"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 

เซียวเล้งนึ้ง เทพธิดากระบี่คู่สายฟ้า (1)







เซียวเล้งนึ้ง เทพธิดากระบี่คู่สายฟ้า (1)



โดยต่อพงษ์



สิ่งที่มีอยู่และทั้งยุทธภพในเรื่องมังกรหยก และลูกมังกรหยกยึดถือเหมือนกันว่าเป็นมาตรฐานก็คือ สุดยอดจอมยุทธทั้ง 5 ที่มาประลองกันบนเขาฮั่วซัวเมื่อ 25 ปีก่อน ถือได้ว่าเป็นสุดยอดผู้มีฝีมือสูงสุดในยุคสมัยนั้น

ทวนกันอีกทีก็คือ 5 ผู้ยิ่งใหญ่จาก 5 ทิศคือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคตะวันตก ประกอบไปด้วย กลางเทพเจ้าเฮ้งเต็งเอี๊ยง ยาจกอุดรอั้งชิกกง มารบูรพาอึ้งเอ๊ยะซือ ราชันย์ทักษิณต้วนทีเฮง และสุดท้ายก็คือพิษประจิมอาวเอี๊ยงฮง

ท่านผู้อ่านที่ไม่ได้อ่านอย่างละเอียดทราบไหมครับว่า การประลองครั้งนั้นเป็น “การประลองกระบี่” กิมย้งบอกไว้หลายครั้งมากกว่ามันคือการประลองกระบี่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลกดีว่า คนที่เข้าร่วมประลองนั้นดูเหมือนเฮ้งเต็งเอี๊ยงคนเดียวที่ใช้กระบี่

ที่เหลือเป็นทีเด็ดเพราะอย่างอื่นทั้งสิ้น ยาจกอุดรใช้หมัดกับไม้เท้าตีสุนัข ราชันย์ทักษิณใช้พลังดรรชนีสุริยันต์ ซึ่งก็เหมือนปืนกระสุนพลัง พิษประจิมใช้เพลงไม้เท้าอสรพิษ ส่วนมารบูรพาใช้ขลุ่ยหยกที่แทนกระบี่ แถมใช้เพลงฝ่ามือที่ดัดแปลงมาจากท่ากระบี่

จุดนี้เองที่ทำให้ผู้อ่านจำนวนหนึ่งรู้สึกหงุดหงิด เพราะเรื่องราวของคนใช้กระบี่นั้นในมังกรหยกภาคก๊วยเจ๋งดูย่ำแย่เอามากๆ จะมีก็แค่ 7 นักพรตจากช่วนจินก้าเท่านั้น แต่วิทยายุทธของคนเหล่านี้กิมย้งก็ให้ภาพว่ามันเหนือกว่าธรรมดานิดหน่อย

เพราะเหตุนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ พอกิมย้งเขียนภาคสองหรือจอมยุทธอินทรีคู่เทพยดา แกก็เลยเสกคนใช้กระบี่ขึ้นมา 2 คน และกระบี่ระดับเทพเจ้าอีก 1 เล่ม...ระดับที่สามารถใช้พิชิตได้ทั่วแผ่นดินกันเลยละครับ

2 คนที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่น เซียวเล้งนึ้ง นางเอกของเรื่องกับ เอี้ยก้วย ลูกศิษย์ของนางและคู่รักของนางนั่นเอง

ทั้งสองคนนี้ได้ฝึกกระบี่คู่ดรุณีใจหยกเย็นของสำนักสุสานโบราณขั้นสูงสุด ซึ่งเพลงกระบี่ที่ว่านี้ถือว่าเป็นดาวข่ม กระบี่ที่หนึ่งของแผ่นดินอย่างช่วนจินได้ด้วย แต่ในเวลาต่อมาเอี้ยก้วยก็เปลี่ยนแนวทางการใช้กระบี่ของตนเอง หันมาใช้กระบี่แบบที่สวนทางกับแนววิธีใช้กระบี่ทั้งมวลในยุคนั้น

นั่นคือ การถือกระบี่ยักษ์เหล็กนิลกาฬน้ำหนัก 70 ชั่งที่ใช้ความรุนแรง ความทื่อด้าน เข้าจัดการกับกระบี่เหล็กของสำนักอื่นๆที่ใช้วิถีมาตรฐานเร็วกว่า คมกว่า แม่นยำ งดงามแพรวพราว

แนวทางหรือวิถีแบบของเอี้ยก้วยนั้น แม้จะสืบทอดมาจากต๊กโกวคิ้วป้าย จอมกระบี่ที่มุ่งแสวงหาความพ่ายแพ้ในยุคสมัยของแก เอาเข้าจริงผมก็ยังไม่รู้สึกว่า มันได้โชว์กระบี่อะไร ตรงกันข้ามกับเซียวเล้งนึ้งนางเอกของเรื่อง

กิมย้งกลับบรรยายเสียจนเราเชื่อว่า ถ้าจะนับว่าใครคือยอดฝีมือที่ใช้กระบี่ได้สุดยอดแห่งยุคนับตั้งแต่เฮ้งเต็งเอี๊ยงลงมา...ผมว่าคนที่อ่านอย่างละเอียดจะคิดเหมือนกันว่า เซียวเล้งนึ้งนี่แหล่ะคือ เทพธิดาแห่งกระบี่ของจริงเลย!!

ผมขอใช้คำว่าเทพธิดากับเซียวเล้งนึ้ง เพราะ กิมย้งได้บรรยายความงามของเธอไว้แบบที่มนุษย์ไม่มีวันเป็นได้ดังนี้

ในฉากเปิดตัวต่อชาวโลกในเล่ม 2 ที่ ‘เล็กแกจึง’ ซึ่งเป็นงานชุมนุมชาวยุทธ กิมย้งยังบรรยายอีกว่า

‘ ... แม้แสงเทียนจะเป็นแสงสีแดงดั่งแสงสนธยา แต่เมื่อลูบไล้บนใบหน้านางแล้วยังคงซีดขาวไม่มีสีเลือด กลับยิ่งเน้นเป็นความงามที่ผุดผาดเหนือธรรมดา ชาวโลกมักใช้คำว่า

“สะคราญปานเทพธิดา” มาเปรียบเทียบความงามของสตรี แต่เทพธิดาจะมีความงามเท่าไหร่ไม่มีผู้ใดเคยรู้เห็นมาก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเห็นดรุณีอาภรณ์ขาวในใจของแต่ละคน ต่างมีคำว่าสวยสะคราญปานเทพธิดาเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ตลอดร่างนางคล้ายดั่งถูกคลุมด้วยละอองสีขาวบางๆอีกชั้นหนึ่งคล้ายจริงคล้ายมายาภาพ มิใช่เป็นคนมีชีวิตมาเลย’ ( อินทรีเจ้ายุทธจักร หน้า 733 วณ.เมืองลุง แปล)

ก็ไม่รู้ว่าเป็นตลกร้ายหรืออย่างไรก็ได้ที่กิมย้งยกให้คนที่สวยราวเทพธิดาต้องอยู่แต่ในฮวงซุ้ยโบราณ?

แต่ความสวยนั้นไม่ใช่ประเด็นที่อยากจะเขียน เพราะเรากำลังว่าด้วยความเป็นเทพธิดากระบี่ไร้เทียมทานของเซียวเล้งนึ้งอยู่นะครับ

เซียวเล้งนึ้งนั้นฝึกวิชาอยู่ในสุสานโบราณซึ่งเป็นวิชาของปรมาจารย์ลิ้มเจียวเอ็งซึ่งเก่งพอๆ กับเฮ้งเต็งเอี้ยง ผู้ก่อตั้งสำนักช่วนจิน แต่เมื่อเอี้ยก้วยมาอยู่ด้วยกันในสุสานทำให้เธอได้ฝึกกระบี่ดรุนีใจหยกเย็นและฝึกลมปรานดังกล่าวได้ถึงขั้นสุดยอด

นอกจากนั้นยังได้ฝึกวิชาในคัมภีร์เก้าอิม จากจารึกที่บนผนังที่เฮ้งเต็งเอี๊ยงสลักทิ้งไว้ ส่วนวิชาพื้นฐานเช่นการใช้แพร่ต่วนสีขาวผูกกระพรวน ก็นับว่ายอดเยี่ยม ยังมีถึงมือใยทองซึ่งป้องกับอาวุธได้ทุกรูปแบบ ตามมาด้วยเข็มพิษผึ้งหยกที่มีพิษร้ายกาจ

กระบี่คู่ของเอี้ยก้วย+เซียวเล้งนึ้งนั้น ยามเมื่อใจประสานกันโดยเอี้ยอ้วยใช้กระบี่ช่วนจิน ตัวเซียวเล้งนึ้งใช้กระบี่ของสุสานโบราณ แค่นี้ก็ถึงขั้นยากที่จะหาใครเปรียบแล้ว พยานแห่งความร้ายกาจนั้นอยู่ที่กิมลุ้นฮวบอ้วง ราชครูจักรทองผู้ที่มีฝีมืออยู่ในระดับท็อปเทนของยุทธจักร แต่กระบี่คู่ของคู่รักนี้ก็ทำให้กิมลุ้นต้องหัวซุกหัวซุนทุกทีไป

แต่จุดอ่อนของมันก็มี คือถ้าใจต่อใจไม่ประสาน พลังแห่งกระบี่ก็ไม่เกิด ยามเมื่อเอี้ยก้วยเจ็บปวดจากพิษดอกรักจนไม่สามารถผนึกใจกับเธอ กระบี่คู่นี้ก็คล้ายกับกระบี่ธรรมดาทั่วไป มิใช่มีอาณุภาพราวฟ้าร้องอีกต่อไป

แต่พลังฝีมือของเธอมาก้าวกระโดดสุดขีดเมื่อได้มีโอกาสเจอกับเฒ่าทารกจิวแป๊ะทงและได้เรียนวิชาแยกจิตใจและใช้สองฝ่ามือสู้กันเองจนกระทั่งเปลี่ยนมาใช้เป็นมือหนึ่งถือกระบี่ในแนวทางสุสานโบราณ อีกมือหนึ่งถือกระบี่สู้ในแนวทางของสำนักช่วนจิน

กลายเป็นว่า ไม่ต้องไปรอว่าใจจะประสานกับเอี้ยก้วยได้หรือเปล่า กลายเป็นกระบี่คู่ไร้เทียมทานที่ไม่มีช่องโหว่และมีอาณุภาพร้ายกาจที่สุดชนิดต้นตำหรับอย่างนักพรตช่วนจินยังต้องร้องไห้

เพราะ อุตส่าห์กักตัวฝึกเพื่อสร้างค่ายกลและชุดวิชาที่คาดว่าจะเอาชนะนางได้ พอเจอกับตัวจริงและกระบี่คู่ ความมั่นใจก็สลายลงทันที

ในเรื่องจอมยุทธอินทรีคู่เทพยดานี้ ถ้าจะมีฉากไหนที่บรรยายเกี่ยวกับความสำเร็จในเชิงกระบี่ของเซียวเล้งนึ้งได้ดีที่สุดก็ต้องเป็นที่เธอบุกเข้าไปถล่มสำนักช่วนจินในเล่มสามนั่นเอง ว่ามันเร็วเหลือร้ายอย่างไร

“ประกายกระบี่วูบขึ้น ได้ยิงเสียงดังติดต่อกันไม่ขาดหู สุ้มเสียงยังไม่ขาดหาย เซียวเหล่งนึ่งก็พุ่งถอยไปวาเศษ กลับมายังกึ่งกลางโบสถ์ ที่แท้สุ้มเสียงอันยาวนานนั้น เกิดจากการประทะกันติดต่อกัน ”สี่สิบ”กว่าครั้งในชั่วพริบตา

ทั้งสี่สิบกว่ากระบวนท่านี้เซียวเหล่งนึ่งใช้ออกอย่างรวดเร็ว ในความรู้สึกของเหล่านักพรตที่ดูอยู่ เพียงเป็นเสียงอาวุธประทะกันอย่างยาวนานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น..” (ยังมีต่อ)


ขอขอบคุณ

ผู้จัดการออนไลน์
คุณต่อพงษ์


โสรวารสิริวิบูลย์ค่ะ




 

Create Date : 16 กรกฎาคม 2554
0 comments
Last Update : 16 กรกฎาคม 2554 10:23:08 น.
Counter : 2013 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.