ดึกสงัด
แสงไฟจากคบไฟส่องสว่างอยู่ตามทางเดิน ลมราตรีกรีดประกายไฟให้ไหวระยับราวกับหญิงสาวกำลังร่ายรำอย่างครื้นเครง บรรยากาศภายในอัครสถานกลับวังเวงเศร้าสร้อย ประตูและหน้าต่างทุกบานปิดสนิท ลมราตรีไม่อาจพัดมาสร้างความหฤหรรษ์หรือกระทั่งรำคาญใจ โคมไฟภายในหมู่ตึกทอแสงนวลตา ทว่าดูไปยิ่งริบหรี่ยิ่งเดียวดาย
ที่จริงผู้คนพากันมารายล้อมห้องชั้นในสุดของหอเยว่หลาง บ้างมีหยดน้ำคลอตา บ้างเปรอะเปื้อนดวงหน้าจนต้องยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดออก บ้างชะเง้อชะแง้แลหาว่าเมื่อใดจะถึงคราที่ตนถูกเรียกเข้าไปบ้าง
โกวเจี้ยน
บุรุษหนึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่ง ด้านหลังอารักขาไว้ด้วยองครักษ์แปดคน เขาผู้นี้คือเยว่อ๋องหยุ่นฉางผู้ใกล้วางวาย อาศัยกำลังวังชาเฮือกสุดท้ายเอ่ยนามรัชทายาทสืบสายโลหิตเพียงเบาๆ มหาดเล็กที่รอฟังคำสั่งอยู่ก็รีบปราดออกมาถ่ายทอดคำสั่งที่หน้าห้อง
ไต้อ๋องขอพบรัชทายาทโกวเจี้ยนพ่ะย่ะค่ะ
รับคำบัญชา
โกวเจี้ยนรุดเข้าไปภายใน หลายวันผ่านพ้นที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมดูอาการ มาวันนี้เห็นสภาพพระบิดาแล้วใจหาย ใบหน้าของเยว่อ๋องซีดเซียวไร้สีเลือด ร่างกายผ่ายผอมอ่อนแรง แต่ยังฝืนกายประทับตัวตรงพลางกล่าว
มาใกล้ๆ ให้บิดาเจ้าดูหน้าชัดๆซิ
พ่ะย่ะค่ะ
โกวเจี้ยนโน้มตัวเข้าไปหาผู้เป็นบิดา หยุ่นฉางเยว่อ๋องยกมือขึ้นประทับไว้บนบ่า สำรวจบนใบหน้าบุตรชาย โกวเจี้ยนสืบทอดลักษณะโครงสร้างทั้งใบหน้าและรูปกายคล้ายกับตนในวัยหนุ่มฉกรรจ์ยิ่งนัก แต่โกวเจี้ยนยังมีอุปนิสัยที่ผิดแปลกแตกต่างอยู่บางเรื่องบางประการ ข้อนี้หยุ่นฉางเฝ้าเก็บงำไว้ในใจ ได้แต่บอกกล่าวเรื่องราวสำคัญ
โตขึ้นมาก โตพอจะเป็นเยว่อ๋องได้แล้ว ต่อไป เจ้าต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ดี เข้าใจไหม
โกวเจี้ยนถูกสายตาของหยุ่นฉางสำรวจมองจึงนึกครั่นคร้ามอยู่เป็นกำลัง เมื่อฟังคำ เยว่อ๋อง ยิ่งรับรู้ถึงหน้าที่อันยิ่งใหญ่ล้นพ้นประมาณ แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาบ้าง แต่ได้ฟังแล้วกลับขวัญหนีดีฝ่อ ได้แต่โขกศีรษะลงกับพื้นพลางกล่าว
คำสั่งพระบิดาหนักแน่นกว่าขุนเขา โกวเจี้ยนไม่กล้ารับไว้ ได้แต่ขอให้เสด็จพ่อหายประชวรโดยไว แล้วกลับมาปกครองไพร่ฟ้าไปอีกนับหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ
เพ้อเจ้อร่ำไร พ่อเจ้ากำลังจะตาย บ้านเมืองกำลังจะมีภัย ยังไม่มีสำนึกฮึกเหิมขึ้นมาครองราชย์อีก
เยว่อ๋องหยุ่นฉางตำหนิด้วยถ้อยคำรุนแรง แต่น้ำเสียงหาได้กระด้างก้าวร้าวไม่ โกวเจี้ยนยิ่งฟังยิ่งน้ำตาคลอตา ก้มหน้ากัดฟันฝืนใจไม่ให้หลั่งน้ำตาออกมา
หลังจากข้าตายแล้ว อย่ามัวพะวงกับพิธีการทำศพ เจ้าจงตระเตรียมขุนศึกและไพร่พลไว้รับมือกับการศึกจากเมืองอู๋ ช้าเร็วยังไม่รู้ประมาณ เจ้าจะมัวพิรี้พิไรร่ำไห้ถึงบิดาเจ้าไม่ได้ เข้าใจไหม
โกวเจี้ยนผงกศีรษะ เงยหน้าขึ้นรับคำ
พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ
เยว่อ๋องหยุ่นฉางทอดถอนหายใจยืดยาว กล้ำกลืนความปวดร้าวของมรณะภัยที่กำลังคุกคาม แต่สำนึกที่ตนเป็นต้นเหตุแห่งสงครามทำให้ต้องรวบรวมกำลังกล่าวสืบต่อ
อู๋อ๋องเหอหลี ย่อมต้องคิดแค้นเมืองเยว่ของเราอยู่สองส่วน แต่อีกแปดส่วนคืออู๋จื่อซี ที่มีใจอาฆาตมาตั้งแต่ครั้งที่ต้องถอยทัพออกจากเมืองฉู่เพราะทัพเยว่ของพวกเราไปล้อมเมืองอู๋ไว้ คราวก่อนบิดาเจ้าถอนทัพออกมาเพราะเกรงบารมีของอู๋อ๋องเหอหลีและซุนวู แต่ม้าเร็วพึ่งส่งข่าวมาบอกว่าซุนวูขอถอนตัวออกจากแคว้นอู๋ ไม่ขอรบทัพจับศึกใดๆ อีก นี่อาจเป็นความปรานีของฟ้า ไม่ให้เจ้าต้องรับศึกหนักเกินไป"
โกวเจี้ยนเงยหน้ารอฟัง หากแต่เยว่อ๋องหยุ่นฉางบอกกล่าวมากคำเกินไป ได้แต่หยุดยั้งแล้วรวบรวมกำลังภายในขึ้นมาใหม่ก่อนกล่าวต่อ
แต่เจ้าอย่าพึ่งชะล่าใจ จงส่งคนไปตามตัวเหวินจงและฟ่านหลีมาไว้เป็นกุนซือข้างกายเจ้าโดยไวที่สุด
หยุดไว้เพียงเท่านั้น โกวเจี้ยนกลั้นใจตาม อาการของหยุ่นฉางยิ่งมายิ่งทรุดหนัก ทว่ายังห่วงอนาคตของรัชทายาทและบ้านเมือง โกวเจี้ยนรู้ว่านี่เป็นคำสั่งเสียสุดท้าย ไม่อาจละทิ้งโอกาสสำคัญ พลั้งปากถาม
เหวินจงและฟ่านหลี เป็นใครหรือพ่ะย่ะค่ะ
เหวินจงเป็นบุตรบุญธรรมของพ่อ เป็นน้องชายต่างสายโลหิตของเจ้าที่บิดาหมายจะให้มาช่วยเจ้าดูแลบ้านเมือง เวลานี้เขาพักอาศัยอยู่กับฟ่านหลี ศิษย์รุ่นที่ห้าของไป่หลีซือ
ปะ ไป่หลีซือ ที่ช่วยราชวงศ์มู่แห่งแคว้นฉินรวบรวม 12 แคว้นเข้าไว้ด้วยกันน่ะหรือพ่ะย่ะค่ะ
ถูกต้อง จากนั้น เขาทำการสืบทอดพิชัยยุทธจากรุ่นสู่รุ่น ฟ่านหลีเป็นรุ่นที่ห้า สมควรได้ชื่อว่าเป็นขุนศึกและกุนซือที่เกรียงไกรไม่แพ้ซุนวู แต่เมื่อฟ่านหลีไปถวายการรับใช้ให้แคว้นฉู่อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน แคว้นฉู่กลับไม่เคยเห็นคุณค่าของเพชรงามเม็ดนี้ เจ้าจงใช้ความสัมพันธ์ของพ่อกับเหวินจงตามตัวพวกเขามา ทำได้ไหม
ได้พะย่ะค่ะ
โกวเจี้ยนรับคำแล้วโขกศีรษะคำนับ ขณะที่หยุ่นฉางเยว่อ๋องค่อยๆ เอนกายลงแนบกับพนัก
เจ้าไปเถอะ บิดาอยากพักผ่อน
กล่าวจบแล้วหยุ่นฉางเยว่อ๋องพลันปิดวาจา และปิดตาลง ลมหายใจรวยรินยังกระเพื่อมไหวอยู่ในอก โกวเจี้ยนยืนหยัดกายตรงและเดินออกจากห้องที่มหาดเล็กเปิดประตูนำ
เมื่อโกวเจี้ยนปรากฏกายออกมา ร่างสูงใหญ่ยืนผงาดอย่างสง่างาม ต้นห้องต่างค้อมตัวลงกล่าวถวายพระพร จากนั้นเชื้อพระวงศ์ พลทหาร และเหล่านางกำนัลต่างสอดเสียงประสาน
ถวายพระพรเยว่อ๋องโกวเจี้ยน ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
เยว่อ๋องโกวเจี้ยนหันมองไปรอบๆ ประสานมือสองข้างยกขึ้นข้างหน้ารับการคารวะจากข้าราชบริพารรอบตัว บัญชาแรกของเยว่อ๋องคนใหม่ คือการรับสั่งให้องครักษ์ที่ปราดเปรียวที่สุดไปตามตัวเหวินจงและฟ่านหลีมาเข้าเฝ้าในเร็ววัน และให้ส่งข่าวไปทั่วแคว้นว่าในระหว่างทาง หากเหวินจงและฟ่านหลีเดินทางผ่านแห่งหนตำบลใด ให้จัดสุราอาหารและที่พักให้อย่างดีที่สุด
แล้วเรื่องพระอาการของไต้อ๋องหยุ่นฉางเล่าพ่ะย่ะค่ะ
ปกปิดไว้ก่อน อย่าได้แพร่งพรายออกไปจนกว่าข้าจะมีคำสั่ง
พลทหารรับคำบัญชา ประตูห้องของไต้อ๋องหยุ่นฉางถูกปิดพับอย่างปราศจากถ้อยคำพิรี้พิไร เยว่อ๋องโกวเจี้ยนเสด็จออกไปยังที่ประทับโดยไม่หวนกลับมายังห้องนั้นอีก
...
...
...
* ..,..,.. * * ..,..,.. * * ..,..,.. * * ..,..,.. *
ยามสายของวันที่ 8 นับจากคำบัญชา
สายน้ำไหลเอื่อย คนแจวเรือจ้วงพายไปตามจังหวะแต่เห็นได้ชัดว่าเริ่มอ่อนแรงลง
องครักษ์ของเยว่อ๋องโกวเจี้ยนออกเดินทางเสาะหาจนพบกับเหวินจงและฟ่านหลี จากนั้นนำมายังแคว้นเยว่โดยทางน้ำ ล่องมาทางแม่น้ำฉางเจียง เมื่อเดินทางใกล้ถึงจุดหมาย ฟ่านหลีออกมายืนอยู่ตรงหัวเรือและเหม่อมองไปยังภูมิทัศน์รอบๆ เห็นทิวเขาจู้หลอมีป่าเบญจพรรณอันอุดมสมบูรณ์ ถึงกับรำพึงรำพันขึ้นมา
ผลัดเส้นไหมเป็นแพรพรรณ แปรก้อนกรวดเป็นอัญมณี ข้าคงจะมีโอกาสทำสิ่งเหล่านี้ เมื่อได้มาอยู่ที่นี่
เหวินจงยืนอยู่ข้างๆ อดสะทกสะท้านไม่ได้ สหายผู้ร่วมทางถอนหายใจก่อนกล่าว
การศึกหนักหนา ภาระเบื้องหน้ายิ่งหนักหน่วงเป็นพันชั่ง ฟ่านหลียังคิดแปรก้อนกรวดเป็นอัญมณีได้ นับว่าเป็นวาสนาที่ท่านนับข้าเป็นสหาย
ฟ่านหลีเข้าใจความหมายของเหวินจง นับจากสถานการณ์วุ่นวายในแคว้นฉู่ ฟ่านหลีวางตัวคล้ายอากาศธาตุ คล้ายไม่มีตัวตนแต่สืบเสาะค้นหาได้ไม่ยากนัก ชนะศึกไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่ไม่ได้รับการปูนบำเหน็จใดๆ เมื่อถึงคราวศึกใหญ่ก็ไม่ถูกเรียกใช้ แม้เกียรติประวัติไม่ยิ่งใหญ่แต่ชีวิตนับว่าสุขสบายเกินกว่าจะต้องออกมาระหกระเหเร่ร่อน เหวินจงต้องกลับมาช่วยพ่อบุญธรรมข้อนั้นไม่อาจปฏิเสธ หากแต่ฟ่านหลีไม่มีข้อผูกมัดใดๆ นอกจากความเป็นสหายของเหวินจงเท่านั้น ยังสู้อุตส่าห์ตามมา ฟ่านหลีอ่านใจจากถ้อยคำสหายแล้วได้แต่ยิ้มตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย
วาสนาของข้าต่างหาก มีท่านเป็นสหาย แคว้นเยว่จึงเห็นความสำคัญและเรียกใช้ หากไม่เช่นนั้นฟ่านหลีคงได้แต่จิบสุราเคล้านารีอยู่ที่แคว้นฉู่ ไม่รู้จักออกมาชื่นชมโลกภายนอกว่ากว้างใหญ่เพียงใด
สดับคำอันเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพ เหวินจงรีบรับคำ
เช่นนั้นความเป็นสหายของเรานับวันจะต้องยิ่งใหญ่เกรียงไกร เมืองหลวงแคว้นเยว่อยู่อีกไม่ไกล ท่านควรพักเอาแรงก่อน
เชิญเหวินจงตามสบาย ข้าฟ่านหลีมัวแต่ตื่นตาตื่นใจ ใคร่ดื่มด่ำความงามของสายน้ำและขุนเขาให้ชุ่มใจก่อน
เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน ไม่รบกวนท่านล่ะ อ้อ ข้างหน้ามีหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านหนึ่ง บางทีค่ำนี้เราอาจจะพักค้างที่นี่สักคืนก่อน เผื่อท่านจะพบแพรพรรณหรืออัญมณีงามสักชิ้นหนึ่งกระมัง
ฟ่านหลียิ้มรับคำหยอกเย้าของเหวินจงที่เดินกลับเข้าไปนั่งในตัวเรือซึ่งมีที่กำบังแดดลมฝน ที่ปลายยอดเขาจู้หลอมีเมฆหม่นและสายลมพัดวนจนกระพือมายังเบื้องล่าง ใบไม้ปลิวไหวคล้ายเป็นสัญญาณว่าลมฝนกำลังมา
วันนี้คงต้องหยุดยั้งการเดินทางและพักในหมู่บ้านข้างหน้าตามที่เหวินจงว่า ส่วนจะพบแพรพรรณหรืออัญมณีหรือไม่...
ฟ่านหลียังคิดได้ไม่จบความก็ได้ยินเสียงสะบัดมัดผ้าชอุ่มน้ำดังพรึ่บมาตามลม ละอองน้ำกระจัดกระจายคล้ายเม็ดฝนเป็นแนวราบ ฟ่านหลีเพ่งตามองอีกฝั่งของแม่น้ำที่เต็มไปด้วยโขดหิน ริมฝั่งประดับไว้ด้วยราวตากผ้าเรียงเป็นทิวแถว
ฟ้าหม่น พยับแดดลอดผ่านมากระทบตา หญิงสาวที่กำลังสะบัดผ้าอยู่ริมน้ำกลับพร่าเลือนแล้วเคลื่อนไหวกลายเป็นปักษาสวรรค์ขยับปีกอยู่ริมธารา
ฟ่านหลีกะพริบตาแล้วภาพมายานั้นก็เลือนหายไป
เรือแจวเคลื่อนคล้อย
ไซซีได้สบตากับฟ่านหลีแล้วต่างฝ่ายต่างยืนนิ่ง และสายน้ำก็นำพาให้เรือจรจากไปโดยไร้คำทายทัก
...
...
...
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
* ..,..,.. * * ..,..,.. * * ..,..,.. * * ..,..,.. *
ผ้าดิบย้อมสีริมแม่น้ำ
โบกสะบัดเป็นแพรพรรณ
อัญมณีในดวงตาเจ้า
พริบพราวชวนให้ตะลึงลาน