อรรถกถา คัมภีร์อธิบายความในพระไตรปิฎก
อรรถกถา คัมภีร์อธิบายความในพระไตรปิฎก แต่งโดยพระอาจารย์รุ่นหลังๆ ตัวอย่างเช่น คัมภีร์วิสุทธิมรรค ที่แต่งโดย พระพุทธโฆษาจารย์ เป็นต้น
อรหันต์ ผู้สำเร็จธรรมวิเศษสูงสุดในพระพุทธศาสนา พระอริยบุคคลชั้นสูงสุด
พระอรหันต์ ๒ คือ
๑. พระสุกขวิปัสสก--ผู้เจริญวิปัสสนาล้วน มิได้ทรงคุณวิเศษอย่างอื่น ๒. พระสมถยานิก--ผู้มีสมถะเป็นญาณ ผู้เจริญสมถะกรรมฐาน จนได้ฌานก่อนแล้ว จึงเจริญวิปัสสนาต่อ
พระอรหันต์ ๔ คือ
๑. พระสุกขวิปัสสก ๒. พระเตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา ๓ คือ รู้ระลึกชาติได้ รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย รู้ทำอาสวะให้สิ้น) ๓. พระฉฬภิญญะ (ผู้ได้อภิญญา ๖ คือ แสดงฤทธิ์ได้ หูทิพย์ ทายใจผู้อื่นได้ ระลึกชาติได้ ตาทิพย์ ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป) ๔. พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ๔)
พระอรหันต์ ๕ คือ
๑.พระปัญญาวิมุต ๒.พระอุภโตภาควิมุต ๓.พระเตวิชชะ ๔.พระฉฬภิญญะ ๕.พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ
พระอรรถกถาจารย์แสดงความหมายของพระอรหันต์ไว้ ๕ นัย คือ
๑. ไกลจากกิเลส ๒. กำจัดกิเลสได้หมดสิ้น ๓. เป็นผู้หมดสังสารวัฏ คือ การเวียนว่ายตายเกิด ๔. เป็นผู้ควรแก่การบูชาพิเศษของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย ๕ ไม่มีที่ลับในการทำบาป ไม่มีความชั่วเสียหายที่จะต้องปิดบัง
อริยบุคคล บุคคลผู้เป็นอริยะ ท่านผู้บรรลุธรรมวิเศษ มี ๔ ชั้น คือ
๑. พระโสดาบัน ๒. พระสกทาคามี ๓. พระอนาคามี ๔. พระอรหันต์
อริยสัจ ความจริงอย่างประเสริฐ มี ๔ คือ
๑. ทุกข์ ๒. สมุทัย ๓. นิโรธ ๔. มรรค
โอวาทปาฏิโมกข์ หลักคำสอนสำคัญ หรือคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพุทธพจน์ ๓ คาถากึ่ง ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ผู้ไปประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ พระเวฬุวนาราม ในวันเพ็ญเดือน ๓
ที่เราเรียกกันว่าวันมาฆบูชา (อรรถกถา กล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดง โอวาทปาฏิโมกข์นี้ แก่ที่ประชุมสงฆ์ทุกกึ่งเดือน เป็นเวลา ๒๐ พรรษา ก่อนที่จะโปรดให้ สวดปาฏิโมกข์อย่างปัจจุบันนี้ แทนต่อมา)
คาถาโอวาทปาฏิโมกข์ (โอวาทปาติโมกข์ ก็เขียน) มีดังนี้ สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ ฯ ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต ฯ อนูปวาโท อนูปฆาโต ปาติโมก์เข จ สํวโร มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ปนฺตญฺจ สยนาสนํ อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธานํ สาสนํ ฯ แปล :
การไม่ทำความชั่วทั้งปวง ๑ การบำเพ็ญแต่ความดี ๑ การทำจิตของตนให้ผ่องใส ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขันติ คือ ความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า นิพพานเป็นบรมธรรม ผู้ทำร้ายผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต ผู้เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย
การไม่กล่าวร้าย ๑ การไม่ทำร้าย ๑ การสำรวมในปาฏิโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร ๑ ที่นั่งที่นอนอันสงัด ๑ ความเพียรในอธิจิต ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่เข้าใจกันโดยทั่วไป และจำกันโดยมาก ก็คือ ความในคาถาแรกที่ว่า ไม่ทำชั่ว ทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ผ่องใส ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สวัสดิ์สิริชีววาร สิริมานรมเยศนะคะ
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
2 comments |
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2554 23:55:06 น. |
Counter : 1229 Pageviews. |
|
|
|