ประสบการณ์ล้ำค่า เหนือกว่า คำว่าหน้าที่.... ตำรวจไทย กับ ไมเคิล แจ๊คสัน
ไมเคิล แจ๊คสัน มาเปิดการแสดงที่เมืองไทย 2 ครั้ง ทั้งสองครั้งนั้น ผมไม่มีโอกาสวาสนาได้ไปชมการแสดงของเขา ด้วยยังเยาว์และเขลานัก แม้กระนั้นก็ยังรับรู้ได้ถึงกระแสความยิ่งใหญ่ของบุคคลคนนี้ ที่ถึงทุกวันนี้ ก็ไม่เคยพบเห็นการจัดคอนเสิร์ตครั้งอื่นใดของศิลปินท่านไหน ที่จะทำให้เกิดปรากฏการณ์ในเมืองไทยได้เช่นนั้นอีก

ผมอาจเป็นคนรุ่นใหม่ทั่วไปที่ไม่ “ทันได้สัมผัส” ความยิ่งใหญ่ของ ไมเคิล

ภาพไมเคิล ในมโนภาพของผมตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้ ไม่มีอะไรมากกว่า นักร้องที่ถามใครก็รู้จัก เป็นสัญลักษณ์ของประเทศอเมริกา ที่มีหน้าตาและเสียงยังกับผู้หญิง(ไม่ใช่แนวที่ผมจะชอบได้เลย) ซึ่งต่อมากลายเป็นหน้าตาเปลี่ยนไป จนดูแปลกประหลาด อีกทั้งมีพฤติกรรมประหลาดไม่เหมือนใครอีกด้วย สื่อนำเสนอเรื่องเหล่านี้มากกว่าผลงานของเขาเสียอีก นั่นเป็นไมเคิล แจ๊คสันที่ผมรู้จัก ก่อนวันที่ 26 มิถุนายน ปีนี้เอง ที่ผมได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของเขา…
ในวันนั้นผมเข้าพันทิพตามปกติแต่บรรยากาศของพันทิพในวันนั้นแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าห้องไหนก็กล่าวถึงการจากไปของคนคนนี้ จนผมอดไม่ได้ต้องตั้งกระทู้ถาม(แดกดัน) ในเฉลิมไทยถึงเหตุการณ์ดังกล่าว แล้วก็มีผู้มาชี้ทางสว่างให้กับผม ด้วยคำพูดท้าทาย(กึ่งแดกดันเช่นกัน) ที่นำให้ผมต้องเข้าไปในกระทู้แนะนำ และได้ดูคลิปของไมเคิล เป็นครั้งแรก และได้ค้นพบว่า ผมเกือบไปแล้วครับ เกือบต้องตายไปโดยไม่ได้รู้จักกับ‘การแสดงของบุคคลที่ทำให้รู้สึกตะลึงงัน ขนลุก!’ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไมเคิล แจ๊คสันในสายตาผม ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ยิ่งศึกษาชีวิตของเขา ยิ่งเกิดแรงบันดาลใจ และกลายเป็นความรักต่อศิลปินท่านนี้อย่างที่สุด

อารัมภบทเสียยาว เข้าเรื่องเลยนะครับ ต่อไปนี้เป็นบทความสัมภาษณ์ของนายตำรวจท่านหนึ่ง ที่ท่านได้ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับไมเคิล ช่วงที่มาเปิดการแสดงในไทยในปี 1993 ท่านให้สัมภาษณ์ไว้เป็นภาษาอังกฤษ ผมขออนุญาตถอดความเป็นภาษาไทยนะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้

++++++++++++++

ขอลูกช้างตัวหนึ่งไว้สำหรับเป็นเพื่อนเล่น และห้องที่เต็มไปด้วยของเล่นกับลูกโป่ง? แถมด้วยการหลบออกไปท่องชมบรรยากาศของเมืองที่ชวนตื่นตาตื่นใจที่สุดในเอเชีย โดยปราศจากสายตาจับจ้องของเหล่าบอดี้การ์ดและแฟนเพลงงั้นเหรอ ?

ไม่มีปัญหา ในเมื่อคุณคือ คิง ออฟ พอป และคุณก็เพิ่งสร้างสัมพันธ์อันดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลที่ทำหน้าที่ดูแลคนดังผู้มาเยี่ยมเยือน...

เมื่อ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ วีระวัฒนโยธิน (ยศขณะนั้นเป็น พ.ต.ท.) ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการประจำกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ได้ทราบข่าวการจากไปของ ไมเคิล แจ๊คสัน ท่านก็รู้สึกเสียใจ เนื่องจากท่านได้เคยทำหน้าที่ดูแลเมกะสตาร์ผู้นี้ตอนเขามาเปิดการแสดงที่เมืองไทยในปี 1993 และ ปี 1996 และมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมพอที่จะเรียนรู้ได้ว่า แจ๊คสัน เป็นอัจฉริยะทางด้านดนตรี ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ในขณะเดียวกัน เขากลับมีจิตวิญญาณของความเป็นเด็ก ขี้เล่นและแสนไร้เดียงสา

“ผมช็อคนะ ก็เหมือนกับที่ทุกคนรู้สึกกับการเสียชีวิตโดยกะทันหันของเขา มันชา ตื้อ อาจไม่ถึงกับทรุด แต่ผมคิดว่า นอกจากโลกจะสูญเสียนักร้องนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้ว ยังอาจสูญเสียบุคคลที่นิสัยดีที่สุดไปแล้วอีกด้วย” พ.ต.ท.ทวีศักดิ์กล่าว

ทัวร์ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ปี1993 นายตำรวจท่านนี้เล่าว่า ไมเคิลมาถึงกรุงเทพฯ ‘อย่างกระทันหัน’โดยออกจากฮ่องกงล่วงหน้าหนึ่งวัน พร้อมบอดี้การ์ดประจำตัวผู้ดูแลเพียงหนึ่งคนเท่านั้น จู่ๆทัวร์ครั้งนี้ก็เกิดโกลาหลขึ้นเมื่อไมเคิลต้องเลื่อนการแสดงสองรอบออกไป อันเป็นผลจากเกิดการฟ้องร้องคดีล่วงละเมิดเด็กของเขาในอเมริกาขึ้นมา(ส่งผลให้ไมเคิลช็อค จนอาการไมเกรนกำเริบในวันแสดงตามกำหนดการเดิม)

มันเป็นเหตุการณ์โกลาหล เพราะเราต้องวางแผนการรักษาความปลอดภัยใหม่โดยเร็วที่สุด พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ หยุดกล่าวสักครู่หนึ่งเพื่อหวนรำลึกถึงเหตุการณ์สุดวุ่นวายครานั้น “ถึงกระนั้น มันก็สนุกดีนะ”
พันโทในตอนนั้น ได้รีบรุดไปยังโรงแรมโอเรียนเต็ล ซึ่งแจ๊คสันมีกำหนดการจะเข้าพักที่นั่น ต้องฝ่าฝูงชนแฟนๆหลายร้อยที่มาออกันอยู่ด้านหน้าโรงแรม

“ผมได้รับการคำสั่งให้เข้าไปพบพวกเขาโดยเร็วที่สุด ผมแทบกระโดดขึ้นลิฟท์ไปเลย และต้องประหลาดใจมากๆ เมื่อพบเขากับบอดี้การ์ดประจำตัวยืนอยู่ข้างๆ นั่นเอง อย่างกับฉากในหนังแน่ะ”

แจ๊คสันเป็นฝ่ายทักทายเขาก่อนด้วยถ้อยคำทักทายแสนธรรมดา “หวัดดีครับ”

“เขาขี้อายมากๆ เขามองผมแล้วก็ ชี้มาที่ชุดเครื่องแบบของผมแล้วอยู่ดีๆก็โพล่งขึ้นมาว่า “สวยดีนะครับ”

เวลานั้น สื่อรายงานว่า ไมเคิลและเพื่อนร่วมงานของเขารวมทั้งลูกทีมกำลังมีเรื่องขัดแย้งกัน
สำหรับ พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ เขาคิดว่า เหมือนไมเคิลกำลังหนีจากอะไรบางอย่าง “เขาไม่มีกระเป๋าเดินทางติดตัวมาเลยสักใบ” เขาเล่าว่า บอดี้การ์ดประจำตัวที่ไว้ใจได้ของไมเคิลได้บอกกับเขาในภายหลังว่า ไมเคิลนั้น ถูกรายล้อมไปด้วย ‘คนไม่ดี’ ที่เอาแต่ฉวยผลประโยชน์จากชื่อเสียงและเงินทองของเขา ราวกับ ’ปลิงดูดเลือด’

“ เหล่าบริวารของไมเคิล ฉวยเอาทุกอย่างที่ขวางหน้า พอผมถามว่า จะให้เก็บเงินได้ที่ใคร พวกเขาบอก ‘ก็เก็บกับไมเคิลไง”

เนื่องจากการมาเร็วกว่ากำหนดทำให้ไม่มีแผนใดๆ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ ได้ขอให้ผู้ติดตามถามไมเคิลว่า เขาอยากทำอะไรในระหว่างนี้

“ไมเคิล ออกอาการอายอย่างเห็นได้ชัด เขากระซิบบอกผู้ติดตามให้บอกผมว่า เขาอยากจะออกไปเที่ยวในเมืองเสียหน่อย เขาอยากจะได้เห็นสถานที่ที่ชาวกรุงเทพเที่ยวกัน เอ่อ...งั้นไปสยามสแควร์ก็แล้วกัน”

เช้าวันรุ่งขึ้น พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ พาทั้งคู่ออกจากโรงแรม
“ผมซื้อของขวัญให้เขา แต่ไม่มีเวลาห่อหรอก เขาเห็นผมหิ้วถุงพลาสติกใบเล็กๆมาด้วย ผมว่าเขารู้นะ ว่านั่นน่ะผมซื้อมาให้เขา เห็นเขามองเจ้าถุงนั่นด้วยท่าทีสนใจใคร่รู้ตลอดเวลา ผมว่าเขาคงเดาอยู่ว่าข้างในมันเป็นอะไรน่ะ แต่ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่า จะเหมาะหรือเปล่า ที่จะให้เขาแบบนั้น”

“ผู้ติดตามของเขาไม่ว่าอะไร ดังนั้นผมก็เลยยื่นของขวัญให้ไมเคิล “นี่สำหรับคุณครับ” ผมบอกได้เลยว่าเขาตื่นเต้นมากตอนเปิดมันออกมา ตาเขาเป็นประกาย แล้วเขาก็ยิ้มกว้างเลย เหมือนเขาแอบกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีอยู่ในใจ เหมือนเด็กๆเวลาได้ขนมหวานอย่างไรอย่างนั้น ‘ขอบคุณมากครับ’เขากล่าว”

“มันเป็นชุดเครื่องประดับยศแบบเดียวกับที่ติดบนเครื่องแบบของผม ที่เขาชี้แล้วชมว่าสวยจังเมื่อวันก่อน”

ที่สยามสแควร์ เราสามคน เข้าไปในร้านขายแผ่นเสียง ไมเคิลดูจะสนใจใคร่รู้ว่าคนไทยชอบดนตรีแบบไหน เขาซื้อแผ่นซีดีจำนวนมาก หลังจากนั้นก็มุ่งตรงไปยังสยามเซ็นเตอร์ และใช้เวลานานพอดูที่ร้านขายอุปกรณ์ดนตรี

“ไมเคิลเดินตรงดิ่งไปที่แกรนด์เปียนโนหลังหนึ่ง เขานั่งลงแล้วก็เริ่มเล่น ผมคิดในใจว่า ‘ว้าว โชคดีชะมัด ผมได้มีโอกาสพิเศษชมการแสดงส่วนตัวของเขาด้วย‘ แต่ไมเคิลก็แค่ดีดไล่เสียงเหมือนเด็กหัดเล่นพร้อมกระทืบเค้าตามจังหวะเล่นเท่านั้น เหมือนเขาทำเล่นสนุกๆเสียมากกว่า”

ตลอดทั้งวัน ไมเคิลดูจะผ่อนคลายและสบายๆ แม้จะยังขี้อาย แต่ก็โบกมือให้กับผู้คนบนท้องถนนที่จำเขาได้และตะโกนเรียกชื่อเขา มีกลุ่มแฟนเพลงชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งที่ตามเขาไปรอบโลก พวกเขาตามมากรุงเทพด้วยและถึงกับจ้างเรือเพื่อที่จะได้เห็นไมเคิลจากระเบียงโรงแรมเพียงนิดหนึ่งก็ยังดี

“เขาได้เป็นคนธรรมดาที่ได้สนุกกับช่วงเวลาแห่งการผจญภัยอันแสนสั้น ชื่นชมกับทุกห้วงขณะแห่งความอิสระเสรีอันหาได้ยากยิ่งของเขา” พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ กล่าวย้อนถึงไมเคิล เมื่อถามว่า ไมเคิลชอบออกคำสั่งหรือไม่ เขาตอบว่า

“ไม่เลย ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ คำขอที่ไม่ธรรมดาของเขาก็แค่ อยากเล่นกับลูกช้างในโรงแรม อยากออกไปเยี่ยมเด็กๆ และก็ขอห้องเล่นเกมส์ที่เต็มไปด้วยของเล่นและก็ลูกโป่ง”

“มันอาจดูแปลก แต่อย่างที่เราทราบกัน เขาโตมาโดยปราศจากวัยเด็ก”

นายตำรวจยังได้กล่าวถึงแรงจูงใจที่ก่อเกิดท่าลูบเป้าอันลือลั่นของไมเคิลด้วย
“ไมเคิลชอบมีปัญหาเรื่องซิปไหลเลื่อนเสมอ มันชอบรูดลงและเปิดเองอยู่บ่อยๆ ผมเองเคยบอกเขาครั้งหนึ่งด้วย เขาเขินเอามากๆ ผมว่าเรื่องซิปนี่แหละที่เป็นแรงจูงใจให้เกิดท่าเต้นเฉพาะตัวอันนั้น”

เมื่อถามว่า คุณเคยเห็นหน้าเขาใกล้ๆไหม นายตำรวจตอบว่า
“เคย...ผิวของเขามันซีดราวกับว่าจะโปร่งแสงเลย(ไม่มีเม็ดสีเลย) ด้วยเหตุนี้ไมเคิลจะปิดบังใบหน้าของเขาด้วยผ้าปิดผืนใหญ่เวลาออกไปที่สาธารณะ”
ทีมงานของแจ๊คสัน ตามมาถึงหลังวันนั้น และ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ได้กล่าวว่า เขาได้รับการต่อว่าต่อขานจาก หนึ่งในทีมบอดี้การ์ดของไมเคิล แต่ นายตำรวจไทยผู้ซึ่งมีประสบการณ์การดูแลทีมฟุตบอลบราซิลและกองประกวดนางงามจักรวาลมาแล้ว ได้ยืนยันว่า ทางตำรวจท่องเที่ยวได้วางกำลังจัดระเบียบการรักษาความปลอดภัยอย่างดี และ ไมเคิลสบายดี

อย่างไรก็ดี วันหยุดสิ้นสุดลงแล้ว ไมเคิลกลับไมทำงานอีกครั้ง เขามีหมายกำหนดการจะต้องไปถ่ายทำมิวสิควิดิที่โรงเรียนนายเรืออากาศ กองทัพอากาศไทย โดยเขาเดินสวนสนามเคียงข้างไปกับเหล่านักเรียนนายร้อย คลิปนี้ถูกนำไปฉายทาง MTV หลายต่อหลายครั้ง

“ไมเคิล แม่นยำและเป็นมืออาชีพมากๆ การถ่ายทำเป็นไปด้วยดี บนเวทีเขายิ่งน่าตื่นตาตื่นใจ มันเป็นคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดในประเทศไทย”

สิ้นสุดการแสดง แจ๊คสันและทีมงานออกจากไทยไปสิงคโปร์เกือบทันที พ.ต.อ.ทวีศักดิ์เล่าให้เราฟังว่า ไมเคิลนั่งอยู่ในรถกับบอดี้การ์ดประจำตัวของเขา ไมเคิลดูอ่อนแอและเหนื่อยล้า หลังทุ่มเทกำลังกายทั้งหมดไปกับการแสดง

“แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังหันไปพยักหน้ากับบอดี้การ์ดประจำตัวของเขา ผู้ซึ่งเป็นมิตรกับผมตลอดช่วงเวลาที่มีร่วมกัน เขาส่งถุงให้ผมถุงหนึ่ง ผมเปิดมันออก คราวนี้ เป็นผมบ้างละ ที่เป็นฝ่ายดีใจอย่างกับเด็กๆ เขาได้มอบแว่นกันแดดรุ่นลิขสิทธ์ของเขาให้ผมคู่หนึ่ง ผ้าเช็ดหน้า และรูปถ่ายของเขาพร้อมลายเซ็น ‘ขอบคุณสำหรับของขวัญและสำหรับการดูแลของคุณด้วยนะครับ’ ไมเคิลกล่าว พร้อมรอยยิ้มแสนจริงใจไร้เดียงสาเหมือนกับที่ผมได้เห็นมาก่อนหน้านี้ ผมดีใจจริงๆ”

“ นอกจากโลกจะสูญเสียนักร้องนักแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้ว ยังอาจสูญเสียบุคคลที่นิสัยดีที่สุดไปแล้วอีกด้วย”



"รอบตัวเขา รายล้อมไปด้วย ‘คนไม่ดี’ ที่หวังแต่ฉวยผลประโยชน์จากชื่อเสียงและเงินทองของเขา ราวกับ ’ปลิงดูดเลือด’"



แม้ภายหลังเขาต้องยกเลิกทัวร์ในบางประเทศเนื่องจากอาการป่วยอันเป็นผลจากความวิตกกังวลที่ได้รับจากปัญหาคดีความ แต่รายได้ในส่วนค่าตัวของเขาทั้งหมด เขาก็ ยังมอบให้เพื่อการกุศล



จำนวนมากกว่า 500 ล้านเหรียญ ซึ่งมากพอๆกับ หนี้สินที่เขามีอยู่ ก่อนเสียชีวิต



ถ้าแม้นว่า เขาจะเห็นแก่ตัวกว่านี้สักนิด



ถ้าแม้นว่า เขาจะแข็งกร้าวกว่าที่เป็นและไม่ตกเป็นเหยื่อของปลิงที่คอยจ้องสูบเลือดได้ง่ายๆ

เขาอาจได้เสวยสุขกับชื่อเสียงและเงินทองที่เขาหาได้มาเองอย่างสบาย โดยไม่ต้องสนใจใคร

และอาจไม่ต้องกดดันกับคอนเสิร์ตที่จู่ๆเพิ่มจาก 10 รอบ เป็น 50 รอบ จนเครียดและนอนไม่หลับ จนนำไปสู่....



แต่ไม่ว่ายังไง....

คุณดีที่สุดแล้ว ไมเคิล แจ๊คสัน



ขอขอบคุณ
//drfeelgoed.ไม่อนุญาตให้โฆษณา/journal/item/16

ขอขอบคุณ คุณ : blue gourami




Create Date : 22 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2552 20:04:12 น.
Counter : 2137 Pageviews.

2 comments
  
Thank you for sharing.
โดย: ooo IP: 10.0.0.207, 115.87.85.205 วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:16:22:37 น.
  
ไช่คุณดีที่สุดคูณรักเด็กรักทูกคนแต่คูณนังโนทำร้ายไม่เป็นไรคูณทำดีที่สูดแล้วเราเป็นกำลังไจไหครอบครัวไมเคิล แจ๊กสัน
โดย: ออน IP: 171.97.24.197 วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:2:39:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jeeup.BlogGang.com

Jeeup
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด