รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ (๓)






อ่านเนื้อเรื่องเวอร์ชั่นเกาหลีได้ที่นี่ค่ะ
รักนี้ชั่วนิรันดร์ (๓)



Autumn in My Heart (Thai) | MV พี่ชายที่แสนดี



       
       เย็นนั้น พิชชา พาทิน และกิ่งเทียน นั่งในศาลาข้างทาง พิชชานั่งร้องไห้ พาทินซึมไม่รู้จะปลอบใจน้องอย่างไรดี เขาได้แต่มอง
       
       พงศกรกลับจากวิทยาลัย เขาจอดรถ เดินเข้าบ้าน แพนเดินเข้าบ้านมา พงศกรเห็นที่หัวเข่าของเธอมีผ้าพันแผลก็มองอย่างสงสัย
       “แพน หนูเป็นอะไรน่ะ”
       แพนไม่ตอบ เธอได้แต่สะอื้น พงศกรพาเธอเดินเข้าบ้าน พจนินท์ เห็นหัวเข่าแพน
       “แพน หนูไปโดนอะไรมา”
       แพน ร้องไห้
       “พี่ทินผลักหนู”
       พจนินท์ถามอย่างสงสัย
       “พี่เขาผลักหนูทำไม”
       “เพราะพิชชา” แพนสะอื้น “เพราะพิชชา ทำให้พี่ทินเขาผลักหนูจนล้ม”
       พจนินท์ได้ยินว่าเพราะพิชชา เธอเปลี่ยนท่าที
       “หยุดร้องเป็นเด็ก ๆ ได้แล้ว ขึ้นไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าว”
       ขาดคำพจนินท์ก็หันเดินไปที่ครัว แพนรู้สึกว่าเมื่อรู้ว่าเป็นพิชชา พจนินท์ไม่สน หรือใส่ใจเธอ
       “หนูไปจากที่นี่ก็ได้”
       พจนินท์หยุดฝีเท้า
       “แม่เกลียดหนูเหรอคะ” แพนน้ำตาไหล
“หนูไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของแม่เหรอ หนูลำบากอยู่ที่บ้านนั้นมาหลายปี ไม่เคยมีอะไรสักอย่าง มีพี่ชายก็นิสัยไม่ดี หนูอยากมีคนที่ห่วง รักใยดีหนูบ้าง” แพนสะอื้น
“หนูเป็นคนใช้ไม่ได้ ถึงขนาดที่พ่อ แม่แท้ ๆ ก็ยังรักหนูไม่ได้เชียวเหรอ”
       พจนินท์น้ำตาไหล เมื่อนึกถึงความจริงที่แพนพูดออกจากปาก
       “แม่คะ”
       พจนินท์หันกลับเดินเข้าไปกอดแพน ทั้งคู่ร้องไห้
       “แพน...แม่ขอโทษนะลูก แม่ผิดเอง ไม่ต้องร้องนะ”
       พงศกรมองสองแม่ลูกด้วยความรู้สึกที่ว่า โชคชะตาที่เล่นตลกกับครอบครัวของตัวเอง เขาเดินไปตั้งสติข้างนอก
       
       พาทินเดินจูงมือพิชชาเดินเข้าบ้าน ทั้งคู่เห็นพ่อที่มองมาอย่างไม่พอใจ
       “สวัสดีครับพ่อ”
       “สวัสดีค่ะ”
       “พาทิน” พงศกรมองพิชชา “มาคุยกันหน่อย”
       “ไว้ทีหลังได้ไหมครับ”
       พงศกรโมโห
       “อะไรนะ...ทำไมถึงผลักน้องจนหัวเข่าแตก”
       “พิชชาเท่านั้นที่เป็นน้องของผม ผมไม่เคยทำให้พิชชาเจ็บตัวสักครั้ง”
       พงศกรถอนใจ เขารู้ว่าพาทินยังทำใจยอมรับไม่ได้
       “ลูกก็ควรทำดีกับแพน เหมือนพิชชาด้วยสิ แพนเขาเป็นน้องแท้ ๆ นะ”
       “เขาไม่ใช่น้องผม น้องสาวผมอยู่นี่แล้ว ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่คิดอะไร แต่แพนไม่มีความหมายกับผม เขาไม่ใช่น้องของผม พ่อส่งเขากลับไปอยู่ที่บ้านของเขาเถอะ”
       พงศกรโกรธที่พาทินพูดแบบนั้นออกมา เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่ตบหน้าพาทิน พิชชาตกใจ นึกไม่ถึง
       “พ่อคะ”
       พงศกรรู้สึกตัวว่าทำเกินไปหน่อย พาทินดันพิชชาให้เดินเข้าไปในบ้าน พิชชายืนลังเล รู้สึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด พาทินสั่งเสียงเข้ม
       “เธอเข้าบ้านไปก่อน”





       
       พิชชาเดินเข้ามาในบ้านรู้สึกเสียใจ เธอได้ยินเสียงของพาทินที่ต่อว่าพ่อ
       “แล้วพิชชาล่ะครับ พ่อสนว่าน้องจะรู้สึกยังไงเหรอครับ”
       พิชชาได้ยินก็ยิ่งเสียใจ เธอนิ่งคิด ตั้งสติเดินไปที่ห้องนอนของตัวเอง
       
       พิชชาแง้มประตูห้องที่เปิดค้างไว้เห็นแพนนอนหลับอยู่บนเตียง พจนินท์นั่งอยู่ข้าง ๆ พิชชามองภาพนั้นด้วยหัวใจที่สลาย น้ำตาไหล
       
       ดึกคืนนั้น พิชชานั่งที่โต๊ะกินข้าว มองดูแก้วประจำตัวของครอบครัว เธอมองแก้วแต่ละใบที่เป็นตัวแทนของแต่ละคนในครอบครัว นึกถึงคำพูดที่ทุกคนพูดถึงเธอ ยิ่งคิดยิ่งทำให้เธอเศร้า พิชชาครุ่นคิดในใจ
       "ขอบคุณ พ่อกับแม่ แล้วก็พี่พาทิน ที่ช่วยเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี หนูจะระลึกทุกคนไปตลอด"
       พิชชาหยิบแก้วแต่ละใบที่เป็นตัวแทนของแต่จะคน ขึ้นมาจูบลาทั้งน้ำตา เธอค่อย ๆ ขยับแก้วของตัวเองห่างออกจากใบอื่นไป
       
        พาทินที่นอนอยู่บนพื้นในห้องนอน ตื่นขึ้นมาเขามองไปที่เตียงด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่เห็นพิชชาอยู่บนเตียง เขาเดินลงไปที่ชั้นล่าง พาทินเปิดไปที่ห้องครัว เขาเห็นแก้วประจำตัววางไว้ที่โต๊ะ แต่ของพิชชาหายไป เขาเดาเรื่องออก รีบวิ่งออกจากบ้านไปทันที
       พาทินวิ่งไปตามถนน ร้องเรียกพิชชาไปตลอดทาง
       “พิชชา....พิชชา....”
       
       สุนทรีกำลังจัดของเตรียมเปิดร้าน สายตาสะดุดกับร่างเล็ก ๆ ที่ยืนอยู่ที่ปากทางเข้าชุมชน พิชชา ในมือข้างหนึ่งมีกระเป๋าใบย่อม ๆใส่ข้าวของส่วนตัว มืออีกข้างเป็นกระเป๋านักเรียน ยืนนิ่งมอง สุนทรีเพ่งมองเห็นว่าเด็กคนนั้นคือพิชชา...พิชชายิ้มให้ ทั้งคู่ยืนส่งความรู้สึกให้กันผ่านบรรยากาศในยามเช้า
       
       พิชชายกจานข้าวมาวางไว้ที่โต๊ะในร้าน นั่งรอสุนทรีที่ทำกับข้าวที่ครัว พงษ์ออกจากห้องมานั่งที่โต๊ะ พิชชามองเขาค้อมหัวให้ พงษ์มองพิชชาจำได้
       “อ๋อ เธอเอง ชื่ออะไร”
       “พิชชา”
       “พิชชา ไม่มีชื่อเล่นหรอ”
       พิชชาส่ายหน้า
       “ไอ้แพนมันโชคดีเป็นบ้าเลย”
       สุนทรียกจานกับข้าวที่เพิ่งทำออกมา
       “หุบปากได้หรือยัง”
       “ทำไม ไอ้คนที่ถูกสลับ ไม่เป็นฉันนะ”
       สุนทรีวางจานโครมลงบนโต๊ะ พิชชาสะดุ้ง พงษ์หัวเราะที่แหย่แม่ได้
       “ถ้าเป็นฉันจริง ๆ แม่คงแฮปปี้กว่าใช่ไหมล่ะ”
       สุนทรีโมโห
       “ไอ้พงษ์”
       พงษ์ยกมือทำท่ายอม
       “โอเค ๆ” พงษ์หันไปมองพิชชา “ทำแบบนี้ เดี๋ยวไอ้คนมาใหม่มันจะหนีไปอีกคน ฉันไม่รู้นะ”
       พงษ์ตักกับข้าวลงในจานกินโดยไม่รั้งรอ สุนทรีรู้สึกตัว กลับมาคุมอารมณ์ตัวเอง เธอมองพิชชาที่นิ่งคิดตั้งแต่พงษ์พูดเรื่องสลับตัว
       “กินข้าวสิ”
       พิชชามองอาหารมื้อเช้าบนโต๊ะด้วยความไม่คุ้นเคย อย่างที่เคย เธอมองการกินของพงษ์ที่ดูค่อนข้างมูมมาม ทำให้กินไม่ค่อยลง สุนทรีสังเกตเห็น พิชชาเห็นว่าสุนทรีมองอยู่ เธอค่อย ๆ ฝืนกินมื้อเช้านั้น ไม่อยากให้สุนทรีลำบากใจ สุนทรีเห็นใจพิชชาที่เธอพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพที่ไม่คุ้นเคย





       
        พิชชากำลังเดินหิ้วถังน้ำ พงษ์วิ่งออกมาจากบ้านชนเธอล้มลง สุนทรีวิ่งไล่ตามมา
       “กลับมาเดี๋ยวนี้นะไอ้เวร”
       พงษ์ลุกขึ้นได้ก็วิ่งหนีต่อ สุนทรีวิ่งตามแต่ไม่ทัน ได้แต่ยืนด่าไล่หลังไป
       “เอาเงินฉันคืนมานะ อย่าได้กลับมาเสนอหน้าให้ฉันเห็นอีกนะ จะเพ่นกบาลให้แตกเชียว ไอ้ลูกไม่รักดี”
       สุนทรียืนหอบ พิชชาลุกขึ้น สุนทรีมองดูพิชชาเสื้อผ้าเปียกมือถือถังน้ำก็สงสัย
       “ทำอะไรอยู่น่ะ”
       “น้ำประปามันไม่ไหลค่ะ”
       สุนทรีถอนใจรู้สึกว่าพิชชาไม่เคยต้องทำงานมาก่อน เธอดึงถังน้ำจากมือของพิชชามาถือไว้
       “เอามาเดี๋ยวฉันทำเอง”
       “งั้นเดี๋ยวหนูถูบ้านให้ไหมคะ...มะ”
       เธอหยุดปาก ไม่คุ้นที่จะเรียก สุนทรีมองหน้าพิชชา
       “ไป ๆ ถ้าจะให้ช่วย ฉันจะบอกเอง”
       สุนทรีหันเดินออกไป ก่อนที่จะฉุกคิดบางอย่าง หันมาบอกพิชชา
       “ถ้าลำบากใจที่เรียกแม่ ก็ไม่ต้องฝืนหรอก”
       สุนทรีเดินไปที่ท่าน้ำ พิชชารู้สึกผิดที่ทำให้สุนทรีน้อยใจ เพื่อนบ้านที่ติดกัน ร้องเรียก
       “สุน สุน มีโทรศัพท์”
       สุนทรีสงสัยว่าใครที่โทรมาหา
       
       พิชชานั่งเฝ้าร้าน อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ชาวบ้านสองคนเดินเข้ามา นั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่งสั่งอาหาร
       “แม่ไม่อยู่เหรอ”
       พิชชาวางหนังสือพิมพ์ลง เดินเข้าไปหา
       “แม่ออกไปข้างนอกค่ะ”
       “ทำกับข้าวเป็นหรือเปล่า”
       “เป็นค่ะ”พิชชาบอกทันที
       
       พจนินท์นัดสุนทรีคุยกันที่ร้านอาหารริมเขื่อน สุนทรีฟังจุดประสงค์ของพจนินท์อย่างไม่เข้าใจ
       “คุณจะเอาแกกลับไป”
       “ฉันเสียใจจริง ๆ แต่เราอยากได้พิชชากลับคืนมาค่ะ”
       สุนทรีโมโห
       “คุณกลับไปดีกว่า”
       “ฉันขอคุยกับพิชชาหน่อยได้ไหม”
       สุนทรีนิ่งมองพจนินท์       
       “คุณเหมือนพวกคนหน้าเลือดเลย แกไม่ใช่สิ่งของนะ...เอาแพนมาคืนฉันก่อนสิ”

พจนินท์ลำบากใจกับสิ่งที่สุนทรีขอเธอถอนใจอย่างหนักใจ
       “ฉันก็ให้แพนกลับคืนไปไม่ได้เหมือนกันค่ะ”
       สุนทรีสงสัย
       “ทำไมถึงคืนไม่ได้”
       พจนินท์ลำบากใจที่จะพูด
       “คือ...แกไม่อยากกลับมาอยู่กับคุณ”
       สุนทรีรู้สึกตกใจกับคำตอบที่ได้รับ เธอนิ่งเก็บความรู้สึก
       “มันบอกอย่างนั้นรึ”
       พจนินท์ไม่ตอบกลับ เธอเข้าใจว่าสุนทรีรู้สึกอย่างไร
       “เรา...กำลังจะย้ายไปอเมริกา เราทิ้งพิชชาเอาไว้ที่นี่ไม่ได้ค่ะ”
       สุนทรีนิ่งอยู่พักใหญ่
       “คุณจะพาแพนไปด้วยรึ”
       “ขอโทษจริง ๆ ค่ะ แต่...จะเป็นไปได้ไหม ถ้าคุณจะปล่อยให้แกไปกับเรา ฉันจะเลี้ยงแกทั้งคู่เอง”
       สุนทรีคิดหนักที่ทั้งสองคนจะจากเธอไปไกล
       “เราจะไม่ยึดแกไว้ตลอดไปหรอกค่ะ เราอยากจะขอดูแลจนกว่าทั้งคู่จะเรียนจบมหาลัยได้ไหม นะคะ”
       สุนทรีรับฟังเหตุผลที่พจนินท์ให้ ถึงอนาคตของลูกทั้งคู่
       “ถ้ายังอยู่แบบนี้ พิชชาคงไม่ได้...” พจนินท์ถอนใจ
“อย่าเห็นแก่ตัวเลยนะคะ”
       สุนทรีน้ำตาตกเมื่อพจนินท์พูดประโยคสุดท้าย เธอกัดฟันฝืนความช้ำใจ
       “เห็นแก่ตัวเหรอ”
       พจนินท์รู้สึกว่าพูดเกินไป
       “แต่เราเลี้ยงดูแกได้ดีกว่าคุณนะคะ”
       สุนทรีเช็ดน้ำตา
       “นี่คุณนาย ฉันเห็นแก่ตัว หาประโยชน์จากลูก จิกหัวใช้อยู่แต่ในร้าน ก็งานมันหนักหนาสาหัสในการดำรงชีวิตนี่ ฉันจะปล่อยแกไปได้ยังไง กับคนที่เลี้ยงมากับตีนเท่าฝาหอย มันยังไม่อยากกลับมาเลย มันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ”
       สุนทรีลุกขึ้นจากโต๊ะ พจนินท์เรียกไว้
       “เดี๋ยวค่ะ”
       พจนินท์หยิบซองในกระเป๋าส่งให้ สุนทรีมองซองนั้นเข้าใจความหมาย
       “เท่าไหร่ละเนี่ย”
       “สำหรับการที่คุณกรุณาเลี้ยงดูแพนมาจนโต ส่วน...พิชชา ถ้าคุณยอมคืนแกให้เรา ฉันจะเพิ่มให้อีกนะคะ”
       สุนทรีนิ่งจ้องหน้าพจนินท์
       “เอามาทุกบาทที่คุณมีสิ”
       พจนินท์ชะงัก
       “คะ”
       “ให้ไม่ได้สิ คุณคิดว่าลูกตั้งสองคนมีค่าเพียงแค่นี้หรอกเหรอ ยอมจ่ายมาจนหมดตัวไม่ได้ ยังคิดจะต่อรองหรือไง”
       พจนินท์หนักใจ
       “ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
       สุนทรีหยิบซองที่วางอยู่บนโต๊ะขว้างใส่พจนินท์ สุนทรีน้ำตาไหล
       “เงินซื้อได้ทุกอย่างสินะ ฉันไม่รับเงินสกปรกแบบนี้หรอก คิดว่าฉันเป็นคนยังไง”
       พจนินท์นิ่งรู้สึกผิดที่ดูถูกความรู้สึกของสุนทรี ทั้งคู่ได้แต่มองกันไม่มีคำพูดอะไรออกมาจาก
       ความรู้สึกอีก





       
       พิชชากำลังทำกับข้าวหน้าเตา ได้ยินเสียงเรียกจากชาวบ้านที่เข้ามานั่งกินอยู่ เธอเดินไปหาทั้งคู่ที่
       โต๊ะ สองคนกำลังเริ่มเมาได้ที่
       “จานนี้ไม่เห็นมีเนื้อเลย”
       พิชชาไม่รู้ว่าจะบอกทั้งคู่ยังไงดี ชาวบ้านอีกคนมองพิชชากระลิ้มกระเลี่ย
       “ร้องเพลงไถ่โทษหน่อยสิ หน้าตาแบบนี้เสียงคงเพราะดี”
       สุนทรีเดินมาตามทางได้ยินเสียงคนที่ร้าน เธอเร่งฝีเท้าเดิน พิชชาที่ยืนงงทำอะไรไม่ถูกกับขี้เมาสองคน
       “ร้องเพราะๆ เดี๋ยวน้าให้ตังค์”
       สุนทรีที่ยืนฟังอยู่ทนไม่ไหว จ้ำเดินเข้าไปผลักขี้เมานั้น ดึงพิชชาออกมา
       
       พิชชาเดินตามสุนทรีที่พาเดินออกมาจากร้าน ไปยังร้านอาหารริมเขื่อน พจนินท์ยืนรอรถอยู่หน้าร้าน พิชชาเห็นพจนินท์ เธอดีใจวิ่งเข้าไปหา
       “แม่คะ”
       พจนินท์หันไปตามเสียงเรียก เห็นเป็นพิชชา เธอเองก็วิ่งไปหาพิชชาด้วยความคิดถึง
       “พิชชา ลูกแม่”
       ทั้งคู่น้ำตาไหล กอดกันด้วยความคิดถึง สุนทรีมองภาพทั้งคู่ ด้วยความรู้สึกสองอย่าง ดีใจและเสียใจไปพร้อมกัน เธอเดินเข้าไปหาทั้งคู่ พจนินท์เห็นสุนทรี เธอคลายกอดพิชชา
       “แกเรียกคุณว่าแม่ แกคงไม่พูดคำนั้นออกมา ถ้าแกไม่ตั้งใจ...แกไม่เคยเรียกฉันสักครั้งเลย”
       พิชชาและพจนินท์สะท้อนใจกับความรู้สึกจริงๆในใจของสุนทรี
       “ที่คุณพูดก็ถูกของคุณนะ ถ้าแกต้องมาจมปลักอยู่กับฉัน คงไม่มีอนาคตที่ดี ไม่มีโอกาสเรียนมหาลัย” สุนทรีนิ่งคิด
“ฉันเข้าใจแล้วล่ะ ฉันคงใช้ชีวิตต่อไปได้ ฉันไม่เคยชอบเด็ก ๆ อยู่แล้วล่ะ แล้ว...ฉันก็ไม่ใช่แม่ที่ดีเท่าไหร่”
       สุนทรีตัดใจ
       “เอาแกกลับไปเถอะ”
       พิชชาและพจนินท์ตกใจกับสิ่งที่สุนทรีพูด พิชชาน้ำตาไหล สุนทรีมองหน้าลูกสาวในสายเลือด
       “กลับไปกับเขาซะ เขาจะย้ายไปอเมริกาแล้ว”
       พจนินท์ดีใจ
       “ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณจริง ๆ”
       สุนทรีหันหลังเดินกลับไปที่ร้าน พิชชายืนมองสองจิตสองใจ มองสุนทรีเดินใจสลายกลับไป พจนินท์หันมาหาพิชชา
       “พิชชา กลับบ้านกันเถอะลูก”
       พิชชามองพจนินท์ ตัดสินใจ
       “หนูกลับไปไม่ได้ค่ะ”
       พจนินท์แปลกใจในสิ่งที่พิชชาบอก
       “หนูไม่ใช่ลูกของแม่อีกแล้ว แม่มีแพนกับพี่พาทินอยู่แล้ว”
       พจนินท์ชะงักอึ้ง
       “พิชชา”
       พิชชายิ้มทั้งน้ำตา
       “หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูอยู่ได้ค่ะ”
       พิชชากลั้นน้ำตา ตัดใจหันหลังเดินตามสุนทรีไป พจนินท์ไม่ทันคิดว่าพิชชาจะตัดสินใจแบบนั้น
       “พิชชา”
       พิชชาเร่งฝีเท้าเดินจากไป สุนทรีก้มหน้าเดินซึมกลับมา พิชชาวิ่งไล่ตามมา
       “แม่คะ แม่”
       สุนทรีหยุดฝีเท้า พิชชาวิ่งมาทัน เธอกอดสุนทรีเอาไว้
       “แม่คะ หนูขอโทษค่ะ หนูจะอยู่กับแม่ค่ะ”
       สุนทรีปล่อยน้ำตาที่กลั้นไว้ เธอจับมือของพิชชาที่กอดเธอ ทั้งคู่ยืนร้องไห้อย่างไม่อายใคร พจนินท์ยืนมองทั้งคู่ เธอตัดใจเดินจากไป
       
       ช่วงพักเที่ยง แพนเปิดข้าวกล่องที่เตรียมมาจากบ้าน เพื่อนๆพากันรุมล้อม
       “ดูน่าอร่อยจังเลย” ทัศนีย์หันไปมองพิชชา “พิชชามากินด้วยกันสิ”
       แพนหันไปมองตาม กิ่งเทียนค้อน
       “ไม่ต้องมาชวนหรอก”
       พิชชาเปิดกล่องข้าวออก ข้างในเป็นหูหมูทอด สภาพดูไม่น่ากินเท่าไหร่ กิ่งเทียนมองดูแล้วไม่พูดอะไร พิชชายิ้มให้เพื่อน แพนชะโงกมองดูกล่องข้าวพิชชา
       “กิ่งเทียน เธอไม่รู้จักนั่นเหรอ หูหมูทอดไง”
       พิชชารู้ว่าแพนกำลังเยาะเย้ยเธอ ก็ถอนใจ เปลี่ยนทีท่าเป็นร่าเริง ยกมือไหว้กล่องข้าว
       “ขอบคุณค่ะแม่”
       พิชชาลงมือกินด้วยท่าทางอร่อย แพนมองพิชชาด้วยความสมเพช





       
        พิชชาเดินกลับบ้าน พาทินนั่งรอ เห็นเธอเดินผ่านเขาไป เขาสงสัยที่พิชชาไม่ทัก เขาลุกขึ้นเดินตามเธอไป พิชชารู้ว่าเขาเดินตามมา เธอเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเดินหนีเขา พาทินเร่งตาม พิชชาวิ่ง เขาวิ่งตาม
       “พิชชา ช้าหน่อยสิ พี่ตามไม่ทัน”
       
       พิชชาผ่อนฝีเท้า หันไปมองเขา พาทินยิ้มให้ พิชชาอดใจไม่ได้ยิ้มให้เขาเช่นกัน เธอรู้สึกตัวรอยยิ้มค่อย ๆ จาง

พิชชาและพาทินเดินคุยกันไปตามทางรถไฟ      
       “ทางรถไฟนี่แล่นไปถึงชายทะเลเลยนะ”
       พิชชาตื่นเต้น
       “จริงเหรอ"
       “จริงสิ เธออยากไปทะเลไม่ใช่เหรอ”
       “อืม ไกลไหม”
       “เดินไปไม่ไหวหรอก อีกไม่กี่วันก็วันเกิดเธอแล้ว พี่พาไปเอาไหม”
       พิชชาไม่รับคำ เธอคิดเรื่องวันเกิดที่พาทินพูดออกมา
       “ฉันคิดถึงนาฬิกา”
       พาทินงงที่จู่ ๆ พิชชาก็เปลี่ยนเรื่อง
       “นาฬิกาอะไร”
       “ก็ที่พี่เก็บเงินซื้อให้ฉันเมื่อปีก่อนไง”
       พาทินนึกออก
       “อ๋อ”
       “เป็นของอันแรกที่พี่ซื้อให้ ฉันลืมเอามันมาจากบ้านด้วย”
       พาทินคิดถึงนาฬิกานั่น
       “เหรอ”
       “เป็นของขวัญอันเดียวตั้งแต่เกิดมา”
       พิชชาและพาทินรู้สึกเศร้าเมื่อรู้สึกถึงเวลาที่ผูกพันกันมา
       พิชชาน้ำตาคลอ
       “พี่นี่แย่จริง ๆ”
       พาทินไม่รู้จะพูดอะไรต่อ พิชชาเห็นพาทินเริ่มซึม เธอเปลี่ยนเรื่องคุย
       “พี่ ถ้าเกิดใหม่ได้ พี่อยากเกิดเป็นอะไร”
       พาทินไม่ตอบเขาถามเธอกลับ
       “แล้วเธอล่ะ”
       “ถ้าเกิดใหม่ได้จริงๆ ฉันอยากเกิดเป็นต้นไม้”
       พาทินสงสัย
       “เป็นต้นไม้เหรอ ทำไมล่ะ”
       “ต้นไม้น่ะ พอมันโต รากมันยึดลึกลงไปในดินแล้ว มันก็ไม่ต้องย้ายไปไหนอีก ไม่ต้องแยกจากใครไป”
       พาทินสะดุดใจกับคำตอบของพิชชา เขาพูดอะไรไม่ออก พิชชากลัวตัวเองจะกลั้นความรู้สึกเศร้าไม่อยู่ เธอรีบตัดบท
       “พี่ ฉันไปล่ะนะ”
       “พิชชา”
       “เราต้องตัดความผูกพันทิ้งนะพี่ เราไม่ใช่ครอบครัวกันแล้ว ฉันบอกแม่ไปแล้วว่าไม่ใช่ลูกของแม่อีกแล้ว”
       “เธอทำอย่างนั้นทำไม”
       พิชชาน้ำตาไหลกลั้นไม่อยู่
       “ฉันไม่อยากเศร้าอยู่คนเดียว เวลาที่ทุกคนไปอเมริกากันหมดแล้ว ฉันอยากลืมทุก ๆ คน เพราะไม่อยากเศร้าคนเดียว” พิชชาสะอื้น “พี่เองก็ต้องทำใจด้วยเหมือนกันนะ ลืมฉันนะ”
       พิชชาวิ่งข้ามทางรถไป ก่อนที่พาทินจะพูดอะไร เขายืนมองเธอวิ่งห่างออกไป
       
       แพนนั่งซ้อมเปียโน โดยมีพงศกร ยืนอยู่ข้าง ๆ พจนนินท์เดินลงมาจากห้องนอน ท่าทางอ่อนเพลีย
       เธอนั่งลงที่เก้าอี้
       “แพน ขึ้นไปนอนได้แล้ว”
       พงศกรถามอย่างเป็นห่วง
       “เป็นยังไง คุณค่อยยังชั่วหรือยัง”
       พจนินท์ย้ำ
       “ไปนอนสิลูก”
       แพนมองแม่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากท่าที และน้ำเสียง เธอลุกขึ้นเดินไปที่บันได พงศกรนั่งลง
       ข้างพจนินท์
       “ไปหาหมอไหม”
       “หมอช่วยไม่ได้หรอกเรื่องนี้”
       พงศกรรู้ว่าพจนินท์ความหมายว่าเป็นเรื่องของพิชชา
       “ฉันอยากเดินทางไปเร็ว จะได้พ้นจากความเจ็บปวดนี้เสียที”
       พงศกรถอนใจ
       “อีกไม่กี่วันเอง อดทนหน่อยนะ”
       พจนินท์น้ำตาคลอ
       “พิชชา ไม่ยอมไปกับเรา”
       พงศกรไม่รู้จะปลอบใจพจนินท์อย่างไรดี
       “ฉันเจ็บจริงๆ เหมือนใจจะขาด เหมือนกำลังจะตาย” พจนินท์น้ำตาไหล “คิดถึงพิชชา...คิดถึงมาก”
       แพนนิ่งแอบฟังอยู่ที่บันได เธอรู้สึกเสียใจ ค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดไป
       
       เช้าตรู่ พิชชาเก็บกวาด เตรียมเปิดร้าน เธอหันไปเห็นดอกกุหลาบ ที่เพิ่งออกดอกที่รั้วบ้านตรงข้าม เธอดีใจเดินเข้าไปเพ่งมอง โน้มกิ่งมาดม ยิ้มดีใจ
       
       ในบ้านวชิรวิทย์....บนโต๊ะอาหารมีขนมและอาหารอยู่หลายอย่าง เตรียมพร้อม แพนเป่าเทียนบนเค้กวันเกิด พงศกรและพจนินท์ให้ของขวัญ เธอรีบแกะเปิดดู ข้างในเป็นเสื้อผ้าสำหรับวัยรุ่นผู้หญิง แพนตื่นเต้นดีใจ
       “ขอบคุณค่ะแม่”
       พจนินท์ยิ้มแย้ม
       “แฮปปี้เบิร์ทเดย์จ้ะ”
       “แม่คะ หนูชวนเพื่อนๆ มางานวันเกิดได้หรือเปล่า”
       พงศกรยิ้มแย้มบอก
       “จะชวนมาทั้งห้องก็ได้ลูก วันนี้ก็ถือว่าเป็นงานวันเกิดแล้วก็เลี้ยงลาบ้านนี้ก็แล้วกัน”
       แพนดีใจ
       “จริงนะคะ”
       พจนินท์ถามขึ้น
       “แล้วพิชชาล่ะ”
       แพนค่อยๆหุบยิ้ม พาทินนึกได้
       “นั่นสิ...วันนี้ก็วันเกิดของพิชชาเหมือนกัน”
       แพนฝืนยิ้ม
       “เขาคงมาไม่ได้หรอก”
       พาทินแปลกใจ
       “ทำไมล่ะ”
       “งานเขาคงยุ่ง”
       พาทิน สงสัย
       “งานอะไร”
       พจนินท์เข้าใจสิ่งที่แพนพูด พิชชาคงต้องทำงานหนักที่ร้าน พจนินท์เหม่อคิด
       “จะมาได้หรือเปล่านะ”
       แพนมองพจนินท์ที่ยังคิดถึงพิชชาอยู่
       
       แพนเดินกลับมาที่ห้องนอน นั่งลงที่เตียงด้วยความน้อยใจ พาทินเคาะประตูห้อง เปิดเข้ามา
       “อะไรล่ะพี่”
       “เอ้านี่ สุขสันต์วันเกิด”
       แพนฉีกยิ้มออกมาทันทีที่พาทินยื่นของขวัญให้
       “ขอบคุณมากค่ะพี่”
       แพนรีบแกะออกดู
       “กำลังอยากได้เลย” เธอทาบนาฬิกาที่เขาซื้อให้เป็นของขวัญกับข้อมือตัวเอง “น่ารักจัง ขอบคุณค่ะพี่”
       พาทินหันไปที่ชั้นวางหนังสือ ที่มีโหลแก้วใส่ของ เขาเอื้อมมือลงไปในโหลหยิบ นาฬิกาของพิชชา
       ออกมา
       “เรือนนี้ พี่ขอไปนะ”
       แพนมองนาฬิกาเรือนนั้นในมือของเขา
       “มันเป็นของพิชชา พี่ให้เขาเมื่อปีที่แล้ว”
       “ของพิชชา” แพนมองหน้าพี่ชาย “เพราะงั้นพี่เลยซื้ออันนี้มาให้ฉันเหรอ”
       “ไม่ใช่แบบนั้นนะ เขาอยากขอไปเป็นที่ระลึกแค่นั้นเอง”
       แพนนิ่งคิด ค่อย ๆ ฝืนยิ้มออกมา
       “ก็ได้ ฉันไม่สนหรอก มันของ ๆ เขานี่”
       แพนยื่นมือออกไป พาทินไม่เข้าใจความหมายท่าทีของเธอ แพนหยิบนาฬิกานั้นออกมาจากมือ
       ของเขา
       “เดี๋ยวฉันเอาไปให้เขาที่โรงเรียนเอง”
       แพนเอานาฬิกานั้นใส่กระเป๋าโรงเรียน พาทินรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ยื้อรั้งเอาไว้
       
        ก่อนถึงเวลาเข้าชั้น นักเรียนต่างจับกลุ่มคุยกัน กลุ่มใคร กลุ่มมัน กลุ่มของแพนดูใหญ่สุด แพนกำลังชวนเพื่อน ๆ ไปร่วมงานวันเกิดของเธอที่บ้าน พิชชากับกิ่งเทียนเพิ่งเดินเข้าชั้นเรียน ไปที่โต๊ะตัวเอง แพนแกล้งส่งเสียงดังชวนเพื่อน ๆ
       “ฉันขอเชิญทุกคนไปงานเลี้ยงวันเกิดที่บ้านฉันนะ”
       สุนิสายิ้มยืนยัน
       “ฉันไปแน่ ๆ”
       
       “ไปสนุกกันให้เต็มที่เลยนะ ถือว่าเป็นงานเลี้ยงอำลา






พิชชาได้ยินคำว่าอำลาจากปากแพน เธอรู้สึกเศร้าลงทันที ทัศนีย์ถามขึ้น
       
       “แล้วรุ่นพี่พาทิน เขาอยู่ด้วยไหม”
       “อยู่สิ งานวันเกิดน้องสาวทั้งที อย่าลืมนะ ทุก ๆ คนไปนะ”
       สุนิสารีบบอก
       “ฉันไม่มีของขวัญให้เธอเลยอ่ะ”
       แพนยิ้มให้เพื่อน
       “ไม่ต้องเอาอะไรไปหรอก แม่เตรียมขนอมกับของกินเอาไว้เพียบเลยล่ะ”
       ทัศนีย์ปลื้ม
       “เออ ฉันลืมไปว่าเธอรวยอยู่แล้ว”
       พิชชาพยายามไม่สนใจคำพูดของแพน เธอเอาหนังสือจากกระเป๋าเก็บไว้ในโต๊ะเรียน พบนาฬิกาที่
       พาทินให้เธออยู่ในนั้น พิชชาหยิบออกมาดู เธอนึกถึงพาทิน ยิ้มดีใจ ก่อนที่จะเก็บมันใส่กระเป๋านักเรียน แพนเห็นแอบยิ้มอย่างมีเลศนัย
       
       พิชชาเล่นเปียโน ส่วนเพื่อนร่วมชั้นร้องประสานเสียง มีครูสอนคอยกำกับ
       
       แพนนั่งร้องไห้ที่โต๊ะ โดยมีสุนิสาและทัศนีย์ นั่งปลอบอยู่ข้าง ๆ เพื่อน ๆ ทยอยเดินมาเข้าชั้นเรียน
       “หยุดร้องไห้เถอะน่า”
       พิชชาและกิ่งเทียน เดินเข้าห้องเห็นแพนร้องไห้ กิ่งเทียนหมั่นไส้
       “ยายนี่เป็นอะไรของมัน”
       พิชชามองแพนด้วยความสนใจ
       
       นักเรียนทุกคนนั่งประจำโต๊ะของตัวเอง ครูประภัทสร ยืนเคร่งเครียดอยู่หน้าห้อง
       “ครูไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในห้องของเรา ครูขอบอกว่าไม่สบายใจมากที่ต้องทำแบบนี้ นักเรียนทุกคนเอากระเป๋าของตัวเอง ขึ้นมาไว้บนโต๊ะ”
       นักรียนนั่งตาแป๋วฟังครูด้วยบรรยากาศที่อึมครึม ต่างทำตามที่ครูบอก
       “นาฬิกาของ คุณัญญาหายไป ทั้ง ๆ ที่อยู่ในห้องเรียน”
       พิชชาและกิ่งเทียนหันไปมอง แพนที่ดูเสียใจอยู่
       “คุณัญญา อธิบายซิ นาฬิกาของเธอ หน้าตาเป็นยังไง”
       แพนสะอื้น
       “เป็นนาฬิกา รุปมิกกี้เม้าส์ค่ะ”
       พิชชาใจหายวาบ รู้ว่าแพนเล่นตลกกับเธอเข้าแล้ว
       “ใครที่เอาไป ขอคืนให้เราเถอะนะ เพราะมันมีค่ากับฉันมากเลย”
       แพนทำสะอื้นอีก ครูประภัทสรสั่งทุกคนเสียงเข้ม
       “นักเรียนทุกคนหลับตาให้หมด”
       พิชชาและนักเรียนทุกคนทำตาม
       “ใครที่เอาไปให้ยกมือขึ้น ขอให้สำนึกและยอมรับผิดมา ครูจะไม่ลงโทษเธอ”
       นักเรียนทุกคนนิ่ง ไม่มีใครยกมือ
       “ไม่มีใช่ไหม ถ้างั้นครูต้องขอค้นกระเป๋าของพวกเธอล่ะนะ”
       ครูประภัทสรลงมือค้นกระเป๋านักเรียน ไล่ไปทีละคน ๆ พิชชารู้สึกไม่ดีนัก เพราะนาฬิกานั้นอยู่ในกระเป๋าเธอ ครูประภัทสรเดินตรวจจนมาถึงเธอ พิชชาจับกระเป๋าแน่น ข่มความรู้สึก ครูดึงกระเป๋าจากมือพิชชาเบาๆ แต่เธอยังยึดเอาไว้ ครูออกแรงมากขี้น จะกระเป๋าหลุดจากมือของเธอตกลงพื้น กระเป๋าเปิดออก นาฬิกาเรือนนั้นและของอื่น ๆ ในกระเป๋ากระจายเกลื่อน นักเรียนต่างพร้อมใจกันลืมตา เมื่อได้ยินเสียงครูประภัทสร
       “ตายแล้ว”
       ครูประภัทสรรู้สึกแปลกใจที่มันอยู่ในกระเป๋าของพิชชา แพนลุกขึ้นจากโต๊ะยืนมอง
       “ไม่เป็นไรค่ะครู คือหนูตั้งใจว่าจะให้เขาอยู่แล้ว ครูไม่ต้องลงโทษพิชชาเขานะคะ”
       พิชชารีบปฏิเสธ
       “ไม่ใช่นะคะ หนูไม่ได้ขโมยนะคะ” เธอสะอื้น
“มันอยู่ในใต้โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว พี่ชายหนู...”
       ครูประภัทสรสวน
       “พี่ชาย พาทินเขาเอามาให้เธอเหรอ”
       พิชชาไม่พูดอะไรต่อได้แต่น้ำตาไหล แพนเริ่มรู้สึกว่าเรื่องเลยเถิดไปแล้ว
       
       ในห้องพักครู...พิชชา พาทิน แพน ยืนเรียงแถวต่อหน้าครูประภัทสร
       “พาทิน เธอเป็นคนให้นาฬิกาพิชชาหรือเปล่า”
       พาทินรู้สึกลำบากใจที่จะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ครูรับรู้ แพนเห็นพาทินอึกอัก เธอรีบชิงบอกครู
       “พี่พาทิน เห็นฉันเอานาฬิกาใส่กระเป๋ามาเมื่อเช้านี้นะ พิชชา”
       ครูประภัทสรหันมาหาพิชชา
       “จริงรึ พาทินเขาเป็นคนให้เธอแน่หรือพิชชา”
       พิชชาไม่ตอบอะไร ได้แต่ยืนนิ่งน้ำตาคลอ ครูประภัทสรไม่พอใจ
       “เธอโกหกครูเหรอ”
       พิชชาอยากอธิบายแต่พูดไม่ออก ครูประภัทสรหันไปหาพาทิน
       “งั้น พาทินบอกมาซิ เธอเป็นคนเอานาฬิกาให้พิชชาจริงหรือเปล่า”
       พาทินลำบากใจมากที่จะพูดความจริงที่ทำร้ายแพน หรือพูดโกหกให้พิชชาพ้นผิด
       “คือว่า...”
       พิชชาเห็นพาทิน เธอเข้าใจความรู้สึกของเขา ชิงสารภาพก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก
       “เขาไม่ได้ให้หนูหรอกค่ะ หนูเพิ่งเจอหน้าพี่เขาตอนนี้เอง”
       ครูประภัทสร ไม่อยากจะเชื่อนักเมื่อพิชชาสารภาพออกมา
       “แปลว่า เธอขโมยไปจริง ๆ เหรอ”
       แพนรีบแทรก
       “ทั้งหมดเป็นความผิดของหนูเอง คือหนูน่าจะเงียบๆ เอาไว้ ไม่ควรโวยวายไปก่อน ถ้ารู้ว่าพิชชาเป็นคนเอาไป เพราะยังไงมันก็เป็นของ ๆ เขา หนูผิดเองค่ะ”
       ทั้งสามคนต่างมีความรู้สึกที่แตกต่างกันไป พาทินวางตัวไม่ถูก พิชชารู้สึกเสียใจ ส่วนแพนก็รู้สึกว่า
       ตัวเอง ทำเกินไปแต่ก็ไม่กล้ายอมรับ
       
       หลังเลิกเรียน แพนนั่งรอที่หน้าโรงเรียน เห็นพาทินเดินออกมา เธอดีใจวิ่งเข้าไปหา
       “พี่เรากลับด้วยกันนะ วันนี้วันเกิดฉัน เพื่อน ๆ เขาอยากเจอพี่ด้วยล่ะ”
       พาทินไม่ตอบอะไร ทำท่าเย็นชาใส่ เดินปลีกตัวออกมาไม่สนใจ แพนยืนมองเขาเดินไปด้วยความน้อยใจ
       
       พิชชาถูกครูลงโทษเขียนข้อความสำนึกผิด “ฉันจะไม่โกหกอีก ๆ” บนกระดานดำจนเต็ม พาทินเดินเข้ามาหา มองด้วยความสงสาร พิชชาหันไปมองเขาด้วยความละอาย ในข้อความที่เขียน
       “พิชชา”
       พิชชาไม่ตอบ ยังคงเขียนบนกระดานต่อไป พาทินรู้ว่าเธอคงโกรธที่เขาไม่ยอมอธิบายครู
       เรื่องนาฬิกานั้น
       “ฉันไม่ได้โกหก” พิชชาเสียงเครือ “ฉันไม่เคยขโมยอะไรของใครเลย” พิชชาสะอื้น
“ฉันสาบานได้”
       พาทินสงสารจับใจ
       “พี่รู้”
       “พี่เข้าใจฉัน แค่นี้ฉันก็พอใจแล้วล่ะ”
       พาทินนิ่งคิด
       “วันนี้วันเกิดเธอ เราไปทะเลกันนะ”
       พิชชารู้สึกดีขึ้น เธอเช็ดน้ำตา ยิ้ม พยักหน้ารับคำชวน








       
       บรรยากาศ ชายหาด สามพระยาสงบเงียบ...พาทินขี่จักรยานให้พิชชาซ้อนมาที่มุมหนึ่งของหาด ก่อนที่ทั้งสองจะจอดไว้ใต้ต้นไม้แล้วลงเดินไปเก็บเปลือกหอยกันที่ชายหาด ทั้งสองวิ่งเล่นกันริมทะเลอย่างมีความสุขลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าที่โรงเรียนไว้ชั่วครู่ พาทินใช้ไม้วาดอะไรบางอย่างลงบนทราย พิชชาเดินวนดูไปรอบ ๆ
       “อย่าเพิ่งกวนสิ”
       “ฉันไม่ได้กวนพี่สักหน่อย กำลังดูว่าพี่วาดเป็นรูปอะไร ดูไม่เห็นออกเลย”
       “เดินออกไปทางโน้นก่อน เสร็จแล้วก็จะรู้ว่าเป็นรูปอะไร”
       พิชชาหน้ามุ่ยเดินออกไป พาทินใช้เวลาอีกพักหนึ่ง เขายืนมอง โยนไม้ในมือทิ้ง
       “เสร็จแล้ว”
       พิชชาเดินเข้ามาเดิน ๆ วนดู
       “พี่วาดใครน่ะ”
       “ถามได้ ก็เธอไง”
       พิชชาทำตาโต
       “ฉันเหรอ ทำไมไม่เห็นสวยเลย”
       พาทินยิ้ม
       “ไม่ถูกใจเหรอ”
       พิชชาส่ายหน้า
       “พี่วาดได้แย่มากเลย”
       พาทินดึงมือของเธอ
       “งั้น...พี่มีของที่เธอต้องชอบให้”
       พาทินดึงเธอไปที่จักรยาน หยิบกระเป๋านักเรียนที่วางอยู่ข้าง ๆ เปิดออก หยิบกล่องของขวัญที่อยู่
       ข้างในออกมา ส่งให้เธอ พิชชานั่งลงแกะออกดู ข้างในเป็นถ้วยประจำตัวที่มีรูปวาดหน้าของเขาอยู่ พิชชาดูดีใจแต่ก็ซึมในขณะเดียวกัน
       “คิดถึงพี่ก็มองดูมันได้ เธอจะได้ไม่เหงาไง พี่รู้ว่าเธอเอาถ้วยของเธอไปด้วย เอาใบนี้ไปอยู่ด้วยกัน”
       พิชชายิ้มให้เขาแม้จะเศร้าในใจ”
       “พี่กำลังจะไปแล้วซินะ ไปนานแค่ไห จะกลับมาเมื่อไหร่” พิชชาเสียงเครือ
       พาทินตอบไม่ได้ เขาเองก็ไม่รู้
       “คงต้องไปนานแน่ ๆ เลย” เธอก้มหน้าน้ำตาหยด “พี่จะลืมฉันไหม พี่คงไม่ลืมฉันใช่ไหม”
       พาทินเศร้าเมื่อเห็นพิชชาเสียใจที่ต้องจากกัน
       “พี่ไม่ลืมเธอหรอก” เขาหันไปมองต้นไม้
“เธอเคยบอกว่าถ้าเกิดใหม่ได้ จะเกิดเป็นต้นไม้ใช่ไหม ต้นไม้เวลามันโตแล้วรากหยั่งลึกลงไปในดินแล้ว มันจะไม่ไปไหน พี่ก็จะกลับมาหาเธอ เพราะพี่รู้ว่าเธอจะไม่ไปไหน”
       พาทินเอามือตบหัวเธอเบาๆ ปลอบใจ พิชชายิ้มให้ทั้งน้ำตา ทั้งคู่นั่งลงที่ใต้ต้นไม้ริมหาด มองทะเลข้างหน้า โดยมีรูปพิชชาที่พาทินวาด อยู่ที่ชายหาด
   
       เช้าวันต่อมา ครูประภัทสรขานชื่อนักเรียนในชั้น นักเรียนขานรับเมื่อถึงชื่อตัวเอง
       “นุสรา วรรณพร ทัศนีย์ สุนิสา คุณัญญา” ครูหยุด ใช้ปากกาฆ่าชื่อในกระดาษออก
“เออ ครูมีเรื่องแจ้งให้ทราบ พวกเธอคงรู้แล้วใช่ไหม ว่าคุณัญญา ลาออกจากโรงเรียนเราแล้ว เขาย้ายตามครอบไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแล้วจะ คงต้องเลือกรองหัวหน้าห้องคนใหม่ขึ้นมาแทนเขา”
       พิชชาถึงจะรู้ว่าทุกคนที่บ้านจะจากเธอไปวันนี้ แต่สิ่งที่ครูประภัทสรพูดก็ย้ำเตือนเธอมากขึ้น พิชชาใจหาย เธอลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องเรียน ครูประภัทสรตกใจ
       “พิชชา”
       
       ครูมองตามเข้าใจความรู้สึกของพิชชา



เนื้อเรื่องจาก
manager.co.th

ภาพจาก
กระทู้พันทิป
manager.co.th
เฟซบุค Autumn in my heart' in brief










เนื้อเรื่องที่ในนสพ.คม ชัด ลึก
ภาพจาก กระทู้พันทิป















คลิปละครจาก กระทู้พันทิป


รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ - ตอนที่ ๓ (by Truevisions)





บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ กรอบจากคุณ somjaidean100

Free TextEditor





Create Date : 28 พฤษภาคม 2556
Last Update : 18 มิถุนายน 2556 21:06:34 น.
Counter : 2356 Pageviews.

0 comments

Haiku.BlogGang.com

haiku
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]