บ่างช่างยุก่อเกิดแผลเหวอะหวะ บ่างช่างยุก่อเกิดแผลเหวอะหวะ อำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน ยากนักที่จะยอมคืนหรือเปลี่ยนมือให้ใคร เพราะเมื่อมีอำนาจย่อมได้ทุกสิ่งดังใจปรารถนา และคงไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงอำนาจไปอย่างง่ายดายโดยมิคิดต่อสู้หรือขัดขวาง เจ้าเหนือหัวนรสิงห์ ผู้ซึ่งครองราชย์ต่อจากเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ ได้ใช้ความชาญฉลาด ชิงไหวชิงพริบ สามารถยึดอำนาจและกุมอำนาจให้มาอยู่ในกำมือได้โดยไม่ยาก การณ์หลังจากนั้นอาจลำบาก แต่ไม่พ้นฝีมือของเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ไปได้ ต้องยอมรับกันว่า ผู้ที่มีฝีมือทางการทหารและมีอำนาจปกครองทหารสูงสุดคงได้แก่ สมุหพระกลาโหมผู้เคยเป็นทหารเอกในรัชกาลเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์และมีส่วนร่วมในการประกาศอิสรภาพ ไม่ขึ้นตรงต่อพม่า ทหารมีอำนาจยิ่งใหญ่สุดแล้วในกรุงราฐมัณฑ์ ไม่ว่าใครต่อใครมุ่งหวังจะเป็นทหารกันแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าลูกเล็กเด็กแดงที่เป็นชาย จะได้รับการปลูกฝังสั่งสอนให้รู้ว่าทหารนั้นคืออาชีพที่มีเกียรติและยิ่งใหญ่เหนือกว่าขุนนางอำมาตย์อื่น ๆ เพราะบุญคุณที่ช่วยกอบกู้เอกราชนี้เอง ผนวกกับความกล้าหาญและเก่งกาจทางการทหาร ทำให้ทุกผู้คนเคารพยกย่องทหารผู้กล้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมุหพระกลาโหม ผู้ซึ่งเสมือนมือขวาในการออกรบทัพจับศึกทุกครั้ง ความกำแหงในฝีมือของสมุหพระกลาโหมและพรรคพวกย่อมชัดเจนในสายตาของทุกผู้คน แม้แต่เจ้าเหนือหัวนรสิงห์ยังยกย่องในฝีมือและให้เกียรติเสมอมา ย่อมทำให้สมุนทั้งหลายเผลอไผลหลงในอำนาจและคิดว่าพวกตนเท่านั้นที่ใหญ่ยิ่งบนผืนแผ่นดินนี้ ด้วยเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่และทำให้กรุงราฐมัณฑ์ได้เป็นเอกราชอีกครั้ง ทั้งนี้กุศโลบายในการยกย่องให้เกียรติสมุหพระกลาโหมและพรรคพวกนี้นับว่ายอดยิ่งมากนัก เพราะช่วยค้ำจุนบัลลังก์ ด้วยทรงแน่พระทัยว่า หากไม่ทำเช่นนี้ พวกนี้คงก่อกบฏและหาทางให้จ้าวธรรมา โอรสในเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ได้ครองบัลลังก์แทนที่พระองค์เป็นแน่แท้ ปัญหาที่ว่า เจ้าเหนือหัวนรสิงห์ใช้ไหวพริบรีบประกาศต่อหน้าบรรดาขุนนางอำมาตย์ในท้องพระโรงว่า พระองค์จะขึ้นครองบัลลังก์นั้น ในช่วงที่สมุหพระกลาโหมและพรรคพวกยังติดอยู่ในสนามรบ และจ้าวธรรมายังอยู่ที่เมืองพิชญ์ เป็นจังหวะเดียวที่ทำให้พระองค์ได้ในสิ่งที่สมปรารถนา จ้าวธรรมาเป็นพระโอรสในเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ ได้รับตำแหน่งให้ปกครองเมืองพิชญ์ ทุกคนต่างรู้กันว่า ผู้ที่ได้ตำแหน่งให้ปกครองเมืองพิชญ์นั้น คือผู้ที่จะได้ครองกรุงราฐมัณฑ์องค์ต่อไป นับตั้งแต่พระบิดาของเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ก่อนขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิราช ต่อมาจ้าวนรลักษณ์ได้รับตำแหน่งให้ปกครองเมืองพิชญ์เช่นกัน ก่อนได้มาเป็นเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ปกครอง ณ กรุงราฐมัณฑ์ เป็นที่รู้กันโดยนัยยะว่า พระมหาอุปราชหรือผู้ที่จะได้ครองนครองค์ต่อไปจะได้ครองเมืองพิชญ์ก่อน เพื่อฝึกหัดการเป็นผู้ครองกรุงราฐมัณฑ์ต่อไป แล้วจ้าวธรรมาล่ะ ทำไมไม่ได้ครองราชย์ต่อจากเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ทั้งที่เป็นพระโอรสองค์โตและได้ครองเมืองพิชญ์แล้ว เมื่อสิ้นเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ในสงครามต่างบ้านต่างเมืองอยู่นั้น สมุหพระกลาโหมและพรรคพวกอยู่ในระหว่างการรบทัพจับศึกด้วยนั้น มิได้อยู่ในกรุงราฐมัณฑ์ เมื่อข่าวการสวรรคตของเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์มาถึงกรุงราฐมัณฑ์ด้วยม้าเร็วมาส่งข่าวก่อน โดยทัพใหญ่ยังรั้งรออยู่ ณ สนามรบนั้น ม้าเร็วได้แจ้งสาส์นให้เตรียมการจัดพระราชพิธีพระบรมศพเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์จักรพรรดิราชให้สมพระเกียรติ ทันทีทันใดที่ได้รับข่าวการสวรรคตของเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ นับเป็นโอกาสทองของจ้าวนรสิงห์พระอนุชาในตำแหน่งผู้รักษาราชการแผ่นดินต่างพระเนตรพระกรรณในขณะนั้น ได้รีบประกาศแต่งตั้งพระองค์เองเป็นเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ทันที ด้วยข้ออ้างว่า แผ่นดินไม่อาจร้างเจ้าผู้ครองนครได้ อาจส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศชาติบ้านเมือง ทำให้บรรดาขุนนางอำมาตย์ในท้องพระโรง ไม่กล้าทูลคัดค้าน ด้วยไม่แน่ใจว่าหัวอาจหลุดจากบ่าในนาทีนั้นก็เป็นได้ ในขณะนั้น ผู้มีอำนาจสูงสุดในกรุงราฐมัณฑ์คือจ้าวนรสิงห์อยู่แล้ว ด้วยเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์มอบอำนาจการปกครองเบ็ดเสร็จเด็ดขาดให้แก่พระอนุชาหรือจ้าวนรสิงห์ ด้วยพระองค์ประสงค์ขยายดินแดนให้กว้างใหญ่ไพศาลมากกว่าจะนั่งปกครองบ้านเมือง ถ้าอ้างถึงความชอบธรรมในการสืบต่อราชสมบัติ ก็พอจะมีอยู่บ้าง ด้วยเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์มิเคยประกาศแต่งตั้งจ้าวธรรมาเป็นพระมหาอุปราชอย่างเป็นทางการ ถึงแม้โดยนัยยะ พระมหาอุปราชหรือผู้ที่จะได้ครองนครองค์ต่อไปจะได้ครองเมืองพิชญ์ก่อน เพื่อฝึกหัดการเป็นผู้ครองกรุงราฐมัณฑ์ต่อไป เจ้าเหนือหัวนรสิงห์มิได้รั้งรอเวลาให้ทัพใหญ่ที่มีสมุหพระกลาโหมและพรรคพวกกลับมาก่อน ในสาส์นแจ้งแต่เพียงว่า ให้เตรียมการจัดพระราชพิธีพระบรมศพเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ให้สมพระเกียรติเท่านั้นนี่นา มิหนำซ้ำไม่ได้รอให้จ้าวธรรมาเจ้าเมืองที่ปกครองเมืองพิชญ์หรือว่าที่พระมหาอุปราชให้กลับมากรุงราฐมัณฑ์ด้วย เจ้าเหนือหัวนรสิงห์รีบคว้าโอกาสทองนี้ทันทีอย่างฉับพลันทันด่วน ทั้งสมุหพระกลาโหมและจ้าวธรรมามิมีโอกาสแม้เพียงน้อยนิดที่จะมีโอกาสได้คัดค้านท่าทีอันมิชอบมาพากลนี้ เมื่อผ่านพิธีการประกาศเป็นเจ้าเหนือหัวนรสิงห์แล้ว ถ้ามีผู้หนึ่งผู้ใดคัดค้าน ไม่ว่าจะเป็นสมุหพระกลาโหมหรือจ้าวธรรมา คงโดนข้อหาคิดก่อการกบฏเป็นแน่แท้ เอาล่ะ รอไปก่อน รอให้สิ้นเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ก่อน องค์ท่านคงจะทรงคืนบัลลังก์ให้แก่จ้าวธรรมาเป็นแน่แท้ เพราะด้วยสิทธิ์ที่เสมอกันแต่เจ้าเหนือหัวนรสิงห์ได้ยึดอำนาจไปก่อน เมื่อสิ้นแล้วน่าจะคืนให้แก่ผู้มีสิทธิ์เสมอกัน ครั้นนานวันเข้า อำนาจอยู่ในกำมือของเจ้าเหนือหัวนรสิงห์เต็มที่ มีหรือที่ยอมคืนหรือถ่ายโอนอำนาจนั้นกลับไป แม้นว่าสมุหพระกลาโหมและจ้าวธรรมาจะคิดเช่นนั้นก็ตามว่าโอกาสทองน่าหวนกลับคืนมายังฝ่ายตนบ้าง ทว่า ในความเป็นจริง มิเป็นเช่นนั้น คงเป็นเพียงฝันค้าง ฝันกลางวันที่เป็นไปไม่ได้ ที่เจ้าเหนือหัวนรสิงห์จะยกบัลลังก์คืนให้จ้าวธรรมาพระโอรสในเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ มีแต่ยกสิทธิ์อันชอบธรรมนี้ให้แก่พระโอรสของพระองค์เท่านั้น เมื่อเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ประกาศแต่งตั้งจ้าวทัศน์พระโอรสองค์โตเป็นพระมหาอุปราชนั้น บรรดาพรรคพวกของสมุหพระกลาโหมย่อมรู้สึกตะหงิด ๆ ในใจอยู่แล้ว ด้วยจ้าวทัศน์เป็นคนเก่งมีฝีมือฉลาดเฉลียวทั้งบุ๋นและบู๊ สมควรได้ครองอำนาจสืบต่อจากพระราชบิดา แต่ด้วยพระอุปนิสัยซื่อตรงเจ้าระเบียบอาจขัดขวางเส้นทางทำมาหากินได้ เสือสองตัวย่อมไม่อยากอยู่ถ้ำเดียวกันอยู่แล้ว เพราะเริ่มมองเห็นลายเสือหนุ่มจะเข้ามาแทนที่ลายเสือเฒ่าอย่างพวกเขา แต่จะทำเช่นไรได้ มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของราชประเพณี แม้ว่าเคยว่างเว้นในรัชสมัยเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ที่ไม่ได้แต่งตั้งผู้ใดเป็นพระมหาอุปราช แต่ทุกผู้คนใต้หล้าต่างประจักษ์ชัดแจ้งในใจอยู่แล้ว พรรคพวกของสมุหพระกลาโหมเริ่มเดือดเนื้อร้อนใจ ช่องทางรายได้พิเศษที่เคยผ่านเข้ามือมาอย่างสะดวกโยธินจะโดนขัดขวางหรือไม่ แล้วปฏิกริยาของพระมหาอุปราชจะเป็นเช่นไรต่อพวกเขา จะยกย่องเหมือนเจ้าเหนือหัวนรสิงห์หรือจะคิดว่าคนแก่ย่อมไร้ฝีมือไปแล้ว อาจจะไม่ยอมปล่อยให้มีช่องทางฉ้อราษฎร์บังหลวงเช่นเคย ที่สำคัญ คงต้องยอมรับกันว่า จ้าวทัศน์นั้นมีฝีมือโดดเด่นและชำนาญทั้งบุ๋นและบู๊ เก่งการทหารและการรบเหนือกว่าพระราชบิดา คงไม่จำต้องพึ่งทหารเก่าที่เริ่มจะแก่แล้วก็เป็นได้ ในการขยายอาณาเขตและปกป้องบ้านเมืองให้พ้นจากภัยสงคราม หนำซ้ำอาจระแคะระคายว่าทหารเฒ่ากลุ่มนี้ยังแอบฉ้อราษฎร์บังหลวงอยู่บ่อย ๆ อีก ทั้งความรู้สึกว่า ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่เคยมีมาอาจหดหายไป ทำให้ขาดผลประโยชน์ที่เคยพึงมีพึงได้ ทั้งความคิดว่า สิทธิ์ในการครองบัลลังก์ควรเป็นของจ้าวธรรมา ทำให้เกิดความไม่พึงพอใจมากยิ่งขึ้น เมื่อความคิดหวาดระแวงต่อภัยที่อาจคืบคลานเข้ามาเมื่อจ้าวทัศน์คนเก่งได้ตำแหน่งพระมหาอุปราช พรรคพวกของสมุหพระกลาโหมจึงคิดจะยุแยงเสียให้เกิดสิ่งมิดีมิร้ายก่อน ทั้งหมดต่างพากันคอยใส่ไฟเติมเชื้อแห่งความหวาดระแวงแคลงใจว่า จ้าวทัศน์นั้นคิดก่อการใหญ่และหวังจะล้มล้างอำนาจเก่าให้หมดสิ้นไป นอกเหนือจากความจงรักภักดีที่มีต่อเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ และปรารถนาให้จ้าวธรรมาพระโอรสในเจ้าเหนือหัวนรลักษณ์ได้ครองราชย์ กอปรกับไม่แน่ชัดในอนาคตว่าจ้าวทัศน์ในตำแหน่งของพระมหาอุปราชจะเคารพยกย่องพวกตนเหมือนดังเจ้าเหนือหัวนรสิงห์หรือไม่ ความรู้สึกอิจฉาริษยาแข่งขันชิงดีชิงเด่นต่อกันย่อมไม่ก่อประโยชน์แก่ผู้ใด ไม่ว่าเจ้าตัวผู้ริษยาหรือผู้ที่โดนริษยา มีแต่หนทางแห่งหายนะรออยู่เบื้องหน้า ด้วยความร้อนรนที่เผาผลาญอยู่ในใจย่อมทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าได้ เมื่ออิจฉาริษยารุนแรงมากขึ้นผนวกรวมกับอำนาจทางการเมืองด้วยแล้ว หายนะที่เกิดขึ้นคงยิ่งใหญ่ตามไปด้วย ไม่ใช่ส่งผลโดยตรงต่อตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากหมายรวมถึงชาติและราชบัลลังก์ย่อมสั่นคลอนตามไปด้วย ไม่รู้ว่าพรรคพวกของสมุหพระกลาโหมจะคิดบ้างหรือไม่ คงมัวแต่ห่วงผลที่พึงมีพึงได้เท่านั้น น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน หัวใจของสมุหพระกลาโหมย่อมหวั่นไหวตามคำยุแยงเหล่านี้ และเริ่มสังเกตสังกาทีท่าของจ้าวทัศน์ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร พรรคพวกของสมุหพระกลาโหมมองเห็นแต่มหันตภัยที่จะเกิดตามมา ถ้าไม่คิดตัดไฟเสียแต่ต้นลม ปล่อยให้ทุกอย่างบานปลาย เป็นไปตามพระประสงค์แห่งเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ที่จะให้จ้าวทัศน์ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ ความหวังที่รอคอยมานานว่า จ้าวธรรมาจะได้ขึ้นครองราชย์นั้นหลังจากสิ้นเจ้าเหนือหัวนรสิงห์ ดูจะเลือนหายและจางลงไปเรื่อย ๆ สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เงินทองทรัพย์สินที่เคยได้มาอย่างสบายมือจะหายวับไปกับตาด้วย มีวิธีใดบ้างนะ ที่จะหยุดยั้งไม่ให้ทุกอย่างเดินไปตามรอยที่ควรจะเป็น ทุกคนที่เป็นลิ่วล้อช่วยกันระดมความคิด หาทางสะกัดกั้น หนทางหนึ่งคือยัดข้อหากบฏแก่จ้าวทัศน์ให้ได้ จะเป็นไปได้จริงหรือไม่ เริ่มด้วยปล่อยข่าวให้เกิดไฟไหม้ฟาง กระพือให้ลือกระฉ่อนในทุกหย่อมหญ้า แต่แรกประกาศให้จ้าวทัศน์เป็นพระมหาอุปราชนั้น สมุหพระกลาโหมยังไม่วิตกจริตจนเกินเหตุ แต่เมื่อเหลียวซ้ายแลขวาไปหาสมุนและสมัครพรรคพวกคราใด ให้รู้ว่า พวกนี้มิปรารถนาให้จ้าวทัศน์ได้ครองราชย์สืบต่อ พอนานวันเข้า ความไม่พึงพอใจของบรรดาสมุนและสมัครพรรคพวกยิ่งรุนแรงขึ้น ด้วยสืบรู้มาว่า จ้าวทัศน์นั้นมีทหารแลมหาดเล็กคู่ใจที่มีฝีมือทางทหารเด็ดขาดนักและกองกำลังเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ด้วยอคติที่เริ่มเกาะกุมในใจของสมุหพระกลาโหมว่า จ้าวทัศน์จะมาลดทอนอำนาจของตน และไม่เคารพต่ออำนาจศักดิ์ศรีที่ตนมี ย่อมเกิดการจ้องจับผิดและมีทีท่าที่ไม่เป็นมิตรต่อจ้าวทัศน์มากขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โดยที่เจ้าตัวอาจไม่รู้สึกแต่ผู้คนรอบข้างเริ่มรับรู้ถึงความผิดแปลกไปจากเดิมบ้างแล้ว ฝ่ายจ้าวทัศน์นั้นด้วยความที่เป็นพระราชโอรสองค์โตและมีความฉลาดเฉลียวติดตัวมาแต่กำเนิด ได้เรียนรู้ศิลปวิทยาการอย่างคนสมัยใหม่ จากคนต่างชาติต่างภาษาที่เข้ามาค้าขายและรับราชการ จึงอาจมีความคิดใหม่ ๆ เกิดขึ้นในสมอง พร้อมจะทดลองทำตามสิ่งที่ตนเชื่อว่าจะได้ผลดีจริงหรือไม่ แรกเริ่มเดิมทีจ้าวทัศน์เป็นเด็กที่เคารพนบนอบต่อสมุหพระกลาโหมเฉกเช่นเดียวกันกับพระราชบิดา แต่ทำไปทำมาท่าทีของสมุหพระกลาโหมได้เปลี่ยนไปเมื่อตนได้รับพระราชโองการให้ดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราช ซึ่งส่งผลให้ความเคารพที่เคยมีลดน้อยลงตามไปด้วยจากท่าทีที่ไม่เป็นมิตรของสมุหพระกลาโหมที่ทวีเพิ่มขึ้น ความรู้สึกใดที่เกิดในใจย่อมส่งให้ผู้อื่นรับรู้ได้ และผู้นั้นย่อมเกิดความรู้สึกดุจเดียวกันตอบสนอง ไม่ใช่แต่บรรดาบ่างช่างยุจะยุแยงต่อสมุหพระกลาโหมเท่านั้นแต่ได้กระพือความเกลียดชังให้แก่พรรคพวกทั้งหลายทั้งปวง และคอยหาทางเพ็ดทูลเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง รวมทั้งกุข่าวว่า จ้าวทัศน์คิดก่อกบฏยึดอำนาจเสียอีก นับเป็นโทษอันรุนแรง ข่าวนี้ค่อย ๆ กระพือจากซุบซิบวงในกลายเป็นรู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ความหวาดระแวงแคลงใจที่เริ่มก่อตัว จากบรรดาบ่างช่างยุที่กลัวเสียผลประโยชน์ จนลุกลามบานปลายต่างฝ่ายต่างเกลียดกัน สุดท้ายคงไม่พ้นหายนะต่อประเทศชาติ |
BlogGang Popular Award#20
สมาชิกหมายเลข 4665919
บทความทั้งหมด
|