ถนนสายนี้ ... ... มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 280 "มหาลัยวัยซน" โจทย์ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 280 "มหาลัยวัยซน" โดยคุณ nonnoiGiwGiw บอกเล่าเรื่องราวของเพื่อนๆ หลังจบชั้นมัธยมปลายว่า ชีวิตในช่วงนั้นเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้น มีความสนุกสนานแค่ไหน จะเป็นเรื่องตื่นเต้น เรื่องเรียน กิจกรรม วัยหวาน หรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยคำว่ามหาวิทยาลัยอาจหมายถึงมหาวิทยาลัยชีวิตก็ได้ ตีความได้เหมาะสมเลย เจ้าของบล็อกได้เลยเล่าไปแล้วว่าสมัยเรียนมัธยมปลายเจ้าของบล็อกเรียนแผนการเรียน “คณิตศาสตร์ – วิทยาศาสตร์” แต่เจ้าของบล็อกเรียนวิชา คณิตและฟิสิกส์ ไม่เก่งเลย .... เรียกว่า “โง่” ก็ได้นะครับ เช่น การสอบวิชาฟิสิกส์จะไม่แทนค่าด้วยสูตรมาตรฐานแล้วตอบเลย จะต้องเอาสูตรมาตรฐานไปเข้าสมการแล้วแทนค่าก่อนถึงจะหาคำตอบได้ .... แต่แค่แทนค่าสูตรมาตรฐานเจ้าของบล็อกก็ตกม้าตายเสียแล้ว การสอบแต่ละครั้ง แต่ละเทอม เมื่อตอนเรียนมัธยมปลายของเจ้าของบล็อกจึงอาศัยเพื่อนให้ลอกตลอด เรื่องนี้อาจารย์ที่สอนก็ทราบดีด้วย แต่อาจารย์คงเห็นว่าเจ้าของบล็อก “เกินจะเยียวยาแล้ว” จึงปล่อยๆไป ทำเป็นมองไม่เห็น สำหรับวิชาเคมีเจ้าของบล็อกพอจะเอาตัวรอดได้ตลอด 3 ปี ของการเรียนชั้นมัธยมปลาย แต่ก็ต้องถูกเคี่ยวเข็ญอย่าหนักจากคุณน้าของแม่ซึ่งจบเอกเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นครูสอนวิชาเคมีอยู่ที่โรงเรียนชายชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยเจ้าของบล็อกจะต้องไปเรียนวิชาเคมีเพิ่มเติมจากคุณยายอาทิตย์ละ 2 วัน ตลอดระยะเวลา 3 ปี ที่เรียนชั้นมัธยมปลาย ส่วนวิชาชีววิทยาเจ้าของบล็อกถนัดอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นวิชาท่องจำเช่นเดียวกับวิชาทั่วไปอย่างเช่นวิชา สังคมศึกษา ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เมื่อเจ้าของบล็อกอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เทอม 1 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดโครงการ “ครุทายาท” ขึ้น โดยรับนักเรียนที่มีผลการเรียนภาษาไทยตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จนถึงวันสมัคร ได้เกรด 3.5 - เจ้าของบล็อกถือโอกาสคุยโวหน่อยว่า เกรดวิชาภาษาไทยตั้งแต่เทอม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 4 จนถึง เทอม 1 มัธยมศีกษาปีที่ 6 เจ้าของบล็อกได้เกรดเฉลี่ย 4 (นั่นคือเจ้าของบล็อกได้เกรด 4 วิชาภาษาไทยทุกเทอม) - เจ้าของบล็อกสองจิตสองใจว่าจะไปสมัครโครงการครุทายาทดีมั๊ย หรือว่าจะไปสอบเอ็นทรานซ์สายวิทย์ตายเอาดาบหน้าดี ในที่สุดก็ตัดสินใจไปสอบเอ็นทรานซ์เอาจะดีกว่า เจ้าของบล็อกจำได้คร่าวๆว่าเลือกคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยๆต่างๆ ปนๆไปกับคณะศีกษาสาสตร์ ทั้ง 6 อันดับ สุดท้ายเจ้าของบล็อกก็ “เอ็นติด” “คณะวิทยาศาสตร์ เอกเคมี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก” มาแบบงงๆ (พอเจ้าของบล็อกเรียนอยู่เทอม 2 ของปีที่ 1 มหาลัยก็เปลี่ยนชื่อเป็น “มหาวิทยาลัยนเรศวร” ) เป็นครั้งแรกที่เจ้าของบล็อกต้องห่างบ้านไปไกลๆแบบนี้ ใจนึงก็คิดถึงความสนุกสนานของนิสิตมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดที่ได้ทำอะไรอิสระไกลหูไกลตาพ่อแม่แบบในภาพยนต์เรื่อง “รักน่ารัก” ที่เคยดูเมื่อตอนเด็กๆ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตนิสิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อีกใจนึงก็รู้สึกโหวงๆ เพราะต้องจากบ้านไปไกลถึงพิษณุโลก ![]() ชิวิตนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก ของเจ้าของบล็อกเริ่มต้นด้วย “การรับน้องรถไฟ” เป็นการเดินทางไปพิษณุโลกด้วย “รถไฟชั้น 3” ร่วมกับนิสิตคนอื่นๆและรุ่นพี่ การเดินทางใช้เวลานานเหลือเกิน ออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงตอนเย็นๆ ค่ำๆ กว่าจะไปถึงพิษณุโลกก็เกือบๆเช้า การรับน้องครั้งนี้เจ้าของบล็อกได้เจอเพื่อนจากโรงเรียนมัธยมด้วย นางลาออกไปเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่ 4 ที่โรงเรียนอื่น และนางเอ็นทรานซ์ได้คณะศีกษาศาสตร์ เราดีใจมากที่มีเพื่อนที่รู้จักกันมาก่อนจะได้นั่งรถไฟได้ด้วยกัน เมื่อเดินทางถึง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก เจ้าของบล็อกถูกบังคับให้อยู่หอของมหาวิทยาลัย ห้องนึงจะมีเตียง 2 ชั้น อยู่ 4 เตียง น้องๆปี 1 จะถูกจัดให้พักอยู่กับรุ่นพี่ๆในคณะเดียวกันทั้งปี 2 3 และ 4 ![]() พื้นที่ทั้งหมดที่เป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก ขณะนี้ได้ถูกใช้เป็นโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยนเรศวร อาคารที่เห็นไกลๆเคยเป็นหอสมุดกลางนะครับ ![]() อาคารเรียนเดิมของคณะมนุษยศาสตร์ เป็นคณะที่มีสาวสวยมากที่สุด ![]() อาคารเอนกประสงค์ ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ![]() ![]() ![]() อาคารเรียนเดิมของคณะวิทยาศาตร์ ชั้น 1 เอกเคมี - ชั้น 2 เอก พฤกษศาสตร์ - ชั้น 3 เอก สัตวศาสตร์ - ชั้น 4 เอกคณิตศาสตร์ และเอกฟิสิกส์ ![]() ![]() อาคารเรียนเดิมคณะศึกษาศาสตร์และคณะสังคมศาสตร์ อาคารนี้แปลกมากเพราะเค้าแบ่งครึ่งอาคารกันตามขวางเลยครับ ฝั่งซ้ายเป็นคณะศีกษาศาสตร์ ฝั่งขวาเป็นคณะสังคมศาสตร์ กิจกรรมในช่วงเปิดเทอมใหม่มีเยอะแยะมากมายจนจำกันไม่ไหวว่าอันไหนจัดก่อนอันไหน กิจกรรมหลักๆที่เจ้าของบล็อกจำได้ก็มี การเข้าห้องเชียร์ วิ่งรับน้อง การรับน้องคณะ และ Freshy Game กิจกรรมการเข้าห้องเชียร์เป็นกิจกรรมหลักแยกจัดแต่ละคณะ เริ่มต้นด้วยพิธี “ผูกไทด์และติดกระดุมคอ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าต่อไปนี้เราจะเริ่มเข้าห้องเชียร์กันแล้วนะ กิจกรรมการเข้าห้องเชียร์ของคณะวิทยาศาสตร์ยังเข้มข้นมากกว่าคณะอื่นๆ เพราะนอกจากจะต้องซ้อมเชียร์ในตอนเย็นๆถึงมืดๆของทุกวันแล้ว ยังจะต้องมีการซ้อมเชียร์กันตอนพักกลางวันอีกด้วย หลายๆคนคงคุ้นเคยกับคำว่า “ซ้อมเชียร์” และมีภาพจำเกี่ยวกับการซ้อมเชียร์ที่แตกต่างกัน การซ้อมเชียร์ของคณะวิทยาศาสตร์นั้น จะมีคนกลุ่มนึง เรียกกันว่า “พี่ว๊าก” ซึ่งก็คือรุ่นพี่ผู้ชาย ปี 3 และปี 4 ที่ถูกคัดเลือกมาแบบหน้าโหดสุดๆ น้องๆปี 1 จะไม่เคยรู้จักหรือเคยได้เห็นหน้ารุ่นพี่กลุ่มนี้เลย นัยว่าการคัดเลือกจะเป็นความลับของรุ่นพี่ๆ ถ้ารุ่นพี่ในกลุ่มนี้เป็นลุงรหัส หรือ ปู่รหัส ของรุ่นน้องคนไหนก็จะได้รับการบอกกล่าวว่า “พี่คนนี้โดนไทร์ไปแล้ว” และแรงกว่านั้นคือ “ตายไปแล้ว” ก็มี พร้อมกับมีเสียงหัวเราะเบาๆของรุ่นพี่ที่เหลือ สร้างความกังขาให้กับน้องปี 1 อย่างเรามากๆ กิจกรรมในห้องเชียร์นอกจากจะสอนร้องเพลงเชียร์ประจำคณะเพื่อเตียมตัวเชียร์ Freshy Game แล้ว ก็มีการสอนระเบียบวินัย สอนเรื่องความสามัคคี สอนให้รักพวกพ้อง สอนการใช้ชีวิต ด้วยการตะโกน ใช้เสียงข่มขู่ ..... แต่มารู้เมื่อเลิกซ้อมเชียร์แล้วว่า รุ่นพี่ที่เหลือที่มายืนดูพวกเราขึ้นห้องเชียร์ต่างก็ยืนขำ กลั้นหัวเราะ เมื่อพวกพี่กลุ่มนี้ที่ถูกเรียกว่า “พี่ว๊าก” ดุเรา สั่งสอนเรา เพราะในความจริงแล้ว “พี่ว๊าก” ก็คือรุ่นพี่ๆของเราและตัวจริงบางคนยังเป็นคนตลกเรียกได้ว่าแทบจะเป็นคนละคนกับตอน “ว๊ากน้อง” เลย “พี่ว๊าก” จะมอบกฎต่างๆในการดำเนินชีวิตประจำวันให้เรา เช่น ในวัน เวลา เรียน นิสิตชายต้องใส่เชิ๊ตแขนยาว ติดกระดุมคอ ผูกไทด์ ใส่สแล็คสีเทาอันเป็นสีของมหาวิทยาลัย นิสิตหญิงใส่เสื้อขาว กระโปรงสีดำหรือเทา ติดกระดุมคอ และทุกคนต้องห้อยป้ายชื่อและถือแฟ้มสีเทาทุกคน - เมื่อภายหลังเจ้าของบล็อกคิดว่าคงจะเป็นการ “แยก” น้องใหม่คณะวิทยาศาสตร์ ออกจากน้องใหม่คณะอื่นๆ เพราะได้ถามเพื่อนๆปี 1 คณะอื่นๆจะมีสัญลักษณ์ประจำคณะที่พี่ว๊ากสั่งให้ใส่ติดตัวต่างๆกัน ต้องจำชื่อ นามสกุล จังหวัดบ้านเกิด โรงเรียนมัธยมที่จบมา ของเพื่อนๆทุกคนได้ รวนไปถึงชื่อพี่รหัส ป้าหรือลุงรหัส และปู่หรือย่ารหัส ของเพื่อนๆทุกคนได้ - กฎข้อนี้เจ้าของบล็อกว่าประหลาดๆ แต่ก็มีข้อดี คือ เราจะได้รู้จักเพื่อน และพี่ๆ ทุกๆคนในคณะ (ดีที่คณะวิทยาศาสตร์ในตอนนั้นมีคนอยู่ร้อยกว่าๆเท่านั้น) ขอสำคัญคือถ้าเราได้เข้าไปคุยกับเพื่อนๆแล้วได้ยินสำเนียงการพูด หรืออะไรบางอย่างจะทำให้เรารู้และจำได้ว่าคนไหนมาจากจังหวัดไหน การเดินไปไหนมาไหนในมหาวิทยาลัยรวมไปถึงนอกมหาวิทยาลัย จะต้องไปเป็นกลุ่มไม่น้อยกว่า 6 คน - เจ้าของบล็อกเห็นด้วยกับกฎข้อนี้ (ในภายหลัง) เพราะน้องปี 1 ทุกคนถือเป็นคนต่างถิ่น ถ้าไปไหนมาไหนเพียงคนเดียวก็อาจจะเกิดอันตรายได้ยิ่งถ้าออกไปนอกมหาวิทยาลัย จะไปไหนกันที่ก็ต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ 6 คน อีกอย่างหนึ่งก็เป็นการที่ทำให้น้องๆรู้จักกัน สนิทกันมากขึ้น การทำโทษในห้องเชียร์มีตั้งแต่การถามชื่อเพิ่อน จังหวัดและโรงเรียนมัธยมที่เรียนจบมา ไปถึงพี่รหัส ลุงป้ารหัส ปู่ย่ารหัส รวมไปถึงการทำโทษด้วยการออกกำลังกาย กระโดดตบ สก็อตจัมพ์ วิ่ง ทีตลกก็คือพอถามถึงชื่อลุงรหัสหรือปู่รหัสที่เป็นพี่ว๊ากก็จะมีเสียงหัวเราะคิกๆคักๆของรุ่นพี่ๆที่ยืมอยู่หลังห้องเชียร์ หรือแม้แต่พี่ว๊ากบางคนต้องหันหน้าแอบไปขำกับฝาห้อง เจ้าของบล็อกคิดว่า การซ้อมเชียร์ ก็มีประโยชน์นะครับ ยิ่งในมหาวิทยาลัยต่างจังหวัด เป็นการให้น้องๆปี 1 ไม่มีเวลาว่างให้คิดถึงบ้าน และใช้เวลาว่างร่วมกัน รู้จักกัน ได้พูดคุยกัน ศึกษานิสัยใจคอกันและกัน แต่ ...... เจ้าของบล็อกเกลียดการซ้อมเชียร์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มากถึงขั้นไม่อยากให้ถึงเวลาพักกลางวัน ไม่อยากให้ถึงเวลาขึ้นเชียร์ตอนเย็น กินข้าวไม่ลง บางครั้งก็ปวดท้องจนตัวงอซะเฉยๆ คงเป็นเพราะเครียดมาก เดือดร้อนถึงพี่รหัสจะต้องพาไปห้องพยาบาล ช่วงเดือนกว่าๆ เกือบๆ 2 เดือนของการซ้อมเชียร์ เจ้าของบล็อกกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ฝันร้ายบ้าง พี่ๆที่อยู่ห้องเดียวกันบอกว่าบางครั้งก็นอนละเมอ เป็นอยู่วนๆแบบนั้นจนถึงขั้นที่รุ่นพี่ๆเรียกตัวไปคุยอธิบายเรื่องการซ้อมเชียร์ให้สบายใจขึ้น ต่อมารุ่นพี่ๆได้คัดเลือกเจ้าของบล็อกไปซ้อมเพลงมหาวิทยาลัยและเพลงเชียร์มหาวิทยาลัยต่างหากเพื่อจะเป็นแกนนำสอนเพลงเชียร์ให้กับน้องๆปี 1 ที่กำลังจะมาเรียนในปีหน้า แต่เนื่องจากมหาวิทยาลัยเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยนเรศวร การซ้อมเพลงเชียร์และเพลงมหาวิทยาลัยเดิม (มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ) จึงได้หยุดชะงักและเนื่องจากเจ้าของบล็อกมาลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางเทอม 2 ระหว่างที่มีการซ้อมเชียร์ก็มีกิจกรรม “วิ่งรับน้อง” คือให้น้องๆ ปี 1 ออกวิ่งจากมหาวิทยาลัย (มหาลัยตั้งอยู่ที่แยกสนามบินพิษณุโลก) อ้อมไปทางห้าแยกโคกมะตูม แล้ววิ่งตรงไปที่ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (เมื่อสมัยที่เจ้าของบล็อกเรียนอยู่บริเวณนั้นยังไม่ได้ค้นพบพระราชวังจันทร์ ยังเป็นค่ายทหารกับเป็นเขตของโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม) โดยออกวิ่งตั้งแต่ยังไม่สว่างดี ไปแวะไหว้พระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ และไหว้ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตอนเช้าพอดี เป็นเรื่องโชคดีของเจ้าของบล็อก ที่มีลูกศิษย์โรงเรียนมัธยมที่คุณยายสอนอยู่มาเรียนเอกเคมีที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก ด้วย และเป็นลูกศิษย์ที่ให้ความเคารพคุณยายของเจ้าของบล็อกเป็นอย่างยิ่ง ถึงเจ้าของบล็อกไม่ถูกเอาใจจากรุ่นพี่มากๆ แต่เจ้าของบล็อกก็ไม่ได้โดนรุ่นพี่แกล้งบ่อยนัก ยิ่งไปกว่านั้นลูกพี่ลูกน้องที่เป็นผู้หญิง มีศักดิ์เป็นน้า อายุมากกว่าเจ้าของบล็อก 2 ปี เรียนอยู่ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก อยู่แล้ว น้าคนนี้เป็นคนที่มีหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวขาว น่ารัก แน่นอนว่าจะต้องมีนิสิตชายมาแอบชอบอยู่บ้าง มีรุ่นพี่ที่คณะวิทยาศาสตร์มาแอบชอบน้าของเจ้าของบล็อกอยู่ 2-3 คน เวลารับน้องคณะเจ้าของบล็อกก็จะได้รับการเอาใจเป็นพิเศษจากกลุ่มรุ่นพี่ที่แอบชอบน้าของเจ้าของบล็อก เช่น ไม่ต้องลุยโคลน หรือ ไม่ต้องทำอะไรที่เลอะๆ หรือ น่าเกลียดๆ กิจกรรมขึ้นห้องเชียร์มาจบลงเมื่อมีการ “ปลดเชียร์” โดยพี่รหัสจะเป็นคน “ถอดเนคไทด์ ปลดกระดุมคอ” ให้กับน้องปี 1 ที่เป็นผู้ชาย ส่วนน้องที่เป็นผู้หญิงก็จะได้ปลดกระดุมคอ พอ “ปลดเชียร์” ปุ๊บ เจ้าของบล็อกก็ย้ายออกจากหอในของมหาวิทยาลัยแล้วไปเช่าหออยู่นอกมหาวิทยาลัยทันที เรื่องราวต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเรียนที่ “ยากมากกกกกกกก” ยากเสียจนเจ้าของบล็อกตัดสินใจลาออกเพื่อมาเอ็นทรานซ์ใหม่ดีกว่า และเจ้าของบล็อกก็เอ็นฯติด “คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์” ที่เจ้าของบล็อกเลือกไว้เป็นอันดับรองๆลงมาจาก คณะอักษรศาสตร์ และคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคุณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ![]() พอมาเรียนที่คณะนิติฯ ธรรมศาสตร์แล้ว เจ้าของบล็อกรู้สึกว่ามีเวลาว่างมากกกกกกกกกกกก ก่อนเปิดเทอมก็ไม่ต้องทำอะไร พอเปิดเทอมแล้วก็มีหน้าที่ไปเรียนอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ต้องรับน้องมหาวิทยาลัย ไม่ต้องซ้อมเชียร์ เพราะแนวคิดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มองว่า “ทุกคนคือเพื่อน” เพราะฉะนั้นก็แค่ทำความรู้จักกัน ..... เจ้าของบล็อกมีประสบการณ์ทั้งในมหาวิทยาลัยที่มีระบบ SOTUS (Seniority Order Tradition Unity และ Spirit) แบบจ๋าๆ และมหาวิทยาลัยที่ปฎิเสธระบบ แต่เจ้าของบล็อกก็มองเห็นข้อดีในระบบ SOTUS อยู่บ้างอย่างที่บอกไปนะครับ เอาเพลงมหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒมาฝากด้วยครับ ชื่อเพลง “สู่ขวัญน้องใหม่” เพลงนี้หาฟังยากมากครับ ไม่รู้ว่าวิทยาเขตไหนของมหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒยังใช้กันอยู่บ้าง เพลงนี้จะใช้ช่วงต้นๆปีที่น้องปี 1 เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย ความไพเราะของบทเพลงนี้อยู่ที่การขึ้นต้นแต่ละท่อนด้วยคำว่า “ขวัญเอย” ซึ่งจะร้องเปลี่ยนคีย์ไปเรื่อยๆ ตอนหัดก็ยากเพราะจะต้องจำคีย์ให้แม่นๆ และจะเป็นโน้ตชาร์ปแทบทุกโน้ต แต่เวลาร้องกับดนตรีจะเพราะมากๆครับ ![]() ![]() ![]() อ่านเพลินเลย มีแต่คนไม่ชอบซ้อมเชียร์ รับน้องเอามากๆ อ่านแล้วนึกถึงตอนเป็นวัยรุ่นเช่นกันค่ะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว
![]() สวัสดีครับ
อ่านเพลินมากครับ ต้องท่องชื่อ รร. จังหวัด ของเพื่อน ๆ พี่ ๆ เหมือนกันครับ โดนควิซแทบจะทุกวันเลย อิจฉาคนที่สอบติดภาคเหนือนะครับ มีรับน้องบนรถไฟด้วย โดย: The Kop Civil
![]() ![]() มศว น่าอยู่เสมอครับ ผมเคยสอบตรงได้ เภสัช มศว แต่ไม่เอาครับ สอบเพราะแม่อยากให้เรียน แต่ตัวเองอยากเรียนวิศวะ
อ่านเรื่องเล่าของพี่บอลแล้วสนุกมากครับ โดนเฉพาะช่วงเฟรชชี่ ดูอบอึ่นดี พี่ว๊ากก็คือพี่เรานั่นแหละ ส่วนใหญ่อย่างว่าครับ เป็คนฮาๆ ทั้งนั้น เหมือนพี่หมิงของผมนี่แหละ แถมบางที คนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อน เค้าก็คือรุ่นพี่เรา 55555555 ฮามากครับ พิธีสู่ขวัญน้องดูอบอุ่นจังครับ ขลังดี ถึงจะไม่ใช่คนซึ้งกับอะไรพวกนี้ แต่ก็ชอบนะครับ อิอิ โดย: จันทราน็อคเทิร์น
![]() ![]() ระบบโซตัสผมก็เคยผ่านมาแล้วครับ
ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ก็เข้าร่วมได้ ชอบบรรยากาศ ทุกคนคือเพื่อน มากกว่าครับ เป็นพี่เป็นน้อง คุยกันดีดี ไม่ต้องตะโกน ไม่ต้องตะคอกใส่กันก็ได้ 555 ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() ชีวิตวัยเรียนของเรานี่คล้ายๆกันเลยนะครับคุณบอล เริ่มตั้งแต่หนังเรื่อง "รักน่ารัก" รับน้องรถไฟ ไปเรียนที่ภาคเหนือ กิจกรรมเชียร์ พูดแล้วคิดถึงอดีตที่สนุกสนานมากครับ
![]() โดย: JohnV
![]() คุณบอล ไปเรียนที่ พิดโลกด้วย.. ผมเคยอยู่ที่นั่นหลายปีมีบ้านอยู่
ขี่รถผ่านสามแยก ขวาไปสนามบิน แต่ผมเลี้ยวซ้ายไปโคกมะตูม ผ่าน แขวง/เขตการทางไปบ้าน.. ... วิทยาเขตทีคุณบอลเรียนคงอยู่แถวนั้น หรือไปอยู่ทางไปบางระกำ ผมนาน ๆ ไป ... คุณบอล สำเร็จจากนิติศาสตร์มา เจ๋งครับ...ยิ่งจากธรรมศาสตร์ด้วย โดย: ไวน์กับสายน้ำ
![]() ![]() เล่าได้ไหลลื่นเหมือนเพิ่งเกิดไม่นาน
อ่านได้อาจไม่ครบถ้วน แต่มาสะดุดตรงนี้จ้า "พอ ปลดเชียร์ ปุ๊บ เจ้าของบล็อกก็ย้ายออกจากหอใน ของ หมา วิทยาลัยแล้วไปเช่าหออยู่นอกมหาวิทยาลัยทันที" โดย: ฟ้าใสวันใหม่
![]() ![]() กลับมาอ่านเพลินมากค่ะคุณบอล
เคมีเป็นวิชาที่ไม่ถนัดแทบจะที่สุดเลยค่ะ คุณบอลเรียนเคมีเพิ่มเติมจากคุณยายและเอ็นติดสาขานี้ด้วย พอลาออกก็เอ็นติดและเรียนจบคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ยังไม่รวมถึงจบ ป.โท ที่ออสเตรเลียด้วย เก่งมากๆค่ะ นึกถึงภาพเคยยืนแอบหัวเราะตอนเพื่อนว๊ากรุ่นน้องด้วย เพราะเรารู้จักเพื่อนดีว่าไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ การซ้อมเชียร์มีประโยชน์และเพลงประจำสถาบันก็ดูศักดิ์สิทธิ์ "สู่ขวัญน้องใหม่" เฉพาะชื่อก็ดูอบอุ่นแล้วค่ะ ![]() โดย: Sweet_pills
![]() ![]() แสดงว่าพี่ว๊ากเป็นภาพจำของคุณบอลเลยนะครับ
ถึงกับไม่อยากคุย ไม่อยากเจอไปเลย 555 ผมจำพี่ว๊ากไม่ได้สักคนเลย อาจจะไม่ได้อินไปกับกิจกรรมครับ คือทำตามหมด อยู่ด้วยตลอด แต่ไม่ประทับใจเลย ![]() โดย: กะว่าก๋า
![]() ![]() สวัสดีมีสุขค่ะ
ขอบคุณกำลังใจด้วยค่ะ อ่านเพลินเลยค่ะ ไปเรียนไกลบ้านนี่ได้อารมณ์แบบส่วนตัวดีค่ะ แม่ตะลีไม่มีการรับน้องแบบรุนแรงหรือขู่ ตวาดอะไรแบบนี้ค่ะ ดีไปอย่าง ไม่ถูกกดดัน เพราะเป็นคนไม่ยอมคน ถ้ามีคงเจอระเบิดแม่ตะลีแน่ๆค่ะ แม่ตะลีไม่ได้เรียนต่างจังหวัดเลย อยู่บ้านเกิดจนจบมหาวิทยาลัย เริ่มออกไปไกลบ้านสุดๆก็ตอนทำงาน แล้วไม่ได้เคยกลับมาอยู่บ้านเกิดอีกเลยค่ะ โดย: ตะลีกีปัส
![]() ![]() เกลียดการซ้อมเชียร์แล้วก็เกลียดพี่วากเหมือนกันเลย
แต่ชอบงานสู่ขวัญมาก อิอิ โดย: nonnoiGiwGiw
![]() ![]() เพลงนี้น่าจะไม่ทันค่ะไม่รู้ที่มศวมีด้วยรึเปล่า
โชคดีที่ตอนรับน้องคล้าย ๆ กันค่ะ พี่ว๊ากไม่ดุมาก ทำเป็นโหดแต่หันไปหัวเราะคิกคักกันตลอด แต่ไม่ชอบที่ต้องกลับบ้านดึก บ้านไกลง่า ![]() โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน
![]() ![]() อ่านตะพาบ เพลินๆๆค่ะ
1 ปี ที่ มศว เป็นความผูกพันธ์ ในระบบ จนจำไว้ นำมาเขียนตะพาบ น่ารักๆจริงๆ ค่ะ แต่เรารู้จักตัวตน จึง En ใหม่ และได้เรียนวิชา คณะดังใจ นับว่ามาถูกทางจริงๆ ยินดีด้วยอย่างยิ่ง ![]() ![]() ![]() "เริงฤดีนะ" ก้เป็นเด้กว่าง่าย และมีความคิดเป็นของตัวเอง อะไรไม่ชอบก้ไม่ทำ.. ไม่เข้าประชุมเชียร์ ฉีกไปเป็นนักกีฬา ไม่ต้องโดนพี่ว๊าก.. แต่มาลองเป็นพี่ว๊ากตอนปี 2 แบบเพลินๆ เอา feel ![]() ![]() ![]() vhv แวะมาแจ้งว่า ยินดีด้วยกับ Ramdom ผู้โชคดี FFF #59 ![]() ![]() ![]() ![]() พร้อมส่งการบ้าน FFF#60 ฝนกำลังกระหน่ำที่บ้านพอดี Vote เต็ม..ไว้มาใหม่นะคะ ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: เริงฤดีนะ
![]() ![]() ห่างบ้านแถมถอยกลับไม่ได้แล้วด้วย ผมมองว่าไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน กิจกรรมในส่วนนี้ไม่ได้มีการพัฒนาขึ้นเท่าไหร่เลย ยังคงเหมือนเดิมไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง
โดย: คุณต่อ (toor36
![]() ![]() โอ้เรียน 2 ที่ เหมือน อ.เต๊ะ เลยนะครับ
ถ้าไม่ชอบ ไม่ไหว แล้วฝืนเรียนไป อาจไปพลาดตอนปีลึกๆ จะยิ่งแย่ ออกซะตั้งแต่ ปี1 ตัดสินใจถูกแล้วครับ ส่วนเรื่อง ประชุมเชียร์นี่ ปกติก็ไม่มีใครชอบอยู่แล้ว โชคดีที่ธรรมศาสตร์ ไม่มีเรื่องแบบนี้ แล้วก็ อ.เต๊ะ พึ่งจะรู้ ว่าการมีญาติน่ารัก เป็นข้อดีหลายประการเลยนะครับ555 ปล.อ.เต๊ะเขียนเพิ่มหน่อยนึงแล้วนะครับ แถมยังไม่จบอีกตะหาก555 ขอบคุณสำหรับโหวตด้วยนะครับ ![]() ![]() ![]() โดย: multiple
![]() ขำคำตอบ แต่ก็ยังไม่แก้ อิอิ
สุขสันต์วันหยุดนะคะ ขำ ๆ กันไป 555 โดย: ฟ้าใสวันใหม่
![]() ![]() เสียดายที่ไม่ได้อยู่ในรั้วมหาลัยเหมือนคนอื่นเขา
โดย: ซองขาวเบอร์ 9
![]() |
บทความทั้งหมด
|
ตามมาอ่านงานตะพาบด้วยคะ..
ดีจัง..มีมศว.พิษณุโลก..น่าเรียนนะคะ