อันดับ 1 คือ A Dance with Dragons นวนิยายมหากาพย์แฟนตาซียอดขายถล่มทลาย ผลงานของนักเขียนชาวอเมริกัน George R.R. Martin ซึ่งเป็นภาค 5 ของซีรีส์ A Song of Ice and Fire ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2539
โดย 4 เล่มก่อนคือ A Game of Thrones, A Clash of Kings, A Storm of Swords และ A Feast for Crows โดยมาร์ตินวางไว้ว่าจะเขียนทั้งหมด 7 ภาค นิยายชุดนี้ถูกนำไปสร้างเป็นซีรีส์ฉายทางโทรทัศน์และได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
อันดับ 2 The Pale King เจ้าของรางวัลซาลอน บุ๊ค อวอร์ด ผลงานของ David Foster Wallace นักเขียนชาวอเมริกัน ซึ่งโด่งดังจากนิยาย Infinite Jest หนังสือที่ไทมส์เคยจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 100 นิยายยอดเยี่ยมนับจากปี 2466-2549
"The Pale King" เป็นผลงานที่ยังเขียนไม่เสร็จ เนื่องจากวอลเลซเสียชีวิตไปเสียก่อนเมื่อเดือนกันยายน 2551 โดยงานกว่า 50 บทที่วอลเลซทุ่มเททำมานานกว่า 10 ปี เพิ่งถูกตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
อันดับ 5 Started Early, Took My Dog โดย Kate Atkinson นิยายที่ว่าด้วยการผจญภัยไม่รู้จบแบบมืดมนหมองมัว แต่แสนเอร็ดอร่อย ของ "แจคสัน บรอดี" ตำรวจแสนซื่อในมหากาพย์ยุคใหม่ โบรดีเป็นตำรวจผู้ปราชัยในโลกแห่งความพ่ายแพ้ เศร้าโศกแต่ไม่ยอมถอยหลัง เขาอาศัยเงื่อนงำเพียงเบาบาง
อันดับ 6 The Family Fang นิยายเรื่องแรก ของ Kevin Wilson ว่าด้วยความสัมพันธ์ในครอบครัวอันยุ่งเหยิงระหว่างพ่อแม่และลูกๆ วัยรุ่นจอมกบฏที่มีช่องว่างระหว่างกัน วิลสันใช้กลวิธีการเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงจิกกัดที่สนุกจนยากจะวาง
อันดับ 7 Hark! A Vagrant โดย Kate Beaton เคทเป็นนักวาดการ์ตูนชื่อดัง จุดเด่นของเธอนอกจากจะอยู่ที่ลายเส้นอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ยังอยู่ที่อารมณ์ขันแบบเสียดสีในเรื่องราว ที่เธอเขียนด้วยซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องทางสังคมหรือประวัติศาสตร์ ระหว่างฮาๆ ก็เจ็บจี๊ดไปด้วยพลางๆ
อันดับ 8 คือนวนิยายแนวทริลเลอร์สยองขวัญ The Hypnotist โดย Lars Kepler นักเขียนชาวสวีดิช
อันดับ 9 เป็นนิยายที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ในครอบครัว Maine โดย J. Courtney Sullivan จุดเด่นของเรื่องนี้คือท่ามกลางความเศร้าหมองของเรื่องกลับมีความสุขแฝงอยู่ในนั้น
และสุดท้ายเป็นกราฟิก โนเวล The Death Ray โดย Daniel Clowes ว่าด้วยฮีโร่ที่หาสภาวะฮีโร่แทบไม่เจอ