๛ ภูษาโยง ๛ (บทที่ 14 : ครึ่งทาง)


เรื่องย่อ 13 ตอนก่อนหน้า

จากอุบัติเหตุรถชนที่ส่งผลให้มีคนตายในเหตุการณ์เดียวกันถึง 3 คน
'ภาคิม' ได้โยนความผิดให้กับ 'เตชิต' เพื่อนรักที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
และพยายามปิดปาก 'นักนิน' ที่เป็นคนรักด้วยการมอมยาจนหญิงสาวเกือบเอาตัวไม่รอด


นักนินได้รับความช่วยเหลือจาก 'เกนโซ' ซึ่งมาพร้อมกับข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง
อีกด้านหนึ่ง 'นพพร' มีหลักฐานชิ้นสำคัญที่อาจเล่นงานผู้กระทำผิดตัวจริงอยู่ในมือ



* v * ~ @ C H A R A C T E R   D I A G R A M @ ~ * v *




...
...
...

หอผู้ป่วยไอซียู โรงพยาบาลทิพยเวช

เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นตามจังหวะเดินของแพทย์ที่มาราวด์วอร์ดดังกึกกักและสะท้อนไปทั่วบริเวณ ช่วงเวลาพลบค่ำ เป็นช่วงเวลาที่ญาติผู้ป่วยทยอยกลับตามนโยบายของโรงพยาบาลที่งดเยี่ยมผู้ป่วยหลัง 18.00 น. เพื่อให้ผู้ป่วยในหอวิกฤตได้พักผ่อนอย่างพอเพียง 

ภาคิม  เดชาพิชิต

นอนเหม่อมองเพดานและเฝ้ามองเศษผ้าชิ้นเล็กๆ ที่ผูกติดไว้กับช่องแอร์ ผ้าผืนเล็กต้องลมแอร์แล้วปลิดปลิวเบาๆ มองไปคล้ายว่าวติดลมบนหวิวไหวอยู่ไกลลิบ แต่ภาคิมไพล่คิดไปถึงร่างของนักนินที่ลอยร่วงลงไปจากระเบียงห้อง ในความมืดนั้น แสงไฟช่วยสาดส่องให้เห็นเพียงอาภรณ์ที่ปกคลุมร่างหญิงสาวลอยละล่องไปตามลมและจมทะเลลงไป ชายหนุ่มเผลอมองเศษผ้าชิ้นนั้นอยู่นานจนปากที่ปิดงับไม่สนิทมีน้ำลายเอ่อล้นออกมาแล้วไหลย้อยไปตามแก้ม ภาคิมพยายามปิดปากตัวเองให้สนิทแต่ก็พบว่าริมฝีปากของตนไม่อยู่ในสมดุลดังที่เคยเป็น มันบิดเบี้ยวจนไม่สามารถประกบกันเป็นเส้นตรงได้แม้จะใช้ความพยายามอย่างแสนสาหัส เขาเลิกคิ้วข้างขวาที่ยังพอจะขยับได้ กลอกตาไปมองสภาพร่างกายตนเองทางฝั่งซ้ายที่ผิดรูปไปจากเดิมแล้วไม่อาจทนดูได้ ชายหนุ่มเลื่อนสายตามองไปบนเพดานอีกครั้งหนึ่ง

เสียงส้นรองเท้าที่ดังกระทบพื้นเดินมาใกล้เตียงที่เขานอนอยู่ ไม่นานนักก็มาหยุดลงตรงข้างเตียงของเขา ภาพของหญิงสาวหน้าตาสะอาดสะอ้านสวมเสื้อกาวน์สีขาวชะโงกเข้ามาในกรอบสายตา โดยแทบไม่ทันรู้สึกรู้สมอะไร เจ้าของร่างนั้นก็โน้มตัวลงมาใกล้แล้วจับเปลือกตาของเขาถ่างขึ้น จากนั้นเสียงกริ๊กพร้อมกับแสงไฟลำเล็กๆจากไฟฉายตัวจิ๋วก็สาดเข้ามาในดวงตา ม่านตาของชายหนุ่มขยายกว้างอย่างรวดเร็ว 

“แปลกดี วันนี้อาการดีขึ้นมานิดหน่อยแล้วนะ”

ภาคิมกะพริบตามองข้ามไหล่ของแพทย์หญิงคนดังกล่าวออกไปและพบกับความว่างเปล่า สองวันสองคืนที่ผ่านมา เขาต้องผจญกับร่างชโลมเลือดของชายแปลกหน้ามาวนเวียนอยู่รอบเตียง บางครั้งก็มาพร้อมกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ร่างอาบเลือดทั้งคู่ คอยตามมาหลอกหลอนจนเขาไม่เป็นอันหลับอันนอน ซ้ำร้ายที่สุดคือไม่อาจหนีไปไหนได้ เมื่อดิ้นรนจนถึงขั้นชักกระตุกไปพยาบาลก็เข้ามาฉีดยากล่อมประสาทจนเขาหลับไปสักพักหนึ่ง ตื่นขึ้นมาใหม่เพื่อหมดอาลัยตายอยากกับร่างกายที่ง่อยเปลี้ย แพทย์ตรวจ วิญญาณหลอน และสลบไปอีก เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แต่วันนี้มีบางอย่างเปลี่ยนไป...

เขามองเห็นภาพของคุณหมอและพยาบาลที่ชะโงกหน้ามาดูได้ชัดขึ้น โดยไม่มีอะไรอยู่ด้านหลังเธอทั้งสอง

“เอาผ้ามาซับน้ำลายให้เขาหน่อยสิ”

“ค่ะหมอกล้วย”

“มาดูนี่สิ ดวงตาเขาเริ่มตอบสนองมากขึ้น และเริ่มจะขยับได้ทั้งสองข้างแล้ว เห็นไหม”

แพทย์สาวถามขณะที่พยาบาลกำลังกุลีกุจอไปหยิบผ้ามาเช็ดน้ำลายที่ข้างแก้มของเขาให้ พยาบาลสาวจึงตวัดผ้าเช็ดน้ำลายที่แก้มเขาอย่างลวกๆ แล้วชะโงกมาดูดวงตาชายหนุ่มที่ถูกหมอถ่างให้เบิกโพลง

“อืออ แต่ก็ต่างจากเมื่อวานนิดเดียวนะคะ”

คุณหมอและพยาบาลต่างก้มลงมาดูเปลือกตาของเขาซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เมื่อแสงจากไฟฉายดับลง เขาพยายามปรับสายตามองดูเธอทั้งสองให้ชัดขึ้น แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีนัก



“คุณได้ยินเราสองคนใช่ไหม ถ้าใช่ให้กะพริบตาสองครั้งนะคะ”

ภาคิมใช้แรงทั้งหมดที่มี เพื่อจะทำการกะพริบตาให้ได้ครบสองครั้ง เขาได้ยินพวกเธอ และกำลังพยายาม แต่มันไม่เป็นผล

“เห็นไหมคะ ก็กะพริบได้ครั้งเดียวอยู่ดี ดีไม่ดีก็ไม่ได้ยินที่หมอพูดหรอกค่ะ”

พยาบาลให้ความเห็นอย่างฉะฉานด้วยรู้งานมานาน แต่นั่นทำให้แพทย์สาวถอนหายใจอย่างอึดอัด

“ฮือ ถ้าไม่ตอบสนองภายในสองสามวันนี้ก็คงจะฟื้นตัวยากแล้วล่ะ สรุปหมอให้ยาเดิมต่อไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาตรวจใหม่”

“ค่ะคุณหมอ” 

พยาบาลสาวรับคำพลางหันไปรูดม่านกั้นรอบเตียง

"ได้เวลาเช็ดตัวพอดีสินะ”

เหลือพยาบาลร่างท้วมเพียงคนเดียวที่อยู่เป็นเพื่อน เธอเลาะชุดผู้ป่วยของเขาออกอย่าง่ายดายและกวาดผ้าชุบน้ำเช็ดไปรอบตัวเขาราวกับกำลังขัดล้างผักใกล้เน่า หรือปลาตัวใหญ่ๆที่ใกล้ตายสักตัวหนึ่ง ตั้งแต่หน้า คอ แขน ขา ไล่ลงไปถึงอวัยวะพึงสงวนก็ถูกเธอล้วงและเช็ดทุกซอกมุมโดยไร้ซึ่งอารมณ์พิศวาสใดๆ 

นี่มันต่างจากอากัปกิริยาของหญิงสาวที่เขาเคยใช้เงินกวักเรียกมาปรนเปรอราวฟ้ากับเหว 

ภาคิมรู้สึกขัดเคืองแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกได้ เขาตกเป็นบุคคลทุพลภาพอย่างสิ้นเชิง ชั่วแวบหนึ่ง ชายหนุ่มนึกถึงบางอย่างขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวพันกับเรื่องที่เขากำลังเผชิญอยู่เลยสักนิด

แววตาลึกซึ้งอ่อนหวานของคนขี้ใจอ่อนอย่างนักนินตอนเด็กๆ แววตาตื่นตระหนกของเธอที่หันมามองเขาตอนที่ตื่นลืมตาจากฤทธิ์ยา จนกระทั่งกลายเป็นแววตาเด็ดขาดแต่แสนเศร้าก่อนจะกระโจนลงไปจากระเบียงนั่น 

ใช่ แท้จริงแล้ว นักนินไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด เขาเป็นบ้าอะไรที่คอยโยนความผิดให้เธออยู่นั่น แล้วทำอย่างไรเล่า เขาถึงจะได้อากัปกิริยาลึกซึ้งอ่อนหวานในกาลครั้งนั้นกลับคืนมาได้อีก

ส่วนพยาบาลสาวมองร่างเปลือยเปล่าและไร้การตอบสนองด้วยแววตาที่ค่อนไปทางสมเพชเวทนา เธอเปลี่ยนชุดผู้ป่วยให้เขาใหม่และปฏิบัติหน้าที่ไปตามความเคยชินเสียแล้วทั้งสิ้น

‘วิธีให้การดูแลคนไข้ที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจที่สุด คือคิดเสียว่าเขาเป็นญาติพี่น้องเรา ให้การดูแลเขาเหมือนเขาเป็นญาติเราจริงๆ’

รุ่นพี่พยาบาลที่ชื่อรสา เคยสอนเธอแบบประกบตัวต่อตัวตอนเข้ามาทำงานใหม่ๆ จนถึงวันนี้เธอก็ยังจำได้ดี แม้พี่พยาบาลสาวแสนดีคนนั้นจะแต่งงานแต่งการไปกับผู้บริหารโรงพยาบาล เป็นคุณนายไฮโซไปถึงไหนต่อไหน

“เฮ่อ เอาเข้าจริงก็คงไม่มีใครอยากจะนับญาติกับคนไข้ที่หมดสภาพเป็นผักแบบนี้หรอกนะพี่สา”

พยาบาลสาวพัดชาบ่นกับตัวเองเสียงเบา แต่ก็เข้าหูภาคิมไปเต็มๆ โดยที่เขาไม่มีสิทธิ์ลุกขึ้นมาตวาด อาละวาด หรือกระโจนออกไปทำร้ายใครได้อีก ทำได้เพียงนอนนิ่งเป็นผักปลาเน่าๆ อย่างที่พยาบาลสาวคนนี้ว่าไว้นั่นแหละถูกแล้ว

เมื่อพยาบาลสาวปฏิบัติหน้าที่เสร็จเรียบร้อย รูดม่านกลับเข้าที่ และสะบัดเอวเดินหนีไป หยดน้ำตาของคนเย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ และหลงตัวเองตลอดมาของภาคิมก็เริ่มหลั่งไหลเป็นสายลงมาเปียกหมอน

เสียงหึ่งๆ ของลมที่เป่าออกมาจากแอร์บนเพดานยังคงทำงานต่อไป เศษผ้าสีเขียวคล้ำยังคงพัดปลิวเป็นว่าวติดลมบนอยู่ที่เดิม 

ภาคิมเหม่อมองเพดานด้วยความรู้สึกของคนที่กำลังจมดิ่งลงใต้มหาสมุทร

เวลานั้น เขาคิดถึงคนรักที่ชื่อนักนินขึ้นมาอย่างจับใจ...


* •..,..,..• * * •..,..,..• * * •..,..,..• ** •..,..,..• *


นักนินมองภาพอดีตคนรักผ่านกระจกใสที่กั้นห้อง เธอมาไม่ทันเวลาเยี่ยมจึงได้แต่ยืนดูอยู่ด้านนอก ทางโรงพยาบาลจัดโซฟาสำหรับญาติผู้ป่วยมานั่งรอไว้ด้านหนึ่งแต่มีป้ายขอความร่วมมือที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด เป็นข้อจำกัดของเฉพาะหอผู้ป่วยวิกฤตที่ไม่ให้ญาตินอนเฝ้า ทั้งนี้เพื่อให้พยาบาลได้ดูแลเหตุฉุกเฉินต่างๆ อย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยจะยากดีมีจน สิทธิพิเศษขั้นวีไอพีขนาดไหน ก็ต้องอยู่ในห้องรวม ซึ่งทำให้ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ อยู่ในสายตาของพยาบาลตลอดเวลา

หญิงสาวยืนกอดอกดูอยู่ไม่นานก็ต้องถอดมานั่งที่โซฟา ฮานาโกะที่สวมหูฟังนั่งฟังเพลงรออยู่แล้วยื่นมือมาให้จับ นักนินยื่นมือไปจับ ต่างคนต่างบีบมือกันอยู่เบาๆ ส่วนเกนโซยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม มองภาพอดีตคนรักของนักนินอย่างพินิจพิจารณา ทัศนวิสัยเปิดให้เห็นภาพผู้ป่วยบนเตียงนอนได้ไม่ชัดเจนนัก แต่จากอากัปกิริยาที่นอนอยู่นิ่งๆ กับใบหน้าด้านซ้ายที่บิดเบี้ยว มือและแขนที่วางอยู่นอกผ้าห่มเพื่อเจาะให้น้ำเกลือและแทงสายระโยงระยางนั้นแข็งเกร็ง ทำให้เกนโซรู้สึกสลดใจระคนโล่งใจอย่างประหลาด

โล่งใจอย่างประหลาด…

อารมณ์นี้โผล่ขึ้นมาดื้อๆ แล้วหายไปเงียบๆ 

เขาคงโล่งใจที่ผู้ชายคนนี้จะไม่สามารถลุกขึ้นมาทำร้ายใครได้อีก รวมถึงหญิงสาวที่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่ตรงโซฟาด้วย เธอควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้

พวกเขาทั้งสามคนรับรู้ข่าวคราวของภาคิมจากการสืบหาของผู้จัดการส่วนตัว ที่เกนโซให้ติดตามเรื่องของนักนิน อาการป่วยของภาคิมติดตามมาในภายหลัง ทำให้ทั้งสามรีบรุดมาที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่ทันเวลาเยี่ยม ความเงียบ วังเวง และหดหู่เป็นบรรยากาศที่ปกคลุมอยู่รอบๆ โรงพยาบาลในเวลาค่ำ แต่ก็คล้ายมีมนต์ขลังสะกดไม่ให้แต่ละคนถอยหลังกลับ นักนินเองก็ยังอยากนั่งอยู่อีกสักพัก เผื่อมีพยาบาลหรือหมอเดินออกมาให้สอบถามอาการของภาคิมได้ และคงเป็นเช่นเดียวกับญาติผู้ป่วยอีกสองสามกลุ่ม ที่ยังนั่งและยืนกระจายออกไปอีกสองสามกลุ่ม ไหนจะเด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟาข้างๆ เธออีกคน 

เด็กวัยรุ่นอายุไม่มากนัก มานั่งเตร็ดเตร่อยู่ในโรงพยาบาล คงจะมาเฝ้าญาติผู้ใหญ่สินะ


ปรึกนึกโอน... ทะไงนึกโอน... 

โยบนึกโอน... นึกโอนกรบเวเลีย...

สรอไมเขอนแต่สรสปุมเงีย เจียบดวงจิตบอง…

เสียงเพลงลอดมาจากหูฟังที่เสียบเข้ากับเครื่องเล่นวิทยุ เพลงนี้คุ้นหูเหลือเกิน เหมือนมีมือขนาดใหญ่จับหัวของนักนินให้ค่อยๆ หมุนไปทางด้านข้าง หญิงสาวหันไปชำเลืองมองเด็กสาวที่นั่งฟังเพลงอยู่ ใบหน้าของเธอดูคมคาย ริมฝีปากค่อนข้างคล้ำหยักลึกตรงกลางเป็นร่องชัด และจมูกที่ไม่โด่งนักแต่ปลายเชิด เมื่อครู่เธอถอดหูฟังออก จึงทำให้เสียงเพลงลอดออกมา เด็กสาวบ่นพึมพำกับหญิงสูงวัยที่อยู่ไม่ไกลนัก

“แม่... เปล นา ตรอ ลอบ โมก เำพตียะ”
(แม่ เมื่อไรจะได้กลับบ้าน)

นักนินสะดุดกึก เมื่อได้ยินภาษาที่เด็กสาวเอ่ยขึ้น

“กุม ดื้อ เมอ จำ สิน”
(อย่าดื้ดสิ รอก่อน)

หญิงสูงวัยหันมาคุยกับลูกในภาษาเดียวกัน เด็กสาวคร่ำครวญต่อ

“แม่ จิต อา กรอก นาส โขญม จ่อง โต้ว เพตียะ"
(แม่ใจร้ายจัง หนูอยากกลับบ้านแล้ว)

แต่นักนินเงี่ยหูฟังแล้วขนลุกซู่ ภาพในอดีตที่ผ่านมาไม่นานแล่นเข้ามาในหัวของหญิงสาวราวกับฟ้าแลบฟ้าร้อง นั่นคือสาดแสงและส่งเสียงคำรามให้มองภาพในความมืดชัดขึ้นและขู่กรรโชกไปในตัว

‘นี่คือเพลงเก่าลายครามสมัยคุณตาคุณยายยังเล็ก ของนักร้องที่ได้ชื่อว่า King of Kmer music หรือว่าราชาเสียงทองของประเทศกัมพูชา’

เสียงนักจัดรายการบรรยายสรรพคุณของเพลงแว่วเข้ามาพร้อมกับเสียงเพลงทุ้มนุ่มลึก เครื่องยนต์รถที่คำรามดังหึ่งๆ ภาพของภาคิมที่ขับรถอยู่ มีเตชิตนั่งอยู่ด้านหลัง และอุบัติเหตุที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว 

ภาพนั้นวิ่งเข้ามาและแล่นหายไป กลายเป็นภาพใหม่

ตอนที่เกนโซช่วยเธอขึ้นมาจากทะเล ขณะฟื้นขึ้นมาบนเรือ หญิงชายแปลกหน้าสองคนนอนเบียดกันอยู่ไม่ไกลนัก พอเหลือบตาไปมอง ทั้งสองคนก็ค่อยๆ ทรงตัวลุกขึ้นยืน เลือดที่ไหลลงมาจากศีรษะเปื้อนเสื้อผ้าของทั้งคู่ รอยเลือดไหลเป็นทางจนอาบเทพื้นที่เธอนอนอยู่

และตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล นักนินนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เธอเห็นร่างหนึ่งยืนค้ำอยู่ข้างเตียง ใบหน้านั้นอีกแล้ว คราวนั้นเป็นหญิงสาวปรากฏตัวขึ้นมาเพียงคนเดียว ร่างที่ชุ่มโชกเลือดนั้นโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วพูดอะไรบางอย่างอยู่ข้างหู

คำพูดนั้นเหมือนแผ่นเสียงยืดยานถูกเปิดขึ้นมาเล่นเพลงอีกครั้งหนึ่ง

‘จ้..ว.ย..พ..อ.ง..โ.ข.ญ..ม..จ่..อ.ง..โ.ต้..ว...เ.พตีย.ะ’

“ภาษากัมพูชา”

นักนินพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“มันคือภาษากัมพูชานี่นา”

“何が起こった?”

(Nani ga okoru ka? : เกิดอะไรขึ้นน่ะ)

ฮานาโกะไม่พูดเปล่า ยังยื่นโทรศัพท์มือถือที่แปลงร่างเป็นเครื่องแปลภาษาที่ใช้จนชำนาญให้อีกด้วย 

“จริงด้วยสินะ”

นักนินไม่ตอบคำถาม แต่หันไปส่งภาษามือกับฮานาโกะเพื่อขอยืมโทรศัพท์มือถือมาใช้ทำอะไรบางอย่าง ฮานาโกะมองหญิงสาวด้วยสายตาพราวพราย เธอมักตื่นเต้นและสนุกสนานกับเรื่องรอบกายได้ไม่ยากนัก นี่เป็นข้อดีของฮานาโกะทีหลายคนอิจฉามาโดยตลอด

“จ้วยพอ..”

นักนินกรอกคำพูดลงไปในเครื่องรับโทรศัพท์และระบุให้แปลงเสียงจากภาษากัมพูชาเป็นภาษาไทย เจ้าวุ้นแปลภาษาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งสัญญาณตอบกลับ

‘ช่วย-’

เป็นการแปลที่ติดขัดเหมือนป้อนคำไม่ถูก

“จ้วยพอง..”

นักนินลองเปลี่ยนคำใหม่ และได้ผล

‘ช่วยด้วย’

นักนินกำโทรศัพท์มือถือแน่น ไหล่บางนั้นสั่นเล็กๆ ก่อนจะเอ่ยคำต่อไป

“ขะโยม.. จ่อง..”

เด็กสาวชาวกัมพูชาที่นั่งข้างๆ รู้ว่านักนินพยายามจะพูดคำว่าอะไร คงอยากจะเลียนเสียงเธอเมื่อครู่ เด็กสาวหันมาช่วยเสริมให้

“โต้วเพตียะ”

เด็กสาวออกเสียงคำยากๆ ให้นักนินพูดตามอย่างเป็นรูปเป็นคำมากขึ้น

“จ้วยพอง..ขะโยม.. จ่อง..โต้วเพตียะ””

‘ช่วยด้วย ฉัน อยาก กลับ บ้าน’

อุปกรณ์อัจฉริยะช่วยแปลให้ทีละคำ และนั่นคือสารที่แท้จริงของร่างโชกเลือดที่มาวนเวียนหลอกหลอนเธอเมื่อหลายวันก่อน

“เท่านี้เองใช่ไหม”

นักนินเงยหน้าถามคำถามกับอากาศธาตุที่ว่างเปล่า ฮานาโกะทำหน้าเหรอหราพลางสงสัยว่านักนินพึมพำและพูดอะไรอยู่เพียงคนเดียว และไม่รู้ว่าเธอพูดอะไร เพราะวุ้นแปลภาษาไม่ได้อยู่กับตัวเสียแล้ว

นักนินไม่เห็น แต่จินตนาการเห็น ใบหน้าของโภค รมดวล ในยามปรกติ ที่เธอเคยเปิดพบในหน้าหนังสือพิมพ์ ใบหน้านั้นยิ้มเศร้าสร้อยและมีร่องรอยของความอ่อนโยนแฝงอยู่ภายใน เธอมายืนพยักหน้าอย่างสงบอยู่ตรงหน้า 

เช่นเดียวกับบุญ เทือน ที่เดินผละออกมาจากเตียงของภาคิมและเข้ามาสวมกอดภรรยาของตนเอาไว้


“ใช่... เราทั้งคู่เพียงอยากกลับบ้าน” 


…

…

…




- โปรดติดตามตอนต่อไป –



Create Date : 24 ตุลาคม 2555
Last Update : 24 ตุลาคม 2555 23:11:27 น. 18 comments
Counter : 1341 Pageviews.

 
ขอบคุณนะค่ะ ที่สร้างเรื่องราวดีดี มาให้ได้อ่าน
รู้สึกดีจริงๆค่ะ


โดย: ฟ้าใส IP: 203.144.164.158 วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:8:57:02 น.  

 
กรี๊ด..กับภาพประกอบ เกนโซหล่อเข้มกว่าที่จินตนาการไว้
แต่ตอนท้าย..เศร้าจัง เค้าแค่อยากกลับบ้าน (T__T)

ขอบคุณนะคะ (เก่งจังมีทั้งภาษาญีุ่ปุ่น + เขมร)


โดย: แจม IP: 171.6.177.156 วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:20:06:14 น.  

 
ขอบคุณคนอ่านค่ะ
ปลื้มจัง


โดย: รุริกะ วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:21:20:38 น.  

 
อย่างกับเรื่องตุ๊กตา (หนูอยากกลับบ้าน..)


โดย: พี่หมูน้อย IP: 223.206.47.161 วันที่: 27 ตุลาคม 2555 เวลา:21:14:38 น.  

 
คำว่า dead ในผังใช้คำว่า deceased ดีกว่านะคะ


โดย: พี่หมูน้อย IP: 223.206.47.161 วันที่: 27 ตุลาคม 2555 เวลา:21:18:45 น.  

 
^_^.. หนูอยากกลับบ้าน(เพลงเรื่องห้องหุ่น..^^)


โดย: Psycho man วันที่: 29 ตุลาคม 2555 เวลา:1:33:17 น.  

 
คนเหงาย่อมเข้าใจคนเหงา
เมื่อสายตาไม่เศร้า ส่งไปทักทายกัน


โดย: ... IP: 115.67.1.206 วันที่: 29 ตุลาคม 2555 เวลา:13:57:00 น.  

 
สนุกมากค่ะ ชวนติดตาม ตลอดๆ
เอ...... แต่เพลงหนูอยากกลับบ้านนี่ละครเรื่องตุ๊กตาใช่ป่ะคระ ^^"


โดย: deer IP: 115.67.35.231 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2555 เวลา:22:15:07 น.  

 
หนูอยากกลับบ้าน..หนูอยากกลับบ้าน....


โดย: Psycho man วันที่: 5 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:50:37 น.  

 
- โปรดติดตามตอนต่อไป –

\(--)/

- โปรด..เขียน..ตอนต่อไป –

ヽ(*^ー^)人(^ー^*)ノ(^0^)ノ
./l\\,,,,,/l\\
(=^o^=)
..l---o---l..


โดย: แจม IP: 171.6.181.76 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:33:21 น.  

 
อาทิตย์นี้ไม่มีหรอคะ........แอบมาเฝ้ารอ...


โดย: ฟ้าใส IP: 115.67.162.160 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:50:50 น.  

 
คนอ่านเขารออยู่
คนเขียนหายไปไหน..............


โดย: Psycho man วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:18:59:47 น.  

 
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

ตอนใหม่มาไม่เกินวันพฤหัสนี้นะคะ
ที่หายไปคือไปต่างจังหวัด มีนัดกับเพื่อนทำงานบุญ
แล้วก็ไปทอดกฐินมาค่ะ คือว่าหลายงานจัด
แต่ก็ไม่อยากเขียนนิยายแบบขอไปที
ยิ่งหลังจากนี้เป็นตอนเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่ด้วย

รอติดตามกันอีกนิดนะค้า


โดย: รุริกะ วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:30:03 น.  

 
จาก..
ยิ่งหลังจากนี้เป็นตอนเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่ด้วย
แสดงว่า
ตอนต่อไป มีฉากเย็บผ้า หรือ ตัดเสื้อ


โดย: Psycho man วันที่: 11 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:34:36 น.  

 
วันนี้วันพฤหัสฯ TT


โดย: รออ่าน IP: 180.180.202.121 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2555 เวลา:7:53:22 น.  

 
ใจเย็นๆสิคะ อาจจะมาตอนเที่ยงคืนก็ได้ T T


โดย: รุริกะ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2555 เวลา:8:28:16 น.  

 
มาลงชื่อ ..รอ....อีกคนจ้า....^^


โดย: ฟ้าใส IP: 115.67.37.33 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:11:26 น.  

 
มาแล้วนะค้า


โดย: รุริกะ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2555 เวลา:23:01:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.