอพาร์ตเม้นต์อยู่ในตลาด เดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำมา ก็มาถึงที่ทำงานแล้ว แต่ว่า เพราะว่าขับรถไม่เป็น เวลาไปอยู่ไหนๆ จึงต้องหาบ้านพักใกล้ๆ ที่ทำงาน ค่ะ น่าจะหัดขับรถซะตั้งนานแล้วนะ ไปทำงานอาทิตย์แรก น้ำก็ท่วมอ่างทองเลย ฝั่งตลาดที่เช่าอพาร์ตเม้นต์อยู่ (ตอนอยู่ตากก็ท่วม ไปนครนายกก็ท่วม ไปสุพรรณ ก็ท่วม มาอยู่นี่ ยังท่วมอีกแน่ะ เลยมีคนบอกว่า เรามากับน้ำค่ะ) สมัยนั้นอาคารศาลากลางจังหวัดยังเป็นอาคารสองชั้น แต่ไม่ได้ทำงานที่ตึกใหญ่ อยู่คนละตึกกัน ทำงานก็สนุกดีเหมือนกัน เพื่อนๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ก็น่ารักกันทุกคน ทำกับข้าวกินกันตอนกลางวัน วันไหนเบื่อๆ ก็ขี่มอเตอร์ไซต์ไปกินข้างนอก ที่นี่ใกล้แม่น้ำ ปลาน้ำจืดเยอะ พวกเราจึงชอบกินปลากันมากๆ เพราะว่ามันถูก 

อยู่ที่อพาร์ตเม้นต์ได้ไม่นาน ก็ย้ายมาอยู่บ้านพักข้าราชการแถววัดท้องคุ้ง ที่นั่นมีหัวหน้าอยู่ แล้วก็พี่ๆ ที่ทำงานด้วยกันอยู่อีกหลายหลัง แต่ไม่มีรั้ว เพราะยังไม่มีงบฯ ทำรั้ว เวลาไป – กลับ ที่ทำงาน ก็ไปกับพี่คนหนึ่งที่ทำงานห้องเดียวกัน แต่บางทีก็นั่งรถสองแถวไปเอง เพราะมีรถสองแถวผ่าน ไม่ลำบากเท่าไหร่ อยู่ได้สักพัก ก็ทำรั้ว เพราะหัวหน้าบอกว่า เห็นเราอยู่คนเดียว ใครเดินมา ก็ถึงหน้าบ้านเลย ทำรั้วรอบบริเวณบ้านพักทั้งหมดที่มีอยู่ 4 หลัง ตอนทำประตูรั้ว หัวหน้าก็ให้เรามาทดลองเดินเข้าเดินออก แกถามว่าความสูงแค่นี้พอมั๊ย ความกว้างแค่นี้พอมั๊ย เราก็บอกหัวหน้าไปว่า หัวหน้าก็... ใช่ว่าจะมีคนเตี้ยๆ อ้วน ๆ มาอยู่บ้านหลังนี้ตลอดเมื่อไหร่กัน เดี๋ยวก็มีคนอื่นมาอีก ก็ทำตามปกตินั่นแหล่ะ แถวบ้านพักที่อยู่ มีผัดไทยโบราณอยู่เจ้าหนึ่ง รู้จักกันในนามผัดไทยวัดท้องคุ้ง อร่อยมากๆ บ้านไม้เก่าๆ แต่คนแน่นร้านทุกวัน เวลามีงานของจังหวัด ก็มักจะเหมาให้เค้าไปออกร้านอยู่บ่อยๆ

มาอยู่อ่างทองในช่วงแรกๆ ทำงานอยู่ชั้นล่างของสถานีสื่อสารจังหวัด มีสองฝ่ายอยู่ที่นี่ คือ ฝ่ายนโยบายและแผน กับฝ่ายข้อมูลและติดตามประเมินผล ส่วนฝ่ายอำนวยการกับหัวหน้าสำนักงานจังหวัด เค้าอยู่บนอาคารศาลากลางจังหวัดกัน เราอยู่ฝ่ายข้อมูล มีเพื่อนที่ไปอยู่ที่เดียวกันพร้อมกันอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนที่บรรจุเข้ารับราชการพร้อมกัน เราสองคนมาเจอกันอีกทีก็ตอนที่ย้ายมาอยู่อ่างทองนี่แหล่ะ แต่ปรากฏว่าเค้าได้ย้ายเข้ากระทรวงก่อนเรา เราก็อยู่อ่างทองไปเรื่อยๆ นับไปนับมา 5 ปี เต็มๆ อยู่ตั้งแต่ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า จนได้ย้ายขึ้นมาศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ 5 ชั้น จากที่เคยอยู่ใต้ถุน เอ้ย...ไม่ใช่ ชั้นล่างของสถานีสื่อสาร ก็ขึ้นมาอยู่ชั้น 5 เลย สำนักงานจังหวัด จองชั้น 5 ทั้งชั้นเลย ห้องกว้างขวาง เรียกว่า ตีแบตกันได้เลย 555 แต่ที่ไม่ชอบอยู่อย่างหนึ่งคือ ไฟชอบดับเป็นประจำ เวลามาทำงาน ต้องเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้น 5 อยู่บ่อย ๆ เล่นเอาเกือบเป็นลม ดีที่ว่ายังสาวอยู่...อิอิ ถ้าเป็นตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะไต่มาถึงชั้น 3 ได้หรือเปล่า
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนมีโครงการมิยาซาว่า (โครงการเงินกู้ญี่ปุ่น) ก็มีการจ้างงานเด็กๆ ที่ยังไม่มีงานทำ กลุ่มของเราได้มา 3 คน เป็นปริญญาตรี 2 คน ปวส. 1 คน ส่วนฝ่ายอื่นๆ ก็มีหลายคน ช่วงนั้นเด็กๆ หนุ่ม ๆสาวๆ วัยละอ่อน มีอยู่เกือบทุกส่วนราชการ พวกพี่ๆ หนุ่ม(แก่) ทั้งหลายพากันกระชุ่มกระชวยเพราะมีอะไร ๆ สวยๆ งามๆ มาให้พอได้เจริญหูเจริญตามั่ง ไม่ใช่ว่า...เงยหน้าทีไร เจอแต่ยายแก่ หน้าเดิมๆ อิอิ บ้านพักของเรามีห้องว่าง ก็เลยเอาน้องผู้หญิงสองคนมาอยู่ด้วย ตกเย็นก็ทำกับข้าวกินกัน น้องที่มาอยู่ด้วยคนหนึ่ง หน้าตาสะสวย มีหนุ่มๆ มาจีบเยอะ แต่ละคนต้องมาทำความรู้จักกับพี่ใหญ่อย่างเราก่อน แหะๆ...คือว่าเราทำตัวเหมือนแม่เค้าน่ะ ก็เอาลูกเค้ามาอยู่ที่บ้าน ก็ต้องดูแล พ่อแม่เค้าจะได้สบายใจ เพราะเค้าไม่ใช่คนอ่างทอง เป็นคนสิงห์บุรี แต่ว่า..น้องเค้าก็น่ารัก เป็นเด็กดี รักเราอย่างกับแม่แน่ะ แต่อ่ะนะ เด็กสาวๆ หน้าตาดี ก็ย่อมจะมีชายหนุ่มมาหมายปอง แต่เจ้าหนุ่มคนนี้ที่ชนะใจสาวเจ้า เค้าฉลาด เข้าทางผู้หลักผู้ใหญ่ แล้วก็ทำงานทำการเป็นหลักเป็นฐานแล้ว อยู่สาธารณสุข หน้าตาก็หล่อด้วย มีลักยิ้ม หน้าตาถ้าเป็นสมัยนี้ ก็ออกแนวเกาหลีๆ หน่อย เหมาะสมกันทั้งคู่เลย หญิงก็สวย ชายก็หล่อ

น้องผู้ชายที่อยู่สาธารณสุข เค้ามักจะทำอะไรตลกๆ ให้เราแปลกใจเสมอ ความจริงคืองานของเค้าน่ะค่ะ บางวันเค้าแต่งตัวซะล้อหล่อ แต่บางวันก็โทรมสุดๆ เวลาเค้ามาที่บ้าน ในตอนเย็น วันไหนที่แต่งตัวโทรม ๆ ไม่ใส่เสื้อขาวแบบสาธารณสุข เราก็มักจะถามว่า วันนี้จะไปไหนเหรอ เค้าก็บอกว่า “วันนี้ ผมจะไปล่อซื้อยา” เราก็ตกใจ ถามว่า “จะไปล่อซื้อยาบ้าเหรอ” เค้าก็บอกว่า “เปล่า ผมจะไปล่อซื้อยาลูกกลอน” เพราะช่วงนั้นยาลูกกลอน ผสมสารสเตียรอยด์ ซึ่งเป็นอันตรายมีอยู่เยอะ เค้าไปล่อซื้อมา แล้วก็เอาไปตรวจ ถ้าเจอสารสเตียรอยด์ ก็ไปยึด บางวันเด็กสองคนก็ไปตามเขียงหมูในตลาด ซื้อมาเจ้าละนิดละหน่อย กลับมาบ้าน ก็เอาสารเคมีชนิดหนึ่งหยดลงไป เราก็ไม่รู้หรอกว่าคือสารอะไร แต่ถ้าเกิดปฏิกิริยา แสดงว่า เนื้อหมูนั้น ฉีดฟอร์มาลีน บางทีก็เป็นลูกชิ้น ซื้อเอาตรวจดูว่า ใส่สารกันบูดหรือสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายหรือเปล่า

เราเคยพาเด็กสองคนไปเที่ยวบ้านพี่สาวเราที่เชียงใหม่ เจ้าเด็กผู้หญิง ชีวิตเค้าน่าสงสารมาก แม่เสียไปตั้งแต่ยังเล็กๆ พ่อก็ไปมีแม่ใหม่ ตัวเองอยู่กับป้าพี่สาวของแม่ เค้าก็เลี้ยงมาจนโต มีน้องชายอีกคน เค้าไม่เคยนั่งรถไฟ เราก็เลยพาน้องผู้หญิงกับแฟนเค้านั่งรถไฟตู้นอนไปเชียงใหม่ เพราะสัญญากับเค้าไว้ว่าจะพาไป พี่สาวเราเห็นหน่วยก้านของน้องผู้ชายคนนี้ ยังบอกกับเราเลยว่า เป็นคนดีมากๆ สุภาพ อ่อนน้อม ใครได้เป็นแฟนนี่ โชคดีมากๆ เลยนะ เรายังคิดเลยว่า สองคนนี่ คงไม่แคล้วกัน แต่ว่า...อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน พอเราย้ายกลับมากรุงเทพฯ น้องผู้หญิงก็ได้งานที่อื่นทำ แล้วอยู่มาวันหนึ่ง น้องผู้ชายก็โทรมาหาเราที่ทำงาน ไม่รู้ว่าเค้าหาเบอร์ที่ทำงานใหม่ของเราเจอได้อย่างไร เบอร์มือถือของเราก็เปลี่ยนใหม่แล้ว เราได้ยินผู้ชายร้องไห้เป็นครั้งแรก น้องผู้หญิงไปมีแฟนใหม่ เจ้าน้องผู้ชายเลยเสียใจมากๆ เราก็ไม่คาดคิดนะว่า ...จะลงเอยแบบนี้ แต่ว่า...เค้าคงไม่ใช่เนื้อคู่กัน ความรัก บางทีมันก็ไม่มีอะไรแน่นอน นี่ก็ผ่านมาสิบปีแล้ว ป่านนี้ทั้งสองคนคงจะแต่งงานกันไปแล้ว...คิดถึงอยู่เหมือนกัน

ทำงานที่อ่างทอง มีหัวหน้าฝ่ายเป็นผู้ชาย ลูกน้องเป็นผู้หญิงหมด แต่รู้สึกว่า จะเป็นผู้หญิงที่นิสัยค่อนข้างเป็นผู้ชายไปซะหมด รวมทั้งเราด้วย คือไม่ชอบอะไรจุกจิก ทำได้ทำเลย ร่วมมือร่วมใจกันดี แต่แย่หน่อยตรงหัวหน้าฝ่าย ไม่ค่อยจะนึกถึงพวกเรากัน ทั้งๆ ที่ทำงานให้อย่างเต็มที่ พวกเราก็แสบเหมือนกัน เห็นอะไรไม่ยุติธรรม โวยเลยทันที แหม...เป็นหัวหน้าเค้านี่ ใช่ว่าจะทำงานสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวซะเมื่อไหร่ ต้องมีลูกน้องเป็นแขน ขา ต้องนึกถึงใจเค้าใจเรา น้ำจิต น้ำใจ ต้องมีให้ แม้เพียงเรื่องเล็กๆ น้อย ๆ ตอนที่ทำงานที่อ่างทอง งานกาชาดมักจะจัดในช่วงสิ้นปี – ปีใหม่ แล้วก็ฝ่ายเรามักจะได้อยู่เวรร้านกาชาดในช่วงนี้ทุกปี ไม่เคยได้กลับบ้านในช่วงปีใหม่เลย ทำนะ แต่ก็แอบบ่นกันเองทุกปี ทำไมไม่เอาฝ่ายอื่นมาอยู่บ้าง สลับกันไป ใคร ๆ เค้าก็เลยแซวว่า คงเป็นเพราะฝ่ายเราบริการดี เสริฟน้ำ กาแฟ อาหารว่าง ให้คนที่มาประจำร้านกาชาดแบบเต็มที่ คนทำคำสั่งเค้าเลยติดใจมั้ง เพราะช่วงสิ้นปี – ปีใหม่ คนจะมาเที่ยวงานเยอะ ทำงานถ้าเห็นเป็นเรื่องสนุก มันก็สนุกดี แม้ว่าจะเบื่อๆ กันบ้าง เราเลยบอกให้น้อง ๆ ใส่ชุดทีมกันมา ลงทุนไปซื้อเสื้อลายสก๊อตมาใส่กันหมด

ทำงานที่อ่างทองได้ 5 ปีเต็มๆ ก็ย้ายเข้ากระทรวง ไม่ได้ทำเรื่องขอย้ายด้วย มีคนทำให้เสร็จ ก็คุณสามีนั่นแหล่ะ เพราะว่าเค้าได้ย้ายไปเป็นหัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ที่ จ.มุกดาหาร เค้าก็เลยไปวิ่งให้เราย้ายเสร็จสรรพ เพราะเราเคยคุยกันไว้ว่า หากมีคนใดคนหนึ่งต้องย้ายออกต่างจังหวัด อีกคนต้องอยู่กับลูกใน กทม. หลังจากย้ายจากอ่างทองได้ไม่นาน ก็เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดอ่างทอง ท่วมมาถึงศาลากลางจังหวัด ถึงขนาดต้องเอาเรือมาพายกันเลยทีเดียว ตอนเราย้ายไป น้ำก็ท่วม พอเราย้ายออกมา น้ำก็ท่วมอีก จนมีพี่คนหนึ่งบอกว่า เรามากับน้ำ เพราะตั้งแต่จังหวัดตาก นครนายก สุพรรณบุรี อ่างทอง น้ำท่วม ทั้งๆ ที่ บางแห่งน้ำไม่เคยท่วมเลย

เราย้ายเข้ามาอยู่ในกระทรวง ตั้งแต่ปี 2544 – 2551 ก็ย้ายออกมาอยู่ จ.นครนายก เป็นครั้งที่สอง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะต้องระเหเร่ร่อน ย้ายไปไหนอีกหรือเปล่า...




 
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาค่ะ   18



Create Date : 22 มิถุนายน 2563
Last Update : 22 มิถุนายน 2563 9:45:00 น.
Counter : 597 Pageviews.

3 comments
สุขสันต์วันปีใหม่ไทย ๒๕๖๗ haiku
(13 เม.ย. 2567 10:13:33 น.)
Day..10 โฮมสเตย์ริมน้ำ
(11 เม.ย. 2567 08:25:45 น.)
"วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ" คนผ่านทางมาเจอ
(10 เม.ย. 2567 23:49:39 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม.ที่ 349 "วันใดที่เธอ...." จันทราน็อคเทิร์น
(8 เม.ย. 2567 14:18:13 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณอุ้มสี

  
เมื่อวานมาอ่านแต่ไม่มีโหวตเลยกลับมาใหม่

อาชีพที่ต้องย้ายไปโน่นไปนี่ในช่วงเวลาที่ทำอยู่
อาจรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเบื่อหน่ายบ้าง
แต่เมื่อมาย้อนนึกถึงก็เป็นความทรงจำที่ดีนะ
ได้ประสบการณ์มากมายด้วย ทั้งยังได้เห็นโลกกว้าง
มากกว่าห้องกว้างๆในกระทรวง

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 23 มิถุนายน 2563 เวลา:8:32:24 น.
  
ฮ้าอยู่ อ่างทองด้วย.. คงคลาดกัน ผมทำงานอยู่ตรงถนนใหญ่
แถวโชว์รูมรถยนต์ ติด ๆ กับศาลหรือไรนี่แหละ.

...

อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มว่า มีการตรวจล่อซื้อยาลูกกลอนจาก
หมอพื้นบ้านว่าผสม สเตียรอยด์หรือยาอย่างอื่นบ้าง เห็นชาว
บ้านซื้อมากินแล้วตัวบวม แรก ๆ ก็ดีใจ อาการเจ็บปวดหาย
ทันทีภายใน 2 วันเจ๋ง.. ว่างั้น น่ากลัวมาก ๆ

มีการตรวจเนื้อหมู เนื้อไก่ตามตลาดด้วย.. เสียดายตรวจและ
รู้เฉย ๆ ถ้ามีการปล่อยข่าวว่า ไปตรวจเจอสารเร่งเนื้อแดง
แล้วสาวไปที่ฟาร์มเลี้ยงใด น่าจะดีนะ

แต่ก็เข้าใจว่า จะถูกขู่ฟ้องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อ้าวแล้ว
เขียงนั้น ทำไมละเว้นไม่ตรวจ ผิดอีก กม.วิธีปฏิบัติของไทย
เป็นแบบนี้ ล้างหน้าก็เจอจมูกเนาะคุณเปี๊ยก
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 23 มิถุนายน 2563 เวลา:8:54:53 น.
  
รอดูว่าพี่เปี๊ยกจะย้ายไปไหนอีกหนอ
โดย: อุ้มสี วันที่: 25 มิถุนายน 2563 เวลา:6:45:32 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Kapeak.BlogGang.com

พูดไม่เก่ง แต่เจ๋งทุกคำ
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]