ในปี 1482 ขุนนางชั้นสูงแห่งเมืองมิลานท่านหนึ่งได้ว่าจ้างให้ Leonardo da Vinci สร้างรูปปั้นม้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นซึ่งมีขนาดความสูงถึง 24 ฟุตเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงบิดาของขุนนางท่านนั้น โดยที่ Leonardo da Vinci ได้สร้างหุ่นจำลองดินเหนียวขนาดเท่าของจริงเสร็จเรียบร้อยแล้ว วัสดุที่จะใช้ในการหล่อก็คือทองสัมฤทธิ์ แต่ในขณะเดียวกันนั้น Leonardo da Vinci กลับมุ่งความสนใจไปยังงานศิลปะอีกชิ้นหนึ่งของเขามากกว่า นั่นคือภาพวาดที่เป็นที่รู้จักกันดีชื่อว่า The Last Supper จึงทำให้การหล่อรูปปั้นม้าถูกพักไว้ชั่วคราว
ยังมิทันที่ Leonardo da Vinci จะได้กลับมาสานงานรูปปั้นต่อ กองทัพทหารของฝรั่งเศสก็ได้เข้ามาโจมตีเมืองมิลาน ทองสัมฤทธิ์ที่มีอยู่ในประเทศขณะนั้นได้ถูกนำไปใช้ในการหล่อปืนใหญ่เสียเป็นส่วนมาก ภายหลังจากการบุกยึดของทหารฝรั่งเศสและเนื่องด้วยสภาพดินฟ้าอากาศจึงทำให้หุ่นจำลองดินเหนียวรูปปั้นม้าได้พังทลายลง ในปี 1499
ภาพวาดรูปม้าที่สวยงามของ Leonardo da Vinci ยังคงเป็นเพียงแค่ภาพวาดเช่นนั้นอยู่หลายร้อยปี จนเมื่อนิตยสาร National Geography ได้ลงบทความเกี่ยวกับการค้นภพภาพวาดรูปม้า ที่ Leonardo da Vinci วาดไว้เพื่อเตรียมที่จะสร้างรูปปั้น นักบินอเมริกันวัยเกษียณซึ่งรักการสะสมงานศิลปะชื่อว่า Charles Dent ได้่ไปอ่านบทความนี้เข้า โดยส่วนตัวแล้วเขามีความชื่นชอบในผลงานต่าง ๆ ของ Leonardo da Vinci อยู่แล้ว เขาจึงตกลงใจว่าจะทำให้ฝันของ Leonardo da Vinci เป็นจริง
ในปี 1977 Charles Dent เริ่มต้นด้วยการจัดตั้ง Leonardo da Vinci’s Horse Inc ขึ้นเพื่อศึกษา ค้นคว้า รวบรวม ข้อมูล ภาพวาดและงานต่าง ๆ ของ Leonardo da Vinci และรวบรวมเงินทุนจากผู้ให้การสนับสนุน ซึ่งในการดำเนินการเหล่านี้นั้นล้วนไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลายาวนานมากกว่า 15 ปี Charles เสียชีวิตลงในปี 1994 ก่อนที่จะได้เห็นผลงานชิ้นนี้สำเร็จลง ส่วนประติมากรผู้รับผิดชอบงานปั้นรูปม้าครั้งนี้้เป็นผู้หญิง ชื่อว่า Nina Akamu
ส่วนรูปนี้เป็นรูปปั้นของคุณ Frederick และคุณ Lena Meijer มหาเศรษฐีเจ้าของห้าง Meijer ผู้ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อนำรูปปั้น Leonardo da Vinci’s Horse มาไว้ให้เราได้เข้าไปชมที่ Frederik Meijer Gardens & Sculpture Park โดยไม่ต้องไปไกลถึงมิลาน
อยากเห็นของจริง ไปมิลาน หรือ มิชิแกนดีคะ น่าทึ่งมากกกก