หมุนตามเข็มนาฬิกา เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน [ตอน 5 : ดองไว้นานกับงาน Royal Flora Expo 2006]
มา up blog ตามที่เคยสัญญิงสัญญาเอาไว้... เห็นมะ ไม่โกหก บอกว่าก่อน 15 มิ.ย. ก็ก่อนจิงๆ จะว่าไปแล้วช่วงนี้งานการก็ค่อนข้างจะยุ่งไม่น้อย หลังจากกลับมาจากแดนอิเหนางานการก็พรั่งพรูมามากมายเหลือเกิน เสมือนหนึ่งว่ามันได้ถูกอัดอั้นเอาไว้มาเป็นเวลานาน แถมเดือนหน้านี่ก็จะมีอาการชีพจรลงเท้าอีกแล้ว แต่คราวนี้ได้ออกไปทัวร์อีสานแทน.. อือมดี!!! จะได้กินแหนมเนืองสักที อยากกินมานานแล้ว ...
เอาเป็นว่ามาต่อกันที่ตอนที่ 5 (ตอนจบของ trip นี้ละกัน) แต่ขอออกตัวล้อฟรีไว้ก่อนเลยนะครับว่าอาจจะจำอะไรผิดไปบ้างเกี่ยวกับข้อมูลก็อย่าถือสานะ ก็เล่นดองรูปไว้ตั้งครึ่งปีแล้วอ่ะ ใครจะจำได้หมดอ่ะ ..
หลังจากนี้กะว่าจะ up blog แนะนำสมาชิกใหม่ของครอบครัวผมให้ได้รู้จักกัน .. อ้อ!!! แล้ว Blog tag ของอ้ายณัติ ที่ติดไว้ก็จะรีบ clear ให้นะ... รับรองว่าได้อ่านแน่ Coming soon เหอๆ ...
=============================================================
หลังจากได้ลงอ่างจากุซชี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็กระโดดขึ้น Soluna รุ่นไฟท้ายหยดน้ำที่อยู่กับผมมาถังวันนี้ก็วันที่ 4 แล้ว...
ผมมุ่งหน้าออกเดินทางจากโป่งเดือดป่าแป๋ฝ่าโค้งต่างๆ สารพัดเพื่อกลับเข้าเชียงใหม่ ณ เวลานั้นอารเมารถจากการขับผ่านโค้งไม่รู้กี่โค้งไม่ได้เกิดขึ้นมาอีกเลย นั่นคงเป็นเพราะอาการวิตกที่ผมเหลือบไปเห็นเข็มน้ำมันที่มันกำลังจะหมดเต็มทีกับระยะทางอีกเกือบ 40 โลกว่าจะเจอปั๊มน้ำมันอีกที... ถ้าหมดกลางเขาละก็ กล้วยทอดล่ะครับพี่น้อง ...
สุดท้ายเจ้า soluna สีเขียวขี้เป็ดก็พาผมมาถึงปั๊มได้แบบที่ไฟขึ้นเตือนไปได้สักพัก... เสียวพอตัวทีเดียว หลังจากให้น้องโซได้หม่ำ Gasohol ที่อดอยากมานานจนเต็มอิ่ม(คราวนี้ Gasohol ไม่ผิดนะครับ... มาถูกจังหวะพอดี) ผมก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่งานมหกรรมพืชสวนโลกราชพฤกษ์ 2549 ทันที กว่าจะไปถึงก็ประมาณบ่ายสองโมงนิดๆ แล้ว
บรรยากาศภายในงานคนไม่เยอะมากมายอย่างที่คิดคงเป็นเพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ด้วย แต่แดดในวันนั้นเนี่ยผมจำได้เป็นอย่างดี เล่นเอาดำไปเป็นเดือนเลยทีเดียว (จิงๆ มันก็ดำเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอ่ะ... )
เดินไปดูสวนนานาชาติก็หลายที่...แต่มันนานแล้วจำไม่ค่อยได้แล้วอ่ะ เอาเป็นว่ามีเด่นๆ ที่จำได้อยู่ไม่กี่อันก็ตามนี้อ่ะนะ
อันแรกนี่เลย..เด่นมากกกกก สวนของเบลเยี่ยม...เห็นแล้วนึกถึงโคนไอศกรีมอันยักษ์มีคนดูแน่นเลยล่ะ
อันที่สองนี่สวนของประเทศญี่ปุ่น... เข้าไปแล้วได้กลิ่นอายแดนปลาดิบจิงๆ ตกแต่งได้สวยมากๆ เสียอย่างเดียวไม่มีดอกซากุระ..ไม่งั้นจะได้ฟีลมากกว่านี้
อันต่อไปก็สวนของประเทศจีน... ก็จัดได้ยิ่งใหญ่อลังการตามสไตล์ครับ
แล้วก็อันนี้พระเอกของงานนะครับ...หอคำหลวง... ตั้งเด่นอยู่กลางงาน รายล้อมด้วยดอกไม้สีสันสดใส
เข้าไปข้างในหอคำหลวงต่อเลยดีกว่า... การเข้าในหอคำหลวงนี่ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเส้นทางเดินเป็นแบบ One-way ครับ แล้วก็ให้ถอดรองเท้าไว้ด้านนอก หรือหากต้องการจะหิ้วเข้าไปก็ให้ใส่ถุงพลาสติกถือเข้าไปด้วยได้ครับ...
ทีนี้ปัญหาที่ตามมา ก็มาจากรองเท้านี่แหละครับเห็นหลายคนบ่นว่ารองเท้าหาย แต่สำหรับผมแล้วนั่นไม่ใช่ปัญหาครับ แต่ปัญหาที่แท้จริงมันคือกลิ่นครับ หะแรกที่ผมเดินเข้าไปภายในหอคำหลวงกลิ่นอับถุงเท้าก็เข้ามาเตะจมูกที่ไม่มีดั้งของผมเข้าอย่างจัง ราวกับว่าเคยแค้นเคืองกันมาแต่ชาติปางไหน ผมเลยจำเป็นต้องเร่งสปีดในการชมความงามภายในพอสมควร ที่เห็นเด่นที่สุดในนั้นก็คงเป็นอันนี้แหละครับ แต่อย่าถามว่าคืออะไรนะครับ เพราะจังหวะนั้นไม่ได้สนใจอะไรเลยนอกจากออกซิเจนเท่านั้น ...
อันต่อไปที่ผมตั้งใจจะไปดูก็คือดอกทิวลิปครับ... แต่ที่สวนของประเทศเนเธอร์แลนแดนกังหันมันดันสู้อากาศร้อนไม่ไหวเหี่ยวไปซะแล้ว ผมเลยมุ่งหน้าไปบริเวณสวนดอกไม้เมืองหนาวซึ่งแน่นอนว่าต้องมีดอกทิวลิปให้ได้ดูแน่ๆ แต่....
แต่ต้องรอคิวนานหน่อยนะ.. ในรูปนี่แถวยาวววววมั่กๆ... กว่าจะได้เข้านี่ก็ต้องอดทนนิ้ดส์นุง
สุดท้ายก็ได้ดูดอกทิวลิปสวยๆ อย่างที่หวังไว้สักที.. แต่ต้องรีบดูรีบออกครับ เพราะว่าเค้าจำกัดเวลาแค่ 5 นาที(มั้ง) เดี๋ยวข้างนอกจะรอนาน รีออกให้เค้าเข้ามาตากแอร์บ้าง
ดูกันใกล้ๆ อีกรูปละกัน
ออกจากสวนไม้เมืองหนาวก็ต่อที่สวนไม้เมืองร้อนเลยครับ... ไปดูตะบองเพชรกัน
ดูเวลาอีกทีก็ใกล้ 6 โมงเย็นแล้ว... วันนี้เค้าก็มีการแสดงโชว์แสงสีที่หน้าหอคำหลวงก็ไปดูกะเค้าหน่อย แต่ระหว่างทางก็มาเจอร้านนี้ครับเลยต้องแวะสักหน่อย... ร้านดูไฮโซมากๆ ชื่อ To-Sit ครับ... ว่าแล้วก็เลยต้องนั่งตามชื่อร้านสักหน่อย แต่ไม่ได้นั่งในร้านนะครับ นั่งที่สนามหญ้าข้างๆ ร้านอ่ะ ... แค่นั่งพักเหนื่อยเฉยๆ อ่ะ ไม่กล้าเข้าไปนั่งในร้านกลัวหมดตูด..อิอิ
การแสดงเริ่มแล้ว... แต่ไม่มีที่นั่ง เอ้ย..ไม่ใช่สิ.. ไม่มีที่ยืนดูเลยต่างหาก มองไม่เห็นเลยคนเยอะมากครับ สุดท้ายก็ได้ไปยืนบนเนินรูปร่างคล้ายหลังเต่าค่อยมองเห็นหน่อย
หลังการแสดงจบก็ได้เวลากลับแล้ว... ตรงทางออกก่อนไปขึ้นสองแถวมีการตกแต่งไฟไว้สีสวยเชียวเลยเก็บภาพไว้ด้วย
หมดแล้วอ่ะ..ได้เวลากลับกุงเต้บแล้วอ่ะ ไม่อยากกลับเลย... ยังอยากเที่ยวต่ออีกหน่อย ก่อนกลับก็แวะซื้อพวกกุญแจน้องกุหลาบสีชมพูน่ารักมา 1 อัน... (ตอนนี้ใช้น้องกุหลาบหน้าดำปิ๊ดแล้วอ่ะ...อิอิ)
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจดเอาไว้ว่า 10,733 บาท...แต่จำไม่ได้แล้วว่าค่าอะไรเท่าไหร่บ้างอ่ะ...มันนานแล้วอ่ะ
แล้วตอนหน้าจะมา up blog แนะนำสมาชิกใหม่ของครอบครัวให้รู้จักนะคร้าบบบ...
Create Date : 12 มิถุนายน 2550 |
|
52 comments |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2550 13:10:24 น. |
Counter : 912 Pageviews. |
|
|
|