5. เยี่ยมชมโรงเรียนไซเซกะคุชะ ยามเช้าวันที่ 8 คณะเยาวชนได้ไปเยี่ยมศูนย์ให้คำปรึกษาเรื่องเด็กที่ประสบปัญหาประจำเขตโตเกียว เพื่อฟังบรรยายและชมวีดีทัศน์ ทำให้ได้ทราบถึงปัญหาใหญ่คือ การทารุณกรรมเด็ก ปัญหาใหม่คือเด็กไม่ไปโรงเรียน โดนเพื่อนกลั่นแกล้ง บางคนเก็บตัวไม่ไปไหน มีแนวโน้มว่าพ่อแม่ไม่สนใจลูก โรงเรียนไซเซกะคุชะ รถบัสพาเราออกจากโตเกียว มุ่งสู่จังหวัดไซตามะ เพียง 1 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทาง นั่นคือ โรงเรียนไซเซกะคุชะ (NPO Saiseigakusha) พี่แอนและเพื่อนๆ ได้ฟังบรรยาย ชมสถานที่ และร่วมกิจกรรมกับนักเรียนที่นี่ด้วย โรงเรียนไซเซกะคุชะ มีนักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่ก่อนเป็นโรงเรียนกวดวิชา ปัจจุบันเป็นโรงเรียนฟรีสคูล (free school) ไม่ได้สอนตามหลักสูตรการเรียนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการหรอกนะคะ ฟรีสคูลในญี่ปุ่นต่างจากยุโรป คือรับเฉพาะเด็กที่ไม่อยากไปโรงเรียน โดยจัดหลักสูตรขึ้นตามความเหมาะสม และความต้องการของผู้เรียน นักเรียนที่นี่มีปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาใหม่ในสังคมญี่ปุ่น คือ ไม่ชอบไปโรงเรียน เนื่องจากถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง โดนรังแก ทำให้เข้ากับเพื่อนไม่ได้ จึงกลายเป็นคนไม่มีประสิทธิภาพ บางคนก็มีปัญหาเรื่องความบกพร่องทางสติปัญญา ไม่สามารถไปโรงเรียนตามปกติได้ ครูโคบายาชิ มิเซโอะ โรงเรียนไซเซกะคุชะบอกกับเรา ด้วยเหตุนี้จึงมีแนวคิดการจัด การเรียนรู้โดยการสื่อสาร สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้นักเรียนค้นพบความสามารถของตัวเอง มีความมั่นใจ เช่น จัดให้มีการแสดงละคร ซึ่งนักเรียนต้องดำเนินการเองทุกอย่าง จัดค่ายศึกษาธรรมชาติและเรียนรู้สังคม เช่น ทัศนศึกษาที่ จ. กาญจนบุรี ที่ประเทศไทย เป็นต้น โรงเรียนยังได้จัดหลักสูตรการทำอาหาร ช่างไม้ สันทนาการและกีฬา สำหรับชั่วโมงเกษตร นักเรียนจะได้ลงมือปลูกผักหลายชนิดในแปลง เช่น หัวไชเท้า ฝึกเก็บเกี่ยวหัวไชเท้า นำผักที่ปลูกไว้มาปรุงเป็นอาหารมื้อเที่ยงแล้วรับประทานร่วมกัน การเคลื่อนไหวทำให้รู้จักร่างกายของตนเอง รู้ที่มาของการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ นอกจากนี้มีอาสาสมัครหมุนเวียนกันมาร่วมกิจกรรมทุกวัน นักเรียนได้ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นและเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน บ่ายวันนี้ หลังจากฟังนักเรียนร้องเพลงดังสนั่น เต้นจนพื้นสะเทือนแล้ว เรายังได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งพี่แอนมองว่าเป็นเกมที่ง่ายมากค่ะ แค่พูด คอนนิจิวะ ซึ่งแปลว่า สวัสดีตอนบ่าย เมื่อเดินผ่านนักเรียนญี่ปุ่น ส่วนนักเรียนญี่ปุ่นก็ต้องพูด สวัสดีค่ะ หรือ สวัสดีครับ กับคนไทย จากนั้นเล่นเกมแบ่งกลุ่ม เช่น ใครชอบทะเลมาอยู่กลุ่มนี้ ใครชอบภูเขาไปอยู่กลุ่มโน้น พร้อมชี้แจงเหตุผล สุดท้ายได้ผลัดเปลี่ยนกันนวดตามไหล่และมือ เพื่อช่วยผ่อนคลาย นอกเหนือจากความสนุก กิจกรรมธรรมดานี่ละ มีวัตถุประสงค์บางอย่างแอบแฝงอยู่ คุณคายูมิผู้ประสานงานโครงการ ซึ่งเป็นครูที่นี่มาก่อนไขปริศนาเกมต่างๆ ว่า เด็กที่นี่ไม่กล้ามองสบตาผู้อื่น เกมทักทายสวัสดีจึงช่วยให้นักเรียนได้กล่าวสวัสดีและมองหน้ากัน ส่วนเกมชอบภูเขาหรือทะเล แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกเดียวกัน และสนใจความคิดเดียวกันนี้ว่า ชอบเพราะอะไร ทำให้เข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น สุดท้ายการนวดทำให้เข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายหนึ่ง พยายามนึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งว่าเขาจะชอบไหม นวดแรงไปไหม เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกสบาย กิจกรรมแสนสนุกนี้หมดเวลาแล้ว รถบัสค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากโรงเรียน คุณครูและเด็กๆ โบกมือล่ำลาจนลับสายตา เราได้บันทึกภาพสุดท้ายนี้ไว้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับประสบการณ์จากคนต่างถิ่นแล้ว คณะเยาวชนไทยก็ได้รับประสบการณ์ที่มีค่าจากพวกเขาเช่นกัน อย่าลืมว่า เด็กนักเรียนที่เราได้เจอวันนี้ ขาดความมั่นใจ เพราะถูกเพื่อนแกล้งในโรงเรียนมานาน มีความท้อแท้ ไม่กล้า การที่พวกเราได้ทำกิจกรรมร่วมกับเขา ช่วยให้พวกเขามั่นใจมากขึ้น ก่อนจะทำอะไรก็ตาม ทุกคนต้องสร้างความมั่นใจในตัวเองเสียก่อน คุณคายูมิให้ความกระจ่างแก่พี่แอนและเพื่อนๆ ขณะเดินทางกลับโตเกียวค่ะ |
บทความทั้งหมด
|