ถนนสายนี้ ... ... มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 285 "ครั้งแรก" โจทย์ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 285 "ครั้งแรก" ตั้งโจทย์โดย น้องปริ้นซ์ จันทราน็อคเทิร์น ต้องเกริ่นกันยาวนิดนึงครับ พ่อของเจ้าของบล็อกเรียนภาษาอังกฤษเก่งมากมาตั้งแต่ไหนแต่ไรตั้งแต่ก่อนที่จะเรียนจบจากโรงเรียนนายเรือ และด้วยอาชีพ “กับตันเรือสินค้าระหว่างประเทศ” ทำให้พ่อต้องใช้ภาษาอังกฤษอยู่เป็นประจำ ตอนเด็กๆเวลาปิดเทอมถ้าพ่อมีเวลาว่างพ่อจะจับลูกๆเรียนภาษาอังกฤษเสมอ โดยพ่อจะมีวิธีสอนที่สมัยก่อนดูแปลกประหลาดมาก เช่น สอนให้อ่าน phonetic หรือ สัทศาสตร์ ให้อ่านหนังสือภาษาอังกฤษโดยไม่สนใจว่าจะรู้คำแปลหรือไม่แต่ต้องอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง ซื้อชุดเรียนสนทนาภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง (สมัยก่อนเป็นเทปคาสเซ็ต) หรือให้พูดภาษาอังกฤษกับพ่อตลอดทั้งวัน ซึ่งมันคือวิธีการเรียนภาษาอังกฤษแนวใหม่ในสมัยนี้ !!!! เจ้าของบล็อกรู้สึกเท่ห์และทึ่งมากที่พ่อสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เป็นเรื่องเป็นราวจนอยากที่เก่งเหมือนพ่อจึงสนใจเรียนภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ และการสนใจเรียนพิเศษภาษาอังกฤษกับพ่อก็ได้ส่งผลดีให้แก่เจ้าของบล็อกเพราะได้คะแนนวิชาภาษาอังกฤษ “ดีมาก” มาตลอดตั้งแต่เรียนประถมจนถึงมหาวิทยาลับ ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยพ่อบอกกับเจ้าของบล็อกไว้แต่เนิ่นๆว่า “จะส่งไปเรียนปริญญาโทเมืองนอก” เจ้าของบล็อกจึงเริ่มเตรียมตัวเรียนภาษาอังกฤษให้มากขึ้น ทั้งเลือกเรียนเป็นวิชาเลือกในมหาวิทยาลัย และเรียนในโรงเรียนสอนภาษาเอกชนหลายๆสถาบัน เมื่อเจ้าของบล็อกเรียนจบปริญญาตรีและทำงานได้ปีนึง พ่อก็อนุญาตให้เจ้าของบล็อกเตรียมตัวไปเรียนต่อได้ เจ้าของบล็อกเลือกไปเรียนที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ถึงแม้จะไม่ได้เรียน “กฎหมายพาณิชย์นาวี” อย่างที่ตั้งใจไว้ทันที แต่ก็สามารถไปเรียนปริญญาโทใบที่สองทาง “กฎหมายพาณิชย์นาวี” ได้ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐควีนสแลนด์ (University of Queensland) หรือว่าจะไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐทาสมาเนีย (University of Tasmania) ก็ได้ สมัยเจ้าของบล็อกเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา เจ้าของบล็อกนับว่าเป็นคนเรียนเก่งในวิชาภาษาอังกฤษมาตลอด ตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็ได้เป็นครูสอนภาษาไทยให้กับฝรั่งหลายคน เจ้าของบล็อกค่อนข้าง “มั่นใจเกินเบอร์” ในเรื่องภาษาอังกฤษมากๆ ก่อนไปสอบ IELTS เพื่อวัดระดับภาษาและส่งผล IELTS แนบไปกับใบสมัคร เจ้าของบล็อกได้ไปลงเรียน intensive cause เพื่อเตรียมตัวสอบ ผลการสอบออกมาได้ระดับ 5.5 ซึ่งถือว่าโอเคอยู่ วันเดินทางเจ้าของบล็อกแบกความ “มั่นใจเกินเบอร์” ในการพูดภาษาอังกฤษไปสนามบิน จำได้ว่าเจ้าของบล็อกเลือกบินกับสายการบินควอนแทส (Qantas) (คนออสซี่จะออกเสียงควอนแทส แต่คนไทยอ่าน “แควนตัส” ) เจ้าของบล็อกก็ฟังประกาศบนเครื่องเข้าใจ คุยกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องเข้าใจดี ..... พอถึงสนามบิน Tullamarine ซึ่งเป็นสนามบินหลักของเมืองเมลเบิร์น เจ้าของบล็อกก็คุยกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็เข้าใจดี ในใจก็คิดว่า “เออ ... การเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆมันส่งผลดีอย่างนี้นี่เอง” จนเจ้าของบล็อกออกออกมายืนเรียก Taxi เพื่อที่จะไปที่พัก การเรียก Taxi เมืองนอกไม่ต้องเปิดประตูถามว่าจะไป จุด จุด จุด นะ ไปมั๊ย .... แค่เราเปิดประตูเข้าไปนั่ง แล้วบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับเท่านั้น เจ้าของบล็อก : อิเลฟเฟ่น วริกซึ่น แอฟเวนวู อิน ไบร์ททั้น อีสต์ พลีส (11 Wrixon Avenue in Brighton East, please) ต้องบอกก่อนว่านี่คือ ครั้งแรก ที่เจ้าของบล็อกพูดภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆมาประกอบเลย พี่คนขับหันมามองหน้าพร้อมกับเลิกคิ้วแทนคำพูดว่า ... ไปไหนนะ ฟังไม่รู้เรื่อง ... เจ้าของบล็อกก็ย้ำที่อยู่เดิมไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พูดให้ช้าลง พี่คนขับก็ยังไม่เข้าใจ เจ้าของบล็อกเริ่มเหงื่อตก (ทั้งๆที่อุณหภูมิตอนนั้น 12 องศา) คิดๆๆๆ ว่าจะทำยังไงถึงจะสื่อสารให้เข้าใจกันได้ เจ้าของบล็อกนึกขึ้นได้ว่าเขียนที่อยู่ไว้ในสมุดบันทึกเล็กๆ ในกระเป๋าสะพาย จึงหยิบออกมาส่งให้พี่คนขับอ่าน ..... . . . . . . . . . แล้วพี่คนขับก็ยิ่งทำให้เจ้าของบล็อกช้ำใจเป็นอย่างยิ่งกับ “ความมั่นใจเกินเบอร์ในเรื่องภาษาอังกฤษ” ของเจ้าของบล็อกโดยการบอกว่า (จำประโยคชัดเจนไม่ได้ แต่จะประมาณว่า ... ) ........... “อ๋อๆๆๆ แถวๆ Brighton East รู้จักๆ แหมม น่าจะพูดให้ชัดๆหน่อย” (ตรงนี้ขีดเส้นใต้ 350 เส้นเลย) พี่คนขับออกรถ แล้วเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันตลอดเส้นทาง แต่คำว่า “พูดให้ชัดๆหน่อยๆๆๆๆๆ” คำนี้ดังก้องอยู่ในหัวของเจ้าของบล็อกจากสนามบินจนมาถึงที่พักของเจ้าของบล็อกครับ “ความมั่นใจเกินเบอร์ในเรื่องภาษาอังกฤษ” ของเจ้าของบล็อกจากเกิน 100 จากเมืองไทย ตกลงไปยิ่งกว่าระดับ 0 ในชั่วระยะเวลาไม่ถึง 5 นาทีที่ทำการสนทนากับพี่คนขับ อย่างที่บอกไปแล้วว่า นั่นเป็น ครั้งแรก ที่เจ้าของบล็อกได้มีการสนทนากับเจ้าของภาษาโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆเลย คำว่าเงื่อนไขของเจ้าของบล็อกก็คือ พี่คนขับเค้ามองเจ้าของบล็อกเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาๆเหมือนพี่คนขับในพื้นฐานที่เท่าๆกัน พี่คนขับไม่ได้เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่เวลาจะพูดกับนักเรียนก็มักจะพูดช้าๆ ชัดๆ พี่คนขับไม่ได้เป็นเพื่อนที่เวลาคุยกันเราจะมองหน้า มองปาก แล้วจะทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้นว่าเรากำลังหมายถึงศัพท์คำไหน พี่คนขับเป็น “ออสซี่” แท้ๆ เหน่อได้เป็นเหน่อ slang มีเท่าไหร่ใส่หมดเต็มแม็ค แล้วพี่คนขับก็หวังว่าเจ้าของบล็อกจะเข้าใจทุกอย่างที่พี่เค้าพูด ..... absolutely and completely ด้วย ความจริงเจ้าของบล็อกมีเรื่อง “ครั้งแรก” หลายอย่างนะครับ แต่เรื่อง “ครั้งแรก” ที่ทำลาย “ความมั่นใจเกินเบอร์ในเรื่องภาษาอังกฤษ” ซะย่อยยับก็มีครั้งนี้นั่นแหละครับ ที่เจ้าของบล็อกจำฝังใจมากๆ ทุกวันนี้เจ้าของบล็อกยังเกลียดคำว่า “พูดให้ชัดๆหน่อยๆๆๆๆๆ” ไม่ว่าจะมาในภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ ได้ยินครั้งไหนมัน “วูบ” ทุกครั้งครับ คุณพ่อของคุณบอลท่านทันสมัยมากเลยนะครับ
วิธีสอนเป็นแบบสอนเด็กในโรงเรียนสมัยนี้เลย สำเนียงการออกเสียงแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกันด้วยนะครับ ตรงนี้อาจทำให้พี่คนขับฟังไม่เข้าใจ การได้ภาษาต่างประเทศ เป็นการเปิดโลกเลยนะครับ ทำให้การเรียนรู้และการเดินทางสะดวกมากขึ้นจริงๆ ปล. มาดามชอบดูคลิปสอนทำขนมปังของคนเกาหลีและจีนครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กันยายน 2564 เวลา:13:56:46 น.
โหวตให้แล้วค่ะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมชมบล็อคค่า
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 9 กันยายน 2564 เวลา:14:05:12 น.
ช็อกแหละครับ เพราะเรามั่นใจแต่เจอแบบนี้ไปไม่ถูกเหมือนกัน ตอนผมไปจีนแรกๆ ก็มั่นใจแบบนี้แหละ แต่ไม่เจอแบบนี้ ตายตรงตัวอักษรมากกว่า เขาคงไม่ได้มองเราเป็นคนต่างชาติด้วยมั้งครับ มองเป็นคนเท่าๆ กันเลย
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 9 กันยายน 2564 เวลา:15:08:11 น.
คุณพ่อท่านมองการไกลนะคะ และทันสมัยด้วยค่ะ เป็นใครเจอแบบนี้ก็เฟลไปเหมือนกันเพราะอุตส่าห์พกความมั่นใจไปแบบเต็มร้อยเกินเบอร์เลย
จากที่บล็อก ถ้าได้ฉีดกันเยอะๆโรงเรียนจะได้เปิดสักทีค่ะ โดย: zungzaa วันที่: 9 กันยายน 2564 เวลา:15:41:02 น.
555555555 เล่าตอนนี้อาจจะฮา แต่นาทีนั้นฮาไม่ออกแน่นอนครับ
อย่างที่พี่บอลบอกว่าอากาศ 12 องศา แต่เหนื่อยก็แตกได้ ขนาดพี่บอลเก่งอังกฤษนะเนี้ย ผมไม่เก่งอังกฤษ ตอนโดนปล่อยไปอังกฤษคือเฟ้งฟ้างเลยครับ เพราะผมฟังบริชทิชไม่ออกเลย....ขีดเส้นใต้คำว่า "เลย" 55555 IELTS ก็สอบ 3 รอบ ครั้งสุดท้ายคือพึ่งพระพึ่งเจ้า แก้บนกันไป โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 9 กันยายน 2564 เวลา:17:18:57 น.
สวัสดีครับคุุณบอล
คุณบอลเป็นคนเก่งมีความสามารถหลายทางดีจัง ได้ไปเรียนต่อและใช้ชีวิตต่างแดนเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีอย่างนึงเลยนะครับ โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 9 กันยายน 2564 เวลา:20:46:07 น.
อีกอย่างนึง...
เพลงเพราะมากครับ ฟังเพลินจนจบเลย โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 9 กันยายน 2564 เวลา:20:46:50 น.
คุณพ่อท่านมองไกล... ภาษาช่วยได้หลายอย่างเกิดตวามมั่นใจ
แม้จะใช้ไม่ได้ หรือเหมาะกับบางคนก็ไม่เป็นไรครับ 555 ... ว่าแต่ว่า ระยะนี้ผมมักจะพูดบอกคู่สนทนา ช่วยพูดแรง ๆ ดัง ๆ ถ้าให้ดีมองสายตาด้วยก็ยังดีครับ 555 หน้ากากผ้ามันปิดกั้นเสียงอย่างมาก โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 9 กันยายน 2564 เวลา:21:10:22 น.
พกความมั่นใจเต็มร้อย เจอแบบนี้ก็เสียความมั่นใจเหมือนกันค่ะ 555
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 10 กันยายน 2564 เวลา:10:47:59 น.
|
บทความทั้งหมด
|
อ่านสนุกอ่านเพลิน
ไปกับมุขครั้งแรก ของน้องบอล
คนเก่งก็มั่นมาก..ดังนั้น..
เพลงcountryประกอบหวานเพราะจัง
ครั้งแรก ไป ตปท.ของพี่อ้อ..
คนเดียว..ทุน Colombo Plan ให้ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย
ฝึกอบรม Social Welfare Training 3 เดือน
ที่S'pore
กรมส่งไปสอบคัดเลือกที่กรมวิเทศสหการ
กระทรวง ตปท.
ทุนฝึกอบรมนี่ใช้เกณฑ์ 50 %
พี่อ้อ ไม่ใช่คนเก่ง.สักอย่าง
แถม เอ๋อเหลอ..
ลงเครื่อง..วันเสาร์ บ่ายแก่ๆ
เจ้าหน้าที่หน้าจีน ประกาศ เรียกชื่อเรา
Ha..ha..ha
เจอตัวก็ทักทาย..และบอก..
"ติ๊กเก่ๆ"..
เราก็.."พาดึ้นๆ" อะไรว๊ะ!!
ภาษาฝรั่งเศสเหรอ!!..
จนเขา ทำมือ 4 เหลี่ยม และชี้ขึ้นฟ้า
เราก็ ..อ๋อ!! ทิ๊กเก๊ต
(Ticket)..
ภาษาอังกฤษครั้งแรก กับ Singaporean..
ได้ครูดีจริงๆ..สนุก สนาน
อั๊ยย่ะ!!..
โน ปร๊อปเปิ่ม..
ตลอด 3 เดือน.
(ไว้มาใหม่ค่ะ)
แอบเขียนครั้งแรก ซ้อน ครั้งแรก ของน้องบอล