ต่างฝ่ายต่างต้องแย่งชิงฐานอำนาจ ต่างฝ่ายต่างต้องแย่งชิงฐานอำนาจ เมื่อเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกัน ทั้งสองต่างแย่งชิงที่จะเป็นเจ้าป่า จะมีหนทางใดได้ นอกจากกำจัดเสืออีกตัวให้ด่าวดิ้นสิ้นใจไปต่อหน้าต่อหน้า จะได้หมดคู่แข่งที่จะมาแย่งชิงอำนาจต่อกันอีก ศึกครั้งนี้จะยุติลงได้ ต้องใช้ฝีมือพละกำลังเหนือกว่าคนทั่วไปจะกระทำได้ ศึกการเมืองเพื่อแย่งชิงอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ ระหว่างขั้วอำนาจเก่าและอำนาจใหม่ จะเป็นไปแบบดุเดือดเลือดพล่าน เปิดหน้าตักให้เห็นซึ่งหน้า หรือจะซุ่มแยบยล ทำสงครามเย็น สาดสีใส่โคลน ให้ชาวประชามาเป็นพวก เกลียดชังฝ่ายตรงข้าม ขั้วอำนาจเก่าหาวิถีทางปกป้องตัวเองอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ทุกวิถีทาง เพื่อให้ยังคงครองอำนาจเดิมให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าด้วยวิถีใด ทั้งสาดสีใส่โคลนพวกขั้วอำนาจใหม่ ยัดข้อหากบฏให้ผู้คนเกลียดชัง ทำไมต้องข้อหากบฏ ทำไมต้องสาดสีใส่โคลน จนอำนาจใหม่เละตุ้มเป๊ะ ผู้นำขั้วอำนาจเก่าที่ประกาศตนชัดเจนคือสมุหพระกลาโหมและพรรคพวก และอีกคนที่โดนตั้งข้อสงสัยคือออกพระนายไวยคนสนิทของเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ ผู้หวังอำนาจใหม่มองเห็นความเน่าเหม็นฟอนเฟะของกลุ่มอำนาจเดิมว่า มีแต่การฉ้อราษฎร์บังหลวง กดขี่ข่มเหงราษฎร ใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม ผู้นำขั้วอำนาจใหม่ได้แก่จ้าวทัศน์ พระโอรสในเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ ดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราช ผู้หวังจะพัฒนาบ้านเมืองตามแนวสมัยใหม่อย่างคนต่างชาติต่างภาษาที่ได้ชื่อว่ามีอารยธรรม การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ระหว่างขั้วอำนาจเก่ากับขั้วอำนาจใหม่มีเสมอมาทุกยุคทุกสมัย อำนาจเก่าเป็นทหารที่ร่วมกอบกู้เอกราช มีแต่ชาวบ้านที่เทิดทูนว่าเก่งกล้าสามารถ มีทหารหาญอยู่ในกำมือ พร้อมสั่งลุย ให้ตายในสนามรบได้ทันที กับจ้าวทัศน์ ผู้ซึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าเหนือหัวลำดับต่อไป เป็นขั้วอำนาจใหม่ที่ยังไม่มีสมัครพรรคพวกที่จงรักภักดี และประชาชีที่หนุนด้วยใจที่จงรัก ใครจะชนะ ใครจะเพลี่ยงพล้ำ ขั้วอำนาจเก่าเกาะกุมอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือ อย่าหวังเลยที่จะปล่อยไปจากมืออย่างง่ายดาย แล้วใครหน้าไหนจะกล้ามาแหยมต่อกรด้วย ยกเว้นเสียแต่จะมีฝีมือเก่งกาจและฉลาดหลักแหลมกว่ามาก ไม่เช่นนั้นอย่าคิดมาต่อกรด้วย เป็นอันขาด เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน เพียงแค่รู้ว่ามีหนุ่มหน้ามนคนหน้าใหม่มาลองเชิง ยะโสโอหังเข้าใส่ อาจโดนดีไปแล้ว ด้วยอำนาจที่มีสามารถทำให้ผู้ท้าชิงโดนโทษทัณฑ์ได้เกือบทุกคดี ปิดปากเงียบ ๆ หรือตั้งข้อหาให้ติดคุกหัวโต ความผิดน่ะหาง่าย ยัดข้อหาให้ จากถูกเป็นผิดได้ไม่ยากนัก ส่วนฝ่ายตน ผิดเป็นถูก ไม่มีวันเสียล่ะ ที่จะเป็นฝ่ายผิด ในเมื่อขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมด เป็นพวกเดียวกัน ที่พร้อมใจจะโค่นบัลลังก์ หลังจากพิธีแต่งตั้งจ้าวทัศน์เป็นพระมหาอุปราชแล้วนั้น บรรยากาศทางการเมืองเริ่มอึมครึม และหม่นหมองมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเสียงซุบซิบนินทาดังไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่า จ้าวทัศน์คิดก่อกบฏ หวังจะเป็นเจ้าเหนือหัวเสียโดยเร็ว ไม่คิดจะรอให้สิ้นพระบิดาเสียก่อน แสดงถึงความเป็นลูกอกตัญญู ใจบาปหยาบช้า เหตุการณ์บานปลายที่เกิดจากการสร้างความรู้สึกเกลียดชังต่อกันจากคำพูดยุแยงของบรรดาบ่างช่างยุนั้น เริ่มก่อตัวอย่างรุนแรงราวพายุบ้าคลั่ง แผนแรกดูสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ปากต่อปาก ช่วยกันโพนทะนา จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสิบ จากกลุ่มเล็กเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วทั้งบ้านทั้งเมือง ทุกครัวเรือน รู้กันไปทั่วว่า ลูกคิดล้มพ่อ ไม่ยอมรอให้พ่อสิ้น หวังเป็นใหญ่ในเร็ววัน ไม่มีใครแก้ข้อกล่าวหานี้ได้เลย ได้แต่เออออห่อหมก เห็นจริงเห็นจัง แล้วเล่าต่ออย่างเมามันในอารมณ์ ราวกับรู้เห็นด้วยตา แจ้งแก่ใจแล้วฉะนั้น วิธีการนี้อาจสกปรกในสายตาบางคน แต่ใช้ได้เกือบทุกยุคทุกสมัย การสร้างความเกลียดชังอย่างฝังจิตฝังใจ แล้วเกิดอคติ พร้อมจะเข้าร่วมกับพวกที่คิดเห็นเหมือนตน แล้วโรมรันด่าทอฝ่ายตรงข้าม อย่างปากไม่มีหูรูด ขั้วอำนาจเก่าและขั้วอำนาจใหม่ต้องใช้กลยุทธ์เพื่อช่วงชิงความเป็นใหญ่ และดึงฐานอำนาจทางทหารมาฝ่ายตนให้มากที่สุด ต่างฝ่ายต่างหาวิธีช่วงชิงอำนาจมาเป็นของตนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จ้าวทัศน์เองรู้ตัวแล้วว่า ตนมีศัตรูทางการเมืองกลุ่มก้อนใหญ่ กลุ่มอำนาจเดิม ซึ่งตนหามีฐานอำนาจทางการทหารเลย นอกจากกรมทหารรักษาพระองค์เท่านั้น คงยากที่จะต่อกรกับทหารของแผ่นดิน ภายใต้อำนาจของสมุหพระกลาโหม เมื่อจ้าวทัศน์ได้มีรับสั่งให้จมื่นศรี หลวงเดช หลวงพิชัย เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อปรึกษาหารือวางแผนรับมือ ได้รับคำแนะนำที่อาจต่อกรได้ “อย่าลืมว่า การยอมอ่อนข้อต่อขั้วอำนาจเก่า อาจมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ตอนนี้น่าจะเลยเวลาของการอ่อนข้อแล้ว มีหนทางเดียวคือสู้และสู้ อย่างมีชั้นเชิงเท่านั้น” จมื่นศรีเอ่ยปากก่อน “มันเล่นสกปรก กล่าวหาว่า เราคิดกบฏ เราจะทำเช่นนั้นทำไม ในเมื่ออีกไม่นาน เราจะได้ในสิ่งที่ควรได้อยู่แล้ว ใครกันนะที่หลงเชื่อ” จ้าวทัศน์บ่นขึ้นมา “คนส่วนใหญ่เริ่มเชื่อและเชื่อมากแล้ว ข้อหาเช่นนี้ปัดออกไปเถอะ มันเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งในเกมจัดการคู่ต่อสู้ อย่าหวั่นไหว มาลองคิดวิธีต่อสู้กันดีกว่า เช่น ถึงพวกเราจะมีกำลังน้อยนิด แต่ถ้าพวกนี้มีฝีมือเต็มที่ อาจรับมือได้บ้าง ดีกว่ายอมแพ้แล้วเลิกรา การยอมทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ นั่นเท่ากับเราแพ้ไปแล้วนะขอรับ” จมื่นศรีพูดต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อหวังให้จ้าวทัศน์สงบลง จะได้คิดหาวิธีได้บ้าง “ถ้าเราสามารถสับเปลี่ยนกองกำลังที่แข็งแรงและเก่งกาจให้มาอยู่ฝ่ายเรา ตัดกองกำลังที่เก่งออกมา และย้ายพวกเก่งน้อยกว่าให้ไปเป็นมือขวาของพวกนั้นแทนจะดีไหม” จ้าวทัศน์หยั่งเชิง “ตอนนี้พวกนั้นยังคิดว่า เจ้าเหนือหัวนรสิงห์ยังอยู่ฝ่ายพวกเขาอยู่ เพราะเสียงลือใส่ไคล้ว่าพระองค์จะก่อกบฏ อาจทำให้ไขว้เขวได้ ถ้าเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ยอมใช้อำนาจสับเปลี่ยนกองกำลังตามที่พวกเราต้องการ จะเกิดปฏิกริยาแน่นอน พวกนั้นอาจคิดว่า เจ้าเหนือหัวนรสิงห์อยู่ฝ่ายพวกเรา ซึ่งไม่ดีต่อพวกเราเท่าใดนัก เหมือนหักด้ามพร้าด้วยเข่า พวกนั้นอาจรุกคืบต่อสู้อย่างเปิดเผย เกิดสงครามกลางเมืองได้ เท่าที่ผ่านมา เราแอบสับเปลี่ยนกองกำลังได้มาส่วนหนึ่งแล้ว ถ้าขืนบุ่มบ่าม ทำอย่างเปิดเผยตอบโต้อย่างรุนแรงก่อน ไม่แน่ว่า ผลจะลงเอยเช่นไร” จมื่นศรีค่อย ๆ พูด ให้เห็นว่า ถ้าทำเช่นนี้จะเกิดผลเช่นไรบ้าง “ใช่ การปล่อยให้พวกนั้นชะล่าใจว่า เจ้าเหนือหัวนรสิงห์ยังไม่ได้เข้าข้างพวกเราอย่างเปิดเผย อาจเป็นผลดีต่อพวกเราก็เป็นได้” จมื่นศรีกล่าวตอบ “แต่พระองค์ควรพูดคุยเป็นการส่วนพระองค์กับพระราชบิดา โดยไม่ให้ใครได้รู้เห็นหรือแอบได้ยินเป็นอันขาด เราไว้ใจใครไม่ได้แม้สักคน” “ไม่ได้แม้สักคนเลยรึ แม้แต่ออกพระนายไวยคนสนิทที่แทบจะเฝ้าพระราชบิดาตลอดเวลาอย่างนั้นรึ” จ้าวทัศน์เอ่ยปากถาม เพื่อความแน่ใจ “กระผมคิดว่า ออกพระนายไวยอาจจะเป็นหนึ่งในพวกของสมุหพระกลาโหมก็เป็นได้ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจนัก” หลวงพิชัยกล่าวเสริม ด้วยรู้ระแคะระคายมาบ้างนิดหน่อย “พวกเราคงต้องฝึกกองกำลังที่มีอยู่ให้เก่งที่สุด อย่างน้อยเพื่อปกป้องตัวเองจากกองกำลังของพวกสมุหพระกลาโหม แต่ต้องทำในทางลับ อย่าเปิดเผยให้มากความ อาจเสียแผนได้” หลวงเดชเสนอความคิดเห็นขึ้นมาบ้าง ด้วยเสียงเบา ๆ แบบไม่ค่อยแน่ใจนัก แล้วเสริมต่อว่า “เพราะถ้าเราไว้ใจใครไม่ได้ เราต้องพยายามหาคนใหม่ที่เราคิดว่าไว้ใจได้ ให้อยู่ใกล้ตัวของเราให้มากที่สุดด้วย อย่าไว้ใจออกพระนายไวยให้อยู่ใกล้ และอย่าให้พวกของออกพระนายไวยได้ใกล้ตัวและรู้ความทั้งหมดที่พวกเราวางแผนเจรจาความกันด้วยนะขอรับ” “ข้าจะลองหาเวลาไปพูดคุย เสนอข้อคิดเห็น ถวายรายงานต่อพระราชบิดาเป็นการส่วนพระองค์ให้ได้ อย่างน้อยจะได้เปิดใจเรื่องเสียงลือเหล่านั้น ให้หายคลางแคลงพระทัย” จ้าวทัศน์กล่าวสรุป “และจะหยั่งท่าทีของพระองค์ที่มีต่อข้าด้วย ว่าเชื่อในข่าวลือ และไม่ไว้ใจ หรืออาจได้รับคำแนะนำที่ดี ๆ ที่จะรับมือฝ่ายนั้นด้วย” ทั้งหมดพูดคุยกันในที่ลับ ที่ที่ไม่มีพวกของสมุหพระกลาโหมหรือออกพระนายไวยได้ยิน แต่ทว่าคงไม่พ้นสายตาสอดแนมของพวกนั้น ที่รู้ว่า ทั้งสาม จมื่นศรี หลวงเดช หลวงพิชัย ได้เข้าพบกับจ้าวทัศน์และพูดคุยกันเป็นนานสองนาน แต่ไม่รู้ความที่พูดคุยกัน พวกนั้น คงได้แต่คาดเดาว่า พูดคุยปรึกษาหารือเรื่องใดกัน เพราะมองไกล ๆ เห็นแต่สีหน้าที่เคร่งเครียด ไม่มีเสียงหัวเราะเฮฮา และไม่ได้ยินเสียงที่พูดคุยกันแม้สักนิด ด้วยตำแหน่งของพระมหาอุปราชแห่งกรุงราฐมัณฑ์มีอำนาจรองจากเจ้าเหนือหัวนรสิงห์เท่านั้น เรียกว่า รองเพียงหนึ่งแต่เหนือกว่าคนทั่วหล้า จึงมีอำนาจเต็มที่ในการสั่งการทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์กระทำการสิ่งใดก็ได้ ในความเป็นจริงมิอาจเป็นเช่นนั้นเต็มร้อย ด้วยสมุหพระกลาโหมผู้กุมอำนาจทางทหารทั่วราชอาณาจักรไม่ค่อยเป็นมิตรและสนับสนุนจ้าวทัศน์สักเท่าใดนัก ด้วยเห็นว่าอ่อนเยาว์กว่าตนมาก แถมยังไม่กริ่งเกรงต่อตนเท่าที่ควรจะเป็น ออกจะกระด้างกระเดื่องเสียด้วยซ้ำ โดยไม่รู้ตัวเลยว่า สิ่งที่เกิดนี้เริ่มต้นจากคนใกล้ชิดที่คอยเติมเชื้อไฟแห่งความเกลียดชังสุมขึ้นมาวันละเล็กวันละน้อย จนเพลิงสามารถเผาผลาญสิ่งใหญ่ ๆ ให้วอดวายไปจนหมดสิ้นได้ แล้วรอยร้าวทั้งหมด เกิดจากจุดเล็ก ๆ ภายในใจที่เต็มไปจิตริษยาของตนเท่านั้น ฝ่ายหนึ่งคิดว่าตนใหญ่โตเป็นถึงพระมหาอุปราช เมื่อชี้นกเป็นไม้ ทั่วทั้งหล้าย่อมต้องคล้อยตามเห็นนกเป็นไม้เช่นกัน จะมาอ้างเหตุผลความถูกต้องใด ๆ ไม่ได้ แล้วสิ่งที่ตนคิดนี้ดีต่อชาติยิ่งนัก จะปล่อยให้ล้าหลังไม่ทันสมัย คงโดนต่างชาติมาฮุบเมืองเสียได้ อีกฝ่ายคิดว่าตนเป็นถึงสมุหพระกลาโหม ใหญ่โตคับฟ้า เป็นรองเพียงเจ้าเหนือหัวนรสิงห์เท่านั้น เมื่อสิ้นเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ ตนเท่านั้นที่มีอำนาจทางทหารดูแลความสงบเรียบร้อยทั้งในกรุงและป้องกันต่างชาติมารุกราน เหตุไฉน เด็กน้อยเมื่อวานซืนจึงมาทำอหังการได้ ต่างฝ่ายต่างคิดว่า ตนเป็นรองเพียงหนึ่งเท่านั้น คือ เจ้าเหนือหัว เมื่อมีผู้มาแข่งอำนาจ มีหรือจะยอมกันได้ง่าย ๆ เมื่อเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ จำต้องหาทางริดรอนอำนาจของอีกฝ่ายให้น้อยลง จ้าวทัศน์มองเห็นแต่จมื่นศรีเท่านั้นที่จะเข้ามาช่วยจัดการเรื่องนี้ได้ กรมทหารรักษาพระองค์ถึงจะไม่ใหญ่ยิ่งเท่ากับทหารรักษาพระนคร แต่เมื่อรักษาพระราชวังได้ย่อมรักษาฐานอำนาจส่วนกลางที่ยิ่งใหญ่ได้ หลังการปรึกษาหารือ จ้าวทัศน์คิดเห็นตามข้อเสนอที่สมควรจะสับเปลี่ยนกองกำลังในสังกัดของสมุหพระกลาโหมให้มีพวกของตนเข้าไปมีอำนาจบ้าง เป็นการคืบคลานเข้าไปคานอำนาจของ สมุหพระกลาโหมให้น้อยลง จะมิอาจทำสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ได้ง่ายจนเกินไปนัก แผนการของขั้วอำนาจใหม่ที่นำโดยจ้าวทัศน์ ต้องพัฒนากรมทหารรักษาพระองค์ให้ขยายใหญ่ขึ้น และมีฝีมือมากพอจะปกป้องพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากกลุ่มของสมุหพระกลาโหมให้ได้ การหาเพื่อนที่จะมาเป็นขุมกำลัง คงมิใช่หายากจนเกินไปนัก คนรุ่นหนุ่มพร้อมใจจะก้าวกระโดดตามผู้นำรุ่นใหม่ เพราะฐานอำนาจเก่าเกาะเกี่ยวร้อยรัดแน่นหนาจนยากจะเข้าไปเกี่ยวก้อยด้วยได้ จำต้องหาที่ยึดที่มีโอกาสเท่านั้น การระดมนายทหารให้มาสังกัดในกรมทหารรักษาพระองค์มีจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว การฝึกทหารอย่างเข้มงวดจริงจัง และการสับเปลี่ยนกองกำลังในสายบังคับบัญชาของ สมุหพระกลาโหม ย่อมก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงตามมา คนอย่างสมุหพระกลาโหมหรือ เมื่อรู้ว่ามีการสับเปลี่ยนกองกำลังในสังกัดของตน เริ่มไม่พอใจ และเมื่อเห็นอีกฝ่ายรุกเข้ามามากขึ้น จึงไม่พอใจเป็นทวีคูณ รีบระดมพรรคพวกให้รู้ว่า บัดนี้อำนาจที่เคยมีเต็มไม้เต็มมือใกล้จะถูกดึงออกไปอย่างมีชั้นเชิง จำต้องร่วมมือทำอะไรสักอย่าง เมื่อเปิดศึกต่อสู้อย่างเปิดเผย มีหรือที่คนในสังกัดจะนิ่งเฉยอยู่ได้ แม้แต่คนทั่วไปที่เข้าข่ายเกี่ยวโยงอย่างห่าง ๆ จำต้องเลือกข้างให้ชัดเจน จะมาทำอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่ได้ จะรอให้เสร็จศึกค่อยเลือกข้าง ย่อมทำไม่ได้เช่นกัน การเลือกข้างที่จำใจเช่นนี้ ช่างลำบากยากเย็นเสียนี่กระไร นี่ก็นายเก่า ที่ต้องจงรักภักดีอย่างทูลเกล้าถวายชีวิต นี่ก็จ้าวที่จะเป็นเจ้าเหนือหัวองค์ต่อไป ที่จะต้องจงรักภักดีอีกเช่นกัน แล้วจะเลือกข้างใดดี คงไม่ยากสำหรับกลุ่มก้อนนายทหารเก่า ที่เป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงกันมานมนาน ร่วมรบทัพจับศึกออกเหนือเสือใต้ มีเงินทองมาเซ่นไม่ขาดมือ จำต้องเลือกนายเก่าอย่างสมุหพระกลาโหมอยู่แล้ว นายทหารรุ่นใหม่ที่เกี่ยวดองใกล้ชิดกับนายทหารเก่า เป็นลูกเป็นหลาน มีเส้นมีสายมาจากกลุ่มขั้วอำนาจเก่านี่ต่างหาก อาจต้องยุ่งยากใจ จะเลือกตามอุดมการณ์ หรือจำต้องเลือกญาติพี่น้อง ส่วนคนหนุ่มซิง ๆ ที่มาจากลูกหลานชาวบ้าน มองเห็นอนาคตใหม่ที่รออยู่เบื้องหน้า ถ้าฝ่ายจ้าวทัศน์ชนะ อย่างไรเสีย พวกนั้นไม่เปิดโอกาสให้พวกตนได้ก้าวขึ้นมาอย่างองอาจอยู่แล้ว การระดมพรรคพวกให้มาอยู่ในฝ่ายตน จึงทำอย่างเปิดเผย คนหนุ่มมาอยู่ขั้วอำนาจใหม่ ทหารเก่าสมัยเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์รวมญาติพี่น้องอยู่ขั้วอำนาจเก่า แล้วขั้วอำนาจเก่าหรือขั้วอำนาจใหม่จะได้รับชัยชนะในที่สุด ต่างฝ่ายต่างหาสมัครพรรคพวกเพื่อวางแผนกำจัดอีกฝ่ายให้สิ้นซาก จากแต่แรกไม่พึงพอใจด้วยอีกฝ่ายแสดงอำนาจบาตรใหญ่ใส่ตน ไม่เคารพในอาวุโสที่ตนมี กลายเป็นขุ่นข้องหมองใจอยากหาเรื่องและทำลายอีกฝ่าย จนบัดนี้คิดอยากทำลายล้างอีกฝ่ายให้หมดสิ้นไปต่อหน้าต่อตา นั่นหมายถึง ไม่ใช่แค่ทำลายล้างตัวบุคคล แต่ผลที่ตามมายิ่งใหญ่กว่านั้นมากมายยิ่งนัก เพราะจะเป็นการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองทีเดียว ด้วยในใจของสมุหพระกลาโหมนั้นมีเป้าหมายในใจอยู่แล้วที่อยากให้ใครครองเมืองต่อ แต่คงไม่ใช่จ้าวทัศน์แน่ ๆ การต่อต้านจึงดุเดือดเลือดพล่านเกินเหตุ จากจุดเล็ก ๆ ที่เป็นรอยด่าง กลับขยายวงกว้างถ่างขยายมากขึ้นจนยากจะหยุดยั้งได้ รอยร้าวของความสัมพันธ์ระหว่างสมุหพระกลาโหมผู้หวังชักใยให้จ้าวธรรมาพระโอรสในเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ได้ขึ้นครองราชย์ กับจ้าวทัศน์ผู้รับตำแหน่งพระมหาอุปราชในฐานะของพระโอรสเจ้าเหนือหัวนรสิงห์นั้น จะมีโอกาสผสานรอยร้าวให้เป็นเนื้อเดียวกันได้หรือไม่ มีคนเคยเปรยว่า แก้วบางที่มีรอยร้าวมิมีวันจะกลับคืนมาผสานให้สวยงามดังเดิม มีแต่จะร้าวและร้าวมากขึ้นจนแตกไปในที่สุด ซึ่งคงจะหยุดรอยร้าวนี้ไม่ได้ แล้วสมุหพระกลาโหมกับจ้าวทัศน์ล่ะ จะเป็นเช่นไรต่อไป บางยุคสมัย เจ้าเหนือหัวจำต้องยึดโยงเกาะเกี่ยวกับอำนาจทางทหารให้แนบแน่น เพราะอำนาจจากปลายกระบอกปืน สามารถดลบันดาลทุกสิ่งได้ดังใจฝัน เจ้าเหนือหัวนรสิงห์เองชาญฉลาดในการปกครอง ถึงจะรู้อยู่เต็มอกมาตลอดว่า สมุหพระกลาโหมนั้นฝักใฝ่ในเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ยิ่งนัก และปรารถนาอย่างสุดขั้วหัวใจที่จะให้จ้าวธรรมาพระโอรสในเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ได้ขึ้นครองราชย์ แต่ทำไมเจ้าเหนือหัวนรสิงห์จึงสามารถอยู่ได้ยาวนาน โดยไม่โดนล้มล้าง ทันทีที่สมุหพระกลาโหมกลับจากศึก แล้วรับรู้ว่าเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ใช้กลยุทธ์ยึดบัลลังก์ไปอย่างง่าย ๆ นั้น วูบแรกคงโกรธจนลมออกหู ไม่อาจคิดแก้เกมได้ทัน ด้วยอยู่ในช่วงงานพระศพเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ อะไรล่ะ ทำให้สมุหพระกลาโหมทนอยู่กับเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ได้ ถ้าไม่ใช่ผลประโยชน์ที่ต่อรองกันได้อย่างลงตัว อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ความจงรักภักดีฤาจะสู้ลาภยศเงินทองทรัพย์ศฤงคารที่ลอยมาถึงมืออย่างง่าย ๆ เมื่อตกลงกันได้ง่าย ๆ รอไปก่อนนะ จ้าวธรรมาพระโอรสในเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อแน่ ๆ เมื่อเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ประกาศยกบัลลังก์ให้จ้าวทัศน์นั้น ไม่เป็นไปตามแผน ยิ่งท่าทีที่เก่งกล้าเกิน ทำให้อยากหานายเก่าที่คิดว่าจะคุ้มกะลาหัวได้ดีกว่า เกมนี้จะจบลงที่ตรงไหนกันแน่นี่ การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ระหว่างกระทำการอย่างเปิดเผย กับแอบซุ่มโจมตีอย่างลับ ๆ อย่างใดจะร้ายกาจกว่ากัน |
BlogGang Popular Award#20
สมาชิกหมายเลข 4665919
บทความทั้งหมด
|