เพราะเรา...เพื่อนกัน...
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
7 พฤศจิกายน 2549
 
All Blogs
 

เรื่องสั้น : ความรักที่ทดแทนไม่ได้ (1)

รูปภาพในมือของสมศรีมีหลายรูป บางรูปก็เป็นสีขาวดำที่กระดาษออกจะเหลือง ๆ แล้ว บางรูปก็เป็นรูปสี แต่ก็ดูเก่าแล้วเช่นกัน เธอมองดูรูปเหล่านั้น แล้วน้ำตาที่เพิ่งจะเหือดแห้งไป ก็กลับไหลมาอีก

เธอเช็ดน้ำตา หยิบเอารูปหนึ่งจากหลาย ๆ รูปขึ้นมาดู ในรูปเป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่ง ฝ่ายหญิงสวมชุดแต่งงานสีขาวดูสดใส ฝ่ายชายก็สุดเท่ห์ในชุดสูทสีเทา ดูเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

ผู้หญิงและผู้ชายในรูปนั้น คือเธอกับเขา....

.................................................................

เขาเป็นหนุ่มข้าราชการ อนาคตไกล ส่วนเธอเป็นสาวน้อยบ้านนอกที่เข้ามาหางานทำในกรุงเทพ และเผอิญโชคดีได้งานในร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง บ้านเขาอยู่ในซอยลึกเข้าไป ยามเช้า-เย็น เขาจะเดินผ่านหน้าร้านเสมอ เธอไม่รู้ว่าเธอรักเขาเมื่อใด แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพียง 2 ปี เธอก็ตอบตกลงแต่งงานกับเขา

ในวันแต่งงาน มีแขกเหรื่อมากมายมาแสดงความยินดี ด้วยความเป็นคนกว้างขวางของคุณพ่อของเขา เธอนึกฝันถึงความสุขที่เธอจะได้รับหลังจากแต่งงาน และความสุขนั้นก็ฉายชัดอยู่บนใบหน้าเจ้าสาวอย่างที่ทุกคนอดเอ่ยปากชมไม่ได้

หลังงานแต่งเธอลาออกจากงานที่ร้านเพื่อมาเป็นแม่บ้านให้เขาเต็มตัว เธอย้ายมาอยู่ที่บ้านเขาซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ มีพี่น้องและญาติ ๆ อยู่รวมกันหลายคนอย่างที่เธอนึกไว้ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยนึกถึงเลย นั่นก็คือการที่เธอต้องเผชิญกับปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ อย่างในละครน้ำเน่าที่เธอเคยปรามาสอยู่เสมอว่า มันไม่มีจริง และเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอได้เจอของจริงแล้ว

เธออยู่ที่บ้านนั้นอย่างอดทน มีเพียงเขาและลูกอีก 2 คนเท่านั้น ที่เป็นแรงใจให้เธอสู้ต่อไป ลูก ๆ ของเธอเป็นเด็กน่ารัก คนโตเป็นผู้ชาย คนเล็กเป็นผู้หญิง แต่ถึงแม้เธอจะสู้และอดทนเพียงใด เธอก็ยังเฝ้าภาวนาขอให้ ความทุกข์ทรมานนี้หมดไปโดยเร็วก่อนที่เธอจะหมดความอดทน

แล้วคำภาวนาของเธอก็สัมฤทธิ์ผล แต่....
......................................................................

“แม่ พ่อไปไหนเหรอ” เสียงลูกสาวตัวน้อย วัย 5 ขวบ ร้องถาม ลูกสาวคนนี้จะสนิทกับพ่อมากเป็นพิเศษ เธอหันมาดึงลูกไปกอดแนบอก น้ำตาไหลนองเต็มหน้า พร้อมด้วยเสียงสะอึกสะอื้น

“แม่ พ่อไปไหน หนูจะหาพ่อ” เสียงลูกสาวยังถามต่อ เธอกอดลูกน้อยแน่นขึ้น ก่อนกระซิบเบา ๆ ว่า

“พ่อไปสวรรค์แล้วลูก” ตอบได้เท่านั้น ทำนบน้ำตาก็พังลงมาราวกับว่าจะไม่มีวันเหือดแห้งกระนั้น
........................................................................

เขาจากเธอไปด้วยโรคร้ายที่รุมเร้าเขาอยู่นานปี ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งลูกน้อยทั้งสองให้เธอต้องดูแล เธอจะทำอย่างไรดี

เธอขนของออกจากบ้านนั้นทันทีที่เสร็จงานศพ แล้วไปเช่าบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ในซอยถัดไป เงินเก็บที่เธอมีอยู่บ้างคงพอประทังชีวิตไปได้สักพัก แต่ลูกที่กำลังโต ทำให้เธอตัดสินใจไปสมัครงานเป็นพนักงานในโรงงานละแวกนั้น พร้อมกับหารายได้พิเศษโดยการทำงานบ้านในตอนเย็นให้กับนายช่างในโรงงานที่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้กับโรงงาน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรหมลิขิตหรือเพราะเหตุผลใด หลังจากผ่านไปเกือบปี เธอก็หอบลูกย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเช่านั้น ไม่ใช่ในฐานะคนทำงานบ้าน แต่ในฐานะภรรยาของนายช่าง

ชีวิตหลังจากนั้นมีความสุขพอสมควร เธอมีลูกให้กับนายช่างอีก 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ นายช่างเข้ากับลูกสาวทั้ง 3 คนได้ดี แต่กับลูกชายคนโตไม่ค่อยสนิทมากนัก อาจเป็นเพราะเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ก็ได้ เธอคิดเช่นนั้น
.......................................................................

สมศรีหยิบรูปอีกใบหนึ่งขึ้นมาจากกองรูป เป็นภาพของเธอกับนายช่าง และลูกสาวทั้ง 3 แต่ไม่มีลูกชายคนโต ก็ผู้ชายคนนี้มิใช่หรือที่เธอเคยลั่นวาจาต่อหน้าเขาไว้ว่า “จะไม่มีวันร้องไห้ให้เขา ถึงแม้เขาจะตายจากไป”

หากเปรียบผู้ชายคนแรกเป็นคู่แท้ ผู้ชายคนที่ 2 นี้ก็คงต้องเป็นคู่ทุกข์

........................................................................

เธอใช้ชีวิตคู่ครั้งที่ 2 อย่างสงบสุขมาได้ประมาณ 10 ปี โดยไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเสียใจที่สุด

นายช่างมีปัญหากับผู้จัดการโรงงานคนใหม่ ด้วยความเป็นคนตรงของเขา และไม่เคยยินยอมให้ใครมาหาผลประโยชน์กับโรงงาน หลังจากมีปากเสียงกับผู้จัดการหลายครั้ง เขาก็ตัดสินใจลาออกจากโรงงานโดยไม่ปรึกษาและไม่ฟังเสียงทัดทานของใครแม้แต่คนเดียว

หลังจากลาออก เขาได้เงินมาก้อนหนึ่ง เขาได้เพียรพยายามหางานอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยอายุที่มาก ทำให้ไม่ได้รับการพิจารณาจากโรงงานใด จนท้ายที่สุดเขาก็ได้งานเป็นผู้จัดการสโตร์ในโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งแม้เงินเดือนจะน้อยกว่าที่เดิม แต่เรื่องเงินก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะทั้งเขาและเธอไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยอะไร

หากเป็นเพราะความเป็นคนรักศักดิ์ศรี บวกกับความผิดหวังอย่างรุนแรงจากที่ทำงานเก่า ทำให้เขาหันไปหาเหล้าเป็นเพื่อนปลอบใจตั้งแต่นั้นมา

แล้วก็ถึงวันหนึ่ง วันที่เธอจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต วันนั้นเขานั่งกินเหล้าตามปกติ ลูกชายคนโตของเธอเพิ่งกลับมาจากข้างนอก มาถึงก็เปิดเพลงฟังเสียงดัง ซึ่งก็เป็นปกติของเขา แต่วันนั้นมันคงเป็นวันไม่ปกติ จู่ ๆ เขาก็เดินไปที่ห้องของลูกชาย และบอกให้เขาเบาเพลงลง ด้วยอารมณ์วัยรุ่น หรือด้วยอะไรก็เหลือจะเดา ลูกชายได้เถียงเขา จากเรื่องเพลง ก็ลุกลามไปเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย เธอเข้าห้ามปรามโดยกันนายช่างออกไป แล้วหันไปบอกลูกชายก่อนจะออกจากห้องว่า ให้เปิดเพลงเบา ๆ หน่อย

ทันใดนั้น หัวใจเธอก็กระตุกวูบอย่างรุนแรง นี่เธอต้องพูดอะไรผิดไปแน่นอนเลย เพราะลูกชายได้หันมามองหน้าเธอด้วยแววตาที่เธอบรรยายไม่ถูก และไม่อาจจะลืมเลือนได้เลย หลังจากนั้นลูกชายก็หุนหันออกจากบ้านไป และไม่กลับมาอีกเลย

เธอเศร้าโศกปานจะขาดใจ เพราะลูกชายคนนี้เป็นตัวแทนของคนที่เธอรัก เธอโยนความผิดทั้งหมดให้กับนายช่าง เธอหมางเมิน เย็นชา และไม่ค่อยสนใจในตัวเขา ปล่อยหน้าที่ในการดูแลต่าง ๆ ให้กับลูกสาวทั้ง 3 คน ทุกวันเธอจะเฝ้ารอ และภาวนาให้ลูกชายกลับมา เธอภาวนาอยู่เช่นนั้น จนเวลาล่วงไป 2 ปี คำภาวนาของเธอก็เป็นผล

(อ่านต่อตอนหน้าจ๊ะ)




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2549
9 comments
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2549 15:45:06 น.
Counter : 724 Pageviews.

 

โทษทีนะคะ เพิ่งเห็นหลังไมค์อ่ะค่ะ พอเห็นแล้วก็รีบเข้ามาอ่านทันทีเลย เป็นเรื่องหนักและเศร้าจังเลยค่ะ ปกติไม่ค่อยได้อ่านเรื่องเศร้าๆ เท่าไหร่ แม้ว่าตัวเองจะเป็นคนเศร้าง่ายก็ตาม แต่อ่านแล้วก็อยากรู้ตอนต่อไปอ่ะค่ะ รีบมาต่อเร็วๆ นะคะ คนสวย

 

โดย: galdewis 8 พฤศจิกายน 2549 17:19:05 น.  

 

ของแอมยังเขียนได้สามบันทัดอยู่เลยพี่สาว
หนูหูอื้อตาลาย คล้ายจะเป็นลม
เขียนไม่ออก เรื่องสั้นของหนูชาตินี้ก็คงเขียนไม่จบ
ไม่เคยเขียนได้เกิน 2 หน้าสักที
เรื่องสั่นของจริง เอิ้ก

 

โดย: แอม (sugarhut ) 8 พฤศจิกายน 2549 20:37:23 น.  

 

แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ

 

โดย: หวานเย็นผสมโซดา 8 พฤศจิกายน 2549 23:25:03 น.  

 

โอ๊ยโย่! ทำไมความเห็นเรามันโคลนนิ่งตัวเองอย่างงี้ล่ะคะ ต้องขอโทษคุณทิวลิปฯ ด้วย ทำให้หน้ารกไปหมดเลย คุณทิวลิปฯ ช่วยลบคห. 1 กับ คห. 2 ของเราทิ้งให้ด้วยนะคะ ขอโทษอีกที

 

โดย: galdewis 9 พฤศจิกายน 2549 6:39:57 น.  

 

คุณgaldewis ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็รออยู่แล้ว คาดว่าตอนจบจะเอามาลงให้ในวันนี้ล่ะค่ะ แต่ขอจัดการกับ background บล็อกตัวเองก่อน เลือกมาหลายอันแล้วยังไม่เจออันที่ชอบสักที ถ้าใครเข้ามาช่วงนี้แล้วเห็นบล็อกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา โปรดเข้าใจด้วยว่า ทิวลิปยังลังเลอยู่นะจ๊ะ

นู๋แอม หัดเขียนไปเรื่อย ๆ พี่เองกว่าจะเริ่มได้ก็นานแสนนาน แถมพอเริ่มได้แล้ว กว่าจะเริ่มเรื่องใหม่จะนานขนาดไหนก็ไม่รู้ ยังไงเขียนเสร็จส่งมาให้พี่อ่านบ้างนะจ๊ะ

คุณหวานเย็นผสมโซดา ขอบคุณที่แวะมาค่ะ เดี๋ยวจะแวะไปเยี่ยมที่บ้านนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

 

โดย: ทิวลิปสีน้ำเงิน 9 พฤศจิกายน 2549 8:55:19 น.  

 

พี่สาวมันจะจบไหมนี่ หนูว่าปีหนึ่งมันคงจะไม่จบล่ะ

คิดไม่ออก อุตส่าห์ สร้างสถานการณ์ บิ๊วอารมณ์
เสียเวลาอิ๊บ เอิ้ก

 

โดย: แอม (sugarhut ) 9 พฤศจิกายน 2549 12:02:05 น.  

 

มาเยี่ยมเยียนหลังจากไม่ได้แวะมาทักเป็นเวลา...หลายวันก็แล้วกันเนาะ

บาย...........................................................

 

โดย: คายตรี (คายตรี ) 10 พฤศจิกายน 2549 0:39:43 น.  

 

อ้อ! ยังไม่ลงตอนจบ (แวะมาดูเป็นระยะๆ ค่ะ เดี๋ยวแวะมาใหม่ค่ะ)

 

โดย: galdewis 10 พฤศจิกายน 2549 6:52:50 น.  

 

...สวัสดีค่ะคุณคายตรี คิดถึงเหมือนกันนะคะ

...คุณ galdewis มาลงให้แล้วค่ะ

 

โดย: ทิวลิปสีน้ำเงิน 10 พฤศจิกายน 2549 11:49:27 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ทิวลิปสีน้ำเงิน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




.....คนเราทุกวันนี้ใช้ชีวิตหมดไปกับกาลเวลาที่ผันผ่าน จนลืมที่จะมองหาความงดงามและความอ่อนโยนในชีวิต หลายคนเพียรค้นหา และหลายคนไม่มีวันพบเจอ.....
Friends' blogs
[Add ทิวลิปสีน้ำเงิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.