ตอนที่ 9 ผจญภัยกับ..หมู..ม้า.หมา.ลา. เเมว...ไก่ ...ที่เบรเมน ( Bremen) Germany
เมืองต่อมา....ที่ฉันได้เดินทางไปฝากรอยบาทาก็คือ เมืองเบรเมน ( Bremen) ซึ่งเป็นเมือง ที่อุดมไปด้วยสิงสาราสรรพสัตว์ทั้งหลาย เเละนี่.....เป็นที่มาของการผจญภัยของฉัน เมืองนี้จากการวางเเผนของฉัน ฉันได้จอง Jungendherberger( Youth hotel) ซึ่งที่เเรก ที่ได้จองตรงจุดที่อยู่ในตัวเมืองไว้ เเต่เขาได้ตอบอีเมล์กลับมาว่า "จากการที่ท่านได้จอง ห้องพักไว้ เราได้มีข่าวว่า ตอนนี้เราได้ปิดซ่อมอาคารอยู่ ขอให้ท่านติดต่อโรงเเรมอื่นๆ ทำไม๊ ทำไม อีกเเล้ว ต้องมาจำเพาะปิดตอนที่ฉันจะมาเที่ยว มาพักที่นี่ด้วย เเล้วไอ้โรงเเรม ที่เขาให้รายชื่อมานั้น ห่างจากตัวเมือง25 กม. มันก็ไม่ใช่น้อยๆนะนั่น ตอนเเรกฉันก็กะว่าจะพักที่โรงเเรมที่ห่างไกลความเจริญอันนี้เเหละ เเต่ว่าพอคิดไปคิดมา + กับเงินในกระเป๋าที่เริ่มร่อยหลอ เเล้วก็ได้โทรไปหาพี่สาวพี่ชายใจดีที่เมืองฮันโนเวอร์ (เมืองต่อไปที่ฉันจะไปเที่ยว) เพื่อบอกว่า " เอ่อ พี่ขา ขอหนูไปพักก่อนวันหนึ่งได้ไหมคะ " " ไม่มีปัญหา...สอบอมอยอหอมอดอลอ เเต่เกิดไรขึ้นเหรอ " ฉันก็ได้เล่าเหตุการณ์สั้นๆให้ฟังถึงความจำเป็นก็เลยเป็นอันว่า เช้าออกจากฮัมบูร์กไป เที่ยวเบรเมน 1 วัน เเล้วเย็นวันนั้นก็ไปฮันโนเวอร์เลยค่ะ เเผนการเดินทาง เดิม เบอร์ลิน-รอสต๊อก ( rostock) ลือเบกค์ (Luebeck) ฮัมบูร์ก (Hamburg) - เบรเมน (Bremen) ฮันโนเฟอร์ (Hannover) ฮิลเดสไฮม์ (Hildesheim) ฮาเมล์น (Hameln) กอสลาร์ (Goslar) กลับเดรสเดน (Dresden) ตอนนี้ก็มาถึง เบรเมนเเล้วค่ะ
วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่ฝนจะต้องตก วันไหนไม่ได้เดินตากฝน ทำมิวสิคเนี่ยฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ขาดอะไรไปสักอย่างเลยอ่ะค่ะ พอออกจากสถานีรถไปเเล้วข้ามถนนมาเพื่อจะเข้าตัวเมืองเก่า เเล้ว.... มีความรู้สึกเหมือนอยู่ในกรุงเทพเลยค่ะ เพราะมีถนนทางด่วน ด้านบนบังเเดดจนมืดมิด ********************* ภาพสถานีรถไฟที่เบรเมนค่ะ ท้องเริ่มร้องจ้อกๆ...อีกเเล้ว หลังจากที่เดินออกมาจากสถานีรถๆไฟเเล้วยังไม่ทันทำไร.... ก็ต้อง ออกหากิน.... เอ้ย....หาอาหารเช้ากระเเทกท้อง ให้ร่างกายทำงานสักเล็กน้อยก่อน มิฉะนั้นอาจจะ ไม่มีเเรงเดินเเละยกกล้องขึ้นถ่ายรูปได้ เดินไปเดินมาเจอร้านตุรกีร้านหนึ่ง มีข้าวด้วย ก็เลยเสร็จฉัน ก็เลยสั่งข้าวมาจานหนึ่ง เเล้วก็ ราดเเกงซึ่งมีลักษณะเหมือนเเกงเขียวหวานของไทย คือเหลือง..มีส่วนผสมของกะทิ เเละมี กลิ่นเครื่องเทศ คล้ายขมิ้น มีเนื้อไก่เเละเห็ดพอประมาณ .....อั้ม.....ฮืมม...ก็อร่อยดีเหมือนกัน หลังจากท้องอิ่มเเล้ว...ทีนี้ละถึงไหนถึงกันเดินขึ้นเขายังไหวเลย ก็เดินทางไปเรื่อยๆ เมืองเบรเมนเมืองนี้มีการวางเเผนมาเป็นอย่างดีค่ะ ว่าจะไปเที่ยวไหนบ้าง เลยไม่รู้สึกกังวลเเละเป็นห่วงสักเท่าไร ว่าจะหลงหรือว่า หาที่อยากไปไม่เจอ ระหว่างทางที่เดินไปวันนั้นสายฝนก็โปรยปราย ( อีกเเล้ว....ทริบนี้อยากจะตั้งชื่อใหม่ว่า เที่ยวหน้าฝน...ปนหน้าหนาว.....เคล้าเคลียกล้อง..ที่เยอรมันจังเลย) หลังจากที่ข้ามไฟเเดง สองเเยกข้ามสะพานหนึ่งสะพาน เดินมาอีกประมาณ 650 เมตร จากสถานีรถไฟเเล้ว ก็มีถึงจุดเมืองเก่าซึ่งตามข้างทางก็จะเป็นย่านช้อปปิ้งมากมาย เเละมีตลาดนัดดอกไม้....หลากหลายพันธุ์ที่พ่อค้าเเม่ขาย นำมาต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่นี่ค่ะ เข้าสาระกันหน่อย เบรเมน (เยอรมัน: Bremen [ˈbʀeːmən]) เป็นเมืองสันนิบาตฮันเซียติกในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเยอรมันนี ชื่ออย่างเป็นทางการ: StadtgemeindeBremen (เทศบาลนครเบรเมิน)). เบรเมนเป็นเมืองท่าตั้งอยู่ตามแนวแม่น้ำเวเซอร์ ประมาณ 60ก.ม. ทางใต้จากทางออกสู่ทะเลเหนือ เบรเมนเป็นหนึ่งในสองเมืองในรัฐเบรเมิน (ชื่ออย่างเป็นทางการ: FreieHansestadt Bremen (นครสันนิบาตฮันเซียติกอิสระเบรเมิน) ซึ่งบอกความเป็นสมาชิกของสันนิบาตสันนิบาตฮันเซียติกในยุคกลาง)อีกเมืองหนึ่งคือ เบรเมอร์ฮาเฟิน (Bremerhaven) เบรเมินมีประชากร 545,983 คน (เมื่อ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2548) ส่วนเขตเมืองใหญ่ (Bremen-Oldenburg) มีประชากรมากกว่า 2.37 ล้านคน. (ที่มา : Wikipedia) .................................... เมืองนี้หนุ่มๆอาจจะรู้จักทีมฟุตบอลมากกว่าเมืองนะคะ
เมืองนี้มีนิทานด้วยค่ะ เรื่องก็มีอยู่ว่า....... กาลครั้งหนึ่งนานมาเเล้ว....ชายคนหนึ่งมีลาอยู่ตัวหนึ่งลาตัวนี้ได้ทำงานรับใช้คอยเเบกหาม บรรทุกกระสอบข้าวไปส่งให้ที่โรงสีอย่างขยันขันเเข็งเสมอมาเป็นเวลาช้านานหลายปี ชายผู้นั้น จึงคิดว่าไม่ควรจะเลี้ยงลาไว้ให้เสียข้าวเสียน้ำอีกต่อไป มุ่งหน้าไปยังเมืองเบรเมน( Bremen) โดยคิดว่าอาจจะไปทำมาหากินเป็นนักดนตรีอยู่ที่นั่นได้ ราวกับหมาที่วิ่งมาไกลจนหมดแรง อ้าวหมา ทำไมมาหอบลิ้นห้อยอยู่ที่นี่อ่ะ ลา ถาม นายของฉันก็เลยว่าจะเอาฉันไปฆ่าทิ้งฉัน จึงรีบหนีมาเนี่ยแหละจะไปหากินอย่างไรยังไม่รู้เลย ไปเป็นนักดนตรีกันฉันจะสีซอ เธอตีกลองไง อยู่ริมถนนน้าตาเศร้าเหมือนเจอฝนมาสามวันสามคืน อ้าว แมวเหมียว เกิดอะไรขี้น จึงหน้าบูดอย่างนี้? ลาถาม มากกว่าที่จะไปเที่ยววิ่งไล่หนูเท่านั้นแหละ นายผู้หญิงของฉัน ก็คิดจะจับฉันไปถ่วงน้ำ ทิ้งทีเดียวฉันก็เลยรีบหนีออกมา แต่ว่าจะไปไหนกันล่ะทีนี้ ? ฉันมองไม่เห็นทางเลย ไปเป็นนักดนตรีกันก็ได้แมวเห็นดีด้วย ตกลงใจไปด้วยกันทั้งสามจึงพากันเดินต่อไป จนถึงบ้านชาวนาหลังหนึ่งปรากฎว่า ที่ประตูหน้าบ้านนี้มีไก่โต้งตัวหนึ่งยืนโก่งคอขันอยู่ อย่างสุดเสียงดังลั่น แหมส่งเสียงขันเสียแสบแก้วหูทีเดียวนะไก่ ลาพูด มีอะไรเหรอ ก็ไม่ได้คิดปรานีเลยสักนิดพอพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ จะมีแขกมาที่บ้านนะ นายผู้หญิงเขาก็จัดแจง สั่งคนครัวให้จับฉันแกงเสีย เย็นนี้เขาก็จะจับฉันสับหัวแล้วฉันจึงต้องขันให้เต็มเสียงเสียหน่อยตราบเท่าที่ฉันยังทำได้ โธ่ เอ้ย เจ้าโต้ง ลาพูด ไปกันเถอะ ไปกับพวกเรา ดีกว่าเราจะไปเมืองเบรเมนกัน สิ่งที่ดีกว่าความตายยังมีให้หาได้ทุกแห่งแหละเธอมีเสียงดี ถ้าเรามาร่วมวงแสดงดนตรีด้วยกันมันจะต้องแจ๋วแน่ๆ ไก่เห็นว่าเป็นความคิดที่ดี จึงตกลงเข้าร่วมวงแล้วสัตว์ทั้งสี่ก็ออกเดินทางไปด้วยกัน
แต่เมืองเบรเมน ไม่อาจจะไปถึงได้ภายในเวลาหนึ่งวัน ปรากฏว่า เมื่อตกค่ำ สัตว์ทั้งสี่ได้เดินทางมาถึงป่าแห่งหนึ่งต่างจึงตกลงที่จะหยุดพักที่นี่ ลาและหมาจัดแจงซุกตัวลงนอนที่ใต้ต้นไม้แมวและไก่ขี้นไปหาที่นอนบนต้นไม้ ไก่นั้นบินไปเกาะที่ยอดไม้สูงทีเดียวตรงที่มันรู้สึกว่า ปลอดภัยที่สุด ก่อนท่ำก่จะนอนได้มองสำรวจดูไปรอบๆทั้ง 4 ทิศปรากฎว่ามันแลไปเห็นแสงไฟลิบๆหรี่ๆ อยู่ ณ ที่ไกลๆแห่งหนึ่งมันจึงร้องบอกพรรคพวกว่า จะต้องมีบ้านอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนักเพราะแลเห็นแสงไฟวอบๆแวบๆ มุ่งตรงไปยังที่เห็นแสงไฟนั้น ในไม่ช้า แสงไฟที่เห็นก็ยิ่งใหญ่สว่างชัดเจนขึ้นจนในที่สุดสัตว์ทั้งสี่ ก็มาปรากฏอยู่ที่หน้าบ้านที่เปิดไฟสว่างจ้าหลังหนึ่งบ้านหลังนี้เป็นที่อยู่ของพวกโจร ลาซึ่งตัวโตกว่าเพื่อนจึงเดินนำเข้าไปใกล้ตัวบ้าน ยื่นหน้าเข้าไปดูทางหน้าต่าง
สัตว์ทั้งสี่นี้เป็นสัตว์ในเทพนิยายของสองพี่น้องเเห่งตระกูลกริม์ ค่ะ ชื่อยาคอบ เเละ วิลเฮล์ม ( Jacob Grimm เเละ WilhelmGrimm) ด้านหลังรูปปั้นของโรลานด์ (คห.ที่เเล้วอ่ะคะ) เป็นร้านเบียร์ที่ขายเบียร์ Beck ค่ะ ตอนเเรกก็กะว่าจะเดินไปสั่งเบียร์มาดื่มเเก้หนาวสักเเก้ว สองเเก้ว ค่ะเเต่มีเหตุบังเอิญ ให้ไม่ได้ไปดื่ม..... ม้าสองตัวนี้ลากเบียร์ Beck มาขายกันสดๆค่ะ คงรู้เเล้วใช่หรือเปล่าว่าทำไม... ถึงฉันไม่ได้ไปดื่มเบียร์ในร้าน เอ้า.....Prost! ค่ะ
อีกมุมหนึ่งของ Rathaus อีกมุมหนึ่ง ข้างศาลากลางจังหวัด ก็จะมีโบสถ์ใหญ่ ( Der Dom) ที่มียอดสูงถึง 98 เมตรค่ะ โบสถ์นี้มีอายุเก่าเเก่มาก ถึง 1,200 ปีเเล้วค่ะ ข้างในค่ะ เดี๋ยวตอนหน้าเราไปเดินตามตรอก ซอก ซอยกันบ้างนะคะ โปรดติดตามตอนต่อไป
|
บทความทั้งหมด
|