Ninja!
Group Blog
 
 
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
17 กันยายน 2549
 
All Blogs
 

ชิโนบิ

ที่มาของคำว่านินจา

คำว่านินจาเชื่อว่ามีการใช้มาประมาณ 800 ปีก่อน ซึ่งหมายถึงบุคคลที่อยู่ในภูเขาและฝึกฝนนินจุตสุ (วิชาต่อสู้เกี่ยวกับการขโมยและการล่องหน) ซึ่งมาจากประโยคที่ว่า ชิโนบิโนะโมโนะ โดยเขียนในคันจิว่า 忍者 โดยตัวอักษรแรก 忍 (นิน) หมายถึง "คงทน" โดยในภายหลังคำนี้ได้มีความหมายเพิ่มเติมหมายถึง "การซ่อนตัว" และ "การขโมย" โดยตัวอักษรที่สอง 者 (จา) หมายถึง "บุคคล" นอกจากนี้ได้มีภาษาจีนได้กล่าวถึงนินจาว่า 林鬼 (หลินกุ้ย) ซึ่งหมายถึง ปีศาจในป่า




ประวัติของนินจา

ขึ้นชื่อว่า"นินจา" ทำอะไรมักจะไม่เคยทิ้งร่องรอยหรือหลักฐานอะไรไว้เลยและไม่กล่าวคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับผลงานของตัวเอง ทำให้ผลงานหรือชีวประวัติของนินจานั้นถูกเก็บไว้เป็นความลับ ซึ่งเป็นการยากที่จะหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนินจา

ในตำนานหนึ่งได้มีการกล่าวถึงมินาโมโตะ โนะ โยชิซึเนะ ว่าได้มีเทนงูมาสอนวิชามินาโมโตะ โนะ โยชิซึเนะเพื่อฝึกฝนเป็นนินจา โดยในประวัติศาสตร์ได้มีกล่าวไว้ว่ามีพระชาวจีนรูปหนึ่งมาสอนเกี่ยวกับตำราพิชัยสงครามให้ แก่มินาโมโตะ โนะ โยชิซึเนะ
โทงะคุเระ ริวได้กล่าวถึงนินจาในช่วงปลายยุคเฮอัน ไว้ว่านินจา ได้แบ่งออก เป็น 2 ฝ่ายหลัก คือ อิงะ และโคงะ ได้ร่วมต่อสู้กัน ซึ่งในนิยายหรือการ์ตูนจะกล่าวถึงการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายนี้

ในยุคคามะคุระ ได้มีประวัติศาสตร์กล่าวไว้ถึง คุสุโนะกิ มาซาชิเงะ ได้ใช้เทคนิคในการรบซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับวิชานินจา ต่อมาในช่วง ยุคเซนโงกุ(หรือที่รู้จักกันว่าเป็นยุคสงคราม) ไดเมียวที่มีชื่อเสียงทุกคนมีนินจาอยู่ภายใต้การปกครองสำหรับการเป็นสปายแอบสืบข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม ในยุคสงครามการรู้ข้อมูลและแผนการของฝ่ายข้าศึก จะทำให้มีชัยชนะเหนือกว่า ไดเมียวบางคนได้ถูกกล่าวว่าเป็นนินจาเอง ซานาดะ ยูคิมูระ หัวหน้ากลุ่มซานาดะ ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มนินจา หลังจากที่ซานาดะ ยูคิมูระนำกลุ่มทหารเพียง 3,000 คนปกป้องปราสาท สู้กับกองทัพ 50,000 คนของโทกุงาวะ ฮิเดทาดะ
ในยุคเดียวกัน โทกุงาวะ อิเอยาสุ ได้มีการใช้นินจา จนท้ายที่สุดได้ชนะสงครามและตั้งตัวเป็นโชกุนของประเทศญี่ปุ่น มีการกล่าวถึงผลงานกลุ่มนินจา นำโดยฮัตโตริ ฮันโซ หัวหน้ากลุ่มนินจาฝ่ายอิงะ เป็นผู้นำทางให้อิเอยาสุหลบหนีออกมาในช่องเขานาระภายหลังจากที่ลอบโจมตีทัพของ โอดะ โนบุนากะ สงครามครั้งสุดท้ายที่มีการกล่าวถึงนินจา ในช่วงยุคของโชกุนโทกุงาวะ คือสงครามกลางเมืองที่ชิมาบาระ ของกลุ่มชาวนาที่โกรธแค้นฝ่ายรัฐบาลที่เรียกเก็บภาษีแพง เมื่อสิ้นสุดสงครามนินจาเริ่มหมดหน้าที่ โดยนินจาบางคนได้มาเป็นโอนิวะบันชู กลุ่มรักษาความปลอดภัยของปราสาทเอโดะ ทำหน้าที่ปกป้องผู้ร้ายและขณะเดียวกันก็แอบสืบข้อมูลของไดเมียวคนอื่น นินจาคนอื่นจะเก็บตัวปลอมปนกับชาวนาโดยยังคงฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลาเพื่อพร้อมที่จะได้ใช้วิชานินจาที่อาจจะมีสงครามเกิดขึ้น ในช่วงยุค 200 ปีหลังจากของตระกูลโทกุงาวะ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดเกิดขึ้น ทำให้ไม่มีการสืบต่อวิชานินจา โดยมีการสืบต่อผ่านทางปากต่อปากและคนสนิทเท่านั้น

ในยุคเอโดะ นินจาได้เป็นที่นิยมในหนังสือและการแสดง วิชานินจาต่างๆ รวมทั้ง การล่องหน การกระโดดสูง การท่องมนต์นินจา และการเรียกกบยักษ์มาช่วยต่อสู้ ถูกสร้างขึ้นในยุคนี้สำหรับใช้ประกอบในการแสดง เพื่อความบันเทิง





ภาระกิจของนินจา

ส่วนใหญ่จะเป็นการลอบเร้นจารกรรม สอดแนม และสังหาร นินจาขึ้นชื่อด้านการทำจารกรรม การลอบเข้าปราสาทของข้าศึกโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว พรางกายด้วยผ้าลายกำแพงเอย มุดอยู่ในสระโดยหายใจด้วยปล้องไม้ไผ่เอย นินจามักใช้กลยุทธในการลอบเข้าปราสาทหรือค่ายแม่ทัพของข้าศึก ทีละคนละคน รอจนรวมกำลังครบชุดพวกเขาจึงเปิดฉากโจมตีแบบไม่ให้ข้าศึกรู้ตัว เป้าหมายก็มักเป็นไดเมียว ขุนนาง หรือแม่ทัพข้าศึกนั่นล่ะครับ นินจาที่ใช้วิธีนี้มักจะยินยอมสละแล้วซึ่งชีวิต ลงเปิดเผยตัวกลางดงดาบแบบนั้น โอกาสจะรอดกลับไปเห็นจะยากครับ ยุทธวิธีที่บ้าระห่ำแบบนี้มักใช้ได้ผลเสมอๆ จนเป็นที่ครั่นคร้ามของเหล่าไดเมียวไปตามๆ กัน แต่ก็บ่อยครั้ง ที่นินจาถูกทหารยามจับได้ และลงมือสังหารก่อนที่จะปฏิบัติการ


กว่าจะได้เป็น "นินจา"

นินจานั้นฝึกกันยากมากมายขนาดไหน ปัจจุบันนั้นก็ยังเป็นปริศนาอยู่ เพราะสำนักนินจาที่มีในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นนินจาพันธุ์ทาง ที่แปลงตัวเองมาเป็นศิลปการต่อสู้แขนงหนึ่ง ไม่ใช่วิชาสังหารเหมือนดังอดีตเสียแล้ว จากหลักฐานและคำบอกเล่าเท่าที่มี วิชาหลักๆที่นินจาต้องเรียนรู้เป็นอันดับแรกก็คือ การฟังเสียง และการทำตัวให้เข้ากับความมืดครับ

ทำไมจึงต้องทำตัวให้เข้ากับความมืด?

แน่นอนครับ นินจามีภารกิจหลักคือการเร้นกายเข้าสังหารเป้าหมาย การจะกระโตกกระตากบุกเดี่ยวกลางดงโจรเหมือนที่ อาจารย์ หวงเฟยหง แห่งฝอซานทำนั้น นินจาทำไม่เป็นแน่ๆ การฟังเสียงของนินจานั้นเป้นเพียงเสี้ยวเล็กๆของการฝึกฝนกายและใจ โดยจะต้องฝึกกันมาตั้งแต่เล็กๆ เพื่อให้สายตาชินกับความมืด ชินกับความเงียบ รู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ จนกระทั่งเติบโตกลายเป็นนินจา คมเขี้ยวแห่งความมืดที่สมบูรณ์เมื่อเติบโตขึ้น

นอกจากโสตประสาท นินจายังต้องฝึกการเคลื่อนไหว การเดินเหินย่างเหยาะ ซึ่งจะมีประโยชน์ในการหลบหนีข้าศึกที่ติดตามมา หรือแม้กระทั่งการไต่กำแพงแบบสบายๆ เหมือนกับเดินทอดน่องบนฟุตบาทเสียอย่างนั้น นินจามีฝีเท้าที่เบาหวิว พวกเขาสามารถเดินบนหิมะโดยที่แทบไม่เกิดรอยเท้า โดยอาศัยการฝึกจากการเดินเหยียบกระดาษบางเปียกๆ โดยไม่ให้เกิดรอยเท้าบนนั้น
กำลังแขนขาก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนินจาเหมือนกันครับ โดยมีไว้ห้อยโหน แนบตัวกับผนังกำแพง โดยใช้มือทั้งสองข้างดันผนังเหยียดตรง ซึ่งตรงนี้ก็ต้องใช้กำลังของข้อต่อมาช่วยอีกทีนึง เชื่อหรือไม่ว่า นินจามีวิธีการฝึกการดัดข้อต่อมาอย่างดี สามารถบิดโค้ง หรือพับได้ในลักษณะที่ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะทำได้ นี่กระมังครับ เป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่ทำให้นินจาสามารถ"ล่องหน" ได้ อันว่าการล่องหนนี้ ไม่น่าจะใช่การหายตัวไปจริงๆ แต่น่าจะขดหรือม้วนอยู่แบบกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม จนทำให้ศัตรูนึกว่านินจาหายตัวไปแล้วเสียมากกว่า

วิชาล่องหนจากการพันธนาการก็เหมือนกันครับ เคล็ดลับก็คือการบิดข้อต่อหัวไหล่ให้หลุดจากเชือกที่มัดเอาไว้ โดยการทำให้มันหย่อนแล้วแก้มัดตัวเอง การดัดข้อต่อนี้ยังมีประโยชน์ในการ"แกล้งตาย" อีกด้วย กล่าวคือ หากนินจากลั้นหายใจและนอนในสภาพคอเอียงเค้เก้ แขนบิดไปทางขาบิดไปทาง ใครจะมามัวสงสัยล่ะครับ ว่าเจ้านั่นยังอยู่หรือตายเพราะสภาพแบบนั้น รอดได้ก็บุญโข เมื่อคล้อยหลังศัตรูไป นินจาตัวดีก็กลับมาเดินปร๋อเหมือนซอมบี้ในไบโอ ฮาซาร์ดยังไงยังงั้นเลยแหละ
ไม่เพียงแต่ฝึกร่างกายเท่านั้น นินจายังต้องฝึกความพร้อมทางจิตใจอีกต่อหนึ่ง เพื่อให้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารสมบูรณ์แบบ เราอาจอนุมานว่า มันเป็น ESP ประเภทหนึ่ง เพราะคำร่ำลือแต่โบราณกล่าวกันว่า นินจาเหมือนพวกที่มีพรายกระซิบครับ พวกเขาสามารถคาดการณ์ล่วงหน้า หรือมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำราวกับตาเห็น สามารถสะกดจิต หรือ แค่จ้องตา ผู้ถูกจ้องก็อ่อนระทวยเหมือนกบเขียดที่ถูกงูสะกด จะว่าไปมันก็เป็นหลักทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง แม้จะไม่มีคำอธิบายที่แจ่มชัด แต่คำบอกเล่าที่สอนกันมาในหมู่นินจาก็คือ "จิต คือผนึกแห่งเอกภพ เป็นความจริงแท้ที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการทางจิตใจ เป็นสิ่งที่กลั่นกรองผ่านกระบวนการทางจิตใจ แล้วซึมซาบสู่การรับรู้ทางอินทรีย์"

อาวุธของนินจา

อาวุธที่โด่งดังที่สุดของนินจาน่าจะเป็น ชูริเคน หรือบ้านเราเรียกดาวกระจายครับ เครื่องหมายการค้าของเค้าว่างั้นเหอะ จุดประสงค์ของการใช้ชูริเคนนี้ ใช้ในการสกัดกั้นการเคลื่อไหว การหนี-ติดตาม ของศัตรู มากกว่าจะใช้เป็นอาวุธหลักในการสังหาร รัศมีทำการขึ้นอยู่กับพลังข้อมือรวมทั้งการฝึกฝน ถ้าแม่นหน่อยก็เข้าหน้าผากทีเดียวจอดสนิท นอกนั้นก็มีพวกเหล็กแหลม เข็ม ลูกดอกยาวที่เอาไว้ใช้เป่า ส่วนใหญ่อาวุธพวกนี้ต้องเคลือบยาพิษบ้าง ยาชาบ้างเอาไว้ เพราะพิษสงของมันหาได้ทำให้ตายในทีเดียวไม่





ดาบของนินจาชื่อว่า นินจาเคน(ดาบนินจาซึ่งเล็กกว่าคะตานะ (ของซามูไร) แต่ใหญ่กว่าวากิซาชิ )





เข็มพิษยังเป็นอาวุธโปรดปรานของบรรดาคุโนอิชิ หรือ นินจาสาว เป็นจารสตรีที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เฉพาะอย่าง เมื่อถึงเวลา พวกเธอจะทำการสังหารเหยื่อโดยใช้เข็มอาบยาพิษขนาดเล็ก เนื่องจากเมื่อจิ้มเหยื่อไปแล้ว สามารถดึงออกมาได้อย่างไร้ร่องรอย เพราะไม่มีบาดแผลขนาดใหญ่ปรากฏ

นินจามันอยู่ที่ไหนหรือ?

นินจาปรากฏกาย ณ แห่งหนตำบลใดบ้าง? คำตอบก็คือ พวกเขาอยู่ได้ทุกที่ เผยตัวออกมาได้ทุกเมื่อ และเร้นหลบฉากไปได้ทุกยามที่ต้องการ โดยที่ผู้คนยากจะจำแนกออก ทำไมน่ะหรือครับ?

ในยุคแห่งไดเมียวและซามูไรนั้น นินจาขึ้นชื่อว่าเป็นคมเขี้ยวแห่งความมืด ที่ใครๆ ต่างพากันยำเกรงที่สุด ผู้คนร่ำลือถึงกิตติศัพท์ความสามารถจนเกินจริง บางตำนานเล่าว่า นินจามีความสามารถเท่า"เทนงู" หรือเทพอีกานั่นเชียว ทว่าความสามารถของนินจามาจากการฝึกฝนเพียวๆ ครับ ไม่ได้อาศัยปาฏิหารย์อะไรมาปะปนแม้แต่น้อย มนตร์มายาอันเป็นตำนานของนินจาประการหนึ่งคือ การล่องหนหายตัว ซึ่งก็ไม่ได้สลายตัวเองเป็นอณูไปกับอากาศธาตุหรอกนะครับ เพียงแต่นินจา มีวิธีการตบตาผู้คน ให้คล้ายกับพวกเขาล่องหนได้ มันก็เท่านั้น

เคล็ดลับแรกน่าจะอยู่ที่เสื้อผ้าครับ พวกเขามีเสื้อผ้าที่กลมกลืนกับธรรมชาติ หรือสภาพรอบด้าน เมื่ออยู่ในป่า บนกองดิน หรือกำแพงเมือง นินจาก็จะใช้เสื้อผ้าที่กลมกลืนเหล่านั้นมาพรางกาย ถึงคราวจำเป็นจริงๆ นินจาต้องห้อยโหนตัวอยู่บนต้นไม้นานนับวันๆ หรือขุดดินมุดลงซ่อนตัวบ้าง ดำน้ำอยู่ในสระบ้าง โดยอาศัยการหายใจผ่านปล้องไม้เล็กๆ อย่างที่เราเห็นกันในหนังน่านแล



บ้านและฐานที่มั่นของนินจาก็มีความสำคัญเช่นกัน ในศาสตร์แห่งนินจา มีสาระสำคัญว่าด้วยการสร้างบ้านเอาไว้มากมายครับ อย่างน้อย ต้องมั่นคงและปลอดภัยสำหรับการเร้นกายในยามสงบของนินจาได้ บ้านนินจา มีกลไกป้องกันภัยอยู่มากมาย เช่นการทำกระดิ่งเตือนภัยโดยร้อยกับเชือกเอาไว้ เมื่อศัตรูมาสะดุดเข้า นินจาก็จะรู้ได้ทันทีว่า ผู้ไร้เจตนาดีเข้ามาเยี่ยมเยือนถึงที่เสียแล้ว นอกจากนี้ก็มีอุโมงค์ ประตูกล กับดักอยู่สารพัด ที่เด็ดที่สุดและเล่ากันมามากที่สุดก็คือ ช่องลับสำหรับหลบหนีที่อยู่ใต้เตียงนอน (ห้องนอนน่ะครับ เพราะส่วนใหญ่นินจาไม่นอนเตียงกัน)





ท้ายที่สุด นินจายังมีวิชาที่สมัยใหม่เค้าเรียกว่า "การแทรกซึม" อยู่ ภาษานินจาคือ เฮนซึจัตสุ โดยการปลอมตัวในรูปแบบต่างๆ เข้าไปปะปนอยู่ในแนวหลังของศัตรู สมัยก่อน อาชีพที่นินจานิยมปลอมกันก็เช่น พ่อค้า นักละครเร่ ซึ่งพวกนี้มักเข้าๆ ออกๆ เมืองต่างๆ อยู่เสมอ จึงยากที่จะจับพิรุธหรือสืบสาวราวเรื่อง เคล็ดลับอีกประการก็คือ รู้จักใช้คุณลักษณะทางเพศมาหลอกล่อ ให้คนที่ใกล้ชิดตายใจ สามารถปะปนและล้วงความลับข่าวสารที่ต้องการได้อย่างไม่ยากเย็น

และสุดท้ายผมขอขอบคุณที่มาของแหล่งข้อมุลและรูปภาพซึ่งผมเอามาจาก 2 เว็ปคือ

-คุณ โซนิค จาก //www.all-final.com

- //th.wikipedia.org










 

Create Date : 17 กันยายน 2549
4 comments
Last Update : 13 สิงหาคม 2551 3:37:06 น.
Counter : 2236 Pageviews.

 



สวัสดีครับ ตอนเด็กๆ ลุงกล้วยชอบดูมากนะครับ ยิ่งตอนปล่อยดาวกระจาย ตอนนั้นเราเรียกว่า เกี่ยมซุปนะครับ เคยได้ยินหรือเปล่าครับ ขอให้มีความสุขนะกับงานที่ทำนะครับ

 

โดย: ลุงกล้วย 25 กันยายน 2549 8:57:58 น.  

 

ขอบคุณครับ ที่ให้ศัพท์ใหม่ที่ผมไม่รู้ครับ

 

โดย: postmaker 21 ตุลาคม 2549 1:49:05 น.  

 

เช่าหนังชิโนบิมาดู เลยเข้ามาหาข้อมูลนิดหน่อยก่อนดู ได้ความรู้มากกว่าที่คิด แต่เหลือบไปอ่าน answer พรหมลิขิตด้านข้าง ประทับใจกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะ ข้อความดีๆ เป็นกำลังให้ชีวิตช่วงนี้ได้เยอะเลยค่ะ มองโลกในแง่ดีและมีความสุขอย่างนี้ต่อไปนะคะ

 

โดย: Nut IP: 124.157.237.98 11 กรกฎาคม 2551 13:27:36 น.  

 

แวะมาเยี่ยมครับ ^^
เขียนได้เข้าใจง่ายดีครับ นี่ถ้าได้ตัวอย่างปฏิบัติการของนินจาในประวัติศาสตร์จริง สักงานสองงานก็จะดีมากเลย

 

โดย: 9th TEARDROP IP: 125.25.48.61 20 เมษายน 2552 19:28:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


MaThilDra
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add MaThilDra's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.