รักเพียงสายลม
ไอแดดยามตะวันแตกแสงเต็มที่นั้นจับผิวเนื้อจนร้อนไปทั่วทั้งร่าง เมฆจางบนท้องฟ้าคล้ายถูกฟันด้วยมีดคมจนเป็นริ้ว ฉันนั่งเพียงลำพังบนม้าหินอ่อนริมสระน้ำกลางมหาวิทยาลัย สถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ที่ฉันใช้เขียนงานส่งอาจารย์เป็นประจำ เพราะมันทำให้ฉันเกิดสมาธิมากที่สุด แต่อากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้สมาธิของฉันคงกระเจิงไปถึงไหนต่อไหน บนโต๊ะเบื้องหน้าฉันมีกระดาษA4ที่ขาวสะอาดวางอยู่ มือขวาจับปากกาไว้แน่นตั้งฉากกับหน้ากระดาษนั้น แต่ยังไม่มีข้อความใดปรากฏเลย
ครู่หนึ่งสายลมแผ่วๆ ก็พัดผ่านมาพร้อมกับเสียงทักทายละมุนหู ขอโทษครับ ฉันค่อยหันไปมองเจ้าของเสียง และสายตาก็ประสานกับชายหนุ่มในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ ใบหน้าของเขาสะอาดสะอ้าน มองคร่าวๆจัดว่าหน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์มากทีเดียว
ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ เขาพูดพลางยิ้มเล็กๆ ฉันพยักหน้าตอบรับแล้วจัดของที่รกบนโต๊ะให้มีระเบียบ น่าแปลกที่เวลานี้ไม่รู้สึกร้อนเหมือนเช่นเคย แต่สมาธิก็ยังไม่สถิตย์ที่ใจฉันเหมือนเดิม เขานั่งฝั่งตรงข้ามกับฉัน สายตาของเขาจับจ้องที่หนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ มีหลายครั้งที่เขาลอบมองมาทางฉันบ่อยๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ทุกครั้งที่ฉันลอบมองเขา สายตาของเราก็จะประสานกัน
สำหรับฉันต้องนี้เขาเปรียบเสมือนสายลมที่พัดมาหวิวๆ ต้องผิวเนื้อให้คลายร้อน แม้ในตอนนี้สมาธิของฉันจะยังไม่เกิด แต่ปากกาในมือฉันเริ่มวาดตัวอักษรลงบนแผ่นกระดาษแผ่นนั้นแล้ว
ลมลู่ พัดหวิว ต้องผิวเนื้อ ยามเมื่อ เธอปรากฏ ตรงหน้าฉัน แสงแดด แผดแรง เช่นทุกวัน แต่กายพลัน ร้อนคลาย ด้วยสายลม
หลังจากวันนั้นเราได้พบกันที่เดิมบ่อยครั้ง และได้รู้จักกันมากขึ้น เขาเรียนอยู่คณะบริหารธุรกิจ ทุกครั้งที่เขามานั่งในมือจะถือตำราเรียนมาอ่านด้วยเสมอๆ ต่างจากฉันที่ใช้พื้นที่ตรงนั้นสร้างอารมณ์ในการเขียนนิยายหรือวรรณกรรมสำหรับเด็ก
แพรเขียนนิยายด้วยหรือครับ เก่งจังเลยนะ เขาถามขึ้นพลางชะโงกหน้ามาอ่านข้อความในกระดาษของฉัน
อืม บางทีแพรก็เขียนนิทานสำหรับเด็กเหมือนกัน แต่ไม่ได้เก่งอะไรหรอกเขียนส่งอาจารย์น่ะ ฉันตอบพลางยิ้มให้เล็กน้อย
ผมขออ่านงานของแพรบ้างสิ เผื่อในงานนั้นจะปรากฏตัวตนของแพรให้ผมได้รู้จักมากขึ้น เขาจ้องเข้ามายังนัยน์ตาของฉัน พลางยิ้มหวานให้
ฉันก้มหน้าหลบสายตาหวานซึ้งของเขา ไม่มีถ้อยคำใดออกจากปากของฉัน นอกจากรอยยิ้มน้อยๆ
******************************************
เวลาผ่านไปสามเดือนเรายังคงคบกันในฐานะเพื่อนต่างคณะ แต่ความสัมพันธ์ของเราเริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะนั่งคุยกันที่ริมสระน้ำแล้ว เรายังทานข้าวด้วยกันบ่อยครั้ง แม้ว่าเราจะเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่เราก็ไม่สนิทกันถึงขนาดที่หยอกล้อเล่นหัวกันได้เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ คล้ายกับว่าต่างคนต่างมีความลับในใจแอบแฝงอยู่ จึงทำให้เราไม่กล้าตีสนิทกันมากนัก ฉันเชื่อเช่นนั้น เพราะฉันเองก็มีความในใจแฝงไว้เหมือนกัน และไม่นานจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราก็มาถึง
แพรครับ คือผม...ชอบแพรนะ เขาเอ่ยขึ้นขณะที่เรากำลังนั่งเล่นกันริมสระน้ำ
ไผ่ว่าอะไรนะคะ ฉันมองหน้าเขาด้วยสีหน้าแปลกใจและตกใจเล็กน้อย
ผมชอบแพรมานานแล้ว ชอบก่อนแพรจะรู้จักผม วันนั้นผมยังไม่กล้าบอกแพรเพราะเรายังไม่รู้จักกันมากนัก แต่วันนี้เรารู้จักกันมากขึ้นแล้ว ผมจึงกล้าบอก แพรครับ คบกับผมได้ไหมครับ สีหน้าของเขาจริงจัง สายตาเป็นกังวลเล็กน้อย ฉันไม่มีคำตอบอะไรให้จึงได้แต่พยักหน้าพลางส่งยิ้มเล็กๆ ไปตามประสา คำตอบที่ไม่เป็นคำพูดของฉันทำให้ใบหน้าของเขาเปื้อนยิ้ม และสายลมก็โพยพัดคล้ายแสดงความยินดีกับเราทั้งคู่
******************************************
ความสัมพันธ์ของเราก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่ผ่านเลย เราเจอกันบ่อยครั้งขึ้น และมีกิจกรรมพิเศษตามแบบคู่รักทั่วไปมากขึ้นกว่าเมื่อตอนเป็นเพื่อน ก่อนนอนฉันจะโทรไปหาเขาทุกคืน และเขาก็จะบอกให้ฉันหลับฝันดีทุกครั้งก่อนวางสาย ในตอนแรกฉันแอบน้อยใจบ้างเล็กน้อยที่เขาไม่เคยโทรมาหาฉันก่อนบ้างเลย แต่ก็ไม่ถือสาอะไรมากนัก
ฉันจำได้ว่าเขาบอกรักฉันวันแรกเมื่อเราคบกันได้ประมาณหนึ่งเดือนเศษ ฉันยิ้มอย่างเขินอาย เขาเองก็อายไม่แพ้กัน ฉันไม่พูดอะไรตอบเขาไปและเขาก็ไม่ทวงถามหาความรักจากฉัน หลังจากวันนั้นเขาก็พูดคำว่ารักให้ฉันฟังทุกวัน แต่ฉันก็ไม่เคยบอกรักเขาเลย
ผมรักแพรนะ เขาพูดขึ้นในวันที่เราครบรอบคบกันได้สามเดือน ฉันไม่เขินอายมากนักเพราะคำนี้เขาพูดให้ฉันฟังแทบทุกวัน
แพรรักผมบ้างไหม แพรไม่เคยบอกรักผมเลยสักครั้ง เขามองเข้ามายังนัยน์ตาของฉันคล้ายหาคำตอบ ฉันยิ้มพลางหยิบกล่องกระดาษใบเล็กขึ้นมาแล้วยื่นให้ เขารับด้วยสีหน้าสงสัย เมื่อเขาหยิบสมุดเล่มน้อยออกจากหน้าปกเขียนว่า บันทึกของเรา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กน้อย
อะไรครับแพร
ไผ่อ่านดูแล้วจะรู้คำตอบที่ไผ่ถามแพรเมื่อกี้ ฉันตอบพลางยิ้มให้ ใช่ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาตั้งแต่แรกเริ่ม ถูกบันทึกไว้ในนั้นหมดแล้ว นับตั้งแต่วันแรกที่เจอเขาจนวันที่เราคบกันสามเดือน ฉันเขียนมันไว้ทุกวันจริงๆ
ผมรักแพรที่สุดเลยนะ เขาพูดพลางจับมือของฉัน และสายลมก็พัดมาพร้อมกับคำรักคำนี้ของเขา ความเย็นของมันผ่านเข้าไปถึงหัวใจของฉัน
******************************************
เวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งครบหนึ่งปีที่เราได้คบกัน เราทั้งคู่ต่างคนต่างก็มีงานของตัวเองจึงไม่มีเวลาได้พบกันเหมือนตอนที่ยังเรียนอยู่ แต่ความรักของเราก็ยังคงดำเนินไปด้วยดี แม้มันจะราบเรียบไม่หวือหวาเหมือนหนุ่มสาวทั่วไป
ทุกคืนฉันยังคงเป็นฝ่ายโทรไปหาเขา ฉันไม่แน่ใจว่าถ้าฉันไม่ได้โทรไปสักวันเขาจะโทรมาหาฉันบ้างไหม เพราะฉันไม่กล้าลองใจเขาอย่างนั้น หากเขาไม่โทรมาแล้วคนที่เสียใจคือฉัน แม้ในบางวันฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับเขา แต่ฉันก็ต้องโทรไปเพื่อฟังคำรักหวานหูจากปากของเขา หรืออย่างน้อยได้ฟังเสียงลมหายใจของเขาก็ยังดี แค่นี้ก็ช่วยให้ฉันมีความสุขมากพอแล้วแม้เพียงชั่วขณะหนึ่งก็ตาม
******************************************
ความรักของเราแม้จะดูสดใสราบรื่นดี แต่มันก็เป็นแค่ภายนอกที่ฉันพยายามให้เป็นไปเหมือนเดิมเท่านั้น ยิ่งนานฉันก็ยิ่งรู้สึกเหว่หว้า เพราะนอกจากคำว่ารักที่เขาเพียรบอกกับฉันแล้ว มันก็ไม่มีสิ่งใดที่เป็นเครื่องยืนยันคำรักของเขาได้เลย ฉันเพียงแค่ขอให้เขาโทรหาฉันบ้าง ไถ่ถามความเป็นไปของฉันบ้าง แต่ก็ไม่มีเลยสักครั้ง ในบางครั้งที่ฉันไม่สบายฉันอยากให้เขามาเยี่ยมหรือโทรหาด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่มี ไม่แม้แต่จำได้ยินเสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือ
ไผ่ ทำไมไม่มาเยี่ยมแพรบ้าง ไม่โทรหาแพรบ้างแพร ไผ่ไม่ห่วงแพรเลยเหรอ ฉันถามเพราะความน้อยใจที่อัดแน่นอยู่ในอก น้ำตาของฉันไหลรินลงแก้มสองข้าง แม้เขาจะมองไม่เห็น แต่น้ำเสียงสะอื้นไห้คงจะทำให้เขารู้บ้างว่าฉันทุกข์ใจมากมายเพียงใด
ห่วงสิครับ ทำไมจะไม่ห่วง แพรอย่าคิดมากเลยนะ ผมห่วงแพรและคิดถึงแพรมากที่สุดนะ แพรคือคนที่ผมรักมากที่สุด ผมจะไม่ห่วงแพรได้ยังไง
แพรแค่อยากให้ไผ่โทรหาแพรบ้าง อยากให้ไผ่แสดงออกว่าไผ่รักแพรจริงๆ
ผมรักแพรจริงๆ นะ แพรเชื่อมั่นในตัวผมนะ เขาตอบด้วยน้ำเสียงหวานซึ้ง ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อนฉันคงอดยิ้มจนแก้มปริไม่ได้ แต่สำหรับตอนนี้ยิ่งเขาพูดว่ารักฉันมากขึ้นเท่าใด มันก็ยิ่งทำให้ฉันเจ็บแปลบที่หัวใจมากขึ้นทุกที ฉันเคยพยายามไม่คิดมากเรื่องนี้ แต่บางครั้งมันก็อดคิดไม่ได้ทุกที
ยิ่งนานฉันก็รู้สึกถึงความเหินห่างระหว่างฉันกับเขา แม้เขายังคงเหมือนเดิม เพียรบอกรักฉันทุกวัน แต่ในใจของฉันมันเต็มไปด้วยคำถาม ฉันไม่เข้าใจว่าเขารักฉันแบบไหน หรือฉันเองที่เรียกร้องต้องการมากเกินไป ฉันได้แต่เก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ในจนคนเดียวเรื่อยมา
******************************************
ต่อมาไม่นานนักฉันต้องเดินทางไปทำงานที่ภาคเหนือเป็นเวลาสี่วัน และฉันคิดว่านี่คงเป็นโอกาสที่ฉันจะไม่คิดฟุ้งซ่านเรื่องเขา อยู่ห่างกันบ้างคงจะดีขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้วความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ย่ำแย่เลย แต่เป็นที่หัวใจของฉัน ของฉันคนเดียว
ไผ่คะ แพรต้องไปปาย4วันนะ ฉันบอกเขาในเย็นที่เรานัดเจอกันหลังเลิกงาน
จำเป็นต้องไปด้วยหรือแพร เขาถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเป็นกังวล มันทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยเขาก็ดูเป็นห่วงฉันบ้าง
ค่ะ แพรต้องไปทำงาน ไผ่จะไปด้วยกันมั้ยล่ะ ฉันถามโดยไม่หวังคำตอบ เพราะฉันรู้ดีเขาไปไม่ได้อยู่แล้ว เขาเองก็มีงานของเขา
ผมคิดถึงแพรแย่เลย เขาพูดพลางส่งยิ้มหวานให้ ฉันยิ้มตอบเขาเล็กน้อยก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่น
******************************************
ปาย จ.หวัดแม่ฮ่องสอน
ในวันแรกที่ฉันมาถึง ฉันต้องทำงานตลอดทั้งวัน ไม่มีเวลาให้ต้องมาคิดถึงหรือโทรไปหาเขา และก็ไม่มีโทรศัพท์จากเขามาหาฉันเช่นกัน ฉันจึงตัดสินใจว่าจะไม่โทรไป
เวลาผ่านหนึ่งวัน...สองวันและล่วงเข้าสู่วันที่สาม ก็ยังไม่มีแม้แต่โทรศัพท์หรือข้อความจากเขา ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ แม้ฉันจะไม่โทรไปหาเขาแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะส่งข้อความไป อย่างน้อยให้เขารับรู้ความเป็นไปของฉัน ข้อความที่ฉันเพียรส่งมีทั้งคำหวานและถ้อยคำแสดงถึงความน้อยใจปนกัน
ฉันเหลือบสายตาไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ ภายในห้องพัก หวังเพียงให้เขาโทรมาหาฉันบ้าง แต่ไม่...ไม่มีเลย มันจึงทำให้ฉันตัดสินใจบางอย่างได้ ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบรรจงพิมพ์ข้อความลงไป ไผ่คะ เราห่างกันสักพักเถอะนะ แพรเหนื่อยเหลือเกิน สับสนไปหมดไม่รู้ว่าไผ่ให้แพรน้อยเกินไปหรือแพรต้องการมากเกินไปกันแน่ แพรขอเวลาทบทวนหาคำตอบให้กับตัวของแพรเอง หวังว่าไผ่คงเข้าใจแพรเหมือนกับที่แพรพยายามเข้าใจไผ่มาตลอด หลังจากที่ข้อความถูกส่งไปฉันจึงตัดสินใจปิดเครื่องเสีย
******************************************
พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นเหนือขอบฟ้า เหล่านกกาต่างพากันทักทายดวงตะวัน ฉันยืนมองทิวทัศน์ที่ตรงระเบียงห้องพักของรีสอร์ท สายลมแผ่วๆ โพยพัดมาต้องผิวกายของฉัน มันเป็นสายลมที่ทำให้ฉันชื่นใจ เวลาผ่านไปสามวันแล้วหลังจากที่ครบกำหนดการมาทำงานของฉัน สามวันแล้วที่ฉันปิดโทรศัพท์ไม่ติดต่ออะไรกับใคร และสามวันกับการค้นหาคำตอบเรื่องระหว่างเรา
ฉันหยิบโทรศัพท์เครื่องเดิมที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะ ตัดสินใจเปิดเครื่องหลังจากที่ปิดมันมาตลอดสามวัน ทันทีที่เปิดเสียงข้อความเข้าก็ดังขึ้นนับครั้งไม่ท้วน มันคือข้อความที่ระบบบันทึกว่ามีใครโทรมาบ้าง และคือข้อความที่มีคนฝากเอาไว้ แน่นอนมันเป็นข้อความจากเบอร์ของเขาทั้งสิ้น
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉัน ในที่สุดเขาก็โทรมาหาฉันจนได้ และคำตอบที่ค้นหามาตลอดสามวันก็ปรากฏขึ้นในใจ สายลมพัดมาอีกครั้ง พัด...ลงสู่หัวใจของฉันอีกครั้ง
Create Date : 14 ตุลาคม 2550 |
|
21 comments |
Last Update : 14 ตุลาคม 2550 23:03:13 น. |
Counter : 733 Pageviews. |
|
|
|