ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2553
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
23 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
"อาทิตย์เดียวเที่ยวไปสองภู ฉบับภูกระดึง"

(เนื่องจากบันทึกนี้เมื่อปี 46 ลงไว้ที่พันทิพแต่กระทู้ได้ตกไปนานแล้ว เลยย้ายมาเก็บไว้ที่ blog ครับ)


SmileySmileySmileyนั่งรถเมล์แดงจากเมืองเลย ราคา 32 บาท เป็นรถเลย-ขอนแก่น นานมากแล้วที่ไม่ได้นั่งรถแบบนี้

ทำให้รู้สึกได้บรรยากาศอีกแบบ ออกจากเมืองเลยมาได้สักพักฝนเริ่มตกอีกครั้งระยะทาง 56 กม. กับสายฝนที่หล่นพรำลงมาตลอด

ทำให้คิดหวั่นในใจว่าจะขึ้นภูกระดึงได้หรือเปล่า ขึ้นไปเจอฝนก็ฮาซิครับ นั่งมองสายฝนโปรยปรายผ่ายกระจกรถเมล์

ทำให้รู้สึกเหงาๆขึ้นมาทันที(เข้มแข็งไว้ นายวิทยา สองขาเดินไป ด้วยใจที่เข้มแข็ง ) “บอกกับตัวเองครับ” ระยะทาง 56 กม.

กับเวลากลางสายฝน 1 ชั่วโมงก็มาถึงร้านเจ้กิม ฝนก็หยุดตกพอดีเขามาสอบถามพี่แป๋วซึ่งขายตั๋วรถแอร์เมืองเลย

เพื่อจะได้ทราบสภาพอากาศที่นี้ และจะขอนอนหลังบ้านเจ้กิมคืนนี้ พี่แป๋วบอกว่า “ฝนก็เพิ่งตกวันนี้ สงสัยว่าผมนั้นแหละเอามาด้วย”

ขอตัวไปอาบน้ำหลังร้าน เจอน้องผู้หญิงสองสาวเพิ่งลงมาจากภูวันนี้ สอบถามแล้วข้างบนฝนก็ตกแต่ตกนิดเดียวก็หยุด




และวันนี้ก็มีคนลื่นตกน้ำตกขาหักไปหนึ่งคนต้องหามลงมา คุยๆไปน้องเข้าอยากไป ทีลอซู ผมเลยแนะนำให้ไปหาน้าล่ำ

บุญล่ำทัวร์นั้นล่ะครับ(ซี้กันครับ) ให้เบอร์น้องเขาไปแล้วไปอาบน้ำให้สบายตัว กินข้าวเสร็จกลับมานั่งคุยกันต่ออีกสักพักจนน้องเขาขึ้นรถ

ผมก็จัดการกางเต้นท์นอน เอาแรงไว้ขึ้นภูกระดึงวันพรุ่งนี้ 6 โมงกว่า นาฬิกาปลุกให้ทราบเวลา ก็นอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่

ไปล้างหน้าแปรงฟัน เก็บเต้นท์ ยังเก็บไม่ทันเสร็จพี่แป๋วมาเรียก ว่ามีเพื่อนๆรอขึ้นรถอยู่พร้อมหรือยัง(เพื่อนไหนล่ะครับ มาคนเดียวครับ)

ออกมาเจอน้องสี่คนเตรียมตัวจะไปกันแล้ว มีคนช่วยหารค่าสองแถวแล้วครับ แต่ไม่รู้รีบไปทำไม่(ไปเร็วก็ต้องไปรอเจ้าหน้าที่ เปิดภูอยู่ดี กว่าจะเปิดก็ 8 โมงเช้า)

มากันสี่คน หญิง 1 ชาย 3 ท่าทางยังไม่เคยมากัน “เอาไปก็ไป ข้าวก็กินไม่ลง” สอบถามแล้วหนึ่งในสี่เคยมาครั้งหนึ่งที่เหลือยังไม่เคยมากันเลย

มาถึงที่ทำการเงียบครับ ไม่มีเจ้าหน้าที่สักคน(ไม่อยากบอกว่ามาเช้าไปก็เท่านั้น)ก็นั่งรอซิครับ รอจนเจ้าหน้าที่มากันครบทุกจุด

จ่ายค่ากางเต้นท์ ชั่งน้ำหนัก ค่าธรรมเนียม ก็บอกให้ทั้งสี่ไปตามจุด แล้วผมก็เดินขึ้นไปปล่อยให้น้องเขาเดินกันเอง

ก็เดินขึ้นไปเรื่อยๆ แต่รู้สึกว่ามันเหนื่อยจัง สงสัยเพราะอ่อนเพลียมาจากภูหลวงเป็นแน่ เพราะทุกครั้งไม่เคยเป็นแบบนี้

เดินไปพักไปตลอดทาง(หรือว่าเราแก่เกินขึ้นภูแล้วนี้) ที่ไม่อยากเดินด้วยก็เพราะกลัวน้องๆเขาเห็นเราหมดสภาพนี้ล่ะครับ




ก็ผ่านซำแฮกมาจนได้ แวะที่ซำกกซาง ต้องเติมน้ำตาลเข้าสายเลือดแล้วเพราะท่าจะขาดน้ำตาล อ่อนเพลียเหลือหลาย

ได้ชาเย็นมาช่วยดีขึ้นเยอะ เดินต่อ ก็เจอ บัวสันโดษ เป็นกล้วยไม้ดินเล็กๆสวยดีครับ เดินไปถ่ายรูปไปเรื่อยมาคนเดียว

(ไม่ต้องรอใคร และไม่ต้องให้ใครมารอ ชีวิตอิสระ) ถึงซำกกโดนแวะล้างหน้าให้สดชื่น เดินสวนทางกับเพื่อนนักท่องเที่ยวที่ลงภูมา

ส่งยิ้มทักทายด้วยความยินดี กะว่าจะฝากท้องไว้ที่ซำแคร่ พอไปถึงไม่มีอาหารครับ คนขึ้นภูน้อยแม่ค้าไม่ได้เตรียมของ

เหลือป้าอยู่ร้านเดียว ขายแตงโมอยู่ ก็อดข้าวซิครับ ตัดสินใจเดินขึ้นหลังแปเลย ไม่เอาแล้วแตงโม พอไปถึงหลังแปเท่านั้นล่ะครับ

หน้ามืดครับ ต้องนอนพัก(ก็ข้าวเช้าไม่กิน ไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากน้ำ)เป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างสูง

ถึงหลังแป 11 โมง ต้องเดินต่ออีก 3 กม. จะรอดไหมนี้เรา แบกร่างกายอันอ่อนล้า ไปอย่างช้าๆเห็นดอกไม้ยังมีแรงกระโดดข้ามน้ำไปเก็บภาพ

SmileySmileySmileyเที่ยงตรงก็มาถึงที่ทำการเข้าไปติดต่อลงชื่อไว้จะเข้าป่าปิดพรุ่งนี้ จุดหมายที่มาภูกระดึงครั้งนี้ก็เพราะ

น้ำตกขุนพองหน้าฝนนี้ล่ะครับ ขึ้นมาถึงคนแรกเลยไม่มีใครมาลงชื่อไว้ ที่มาเมื่อวานก็เข้ากันไปเมื่อ 8 โมงเช้าวันนี้

เดินไปถึงร้านพี่ธรรมปักษ์ใต้ สวัสดี พี่โจ้ พี่ยุทธ ก็สั่งกับข้าว พัดพริกแกง ราดหน้า หิวมากๆ เอานมเปี้ยวมากิน ชาลิปตั่นมากิน

แล้วตามด้วยข้าว กินไปได้หน่อยอิ่มซิครับ ยัดไม่ลง พี่โจ้รู้ทันเลยไม่ทำราดหน้า นอนพักสักครู่ลูกหาบเอาเป้มาให้

แล้วสอบถามพี่ยุทธว่าทุ่งไหนมีมหาเมฆบานเยอะบ้าง “มีทางสายสระอโนดาต มาทางผาเหยียบเมฆบานอยู่เยอะ”

เอาสัมภาระออกจากเป้ กางเต้นท์ให้เรียบร้อยก่อนไป พี่โจ้เห็นสภาพเสื้อผ้าที่มาจากภูหลวงจึงบอกให้ไปซักที่หลังร้านเดียวพี่จะดูให้

จัดการภารกิจเสร็จออกเดิน ไปองค์พระ กราบพระ เป็นศิริมงคลแก่ตัวเอง เจอพี่สายตรวจภูกระดึงมาพอดี

เลยขอติดมอไซต์ไปลงสระอโนดาต แต่พี่เขาบอกว่า “ไม่ค่อยจะมีหรอกเจ้าดอกมหาเมฆ” เปลี่ยนใจลงจากมอไซต์ครับ

เดินไปทาง ผานาน้อยแล้วกัน พอดีกับเสียงฟ้าร้องดังมาทาง สระอโนดาตด้วย เดินไปเจอดอก กินกุ้งน้อย ว่านมหาเมฆ กระดุมเงิน

เดินมาทางทุ่งหญ้าสีเขียวทำให้รู้สึกสดชื่นกว่าหน้าหนาว แปลกใจตัวเองเหมือนกันทำไม่มาเดินคนเดียวแล้วไม่รู้สึกเหงา

ไม่มีความกลัว เหมือนที่นี้เป็นบ้านหลังหนึ่งของเรา ไม่ทันถึงผานาน้อยพายุฝนก็พัดมาอย่างหนัก ลมแรงแทบจะปลิวไปตามกระแสลม

ต้องหยุดหลบฝนที่ร้านค้าริมผานาน้อย ร้านค้าถูกทิ้งร้างไม่มีของขาย เทียบกับช่วงหน้าหนาวที่นี้คึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว

รอแล้วรออีกฝนก็ไม่ตกแฮะ มีแต่ลม จึงเดินต่อ ดงกุหลาบขาวแถวนี้โรยราไปหมดตามฤดูกาล(เหมือนชีวิตคนเรานั้นล่ะครับ ชีวิตหนึ่งตายลง เพื่อให้อีกหนึ่งชีวิตใหม่เจริญขึ้น)

ใกล้ถึงผาหมากดูกฝนตกมาทันที รีบวิ่งเข้าไปหลบฝนที่ร้านค้าสภาพที่นี้ก็ไม่ต่างไปจากผานาน้อย รอฝนหยุดก็รอแล้ว

รอเล่า เฝ้าแต่รอก็ไม่หยุด เอากล้องใส่ถุงดำเดินกลับดีกว่า แต่ก็ยังหมายตาดอกไม้เอาไว้ “ฝากไว้ก่อนเถอะนาย”

มาถึงที่ทำการเต้นท์หายครับ พี่ๆเก็บเข้าไปกางในร้านค้าที่ปิด เพราะลมแรงเต้นท์จะปลิวเอา เจอสามสาวที่ร้านปักษ์ใต้เพิ่งออกมาจากป่าปิด

ถามสภาพทางและปริมาณน้ำ เธอบอกว่าสวยครับ(นั้นล่ะคือสิ่งที่ต้องการมาดู) ก็นั่งคุยกับสามสาวจนค่ำ

จึงเอาเต้นท์ออกไปกางที่สนามอีกครั้ง คาดว่าฝนคงไม่ตกแล้วเพราะตกหนักไปแล้ว มาคุยและกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ธรรมจนเขาปิดไฟ

ยังจุดตะเกียงคุยกันต่อจนดึก จึงแยกย้ายกันไปนอน ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีห้า เช้าไปผานกแอ่น

...คืนนี้ดาว พร่างพราว ทั่วท้องฟ้า.......แต่ตัวข้า ฉไหน จึงหม่นหมอง
เมื่อกาลก่อน เคียงคู่ อยู่กับน้อง........บัดนี้ต้อง จำลา แสนอาลัย
...จากน้องมา คราวนั้น ใจหวั่นนัก.......ให้รู้จัก ว่ารัก เป็นเช่นไหน
แสนเจ็บปวด รวดร้าว เหน็บหนาวใจ........ แต่นี้ไป ไม่คิดรัก ใครสักครา

SmileySmileySmileyยังไม่ทันตีห้าฝนตกลงมาอย่างหนัก ไม่สนแล้วอดแน่นอนเช้านี้นอนต่อดีกว่า หลับอยู่ก็ตื่นเพราะก้นเปียกครับ

เอ๊าน้ำซึมเข้ามาในเต้นท์ ขยับขึ้นไปนอนต่อที่สูงกว่าเติม ก็ต้องตื่นอีกเปียกอีกแล้วครับ ฝนนะหยุดตกไปแล้วแต่ที่นอนยังเปียกอยู่เลยโธ่ชีวิต

ตื่นออกมาดูบรรยากาศข้างนอก มืดครับมืด มองไปทางไหนก็มืด เอาผ้าปูกับถุงนอนไปตากก่อนดีกว่า แล้วมานั่งคุยกับน้าคนหนึ่งแก่ขึ้นมาวันเดียวกัน

แต่มาถึงทีหลัง เป็นคนราชบุรี แกขี่มอไซต์มาจากที่บ้านครับ เอากับแก่ซิครับหนึ่งในร้อยเหมือนกัน แต่แก่มาไม่ถ่ายรูปแฮะ

สงสัยเหมือนกัน แล้วน้องสี่คนที่มาพร้อมกัน ก็มาบอกว่า “ไปถามเจ้าหน้าที่มาแล้วเข้าว่าฝนหนักทางมันลำบาก” สรุปคือไม่ไปครับ

ต้องมานั่งรอสภาพอากาศ สั่งไข่เจียวใส่ถุงไว้รอ 9 โมงครึ่งฟ้าก็เปิดให้แสงแดด ส่องผ่านลงมาสู่พื้นดิน

เห็นสามสาวส่องดูกล้วยไม้อยู่ เอาหนังสือกล้วยไม้ไปให้ดูชื่อเจ้าต้นที่ส่อง “ตกลงได้ไปหรือเปล่า”

“เข้าไม่พาเข้า" ผมก็จะเข้าไปเองซิครับ ไม่ง้อครับ พี่โจ้ เลยเอาถุงกันทากมาให้ไปใช้เมื่อรู้ว่าผมจะแอบเข้าไปเอง

เริ่มเดินก็เจอน้องทั้งสี่คนจึงพาเดินไปทางแยก หมากดูกกับองค์พระ และแนะนำให้ไปทางหน้าผาเพราะเป็นทางที่สบายที่สุดแล้ว

ส่วนผมแยกไปทางองค์พระ เพื่อมุ่งหน้าสู่น้ำตกธารสวรรค์ แวะกราบพระพุทธรูปและขออนุญาตเข้าป่าปิด เพื่อไปชมน้ำตกขุนพอง

ข้ามธารน้ำของน้ำตกธารสวรรค์มาแล้ว ก็เข้าสู่ทุ่งสนซึ่งเป็นเขตป่าปิด จากนี้ไปจะเดินเข้าป่าปิดแล้ว ตั้งจิตให้มั่นคงว่าเราจะไปให้ถึงน้ำตกขุนพอง

เพราะทางเส้นนี้ไม่เคยเดินมาก่อน ยังแปลกใจว่าทำไม่เหมือนเคยเดินผ่านทางเส้นนี้ คุ้นกันมาก เหมือนเคยอยู่

(หรือ ชาติที่แล้วเราเกิดเป็นสัตว์อยู่แถวนี้) ทางเดินเต็มไปด้วยน้ำฝนที่ตกมาตั้งแต่เช้า เดินผ่านทุ่งสนมาเรื่อย ด้วยจิตใจที่สงบ เยือกเย็น

ว่างเปล่า ก็มาสุดเขตป่าสน เริ่มเข้าป่าดิบเขา ทางขาดหายไป ต้องเดินวนหาทางเข้า ก็เจอรอยถากไม้เป็นเครื่องหมายบอกทาง

เลยหักกิ่งไม้วางทาบไว้ให้เห็นชัดขึ้น จากนี้เดินเข้าป่าดิบก็ต้องใช้ประสบการณ์การเดินป่า ที่เคยมีมาตั้งแต่เด็ก

ทางลงสู่สายน้ำ และดงทาก ป่าดิบชุ่มไปด้วยน้ำฝน แสงแดดส่องผ่านลงมาไม่ถึงพื้น แกะรอยตามทางไปเรื่อย

ทางเดินตามสายน้ำสลับกับเดินขึ้นป่าบางช่วง ก็เดินไปตามรอยถากไม้ และทางที่พอสังเกตเห็นได้

บางช่วงขาดหายไปเพราะกระแสน้ำมามากวันนี้ ไม่ลืมที่จะทำเครื่องหมายของตัวเองเอาไว้ คลำทางจนมาถึงแยกสองสายน้ำ

เส้นหนึ่งมาจากน้ำตก ถ้ำสอเหนือ สอใต้ อีกเส้นมาจากสระอโนดาต มารวมกันเป็นสายน้ำใหญ่ ตอนนี้น้ำเยอะกว่าเดิมมากทางเดินมองไม่เห็น

อีกทั้งน้ำยังขุ่น จนไม่รู้ว่าช่วงไหนลึก ตื้น และก็จนได้ มองว่าช่วงนี้น้ำตื้นก้าวลงไป “ตูม ลงไปถึงหน้าอก” กระเป๋ากล้องเปียกครึ่งใบ

ต้องรีบขึ้นมาสำรวจกล้อง โชคดีน้ำไม่เข้า เดินต่อและระวังมากขึ้น เอาขาตั้งวัดระดับน้ำทุกครั้งที่มองไม่เห็น เดินคลำทางไปจนถึงหินจานบิน

หยุดถ่ายรูป มองไปรอบๆ มีแต่ป่าไม้ สายธาร และเราผู้เดียว เสียงน้ำที่ตกกระทบหินผาดังไปทั่วทั้งป่า

ทางก็วกกลับขึ้นสู่ป่าอีกครั้ง เป็นทางช้างผ่าน แต่ไม่มีช้าง เห็นแต่ร่องรอยของมันออกหากินเมื่อกลางคืน และทางที่ผ่านลงมากินน้ำ

SmileySmileySmiley

ได้ยินเสียงน้ำตกจากหน้าผาอย่างแรง ถึงแล้วครับ น้ำตกขุนพอง ที่หมายของการเดินทาง

คิดไว้ว่าถ้าบ่าย 2 โมงยังมาไม่ถึงที่ขุนพองเราจะหันหลังกลับ เรามาถึงตอนเที่ยงพอดี มองจากทางด้านบนแล้วขุนพองยิ่งใหญ่มาก หน้าน้ำแบบนี้

ต่างจากหน้าแล้งช่วงธันวา(ความเหมือนที่แตกต่างของธรรมชาติ) ลงสู่ชั้นล่างครับทางลงชันมากและลื่น

เพราะฝนและละอองน้ำตกที่ถูกพัดพามายังทางเดิน “ลงมาถึงแล้ว สายน้ำแห่งขุนพอง” วันนี้เรากินข้าวเที่ยงกับเพื่อนเรา

น้ำตกขุนพอง ไข่เจียวมื้อที่ต้องจดจำไว้ตลอดชีวิตการเดินทาง ถึงจะเป็นการกินข้าวคนเดียวก็ตาม ต้องกินไปถ่ายรูปไปด้วย

เพราะแสงแดดออกมาเป็นช่วงๆ แสงผ่านมาถ่ายรูป แสงหมดก็ซดข้าวกว่าจะกินเสร็จก็ได้รูปมาเยอะพอสมควร

มองลงไปด้านล่างเห็นความยิ่งใหญ่ของอีกชั้นแต่ไม่สามารถ ได้แต่มองจากมุมสูง ที่นี้มี ชมพู่ป่าขึ้นอยู่กำลังติดลูกน่ากินมาก(แต่ไม่กล้าครับ)

นั่งมองความเหมือนที่แตกต่างของสายน้ำและไฟเดือนห้า หันหลังกลับมาทางผาก็เห็นภูเขาไกลลิบ จนสุดสายตา

ณ.จุดนี้คือจุดเว้าของใบบอนแห่งภูกระดึง ได้เวลาที่ต้องล่ำลากันแล้วขุนพอง “ไว้เจอกันใหม่ เมื่อใจข้าเรียกร้อง”

ทางเดินกลับก็ใช้เส้นทางเดิม ก็ต้องคลำทางกลับอยู่เพราะสายน้ำทำให้มองเห็นทางยาก มีเพียงรอยถากไม้และกิ่งไม้ที่เราตัดชี้นำทาง

กลับออกมาจนสุดเขตป่าดิบเข้าสู่ดงสนอีกครั้งหยุดสำรวจทาก ก็ได้มาหลายตัวเหมือนกัน จัดการเจ้าทากแล้วมุ่งหน้าไปทางแยก

ผานาน้อยเพื่อเก็บภาพดอกไม้อีกครั้ง มาถึงผาหมากดูกเอาตอน 5 โมงเย็น ทิศทางการตกของดวงอาทิตย์เปลี่ยนไปจากเดิมมาก

ตกลงตรงใจกลางของทุ่งสน ตัดสินใจเดินมาที่องค์พระอีกครั้ง แต่ก็มาไม่ทัน พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว

ได้เพียงแค่มองแสงสุดท้ายของวันนี้ และเก็บภาพไว้ในความทรงจำเท่านั้น นั่งมองดูแสงสุดท้ายที่จะสาดส่องออกมา

แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเมฆฝนได้เข้ามาบดบัง มองไม่เห็นแม้แต่ดาวสักดวง เราจึงเดินกลับไปที่ทำการ แล้วย้ายเต้นท์เข้าไปกางในร้าน

ฝนคงตกแน่คืนนี้ มากินข้าวที่ร้านพี่ธรรม เจอหัวหน้าอุทยานกำลังประชุมใหญ่ เพราะวันพรุ่งนี้รองอธิบดีจะมาตรวจงานก่อสร้างกระทันหัน

จึงต้องเตรียมการต้อนรับกันใหญ่ นี้ล่ะครับชีวิตราชการไทย ผมกินเสร็จก็ไม่ได้สนใจ กลับไปอาบน้ำเขียนบันทึกต่อจนสี่ทุ่มก็เข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย

ตี่ 4 ตื่นขึ้นมาเพราะความหนาวของสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในเต้นท์ ออกมาปิดผ้าใบมองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้า สวยงามยิ่งนัก

อดใจไม่ได้ที่จะหยิบกล้องออกมาเก็บภาพเอาไว้ แล้วกลับเข้าไปนอนต่อตื่นอีกทีก็เมื่อนาฬิกาปลุกให้ไปชมอาทิตย์อรุณรุ่ง

เดินไปคนเดียวเหมือนเดิม วันนี้หนังรอบเช้าสงสัยไม่สนุก ไม่มีคนซื้อตั๋วไปชม ขายได้ใบเดียวคือตัวเรา

หนังรอบเช้าวันนี้ก็ยังสนุกอยู่สำหรับผมแม้จะดูคนเดียวก็ตาม นั่งอยู่จนสายเดินกลับมากราบพระที่ลานพระแก้ว

มาที่ร้านเก็บของสัมภาระเตรียมลงภู ขาลงเราแบกของลงเองรวมน้ำหนักก็ 15 กก.กล้องเราอีก 3.5 กก.ไปเรื่อยๆ

ไม่รีบร้อน ล่ำลาพี่โจ้ พี่ธรรม เดินไปถ่ายรูปไป น้าลูกหาบเห็นเราลำบากเลยบอกให้เอาเป้ใส่รถเขนแกไป แล้วให้ไปเอาที่หลังแป

“ขอบคุณน้ามากครับ” น้ำใจของชาวบ้านป่า มาถึงหลังแปน้าเขาก็ลงไปแล้ว ไปเอาเป้ที่ร้านค้าเจอพี่ยุทธ ก็ลาพี่แก

ลงจากภูกระดึงกันเลย “ลาก่อนภูกระดึง บ้านหนึ่งของข้า”กลับลงมาสวนทางกับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปวันนี้รวมร้อยกว่าคน

คงเป็นเพราะช่วงนี้หยุดยาว ลงมาแวะทุกซำที่มีร้านค้า ทักทายทุกร้านที่เหลือออยู่น้อยเต็มที ลงมาที่ทำการบ่าย 3 โมงพอดี

ไม่มีใครลงจากภูวันนี้เราเลยต้องเหมาสองแถวไปที่ร้านเจ้กิม ซื้อตั๋วอาบน้ำเตรียมกลับเมืองกรุง


SmileySmileySmileyทริปภูกระดึงก็ได้จบลง

“กาลเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน ใจเปลี่ยน ธรรมชาติก็เปลี่ยน ไปตามกาลเวลา แต่ภูกระดึงยังเป็นที่แสวงหาตัวตนของคนเดินทาง”

.........ราบละเอียดการเดินทาง........
- ค่ารถ เมืองเลย-ขอนแก่น 32 บาท
- ค่าสองแถวไป 40 บาท เหมากลับ 100 บาท
- อาหารร้านเจ้กิม 3 มื้อ 100 บาท
- กางเต้นท์ 2 คืน(30/คืน) 60 บาท,ธรรมเนียมเข้า 20 บาท
- อาหารบนภู 6 มื้อ 270 บาท, อาหารรายทาง 100 บาท
- ค่ารถ เมืองเลย-กรุงเทพฯ 281 บาท
- ระยะทางเดิน 2 วัน 60 กม.
ณ.วันที่ 1 พฤษภาคม 46




Create Date : 23 พฤษภาคม 2553
Last Update : 3 มีนาคม 2556 12:14:13 น. 1 comments
Counter : 704 Pageviews.

 
Walker-Casino.comเราเป็นผู้ให้บริการคาสิโนออนไลน์ เป็นตัวแทนโดยตรงจากเว็บคาสิโนออนไลน์ชั้นนำระดับโลก เช่น Gclub, Genting Club, Royal 1688, Savan Vegas999 โดยเฉพาะ Royal Ruby888 มีเกมพนันสดให้ท่านได้เลือกมากมาย อาทิ บาคาร่า, รูเล็ต, น้ำเต้าปูปลา, ไฮโล, กำถั่ว, ดรากอนไทเกอร์เราจึงขอแนะนำท่านสมาชิก Walker-Casino.com เชิญเข้ามาทดลองเล่นและสัมผัสกับบริการของเราได้ที่นี่ บริการทุกระดับมั่นคงเหนือใคร พร้อมแล้วให้บริการท่าน ด้วยใจ สนใจสมัครเข้าเล่น โทรหา Call Center Walker-Casino.com ตลอด 24 ชม.
สมัคร สมาชิกกับ เรา Walker-Casino.com คาสิโนออนไลน์ รับไปเลย โปรโมชั่น โบนัสพิเศษ ให้ราคาดีกว่าใครๆ ท่านจะสามารถเข้าเล่น เกมพนันที่ชื่นชอบได้เลย ทันที เรามีเกมพนันสด ไว้คอยบริการท่านอย่างมากมาย และหลากหลาย ทั้งเกมพนันออนไลน์ สด ถ่ายทอดจากคาสิโนจริงๆ เกมสล๊อตออนไลน์ ที่มีภาพกราฟฟิกสวยงาม หรือ แทงบอลออนไลน์ ที่ให้ราคาตรง และอัพเดทราคาตลอดเวลา โทรสมัคร Walker-Casino.com เปิดบัญชีเลย วันนี้ รับโปรพิเศษ ทันที ตลอด 24 ชม.
โปรโมชั่นพิเศษ
• ฝากเงิน 1000 บาทขึ้นไป รับเครดิตฟรี 10% ทุกยอดเติมเงิน
• ติดต่อ Call Center ตลอด 24 ชม.
• โทร 087-1277907 , 087-1297945 , 087-1363172 , 087-1341620

Link walker-casino.com
//www.walker-casino.com
//casino-online.walker-casino.com/
//baccarat-online.walker-casino.com/
//tangball-online.walker-casino.com/
//slot.walker-casino.com/
//gclub.walker-casino.com/
//genting-club.walker-casino.com/
//royal1688.walker-casino.com/
//ruby888.walker-casino.com/
//savanvegas999.walker-casino.com/
//holiday-palace.walker-casino.com/
//reddragon88.walker-casino.com/
//princess-crown.walker-casino.com/
//goldclub-slot.walker-casino.com/
//bigbonus-slot.walker-casino.com/
//sbobet.walker-casino.com/
//ibcbet.walker-casino.com/
//livescore.walker-casino.com/
//www.walker-casino.com/sitemap.php
------------------------------------------------------------------------------------------------------


โดย: Walker-Casino IP: 27.116.63.44 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:34:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นาย วิท
Location :
ระยอง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับ blog นี้นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยว และข้อมูลเล็กๆที่ ข้าพเจ้าชอบ
เพื่อจะเป็นแนวทางให้บุคคลทั่วไปได้เอาไปใช้บ้างครับ
Friends' blogs
[Add นาย วิท's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.