|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
น้ำในหูไม่เท่ากัน
เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม นอนหลับอยู่ รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก ลืมตาขึ้นแล้วเกิดอาการบ้านหมุนแว๊บหนึ่ง ก็ไม่ได้สนใจ นึกว่าเป็นความดันต่ำ...หลับต่อ พอเช้าตื่นขึ้นมาก็ทำงานบ้าน เริ่มรู้สึกบ้านหมุนหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่คิดอะไร ทำงานปกติ จนมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนเกิดขึ้น เริ่มยืนไม่ได้ เดินไม่ได้ ต้องนอนอย่างเดียว เลยกระซิบ(ต้องกระซิบเพราะขยับปากไม่ได้ มันหมุน)บอกคนที่บ้านให้ส่งรพ.หน่อย ไม่ไหวแล้ว ถึงรพ. หมอตรวจแล้วก็แจ้งว่าเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันหรือโรคแรงดันน้ำในช่องหูชั้นในผิดปกติหรือโรคบ้านหมุน (Meniere's Disease) หมอฉีดยา แล้วขอรอดูอาการครึ่งชั่วโมง แต่เราไม่ดีขึ้นหมอเลยสั่งแอ็ดมิต นอนอยู่ 3 วันถึงจะลุกเดินได้ ในใจนึกสงสัย..เอ๊ะ..โรคอะไรเนี่ย ไม่รู้จัก เคยได้ยินแว่วๆว่าเป็นโรคคนแก่ไม่ใช่รึ ถามรายละเอียดจากหมอ หมอก็ตอบไม่สะใจเล้ย อ้อมแอ้มอ้อมค้อมอยู่ได้ แถมคนมาเยี่ยมยังบอกอีกว่า..ตายแล้ว โรคนี้รักษาไม่หาย ซวยจริงๆที่เป็น อ้าว.. พอออกจากโรงพยาบาลได้ก็ต้องหาข้อมูลกันหน่อยแล้ว เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับมันได้อย่างมีความสุข
อาการของโรค คือเวียนหัวแบบโลกหมุน ลืมตามองอะไรก็หมุน หลับตาไม่มอง..หัวก็หมุน ยิ่งขยับหัวก็ยิ่งหมุน ซึ่งไอ้อาการหมุนเนี่ย ก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน คล้ายๆเมาเรือแต่สาหัสกว่ากันเยอะ ขยับหัวไม่ได้ ยืนไม่ได้ เดินไม่ได้ บางคนอาจจะหูทั้งสองข้างอาจจะได้ยินไม่เท่ากันหรือได้ยินเสียงวี้ๆอยู่ในหู บางคนอาจจะกำเริบอยู่ 10-20 นาทีแล้วหายไป บางคนหมุนอยู่เป็นชั่วโมง หรือบางคนอาจหมุนเป็นช่วงๆ อยู่หลายวัน บางคนก็จะกำเริบปีละ 2-3 ครั้ง แต่บางคนอาจจะบ่อยกว่านั้น บางรายมีอาการมากจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่เมื่อหายก็จะมีอาการทุกอย่างปกติ ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ อาการจะเป็นมากขึ้น อาจต้องหยุดงาน เนื่องจากอาการเวียนศีรษะที่รุนแรง หรือสูญเสียการได้ยินแบบถาวร และอาจลุกลามไปยังหูอีกข้างหนึ่งได้
สาเหตุของโรค ถามใครเค้าก็ตอบว่ายังไม่แน่ชัด ส่วนใหญ่สันนิษฐานว่า - ระดับแรงดันของเหลวในหูชั้นในผิดปกติ ซึ่งหูคนเราประกอบด้วยหูชั้นนอก หูชั้นกลาง และหูชั้นใน หูชั้นในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่มีลักษณะคล้ายก้นหอย ทำหน้าที่รับเสียง อีกส่วนหนึ่งเป็นอวัยวะรูปร่างคล้ายเกือกม้า 3 อัน ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัว หูชั้นในยังแบ่งตามโครงสร้างได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นกระดูก กับส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายใน ส่วนที่เป็นกระดูกจะห่อหุ้มส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายใน ภายในส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายในจะมีของเหลวอยู่ เมื่อเกิดโรคแรงดันน้ำในช่องหูชั้นในผิดปกติ ของเหลวที่อยู่ภายในส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มภายในจะคั่งมาก ทำให้การไหลเวียนไม่สะดวก แรงดันที่เพิ่มขึ้นในหูชั้นในจะขัดขวางการทำงานของกระแสประสาทที่เกี่ยวกับการได้ยินและการทรงตัว ทำให้สูญเสียการได้ยินและความสมดุล เกิดอาการเวียนศีรษะขึ้น เมื่อแรงดันมากขึ้นผู้ป่วยจะรู้สึกตึงๆ ในหูข้างที่ผิดปกติ - บ้างก็ว่าหินปูนที่เคยเกาะอยู่ในหูชั้นในหลุดออกมาลอยอยู่ในช่องน้ำในหู พอลอยอยู่ในน้ำเวลาที่เราเปลี่ยนท่า หินปูนจะมีการเคลื่อนไหว แต่หินปูนกับน้ำเคลื่อนไหวไม่เท่ากัน ก็จะก่อให้เกิดความรู้สึกว่าเวียนศีรษะขึ้นมา แต่พอเราเปลี่ยนท่าอีกทีหนึ่งก็จะเวียนอีกทีหนึ่ง ทำให้ระบบการทรงตัวผิดปกติไป - บ้างก็สันนิษฐานว่า อาจเกี่ยวข้องกับปฎิกิริยาภูมิต้านตัวเอง การติดเชื้อไวรัส หรือความผิดปกติของหลอดเลือด - บางคนอาจมีอาการเกิดขึ้นหรือกำเริบหลังได้รับบาดเจ็บหรือติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หูชั้นกลางอักเสบ ซิพิลิส - ส่วนสาเหตุภายนอกได้แก่ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้ยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือร่างกายอ่อนล้า นอนไม่พอ หรือมีภาวะเครียดทางจิตใจ ขาดการออกกำลังกาย
การป้องกัน ตอบตรงๆไม่รู้จะป้องกันได้ยังงัย เพราะสาเหตุไม่แน่ชัด บทจะกำเริบก็หมุนขึ้นมาเฉยๆ ไม่บอกไม่กล่าว ได้แต่ทำตัวให้ดีๆ รักษาสุขภาพ หวังว่ามันจะดีกับเราเป็นการตอบแทน
การรักษา โรคนี้บางคนก็บอกว่ารักษาไม่หายขาด บางคนก็บอกว่าหาย แต่ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจ หายก็หาย ไม่หายก็ไม่หาย ก็ทนกันไป กรรมใดใครก่อ ก็รับกันไป เอาแค่รักษาอาการเวียนศีรษะให้หายเป็นปกติได้ก็พอแล้ว เมื่อเกิดอาการแพทย์จะให้ - ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดสภาวะอาการบวมและคั่งของน้ำในหูชั้นใน - ยาลดอาการเวียนศีรษะและคลื่นไส้อาเจียน ควรใช้ในขณะที่มีอาการเท่านั้น - ยากล่อมประสาทและยานอนหลับ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายและนอนหลับได้เป็นปกติ - ยาขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยลดอาการบวมและคั่งของน้ำในหูชั้นใน สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาทางยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดให้ แต่ในระยะยาวบางคนก็ทานยาแล้วอาการก็ไม่กำเริบอีกเลย บางคนก็เลือกที่จะฝังเข็ม
ข้อแนะนำ - ลดภาวะเครียด ควบคุมอารมณ์ให้เบิกบานแจ่มใส - ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ - พักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะเวลานอนหลับ อาจมีเสียงรบกวนในหูมาก จนทำให้นอนไม่หลับได้ ข้อแนะนำคือ เปิดเพลงเบาๆ ขณะนอน เพื่อกลบเสียงที่รบกวนในหู - หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งบุหรี่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้อาการแย่ลง - การบริหารระบบการทรงตัว เป็นการบริหารศีรษะและการทรงตัว ทำให้สมองสามารถปรับตัวได้รวดเร็วขึ้น ท่าบริหารคือ นั่งบนเตียงห้อยขาลง หลับตาแล้วล้มตัวลงไปด้านที่เคยทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ เช่น ถ้าเคยตะแคงไปทางขวา หรือศีรษะอยู่ทางขวา แล้วเวียนศีรษะ ก็ให้ล้มลงทางขวาก่อน จะต้องให้ศีรษะและลำตัวตะแคงโดยใบหน้าด้านขวาวางแนบกับฟูก ตามรูป ตะแคงอยู่ในท่านนั้นจนเวียนศีรษะัหายไป จากนั้นลุกขึ้นนั่งตรงเป็นเวลา 30 วินาที แล้วจึงล้มตัวด้านตรงข้ามกับครั้งแรกเป็นเวลา 30 วินา่ที ถ้าอาการเวียนศีรษะัเกิดทั้งตะแคงซ้าย และขวา ก็ให้ล้มตัวไปนอนด้านขวาจนหายเวียนศีรษะ จากนั้นลุกขึ้นนั่งตรง 30 วินาที แล้วล้มตัวไปทางด้านซ้ายจนหายเวียนศีรษะ ให้ทำติดต่อกันไปจนอาการเวียนศีรษะหายไปจึงหยุดพัก 3 ชั่วโมง แล้วเริ่มทำซ้ำอีก จะหยุดบริหารเมื่ออาการเวียนศีรษะหายไปเป็นเวลานาน 2 วันติดต่อกัน
ท่ากายบริหาร
- พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น สถานที่ที่มีเสียงดัง แสงแดดจ้า หรืออากาศร้อนอบอ้าว เป็นต้น - จัดสถานที่ ทั้งที่บ้านและที่ทำงานให้ปลอดภัย ทางเดินที่ต้องเดินเป็นประจำ ควรปราศจากของมีคมหรือตกแตกง่าย ระวังเรื่องของอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการเซ เวียนหัว - หลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างที่อาจทำให้เกิดอันตรายหากเกิดอาการขึ้นมา เช่น การขับรถ - ควรงดอาหารเค็มจัด - ดื่มน้ำให้น้อยลงเพื่อลดปริมาณของเหลวในหูชั้นใน อาจช่วยทำให้อาการกำเริบห่างขึ้น - หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจมีผลต่อประสาทหู เช่น แอสไพริน ควินิน สเตรปโตมัยซิน
โดยส่วนตัว - อาการจะกำเริบเกือบทุกอาทิตย์ ส่วนใหญ่จะเป็นวันหยุดที่ไม่มีอะไรทำ นอนทั้งวัน อาการจะเริ่มมา ต้องพยายามหาที่ไป...ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง ไปช็อปปิ้ง ดูหนัง ออกกำลัง ดูทีวีบ้านเพื่อน อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ที่เดิมๆ วันทำงานก็มี แก้ไขโดยการเอาเตียงผ้าใบแบบชายหาดกางไว้ข้างโต๊ะทำงาน - ไม่รับประทานยา เคยถามคุณหมอแล้วว่าถ้าอาการกำเริบแล้วทนไหวไม่ทานยาจะมีผลเสียอะไรมั้ยเช่น ประสาทเสื่อม หูหนวก หมอบอกว่ามีแต่น้อยมาก ถ้าทนไหวแล้วอยากจะทนก็ทนไป ก็จะมีแต่อาการไม่สบายกาย และให้ระวังอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นตอนมันหมุนเท่านั้นเอง เหตุที่ไม่ทานยาเพราะคิดว่าในเมื่อมันรักษาไม่หาย ถ้าเลือกจะแก้ด้วยยาก็ต้องกินยาไปตลอด แต่เรามันคนพันธุ์อึด ทนเอาดีกว่า ให้ร่างกายได้เรียนรู้และปรับตัว เดี๋ยวก็ชิน - เมื่ออาการกำเริบ ถ้ารู้ตัวตอนที่ยังไม่หนักมากจะพยายามเดินออกไปข้างนอก ให้คนในบ้านจูงออกไป เกาะรั้วออกไป ไปสูดอากาศ เดินเล่น รับลม อาการก็จะไม่หนักขึ้นไปถึงขึ้นต้องล้มตัวลงนอน - เมื่ออาการกำเริบ ถ้ารู้ตัวอีกทีตอนที่อาการหนักแล้ว ไม่ต้องห่วง หัวมันจะแลนด์ดิ้งลงหมอนโดยอัตโนมัติ ก็นอนลืมตา ถลึงตาให้กว้าง พยายามฝืนตัวเองไว้ ยึดตัวไว้กับเตียง ถ่ายเทความรู้สึกไปที่ลมหายใจเข้าออก อย่าปล่อยให้ความรู้สึกหมุนตาม มันก็จะช่วยให้อาการคลื่นไส้ อาเจียน ลดน้อยลง ซึ่งเราคิดว่าถ้ามันไม่คลื่นไส้ อาเจียนก็จะไม่ทรมานเลย แค่หมุน อยากหมุนก็หมุนไป - ถ้ากำลังเดินอยู่แล้วหมุน กลั้นใจใช้สติ ในช่วงพริบตาเดียวหาที่เกาะเช่น เสา ประตู ตู้เย็น หรือผนังก็ได้ จับ/เกาะให้แน่น ถ้าไม่มีที่เกาะให้นั่งลงไปเลย(ด้วยสติ) อย่าให้ตัวเองล้มลง ไม่งั้นจะบาดเจ็บ เรื่องจะยาว - ถ้าขับรถอยู่แล้วหมุน ให้ใช้สติเหมือนกัน ชิดซ้าย จอดรถด่วนเลย อันนี้ไม่ควรทำ จริงๆแล้วไม่ควรขับรถเลย เพราะมันจะหมุนเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว แต่เราเองเลี่ยงไม่ได้ต้องขับรถไกลๆ คนเดียวประจำ - เดือนกว่าๆเกือบสองเดือนที่มีมันมาอยู่ในชีวิต ทำให้เราเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง รู้เลยว่าสติสำคัญที่สุด มีหลายคนจะพาไปรักษาที่นู่นที่นี่ บอกว่าหายร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เรายังไม่อยากไป ไม่ใช่ไม่เชื่อว่ามันจะหายขาด หรือว่าไม่มีเงิน เอาไว้ให้ทนไม่ได้จริงๆก่อนแล้วค่อยเลือกวิธีนั้น แต่เรายังอยากเรียนรู้กับมันอีกหน่อย ยังอยากจะอยู่ร่วมกับมันแบบมีความสุข ไม่อยากให้มันหายไป บางทีมีโรคอยู่กับตัวก็ดีเหมือนกัน มันจะคอยเตือนเราอยู่เสมอว่าชีวิตนี้สั้นนัก ใกล้ตายเข้าไปทุกวัน และชีวิตไม่ได้สุขสบายไปซะทุกอย่าง - ทุกวันนี้ภายนอกเหมือนคนปกติ ขับรถ ทำงาน แต่คนช่างสังเกตจะรู้เลยว่าไม่ปกติ เพราะจะมีอาการเกาะโต๊ะ เกาะเก้าอี้ กอดเสา นั่งไม่ตรง เดินเซ อะไรแบบเนี้ย - สรุปว่าตอนนี้เรากับโรคนี้ สนิทสนมรักใคร่กันดี มันมีความสุขที่ได้หมุน เราก็มีความสุขที่มันหมุน... 555... มันส์ดี แก้เบื่อ
**ข้อมูลบางส่วนคัดลอกมาจาก //www.bangkokhealth.com/consult_htdoc/Question.asp?GID=45139 และ //www.inburi.net/index.php?option=com_content&task=view&id=80&Itemid=2 และ //www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L5534965/L5534965.html ขอขอบคุณนะคะ
Create Date : 17 กรกฎาคม 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 12 กันยายน 2551 9:17:06 น. |
Counter : 5356 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
อาจเพราะนอนไม่พอ บ้านหมุน ไม่สามารถทรงตัวได้เลย หมอว่าน้ำในหูไม่เท่ากัน
แต่หยุดงานแค่วันแต่ยังเวียนหัวเป็นอาทิตย์
กินยามากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ค่ะ
ตั้งแต่นั้นมาพยายามนอนให้พอ