... ตำนานสงกรานต์ (ฉบับสรุปความ) ...

นานๆ จะทำอะไรที่ดูเป็นวิชาการกับเขาสักที
เผื่อใครไม่ทราบตำนานที่เกี่ยวกับสงกรานต์มาก่อน
ลองอ่านกันดูค่ะ
***************************************ความเชื่อเรื่อง สงกรานต์สงกรานต์ แปลว่า การเคลื่อนที่ การย้ายที่ คือ พระอาทิตย์ย่างขึ้นสู่ราศีเมษ (เดือนเมษายน) นักขัตฤกษ์เนื่องในการขึ้นปีใหม่อย่างเก่าของไทย ซึ่งกำหนดตามสุริยคติ ตรงกับวันที่ ๑๓-๑๔-๑๕ เมษายน
ตามปรกติสงกรานต์เป็นพิธีแสดงความยินดีที่ได้มีชีวิตย่างขึ้นปีใหม่ เรียกว่า รับปีใหม่
วันปีใหม่ คือวันมหาสงกรานต์ ได้แก่วันที่ ๑๓ เมษายน
ส่วนวันที่ ๑๔ เป็นวันเนา คือ วันพักผ่อนหรือทำบุญ
และวันที่ ๑๕ เป็นวันเถลิงศก หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พระยาวัน หรือ พญาวัน คือวันขึ้นศักราชใหม่
ตำนานสงกรานต์ปรากฏในจารึกที่วัดพระเชตุพนว่า เศรษฐีคนหนึ่งไม่มีบุตรบ้านอยู่ใกล้กับบ้านนักเลงสุรา นักเลงสุรานั้นมีบุตรสองคน มีผิวเนื้อเหมือนทอง
วันหนึ่งนักเลงสุรานั้นได้เข้าไปกล่าวคำหยาบช้าต่อเศรษฐี
เศรษฐีจึงถามว่า เหตุไรจึงมาหมิ่นประมาทเราผู้มีสมบัติมาก
นักเลงสุราจึงตอบว่า ถึงท่านมีสมบัติก็ไม่มีบุตรตายแล้วก็จะสูญเปล่า เรามีบุตรเห็นว่าประเสริฐกว่าท่าน
เศรษฐีมีความละอายจึงบวงสรวงพระอาทิตย์และพระจันทร์ ตั้งอธิษฐานขอบุตรถึง ๓ ปี ก็ไม่มีบุตร
อยู่มาถึงวันนักขัตฤกษ์สงกรานต์ พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีจึงพาบริวารไปที่ต้นไทรริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งมีฝูงนกอาศัยอยู่ ได้เอาข้าวสารล้างน้ำ ๗ ครั้ง แล้วหุงบูชาพระไทร ประโคมปี่พาทย์ ตั้งอธิษฐานขอบุตร
พระไทรมีความสงสารเศรษฐีจึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ พระอินทร์ได้ให้ธรรมบาลเทพบุตร ลงมาปฏิสนธิในครรภ์ภรรยาเศรษฐี
เมื่อภรรยาเศรษฐีตั้งครรภ์ครบกำหนดแล้ว ได้คลอดบุตรออกมาเป็นชาย ให้ชื่อว่า ธรรมบาลกุมาร และปลูกปราสาท ๗ ชั้นที่ใต้ต้นไทรริมฝั่งแม่น้ำนั้นให้ธรรมบาลกุมารอยู่
ธรรมบาลกุมารเจริญวัยขึ้นก็รู้ภาษานก และเรียนไตรเพทจบเมื่ออายุได้ ๗ ขวบ ได้เป็นอาจารย์บอกมงคลการต่าง ๆ แก่มนุษย์
ในขณะนั้นโลกทั้งหลายนับถือท้าวกบิลพรหมองค์หนึ่งว่าเป็นผู้แสดงมงคลแก่มนุษย์ทั้งปวง เมื่อกบิลพรหมทราบกิตติศัพท์ของธรรมบาล จึงลงมาถามปัญหาธรรมบาลกุมาร ๓ ข้อ
ทำสัญญากันไว้ว่า ถ้าแก้ปัญหาได้จะตัดศีรษะบูชา ถ้าแก้ไม่ได้จะตัดศีรษะธรรมบาลกุมารเสีย
ปัญหานั้นมีว่า
ข้อ ๑ เช้าราศีอยู่แห่งใด
ข้อ ๒ เที่ยงราศีอยู่แห่งใด
ข้อ ๓ ค่ำราศีอยู่แห่งใด
ธรรมบาลกุมารขอผัด ๗ วัน ครั้นล่วงไปได้ ๖ วัน ธรรมบาลกุมารก็ยังคิดไม่ออก เกรงว่าจะตายด้วยอาญาท้าวกบิลพรหม จึงหนีลงมาจากปราสาทไปนอนอยู่ใต้ต้นตาล ซึ่งมีนกอินทรีสองตัวผัวเมียทำรังอาศัยอยู่
พอตกค่ำได้ยินนางนกอินทรีถามสามีว่า พรุ่งนี้จะได้อาหารที่ไหน นกอินทรีสามีบอกว่าจะได้กินธรรมบาลกุมารซึ่งท้าวกบิลพรหมจะฆ่าเพราะทายปัญหาไม่ออก
นางนกถามว่า ปัญหานั้นว่าอย่างไร
สามีบอกว่า ปัญหามีอยู่ ๓ ข้อ
ข้อ ๑ เช้าราศีอยู่แห่งใด
ข้อ ๒ เที่ยงราศีอยู่แห่งใด
ข้อ ๓ ค่ำราศีอยู่แห่งใด
นางนกถามว่าจะแก้อย่างไร
สามีบอกว่า
เช้าราศีอยู่ที่หน้า มนุษย์ทั้งหลายจึงล้างหน้าในตอนเช้า
เที่ยงราศีอยู่ที่อก มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก
ค่ำราศีอยู่ที่เท้า มนุษย์ทั้งหลายจึงล้างเท้าก่อนนอนธรรมบาลกุมารได้ยินดังนั้นจึงกลับไปยังปราสาท ครั้นรุ่งขึ้นท้าวกบิลมหาพรหมมาถามปัญหา ธรรมบาลกุมารก็แก้ตามที่ได้ยินมา
ท้าวกบิลมหาพรหมจึงตรัสเรียกเทพธิดาทั้งเจ็ด อันเป็นบริจาริกาพระอินทร์มาพร้อมกัน บอกว่าตนจะตัดศีรษะบูชาธรรมบาลกุมาร
แต่ศีรษะนั้นถ้าจะตั้งไว้บนแผ่นดินไฟจะไหม้โลก ถ้าทิ้งไปบนอากาศฝนจะแล้ง ถ้าจะทิ้งในมหาสมุทรน้ำก็จะแห้ง จึงให้ธิดาทั้งเจ็ดนั้นเอาพานมารับที่ศีรษะ แล้วก็ตัดศีรษะส่งให้ธิดาผู้ใหญ่ นางจึงเอาพานมารับพระเศียรบิดาไว้แล้วแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ ๖๐ นาที จึงเชิญไปประดิษฐานไว้ในมณฑปถ้ำคันธธุลีเขาไกรลาส บูชาด้วยเครื่องทิพย์ต่าง ๆ
พระเวสสุกรรมมาเนรมิตโรงประดับด้วยแก้ว ๗ ประการ ชื่อ ภควดี ให้เป็นที่ประชุมเทวดา เทวดาทั้งปวงก็นำเอาเถาฉมูนาคลงมาล้างในสระอโนดาต ๗ ครั้ง แล้วแจกกันสังเวยทุกๆ พระองค์
ครั้นถึงครบกำหนด ๓๖๕ วัน โลกสมมติว่าปีหนึ่ง เป็นสงกรานต์ นางเทพธิดา ๗ องค์ จึงผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรท้าวกบิลมหาพรหม ออกแห่ประทักษิณเขาพระสุเมรุทุกปี แล้วกลับไปเทวโลก ลูกสาวทั้งเจ็ดของท้าวกบิลพรหมนั้น เราสมมติเรียกว่า ตัวสงกรานต์ หรือ นางสงกรานต์ ซึ่งมีชื่อต่าง ๆ กัน และมีดอกไม้ เครื่องประดับ อาหาร อาวุธ และสัตว์เป็นพาหนะประจำต่างกันด้วย
คนสมัยก่อนถือเรื่องตัวนางสงกรานต์มาก เมื่อจะถึงวันสงกรานต์ก็ถามกันว่า ปีนี้นางสงกรานต์กินอะไร ถืออะไร มีอาการอย่างไร เช่น ถ้านางสงกรานต์กินเลือดก็เชื่อกันว่า ปีนั้นจะมีการตีกันหัวร้างข้างแตก หรือมีอุบัติเหตุ มีผู้เสียชีวิตมาก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีความเชื่อในเรื่องของนาคให้น้ำ ซึ่งมีตั้งแต่ตัวเดียวถึงเจ็ดตัว
ถ้าปีใดนาคให้น้ำตัวเดียวปีนั้นฝนจะอุดมสมบูรณ์ แต่ถ้าปีใดมีนาคให้น้ำมากกว่าหนึ่งตัว ฝนจะตกน้อยลงเพราะนาคมักจะเกี่ยงกันนั่นเอง ***************************************อ้างอิงจากหนังสือเล่มนี้ค่ะ
แปลก สนธิรักษ์.
เทศกาลสงกรานต์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๑๖.
***************************************ปีใหม่สงกรานต์ปีนี้ เที่ยวให้สนุก และอย่าลืมคาถาเด็ด
"เมาไม่ขับ" และอย่าลืมกลับไปเยี่ยมบ้าน
ไปรดน้ำดำหัว ขอพรจากผู้ใหญ่ที่เคารพ เพื่อความเป็นสิริมงคลด้วยนะคะ
ขอสิริสวัสดิ์จงมีแด่ทุกท่านที่อ่านบล็อกนี้ในช่วงปีใหม่ไทยปีนี้ค่ะ