ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
16 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
" วันชื่น....คืนสุข...ที่สุดแห่งรัก.....ไปขอแฟนแต่งงาน......บนลาน ภูกระดึง "

ทริปสวมแหวนแฟนสาว………ดูดาว…………เมเปิลแดง

บ่ายสามโมงครึ่ง นาย วิท กับสุรชัย อาบน้ำเรียบร้อย เราออกจากโรงงานใกล้บ่ายสี่โมง พี่โด้เป็นพลขับ
ตั้งใจว่าจะเอารถไปจอดที่บ้านบ้าในกรุงเทพฯ พอถึงช่วงจะเข้าถนนศรีนครินทร์ รถติดมาก ๆ
เย็นนี้เป็นวันลอยกระทงครับ (26 พ.ย. 47) ผู้คนไปลอยกระทงกัน แต่เราจะไปภูกระดึงครับ
ตั๋วรถได้จัดการซื้อไว้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤจิแล้ว ไปกันสี่คน เป็นอย่างนั้น ผมมาซื้อตั๋วไปก่อนสองคนกับแฟน
ถ้ารอพี่โด้เต็มแน่ กว่าพี่แกจะตัดสินใจได้เหลือไม่กี่วันจะเดินทาง สุดท้ายพี่โด้ฉายเดี่ยวครับ
ผมต้องโทรไปจองให้อีก เหลือที่สุดท้ายพอดี เรามาถึงหมอชิต ทุ่มครึ่ง แฟนผม มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว
สามทุ่มครึ่งของคืนวันที่ 26 เราสามคนพี่น้อง อยู่บนรถทัวร์แอร์เมืองเลยแล้ว ผมกับแฟนนั่งด้วยกัน



ปล่อยให้พี่โด้นั่งคนเดียว ก่อนรถออกที่นั่งยังไม่เต็มแล้วสาว ๆ ก็ขึ้นรถมาเต็มเลยครับ หันไปมองพี่โด้เรายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
(ประมาณว่าได้นั่งคุยกับสาว ๆ แน่) หันไปมองอีกที นั่งกับผู้ชายครับ 555 กลุ่มนั้นเขามีหนุ่มมาด้วยหนึ่งหน่อ อดเลย
4.30 น. วันที่ 27 รถใกล้ถึงผานกเค้าแล้ว คนรถมาปลุกให้เตรียมตัว แล้วเอาผ้าเย็นมาแจก เมื่อคืนแทบไม่ได้นอนครับ
น้อง ๆ กลุ่มหลังคุยกันตลอดทางไม่ยอมหลับยอมนอน รถจอดหน้าร้านเจ๊กิมแล้วขนของเข้าไปในร้านปูเสื้อนอนดีกว่าครับ
สาย ๆ ค่อยไปกินข้าว (จะหลับตาลงไปได้อย่างไร) เพื่อนนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางมาถึงกันเยอะขึ้น
ไม่ต้องนอนกันพอดี ไปล้างหน้าแปรงฟัน นั่งคุยกันรอเวลาครับ



รถสองแถวออกจากผานกเค้ามุ่งสู่ที่ทำการอุทยาน ผู้โดยสารมากันเต็มรถก็คนล่ะ 20 บาทเหมือนเดิม
วันนี้อากาศเย็นสบายไม่หนาว หมอกไม่ลง ถึงที่ทำการอุทยานแล้วก็ไปจ่ายค่ากางเต๊นท์นอน
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานและค่าจ้างลูกหาบแบกของ จากนั้นเราสามคนก็เริ่มเดินขึ้นภูกระดึงกันครับ
เราเริ่มเดินกันตอนแปดโมง มาคราวนี้ดูท่าพี่โด้จะเหนื่อยเอามาก ๆ หอบตั้งแต่เนินแรก ต้องเข้าใจหน่อยครับว่าแก
“ แก่แล้ว “ ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 21 ของเขาแล้ว หมูอ้วนแฟนผมก็ท่าจะเหนื่อยเหมือนกัน ปกติเดินเก่ง
วันนี้ออกเนือย ๆ พี่ผมก็บ้าหอบฟางขนกล้องมาตั้งสี่ตัว วีดีโอ ดิจิ SLR แบกกันเข้าไป กว่าจะมาถึงซำแฮก
ก็แย่ทีเดียว แวะพักเอาแรง ไปกันต่อ หมูอ้วนเล่นใส่สายเดี่ยวไปซิครับ
(ใครใส่สายเดี่ยวไปเฒ่า เดี๋ยวจะโดนเตะ เค้าเรียกว่า เสื้อกล้ามต่างหากล่ะ) หนุ่ม ๆ นี้มองกันตาล่ะห้อยเลย



มายี่สิบกว่าครั้งพี่ผมยังจำไม่ได้เลยว่าถึงตรงไหนแล้ว คอยถามอยู่เรื่อย เราแวะทุกซำที่มีร้านค้าเพื่อแลกเงินใบละยี่สิบบาท
เอาไปแจกเด็ก (ลูกของคนที่รับจ้างหาบของ) ลูกหาบจริง ๆ ครับ เดินไปคุยกับเพื่อนนักท่องเที่ยวไป
ทุกคนต่างก็แปลกใจเมื่อทราบว่า เรามากันยี่สิบกว่าครั้งแล้ว (ก็คนมันรักที่นี้อ่ะครับ) แวะซำแคร่
กินข้าวกลางวันกันก่อนและเอาไม้ไผ่ติดมือไปด้วย เอาไปทำเสาผ้าใบครับ กว่าเราจะถึงหลังแป บ่ายโมงกว่าแล้ว
ดูพี่ผมภูมิใจกับตัวเองมาก ๆ ที่ยังขึ้นมาไหว เพราะเมื่อก่อนไม่อ้วนขนาดนี้



วันนี้ท้องฟ้าบนยอดภูสีน้ำเงินสวยมากครับ มาหลายครั้ง ครั้งนี้สวยที่สุดเท่าที่จำได้ มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นสนกับท้องฟ้า
เรามาจองที่กางเต็นท์ตรงดงสนหน้าร้านค้าเพราะจะผูกเปลนอน กว่าลูกหาบจะเอาของมาถึงก็เกือบหลับไปแล้วเหมือนกัน
จากนั้นก็กางเต็นท์กันจนเสร็จเรียบร้อย แล้วก็อาบน้ำเตรียมไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก แต่แล้วท้องฟ้าก็มืด
แถมฟ้าร้องอีกต่างหาก เย็นนี้ไม่ต้องได้ไปดูกัน นอนคุยกันดีกว่า หมูอ้วนหลับไปแล้ว น้ำไม่ยอมอาบด้วย ท่าจะเหนื่อยมาก
เลยไม่กวนปล่อยให้นอนไป จนพี่โด้หิวข้าว ต้องปลุกหมูอ้วนไปอาบน้ำ แล้วเธอก็งอแงครับเหมือนเด็กเลย
(ไม่เอาไม่ไป ...น่าตีจริง) ก็ต้องพูดกันด้วยเหตุผล ว่าพี่โด้หิวแล้ว กลับจากอาบน้ำมาบ่นอุบครับ หนาวมาก ๆ เลย
(นี่แหละผลของการดื้อ ให้ไปอาบน้ำตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วไม่ยอมไป) หนู ๆ อย่าเอาเป็นแบบอย่างน่ะครับ
ดื้อไม่ดี (ใครดื้อย่ะ ไม่มีเลยสักคน ก็คนมันง่วงนิ เหนื่อยด้วยแล้วใครจะไปมีแรงอาบน้ำล่ะ)



ไปกินข้าวที่ร้านพี่ธรรมเจ้าเก่า แวะคุยกับแกซะหน่อยไม่เจอกันนาน วันนี้แขกเยอะเราเลยต้องรีบออกมาเพื่อให้คนอื่นได้นั่งมั้ง
สามคนพี่น้องมาปูเสื่อดู พระจันทร์แรมหนึ่งคำกัน สวยไม่แพ้ คืนเดือนเพ็ญเลยครับและคืนนี้
ผมก็ขอหมูอ้วนแต่งงาน (อ้วนจ้าแต่งงานกับพี่น่ะ ประมาณนี้แหละเหมือนในหนังเลย) ต้นปีเรามาตกลงเป็นแฟนกันที่นี้
มาปลายปีนี้ ก็ไปขอแต่งงาน กุมภาปีหน้าเราจะมาจดทะเบียนกันที่นี้อีกครับ ว่าแล้วก็สวมแหวนกันก่อน
สักขีพยานก็ เต็นท์ ต้นสน พระจันทร์ แล้วก็ พี่โด้ สองเราก็นอนดูจันทร์กันบนเปล ชักเริ่มเย็นก้นซะแหล๋วซิครับ
วันนี้ลมแรงครับ พี่โด้ เลยบอกไปนอนก่อนล่ะ (สงสัยทนเห็นภาพบาดตา บาดใจไม่ไหว) แล้วแกก็นอนกรนสบายใจไป
อยู่ได้ไม่นานเราสองคนก็เข้าเต็นท์เพราะลมแรง ไปสวีทกันในเต็นท์ดีกว่า อุ่นกว่าเยอะยังไม่ทันจะสวีทเลย
แม่ค้ามาปูผ้าใบข้างเต็นท์เราเพราะมีแขกมากินหมูกระทะครับ แถมมาเลือกทำเลข้างเต็นท์เราเสียนี่ (โฮ้…วัยรุ่นเซ็ง)
นอนคุยกันไป จนหลับล่ะครับ



6.30 น. วันที่ 27 เปิดเต็นท์ออกมาเจอพี่โด้นั่งรอก่อนแล้ว วันนี้ฟ้าสวยดีท่าทางพระอาทิตย์ขึ้นจะงาม หมอกลงหนาทีเดียว
แต่เรานัดกันแล้วว่า เช้านี้ไม่ไปดู จะนอนตื่นสาย ๆ แต่ก็ทำไม่ได้ ส่วนหมูอ้วนหรือครับ หลับอุตุไม่สนใจใครเลย
นอนดูผู้คนกับพี่โด้นอกเต็นท์ พรุ่งนี้ พี่โด้ต้องลงจากภูแล้ว เพราะจะแวะไปเก็บค่าเช่าที่ขอนแก่นต่อ
(หรือทนดูภาพบาดตาไม่ได้ก็ไม่รู้) เป็นแบบนี้ประจำครับพี่ผม เอาแน่กับเขาไม่ได้หรอก เราสองคนทำธุระเรียบร้อย
หมูอ้วนยังไม่ยอมตื่น เลยเอาน้ำเย็น ๆ ไปลูบหน้าซะ งอแงอีกตามเคยกว่าจะลุกมาได้
(พี่โด้มาสอนผมอีก ถ้าเอ็งจะใช้ชีวิตคู่น่ะต้องทำใจ 555 อั้นแน่ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถิดพี่) หมูอ้วนไปทำธุระเรียบร้อย
ไปกินข้าวต้มกัน สั่งข้าวถุงที่ร้านพี่ธรรมไปด้วย วันนี้เราตั้งใจไปดูใบเมเปิลที่น้ำตก เห็นเขาว่ามันแดงแล้ว



ก่อนเดินไปเที่ยวก็ไปกราบพระกันเสียก่อน แล้วเราก็ไปที่น้ำตกถ้ำใหญ่กันเลย ที่นี้มีเราสามคนครับ
ส่วนใหญ่คนจะลงทางน้ำตกเพ็ญพบเสียมากกว่า เสียงของชะนีเรียกหาพี่โด้ ตั้งแต่ลงมาถึงน้ำตกเลย (ผัวๆๆๆๆๆๆๆๆ)
ที่นี้ใบเมเปิลเปลี่ยนสีนิดหน่อยครับ ต้นกลางน้ำตกยังสีเขียวอยู่ มีแดงบ้างเล็กน้อย แถมยังมีมอสเขียว ๆ
กับดอกไข่ดาวให้ดูด้วย สวยมั่ก ๆแวะถ่ายรูปกัน ตั้งใจมาถ่ายพวกเรากันเองนี้แหละครับ เส้นทางนี้หมูอ้วนยังไม่เคยมา
ดูจะตื่นตากับต้นไม้ มีกล้องดิจิตัวเล็กติดตัวไปด้วย ไม่รู้กดอะไรมานัก เห็นถ่ายเอา ๆ
ส่วนพี่โด้ก็ต้องเป็นช่างภาพผู้ติดตามครับ คอยถ่ายภาพให้เราสองคน เพราะเราจะเอารูปไปทำการ์ดแต่งงานกัน



ดูรูปจากจอแล้วไม่ดีสักรูปเลย ฝีมือพี่โด้ ไม่ไหวเลยต้องมาแลกกล้องกันอีก เพราะแกถนัดดิจิของแก
พอมาถ่ายตัวของผมปรับไม่เป็นอีก คนมันเคยถ่าย SLR ก็อยากจะปรับแหละครับ แต่ปรับไม่ได้นี้ซิ
(ของดี อุปกรณ์ครบ ขาดอย่างเดียวคือฝีมือ 555) กว่าจะมาลงตัวได้ ก็ผ่านวิวงาม ๆ มาหลายที่ หมูอ้วนชักบ่นครับ
(พี่โด้ นี้ พี่โด้โน้น ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละครับบ่นจาง แต่ผมก็กลัวครับ) เราแวะถ่ายรูปกันตลอดทาง
ตั้งแต่น้ำตกถ้ำใหญ่ เพ็ญพบ โผนพบ จนปลายทางเพ็ญพบใหม่ ถึงที่นี้ พี่โด้นำหน้าไปรอด้านบนก่อนแล้วตะโกนเรียก
เยี๊ยวๆ ผมกับหมูอ้วน ไปถ่ายรูปใบเมเปิลกันด้านล่างน้ำตก เพราะตั้งแต่ผ่านมามีที่นี้ที่เดียวครับที่เปลี่ยนสีสวยที่สุดแล้ว
ต้องเก็บภาพกันไปเยอะหน่อย ขึ้นมาด้านบนก็ยังมาเก็บภาพกันอีก ที่เรียกน่ะหิวข้าวครับ เสบียงอยู่ที่ผมเลยต้องรอ



กินข้าวกันเสร็จพักผ่อนเอาแรง แช่น้ำเย็น ๆ บ่ายนี้ เราจะขึ้นไปที่องค์พระอีกรอบ แล้วไปที่ผานาน้อยจะไปดูทุ่งกระดุมด้านหลังผาจำศีล
ก็ได้เวลาเดินทางกัน เดินขึ้นมาจากน้ำตกนิดเดียว ท้องฟ้าก็เป็นสีฟ้าเข้มงามมั่ก ๆ เข้ามุมโพลาไลส์พอดีครับ
เมฆขาวเป็นก้อนนาน ๆ จะได้เห็นแบบนี้ซะที มองไปทางโหลนฟ้าหล่มดิน ก็ยังสวยงามขณะย้อนแสงอาทิตย์ยามบ่าย
มาแวะเคาะระฆังที่องค์พระอีกแล้ว หมูอ้วนลงไปสระแก้วครับ ทางนี้หมูอ้วนไม่เคยมาเช่นกัน
บอกว่าเดินลัดทุ่งหญ้านี้ไปสองโล อ้วนขาอ่อนครับ สงสัยหมดแรง พอได้น้ำเย็น ๆ ที่สระแก้วก็ไปต่อได้
อ้าวเจอรถถีบครับ รถถีบคนจน (อ้ายคนจนจำต้องทนปั่นรถถีบ....จะไปจีบอีน้องคนงาม) ปีนี้ทางอุทยานฯ
ให้ร้านค้าเอาจักรยานมาใช้ได้ครับ เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงจะมีเสือภูเขาวิ่งกันฮื่มล่ะครับ หรือมี 7 - 11 ก็ได้ แวะกินน้ำที่ร้านริมผานาน้อย



เราสามคนเดินมาตามทางสายหลังที่ขนานกับทางริมผา เพื่อมาดูทุ่งกระดุมที่เจอเมื่อปีที่แล้ว ก็ไม่ผิดหวังครับ
ยังพอมีให้เห็นบ้าง แต่ไม่มากเท่าปีก่อน ปลายทางมาจบกันที่ผาหมากดูก เย็นนี้คนมารอชมพระอาทิตย์ตกเยอะมากครับ
มาจองคิวกันตั้งแต่หัววันเราขึ้นไปด้านบนบริเวณสนสองต้น(เกือบถึงผาเมษา) คนน้อยหน่อย
เพราะผมกับหมูอ้วนจะไปทำมิวสิคกัน ให้พี่โด้เป็นตากล้อง ด้านล่างคนเยอะอายเขา กว่าจะถ่ายมิวสิคกันเสร็จ
ก็พระอาทิตย์ตกไปแล้ว เหลือแต่ฟ้าแดง แถมด้วยเมฆมืด ๆ เราเก็บของกลับที่พักกัน เดินมาได้สักพักพี่โด้เจอบุหรี่หนึ่งซอง
ข้างในเต็มครับ นึกว่าจะเอาไปทิ้งเก็บกลับมาด้วย (ตัวเองก็ไม่สูบน่ะ) เดินมาเรื่อย ๆ เอ๊ะ…ทำไม่พี่เรามันเดินเร็วขึ้นทุกทีล่ะ
จะรีบไปไหนเพ่ (จะเอาบุหรี่ไปคืนมันงัย กลุ่มหน้าโน้น โอ้..ดีจริงพี่ผม) แล้วพี่ท่านก็เอาไปคืนให้จนได้
อ่ะคนสูบก็ยังเด็กอยู่เลย เยาวชนของชาติเป็นทาสยาเสพติดไปหมดแล้ว มาถึงที่กางเต๊นท์ก็รีบไปอาบน้ำกันเลย
เย็นนี้หนาวครับ ไปกินข้าวที่ร้านพี่ธรรมตามเดิม แล้วรีบกลับมานอนกัน เช้าพรุ่งนี้จะไปดูผานกแอ่นว่างั้น
และพี่โด้ก็เตรียมตัวลงด้วยเอาแรงไว้เยอะ ๆ แยกเข้าเต็นท์ก็กรนทันทีพี่ผม
ส่วนผมกับหมูอ้วนก็นอนอุ๊กกันสำบายไป (อุ๊กแถวบ้านผมคือบ่มให้สุกอ่ะน่ะ)



5.00 น. วันที่ 28 ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ เสียงนาฬิกาหมูอ้วนปลุก เช้านี้จะไปผานกแอ่นครับตั้งใจไว้
รูดซิบเต๊นท์ออกมาดูเจอพี่โด้เสนอหน้ามาแล้ว (ท่าจะอดว่ะ ดูท้องฟ้าซิ ไม่มีดาวสักดวง) ออกมานั่งคุยกับพี่โด้ได้สักพัก
ฟ้าก็ไม่เปิดเลยไม่เรียกอ้วนแล้ว เข้าไปนอนต่อดีกว่า ตื่นมาอีกทีเพราะเสียงคนคุยกัน ออกมาเจอพี่โด้เก็บของหมดแล้ว
เหลือแต่เต็นท์ไปปลุกอ้วนให้ตื่น ไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วไปกินข้าว ช่วยพี่โด้เก็บของแล้วเราก็แยกกัน
ผมกับอ้วนวันนี้เราจะไปผาหล่มสักแต่เช้า เดินมารู้สึกเหงา ๆ งัยไม่รู้ เพราะพี่โด้แหละรีบลงไปก่อนเราสองคนเลยหงอยครับ
เดินกันไปเงียบ ๆ สองคน เงียบจริงครับไม่เจอใครเลย จนมาถึงสระอโนดาตแวะถ่ายรูปแล้วไปกันต่อ
หมูอ้วนชักบ่นอีกแล้วครับ มาทางนี้ทำไมเดินช้า ทำไมไม่ไปทางหน้าผาล่ะ (เดี๋ยวเราก็กลับทางนั้นงัยหมูอ้วน จะได้ไม่เบื่อ)
เรามาถึงน้ำตกสอเหนือว่าจะมาถ่ายรูปมอสเขียว แต่เจ้าหน้าที่เอารถมาไถทางใหม่ แถมดันไถเอาพวกมอสออกไปหมดเลย
ไม่รู้ใครเอาส่วนไหนคิด ของเก่ามันดีอยู่แล้ว ไปทำลายมันทำไม่ก็ไม่รู้ นี้ขนาดเจ้าหน้าที่น่ะนี้ แล้วจะมาให้นักท่องเที่ยวทำตามระเบียบ แย่จริง ๆ (บ่นกันสองคนครับ)



สิบเอ็ดโมงเราก็ถึง ผาหล่มสัก ที่นี้ขาดซึ่งคนสัญจร มีแต่ร้านค้า เราแวะกินข้าวเที่ยงกันที่นี้ แล้วไปถ่ายรูปตอนแดดเปรี้ยง ๆ
กันบ้าง มาทุกครั้งก็มาแต่ตอนเย็น แล้วเราสองคนก็เดินกลับ เริ่มเดินสวนทางกับเพื่อน ๆ แล้วครับ
ยิ่งออกมาจากหล่มสัก ก็เจอเพื่อน ๆ เยอะขึ้น บางคนสงสัยก็หยุดถามผมเสียงั้นแหละ ทำไมไม่รอดูที่ผาหล่มสักล่ะ
(คืออยากจะบอกว่า สิบกว่าครั้งที่ผมมาดูที่นี้แล้ว อยากไปดูที่อื่นมั้งครับ) แล้วเราก็กลับกันไปถึงที่ทำการยังไม่ทันมืด
คือจริง ๆ แล้วเรารีบมาอาบน้ำ จะไปกินหมูกระทะครับ มาถึงดึกมันหมด ต้องมาแต่หัววันถึงจะได้กิน
ตั้งวงกินหมูกันสองคนครับ ทีแรกพี่โจ้ว่าจะมาคุยเป็นเพื่อน พอดีลูกค้าเยอะมากไม่มีใครช่วย
พี่ธรรมก็ลงไปซื้อของเตรียมรับนักท่องเที่ยววันที่ 5 ธันวา เราเลยกินกันสองคน ทีแรกอากาศก็กำลังดีครับ
พอมืดมาหน่อยเท่านั้นล่ะครับ หนาวจับใจ ต้องไปเอาเสื้อกันหนาว หมวกมาใส่ เอามานึกว่าจะไม่ได้ใช้เสียแล้ว
แล้วพี่โจ้ก็เอาน้ำพริกกระปิมาให้ (เพราะเราสั่งไว้ครับ ) เอามากินกับหมูกระทะ เข้ากานเข้ากาน
อิ่มแล้วก็ไปล่ะครับ หนาวเหลือเกินวันนี้ เข้าเต็นท์ไปอุ๊กกันดีกว่า พอได้อุ่นมั้ง



7.00 วันที่ 29 ตื่นมาดูผู้คนสักหน่อย แล้วเข้าไปปลุกหมูอ้วน ไปทำธุระให้เรียบร้อย จะได้มาเก็บของเตรียมตัวลง
กว่าเราจะเก็บของเอาของไปคืนก็เก้าโมงแล้ว ไปกินข้าวลาพี่โจ้ เอาเป้ไปให้ลูกหาบ เราก็ลงกันครับ
วันนี้คนลงกันเยอะครับ เกือบหมดแล้ว ขาลงนี้ เราแวะเฉพาะที่ซำแคร่ กกไผ่ และซำแฮก
และมาถึงที่ทำการตอนบ่ายสองไปเอาเป้ ล้างหน้าล้างตา ขึ้นรถไปร้านเจ๊กิมกันครับ
มีเพื่อนนักท่องเที่ยวรอในรถแล้วสามคน รวมเราและที่ตามมาก็ออกได้พอดี นั่งในรถก็ได้กลิ่นโชยมาตุ ๆ
ที่แรกก็ว่าเท้าเราหรือเปล่าหว่า (แต่ไม่ได้ถอดรองเท้าไม่น่าเหม็น) มองไปข้างหน้า โอ้…พี่ท่านคนหนึ่ง
เล่นปลดชุดเดินทางออกหมด เหลือแต่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ก็คงไม่ใช่ใครอื่นแล้วล่ะครับ ทนมาจนถึงร้าน
รีบลงรถอย่างไว ไปซื้อตั๋วรถได้เที่ยวทุ่มครึ่งเหมือนทุกคราว เข้าหลังร้านไปอาบน้ำดีกว่า
ไม่วายพี่คนนั้นยังตามมาอีกครับ แต่ผมปูเสื่อไกลพี่เขาแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะได้กลิ่นของตัวเองหรือเปล่า



อาบน้ำเรียบร้อย เราข้ามไปซื้อมะพร้าวแก้วฝั่งตรงข้ามร้านเจ๊กิม ที่โน้นมันอร่อยกว่า ชิ้นใหญ่นุ่ม
ที่ร้านเจ๊กิมแกทำแบบแข็ง พอไปซื้อเด็กที่ร้านมาชั่งให้ เงินเหลือ ยี่สิบบาทเราเลยซื้อมากินเล่น เด็กแถมให้เยอะครับ
เราจะออกจากร้านมาแล้ว เจ้าของเขามาดูถุงเล็ก แล้วขอไปชั่ง (โอ้…มีการหยิบออกอีกครับ เหนียวจริงป้าคนนี้ ไม่เอาลูกค้าเลย)
ถ้าไม่นุ่มและชิ้นใหญ่น่ะ จะไม่ข้ามไปซื้อเลยทุ่มครึ่งเราอยู่บนรถแอร์เมืองเลยแล้ว แต่ยังไม่ออกครับ
ยังวุ่นวายกับการจัดที่นั่ง ขึ้นมาทีแรกเด็กรถดันบอก นั่งที่ไหนก็ได้ แต่พอไม่ลงตัวก็ต้องจัดตามที่นั่งกันใหม่
ก็วุ่นกันสองกลุ่มด้านหลังล่ะครับ ถึงกรุงเทพ ตีสามกว่า กลับมานอนที่ห้องของหมูอ้วน สายค่อยกลับระยอง
เช้านี้หมูอ้วนต้องไปทำงาน พอเจ็ดโมง นาฬิกาปลุก ไม่ยอมกดด้วยครับ ผมต้องมากดเอง ไม่ลุกด้วย (ไม่ไปทำงานหรือหมู)
ปวดขาอ่ะไม่ไปได้ไหม ……ลา…… (อ้าวมาถามพี่ จะรู้ไหมนี้) สรุปก็ลาป่วยครับ สนุกจริง ๆ เอาแฟนไปนี่ลำบาก 5555




Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 9 ธันวาคม 2555 11:05:57 น. 0 comments
Counter : 3044 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นาย วิท
Location :
ระยอง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีครับ blog นี้นำเสนอสถานที่ท่องเที่ยว และข้อมูลเล็กๆที่ ข้าพเจ้าชอบ
เพื่อจะเป็นแนวทางให้บุคคลทั่วไปได้เอาไปใช้บ้างครับ
Friends' blogs
[Add นาย วิท's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.