สิ่งที่ทำให้หัวใจเต้นแรง

วงกลมของมาลี


โดย กระบี่ไม้ไผ่ bbsword@hotmail.com


ก่อนจะขีดเขียนเป็น เด็กทุกคนมักจะเริ่มต้นด้วยการลากเส้นๆ หนึ่ง มันไม่ตรงและไม่เป็นรูปทรง เพราะเกิดขึ้นด้วยความไร้เดียงสา โตขึ้นมาสักหน่อยก็รู้จักขีดเส้นเป็นรูปภูเขา 2-3 ลูก มีเส้นโค้งเป็นรูปทรงพระอาทิตย์โผล่อยู่ตรงกลาง มีเส้นลากขึ้นลากลง 2-3 ขยัก เป็นลายเส้นสมมติแทนนกฝูงเล็กอยู่ริมภาพ

ใครๆ ก็เคยวาดภาพนี้ แต่พอโตแล้วใครวาดภาพอย่างนี้อีกคงน่าหัวร่อ ผู้ใหญ่ส่วนมากมีแต่จะพยายามวาดภาพตนเองให้วิจิตรพิสดาร สวยงามตามใจปรารถนา...

72 ปีก่อนครอบครัวพ่อค้าชาวนอร์เวย์ครอบครัวหนึ่ง ได้ให้กำเนิดบุตรีชื่อ คาริ บากเยอเน่ เธอเกิดมาในวงล้อมของความสุขและความอบอุ่น ตอนเป็นเด็กเธอคงไม่เคยวาดภาพภูเขาด้วยเส้น 2-3 เส้นอย่างใครหลายคน เพราะในยามว่างเธอมักจะท่องเที่ยวไปตามป่าเขาจริงๆ ด้วยการเดินเท้าและใช้สกีในยามมีหิมะ คุณพ่อของเธอสอนให้รู้จักความอดทนต่อความหนาวเหน็บ พายุหิมะ และทางเดินไกลๆ ในแต่ละวัน

เมื่ออายุ 21 ปี เธอตกหลุมรักศิลปินคนหนึ่ง ซึ่งมีความสามารถในการวาดภาพและขับร้อง น้ำเสียงทุ้มกังวานของเขาผูกหัวใจของเธอไว้จนดิ้นไม่หลุด เธอแต่งงานกับเขาท่ามกลางเสียงคัดค้านจากพ่อและแม่ แต่งงานทั้งๆ ที่เขายังหาเลี้ยงครอบครัวไม่ได้ เป็นเธอเองที่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อประคับประคองครอบครัวซึ่งมีสามีเป็นนักเรียนขับร้อง

หลายปีต่อมาเขาได้เป็นนักร้องโอเปร่า ทั้งคู่ไปเริ่มชีวิตใหม่ในต่างแดน 6 ปีผ่านไปพวกเขาเดินมาถึงทางตัน เรื่องจริงที่มักเหมือนนิยายน้ำเน่า ที่ไหนๆ ในโลกก็เหมือนกันหมด ฝ่ายชายตกงาน ฝ่ายหญิงหอบหิ้วลูก 2 คน ซมซานกลับไปทำงานที่บ้าน

ยากลำบากอย่างไรก็ไม่เคยท้อ "สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าสนใจและติดอกติดใจมากที่สุดคือ เสียงของเขา มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลกสำหรับข้าพเจ้าๆ ปรารถนาที่จะพลีทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อสนับสนุนให้เขายืนเด่นเป็นสง่าอยู่บนเวที"

หลังทำงานหนักเพื่อส่งรายได้ไปให้สามีที่ต่างแดน กระทั่งวันคริสต์มาสปีที่ 25 ของชีวิตคู่ ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป

เขาไม่ได้เดินทางมาหาครอบครัวอย่างที่เคยเป็น โรงพยาบาลกรุงออสโลโทรศัพท์แจ้งข่าวร้ายมาว่า เขาถูกรถไฟทับขาขาดทั้ง 2 ข้าง เธอทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปรักษาพยาบาลสามี เธอไม่ได้ฟูมฟายเสียอกเสียใจ เพราะรับสภาพได้ 1 เดือนที่เธอเฝ้าดูแลเขา 1 เดือนที่เขาไม่พูดอะไรกับเธอแม้แต่คำเดียว ผ่านไป 1 เดือนชายผู้นั้นก็เสียชีวิต

เธอกลับคืนสู่ภูเขา สนทนากับตนเองด้วยความเศร้าโศกสุดจะบรรยาย

ขณะทุกข์ท่วมใจนั้น มโนภาพของเธอปรากฏแต่ความหลังอันหวานชื่น แม้ว่าจะพยายามค้นหาหลักฐานมายืนยันในสิ่งที่คิดและไม่เคยพบว่ามันมีอยู่จริง ความจริงอันร้ายกาจมาถึงพร้อมกับห่อของกองสุดท้ายที่ค้างอยู่ในห้องแต่งตัว มันไม่ได้มีภาพเธอกับลูกๆ แต่มีภาพถ่ายหญิงอีกคนโดยมีเด็กชายตัวน้อยๆ นั่งอยู่บนตัก !

5 วันหลังจากนั้น หญิงม่ายผู้นี้ตัดสินใจทำร้ายตนเอง แต่ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น กลับพลันคิดขึ้นมาได้ว่า 'ไฟคือทุกข์ อยู่นอกไฟคืออยู่อย่างปกติสุข' บัดนั้นเองเธอจึงเข้าใจว่า ทั้งหลายทั้งปวงนั้นเหลวไหล หลอกลวงสิ้นดี

ยอดของปัญญาแทงทะลุสมมติประการต่างๆ รวดเดียว เธอบอกกับตัวเองว่า เราไม่ใช่แม่อีกต่อไปแล้ว เราไม่ใช่ลูกอีกต่อไปแล้ว เราไม่ใช่หญิงหม้ายอีกต่อไปแล้ว !

ชีวิตที่เหลือมีเข็มทิศชี้ทางว่า จะอยู่เรื่อยไปตามธรรมชาติ ไม่อยู่ใต้อาณัติใคร ไม่เป็นของใคร

ทุกข์เทวษเพียงไรก็ไม่ปริปากบ่นทุกข์กับใคร ทำงานเสร็จก็ขึ้นภูเขา ไปอยู่กับความเงียบ หลังผ่านการครุ่นคิดอย่างหนักเป็นเวลา 2 ปี ก็สามารถสลัดเขาคนนั้นออกจากใจได้สำเร็จ

"จากการที่ข้าพเจ้าเฝ้าครุ่นคิดคำนึงอยู่ ก็เกิดความคิดเห็นแจ้งชัด เป็นความเข้าใจขึ้นมาว่า แท้ที่จริงนั้น เขาผู้ตายไม่ได้เป็นผู้ผิดดอก เขาเพียงแต่มีความเป็นไปตามแบบของเขาอย่างนั้น ข้าพเจ้าเองต่างหากที่ผิด ผิดเพราะไปจินตนาการให้เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามความปรารถนาของตนเอง นี่เป็นการปลดปล่อยให้อิสรภาพแก่ทั้งตัวเขาและข้าพเจ้าเองอีกด้วย

ข้าพเจ้าให้อภัยได้แล้ว

เขาเป็นอิสระแล้วจริงๆ น้ำตาของข้าพเจ้าไหลเอ่อมาจากดวงใจ เป็นน้ำตาแห่งความสงสาร เข้าใจและให้อภัย เขาไม่ใช่คนชั่วร้ายเลวทรามเลย เป็นแต่ว่าตกเป็นทาสของราคะตัณหาเท่านั้นเอง"

เธอบอกว่า สิ่งต่างๆ เหล่านั้นมันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน ไม่มีผู้ใดผิดและน่าตำหนิ ชีวิตใหม่เริ่มต้นด้วยการกลับมาค้นหาตัวผู้ผิดภายในตัวของตัวเอง

แล้วเธอก็เริ่มลากเส้นๆ หนึ่ง...

วันหนึ่ง คาริ บากเยอเน่ เข้าห้องสมุด เธอกำลังมองหาหนังสือสักเล่มเพื่อใช้เยียวยาชีวิต
เล่มเดียวที่เลือกได้คือ "อธรรมบท"

หลังจากอ่านไปเพียงเล็กน้อย ประกอบกับบทเรียนที่ได้มาด้วยประสบการณ์ชีวิตของตน
ทำให้เธอตระหนักว่า เนื้อความในหนังสือนั้น เป็นสัจธรรมโดยแท้

ในกาลต่อมาเธอได้พบกับพี่ชายของเพื่อน ผู้ซึ่งเคยเดินทางมาศึกษาพุทธศาสนาในเมืองไทย
เขาแนะนำให้หาพระไตรปิฏกมาศึกษา หลังอ่านพระสูตรบางบท เธอร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า

โดยเฉพาะพระสูตรบทที่พระพุทธองค์ทรงเทศนาเรื่องธาตุขันธ์โปรดพระภิกษุรูปหนึ่ง
เธอร่ำไห้ด้วยความตื้นตัน เพราะรู้สึกว่า ตนเองก็ไม่ผิดกับพระภิกษุรูปนั้นคือ
ระหว่างที่ทรงโปรดอยู่ด้วยธรรมนั้นต่างก็ไม่ทราบเลยว่ากำลังสนทนาอยู่กับพระพุทธองค์

เธอได้รับหนังสือจากเพื่อนพี่ชายในวาระต่างๆ 3 เล่ม หนึ่งในนั้น เป็นคำเทศนาของ
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่เหลือเป็นเทศนาของหลวงตา มหาบัว ญาณสัมปันโน
เธออ่านหนังสือทั้ง 3 เล่มนี้ หนแล้วหนเล่า บางเล่มอ่านถึง 50 ครั้ง

เวลานั้น ณ ที่แห่งหนึ่งไกลจนเกือบสุดขอบโลก หญิงผู้หนึ่ง กำลังดื่มด่ำอยู่กับการค้นหาตัวเอง
ด้วยหนังสือเทศนาของพระ 2 รูป ที่ถูกแปลเป็นภาษาต่างชาติ

วันที่เพียรทำความเข้าใจเรื่อง อวิชชา มาเป็นรอบที่ 15 ทันใดนั้น จิตดวงนี้ก็หลุดวาบ

"ทุกสิ่งทุกอย่างขาวโพลนไปหมด โลกทั้งโลกเหมือนหยุดนิ่งสงัด เมื่อต้นไม้ใหญ่แห่งอัตตาโค่นล้ม
ย่อมมีเสียงดังกึกก้อง และแล้ววิถีทางก็ปรากฏ โล่งเตียนไร้สิ่งกีดขวางกำบัง...
ในที่สุดหัวใจก็เปลือยอยู่หน้าประตูสุดท้าย"

นั่น - ยังไม่ใช่ประตูสุดท้ายอย่างแท้จริง จิตหาญกล้าและเปี่ยมสุขนั้นดำรงอยู่เพียงชั่วเดือนก็เสื่อมลง

หลายวันให้หลัง ขณะลุกขึ้นมานั่งนิ่งๆ เตรียมสวดมนต์เช้า ท่ามกลางความสงบเงียบนั้น ฉับพลัน
เธอรู้สึกว่า ขนเส้นหนึ่งในร่างกายสั่น สติเตือนว่าอย่าไปยึดไปถือให้มันกลับมาอีก ขนเส้นนั้นไม่หยุดไหว
ขณะที่ความร้อนแผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย แต่ความในหนังสือ "คืนสุดท้าย" ของหลวงตา มหาบัวแจ่มชัดขึ้นในความทรงจำว่า
"อย่าไปยึด อย่าไปถือ"

เธอผ่านประสบการณ์ทางจิตอีกหลายหน วันหนึ่งตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีภาพพระพุทธองค์ประทับอยู่ในใจ ซึ่งทำให้ได้ข้อสรุปว่า
พระพุทธเจ้าเป็นใจ ใจเลยไม่ใช่ของตน

อีกวันเธอปลีกวิเวกไปอยู่กระท่อมกลางป่าเพียงผู้เดียว เพื่ออ่าน "ประมวลแนวปฏิบัติธรรม" เทศนาของหลวงปู่เทสก์
แม้จะอ่านด้วยความยากลำบาก แต่ก็เป็นการเปิดเผยให้รู้เห็นเรื่องราวต่างๆอย่างแจ่มชัด

ขณะวางมือพักไปขัดถาดโลหะสีทองใบเล็กๆ นั้น พลันที่ขัดถูจนถาดสุกปลั่งขึ้นมา จู่ๆ ก็เหมือนมีพระจันทร์วันเพ็ญกระจ่างชัดขึ้นในใจด้วย
เธอเดินผ่านเข้าไปในครัวมองผ่านหน้าต่างออกไปยังสระน้ำเบื้องหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างกลับหายวับหมดแม้แต่ร่างกายก็หายไป :

"เหลือแต่อายตนะทั้ง 6 ดูภายในหู เหมือนคงเหลือรางๆ เหมือนมีสายใยแมงมุมบางๆขึงอยู่เท่านั้น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เหมือนกันอย่างนั้น
ผู้เฝ้าดูจะเห็นว่าร่างกายนี้ไม่มีอะไรเลย มันเป็นแต่เพียงประตูแห่งความรู้สึกเท่านั้น 6 ประตูเป็นประตูจริงๆ ไม่มีอะไรจะต้องยึดถือ
เมื่อมีอะไรมา กระทบประตูเหล่านั้น มันก็เป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรเป็นจริงเป็นจังในสิ่งเหล่านั้นเลย ทุกสิ่งเป็นอนัตตา แม้แต่ตัวผู้เฝ้าดูอยู่นี้เองก็เถอะ
ก็มิใช่ ตัวข้าพเจ้า มิใช่ของข้าพเจ้าอีกด้วย"

คาริ บากเยอเน่ ได้เดินทางมาหาหลวงปู่เทสก์ เมื่อปี 2532 เพื่อเล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้ท่านฟัง เธอพำนักปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดของท่านริมแม่น้ำโขง
จังหวัดหนองคายหลายครั้ง คนที่วัดเรียกเธอว่า - มาลี

มาลีบันทึกประสบการณ์ทางจิตของเธอไว้สั้นๆ ปีละบท บทแรกเริ่มในปี 2519 ในคืนที่เธอทำร้ายตนเอง
บทสุดท้ายถูกบันทึกไว้ในปี 2531 หัวข้อบันทึกธรรมปีนั้นชื่อ "สิ้นโลกเหลือธรรม" อันเป็นเทศนาของหลวงปู่เทสก์

ในบันทึกนั้น มาลีไม่ได้เขียนข้อความใดๆไว้เลย แต่เธอวาดภาพไว้ 3 ภาพ

ภาพแรกเป็นวงกลม ภายในมีวงกลมเล็กๆ 2 วง เป็นตา ขีดเส้นโค้งในแนวนอนเล็กๆเป็นปาก เหมือนคนกำลังยิ้มน้อย
นอกวงกลมทางศรีษะมีเส้นเล็กๆ พุ่งไป 1 เส้น แล้วแตกปลายออก เป็น 2 เส้นแลดู เหมือนเส้นผม

ภาพที่ 2 เหมือนกันกับภาพแรก แต่ตา 2 ข้างนั้นกลายเป็นเส้นโค้งคว่ำลงเล็ก ๆ 2 เส้น เหมือนคนกำลังหลับตาอย่างเป็นสุข

ภาพสุดท้ายเป็นภาพวงกลมวงหนึ่ง

เส้นที่เริ่มขีดในวันโน้น บัดนี้โค้งมาจรดกัน เหลือเป็นวงกลมวงหนึ่งเท่านั้น!




Create Date : 22 กรกฎาคม 2548
Last Update : 22 กรกฎาคม 2548 10:56:19 น.
Counter : 777 Pageviews.

6 comments
Fukuoka Dream Destination : Day 14 รถไฟ รถบัส เฟอร์รี่ ดั้นด้นจนพบเธอ "ไอโนะชิมะ" mariabamboo
(14 ม.ค. 2568 14:33:16 น.)
เก็บตกการเดินออกกำลัง... tanjira
(9 ม.ค. 2568 14:11:34 น.)
Volkswagen Beetle GSR Zamak (Majorette) kid^_^
(2 ม.ค. 2568 14:47:32 น.)
#สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ newyorknurse
(12 ม.ค. 2568 00:10:07 น.)
  


คิกๆๆๆ
สวัสดีครับพี่ยุทธ..


เข้ามาทักทายเด้อครับ..
โดย: บุญทับ วันที่: 22 กรกฎาคม 2548 เวลา:11:06:34 น.
  
ชอบจังอะค้าา ยินดีที่ได้รู้จัก
โดย: ัyousay IP: 202.133.135.218 วันที่: 22 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:02:08 น.
  
ขอบคุณที่นำมาให้อ่านค่ะ
ตอนนี้กำลังเศร้าเพราะคิดถึงคนๆหนึ่งอยู่
แต่พอได้อ่านแล้วรู้สึกดีขึ้นมากๆ
อยากให้จิตนิ่งได้บ้างจัง
แต่ทำยากนะคะ จิตเราที่คอยจะวิ่งไปมาเสมอ
จับให้อยู่นิ่งๆได้ยากมากๆ
ชอบบทความนี้มากค่ะ
โดย: bangjang วันที่: 22 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:24:19 น.
  
ขอบคุณคะ อ่านแล้วดีจัง
โดย: บัว IP: 203.158.215.80 วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:12:11:18 น.
  
เป็นหนังสือที่ดีที่สุดที่เคยอ่านค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
โดย: ยิ้มยิ้ม IP: 58.136.126.55 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:8:20:24 น.
  
อยากใจสงบบ้าง ทุกข์มากเขากำลังจะไปจากเราไปบวช แต่ไม่ใช่ตอนนี้ อีกประมาณ 5ปี แต่เขาขอเลิกตอนนีอ้างว่าเราจะยึดติดเขา ไม่ยอมปล่อยเขาเมื่อถึงเวลา เราก็บอกว่าเวลาที่เหลือขออยู่กับเราบ้างได้มั๊ย เขาไม่มาให้เห็นหน้า 2 ปีแล้ว โทรหาเขาก็รับบ้างปิดโทรศัพท์หนีบ้าง
เวลาพูดคุยกันทางโทรศัพท์ เขาพูดให้เราเสียใจ น้อยใจสารพัด บอกว่าเราพูดเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ก็บอกเลิกเขาไปแล้ว แต่ใจยังรักเขามาก ทรมานใจนะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะลืมเขาได้
โดย: ต้นไผ่ IP: 118.175.80.106 วันที่: 12 กรกฎาคม 2555 เวลา:19:50:15 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Freesky.BlogGang.com

ดวงตาตะวัน
Location :
สมุทรปราการ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]