Bloggang.com : tiara :

Japan2017 ฮอกไกโด ทุ่งลาเวนเดอร์ : DAY1

ทริปนี้เกิดขึ้นเริ่มจากตอนต้นปี พอจบทริปเชียงรายไม่กี่อาทิตย์ คุณลุงผู้ใจดีของเราก็ชวนไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบไปทั้งบ้าน โดยคุณลุงจะสปอนเซอร์ทุกอย่าง+++

ป๊าก็ต้องเริ่มวางแผนทริปว่าจะไปไหนกันบ้าง เช็คลิสต์ตามที่ทุกคนต้องการให้ครบ ตอนแรกจะเดินทางแบบเดิมคือไปลงกรุงเทพฯ แล้วบินตรงไปญี่ปุ่นเลย แต่หลังจากลองจองหลายแบบแล้ว บินไฟลท์ตรงจากภูเก็ตจะสะดวกที่สุด สรุปเราใช้บริการ Korean Air หลังจากจองเที่ยวบินก็มาดูว่าจะเดินทางในฮอกไกโดด้วยรถเช่าหรือรถไฟฟ้า หลังจากคำนวณทุกอย่างแล้ว ตกลงว่าจะเช่ารถดีกว่า สุดท้ายก็กำหนดวันเดินทางกัน ป๊าเลือกเอาช่วงเข้าพรรษาเพราะเกาทัณฑ์จะได้ลาหยุดแค่ 3 วันจาก 5 วัน ลาเวนเดอร์ก็น่าจะบานพอดี ทำตารางเสร็จก็ให้คุณลุงจ่ายตังค์ เรื่องรถเช่าโชคดีที่เรามาได้บริษัท Tabirai มันเป็นเหมือนโบรกเกอร์หารถเช่าให้เราอีกที แต่ค่าบริการถูกกว่าหน้าเวปของบริษัทจองรถเยอะเลย เราเลยจอง Mazda Biante 7 ได้ในราคา 67,000 เยน พอจองเสร็จได้เมล์ยืนยันก็ขอเพิ่มเช่า ETC card ด้วยจะได้สะดวกตอนจ่ายตังค์ สรุปทุกอย่างเรียบร้อยก่อนเดินทาง 1 เดือน

วันที่ 7 กรกฎาคม วันนี้ถ้าได้อ่าน blog ของเด็กน้อย จะเป็นวันเดียวกับที่คุณเกาทัณฑ์เดินพาเหรดกีฬาสี พอจบงานกีฬา ตอนเที่ยงป๊าก็มาส่งแม่ลูกที่บ้านให้จัดกระเป๋าเดินทางกันให้เรียบร้อย เพราะเราจะออกเดินทางกันตอนกลางคืน สองทุ่มน้องชัมก็เอารถตู้มารับพวกเรา 6 คนไปสนามบิน ใช้เวลาเดินทางจากบ้านหนึ่งชั่วโมงเราก็มาถึง ปรากฎว่าเคาน์เตอร์ของสายการบินยังไม่เปิด เพราะไฟลท์เราบินตอน 00.40 น. ก็เลยต้องนั่งรอครึ่งชั่วโมง พอเค้าเริ่มต่อแถวกันเราก็ไปต่อกับเค้าด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นคนเกาหลีเพราะไฟลท์นี้จะไปลงอินชอนก่อน แล้วอีก 2 ชั๋วโมงจะบินต่อไปสนามบินชิโตเซะของญี่ปุ่น หลังจากเช็คอินเสร็จก็รู้ว่าเครื่องดีเลย์ไปอีก 20 นาที เข้าไปนั่งรอด้านในแล้วเด็กน้อยเกิดหิวขึ้นมาเลยกินแซนด์วิชซับเวย์คนละครึ่งกับป๊า หม่ำไปแป๊บนึงก็หลับ แต่ก็ดีเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน 00.30 น.เกทก็เปิด ปลุกเด็กน้อยพาล้างหน้าเข้าห้องน้ำ ป๊าก็เปลี่ยนซิมโทรศัพท์เลยให้มัน activate จากในเมืองไทยดีกว่า คราวนี้ซื้อ Sim2fly จาก AIS 4g 7 วัน

ได้ขึ้นเครื่อง737 ที่นั่งกว้างสบาย คุณลุง คุณปู่ คุณย่านั่งแถวหน้าเรา แอร์สาวสวยเอาหูฟังกับผ้าห่มมาให้ พอเครื่องขึ้น 10 นาทีก็หลับกันหมด จนประมาณตีห้ากว่าๆ แอร์ก็เริ่มเดินเสิร์ฟอาหารแล้ว มื้อแรกบนเครื่องเป็นไข่คน ไส้กรอก และครัวซองค์ (มีข้าวต้มให้เลือกด้วย แต่ครัวซองค์น่ากินกว่า) ปรากฎว่าคุณเกาทัณฑ์ชอบไข่คน กินหมดเลย

ฟังเพลงชิวๆ

มื้อแรกบนเครื่อง

สักพักเครื่องก็แลนด์ดิ้ง เราเดินผ่านตม. หาป้ายทรานซิทแล้วไปนั่งรอเครื่องต่อ ก็พอดีกับเครื่องที่จะไปลงฮอกไกโดก็ดีเลย์ตาม ทำให้มีเวลาแปรงฟันกับซื้อขนม

มาถึงดินแดนเกาหลี

เดิน เดิน เดิน ไป transfer

ม๊ากับคุณย่า

หน้าเกทบอก delay

ลำนี้แน่เลย

หม่ำครัวซองค์ก่อน

คุณปู่ไปได้ครัวซองค์มาให้น้องทัณฑ์อีกตัว ตอนแรกจะเอาดอลล่าร์ไปจ่ายแต่ไม่มีทอนเลยใช้บัตรเครดิตแทน น้องทัณฑ์กินครัวซองค์ไปครึ่งตัวพนักงานก็เรียกขึ้นเครื่อง สักพักบนเครื่องก็เสิร์ฟอาหารอีกรอบคราวนี้เราเลือกไก่ผัดซอส แต่คุณเกาทัณฑ์ไม่กินเพราะอิ่มไปแล้ว นั่งไป 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึงฮอกไกโดสักที

ครัวซองค์จากอินชอนตัวเดิมมากินต่อบนเครื่อง

จะแลนด์แล้ว ป่าเยอะดีจัง

ลงเครื่องผ่านตม. สบายๆ แต่คนเยอะหน่อย ประมาณครึ่งชั่วโมงก็รวมพลเข้าห้องน้ำ บ้านนี้ไปไหนก็ต้องแวะห้องน้ำ

นั่งกันมานาน แวะเข้าห้องน้ำก่อนเดินทางต่อไป

ลงไปด้านล่างเพื่อหาบริษัทเช่ารถ ลงมาชั้นล่างสุดของอาคารจะเจอป้ายรวมของบริษัทเช่ารถ สนามบินของที่นี่บริหารงานดีมาก คือบริษัทรถจะไม่มีเคาน์เตอร์ของตัวเอง แต่ทางสนามบินจะมีเจ้าหน้าที่ไว้ให้คอยบริการสำหรับรถเช่าทุกบริษัท เราแจ้งชื่อ เลขจอง บริษัทที่เช่า จากนั้นเขาจะเอาลิสต์รายชื่อมาแล้วโทรเรียกให้บริษัทรถเช่าส่งมินิบัสมารับที่สนามบินเอง

คนเยอะแยะเลย คงเป็นเพราะทุกคนต้องมาติดต่อที่นี่เป็นหลักก่อนจะกระจายไปแต่ละบริษัท

ถึงคิวเราแล้ว เจ้าหน้าที่สาวสวยเป็นคนต้อนรับ

ระหว่างรอก็กดตู้น้ำดื่มดีกว่า

คอแห้งจังฮะ

ถ่ายรูประหว่างรอ

รถมาแล้ว

เรานั่งรอ 15 นาที รถก็มารับที่สนามบิน นั่งรถต่อไปอีก 5 นาทีก็ถึงศูนย์รวมรถเช่า ที่นี่เป็น Time car rent รวมกับ Budget ไปถึงก็ยืนเงอะๆ งะๆ เจ้าหน้าที่บอกให้รอเดี๋ยวเรียกเอง ป้ายก็เขียนว่าถ้ารอเกิน 10 นาทีแล้วยังไม่เรียกให้สอบถามได้ เรารอแป๊บนึงก็เรียกคุณลุงมาเตรียมเอกสารให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ขายของเต็มที่เลย บอกว่าควรซื้อประกันให้ครบ เราก็โอเค เอาบัตรฮอกไกโดพาสมาคำนวณให้ดูเราก็โอเค สรุปประมาณ 80,000 เยน แต่เราได้รถคันใหญ่กว่าที่จอง มันคือ Mitsubishi Deluca นั่งได้ 7 ที่นั่ง เราพับเบาะข้างนึงแล้วตั้งกระเป๋า 28 นิ้วไว้ด้านใน 26 นิ้วตั้งด้านหลัง ส่วนขนาด 25 นิ้วอีก 3 ใบวางซ้อนทับกันพอดี เจ้าหน้าที่มาสอนวิธีใช้ mapcode เป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย แต่มันพูดอังกฤษได้ด้วย เราเลือกได้ว่าจะใส่ mapcode หรือเบอร์โทร (เตรียม mapcode ไปเพียบ แต่่จริงๆแล้วใส่เบอร์โทรจะหาเจอง่ายกว่าและตรงกว่า)

รอก่อนจนกว่าจะเรียก

เรียกแล้วเตรียมเอกสารให้เจ้าหน้าที่

ได้รถแล้วก็จัดที่นั่งให้สมาชิก คุณลุงขับรถ ป๊านั่งข้างดูแผนที่ คุณปู่ น้องทัณฑ์ คุณย่านั่งกลาง ส่วนม๊านั่งข้างหลังสุดคนเดียว ใช้เวลา 1 ชั่วโมงจากสนามบินก็มาถึงในเมือง เราผ่านด่านทางด่วนมา 2 ด่าน เกือบครึ่งของบัตรทางด่วนแล้วรู้สึกคุ้ม เนื่องจากเราทำความเข้าใจในการใช้รถที่นี่พอสมควรทั้งขับไม่เร็ว เลี้ยวซ้ายรอสัญญาณไฟ และคนข้ามถนนมาก่อนเพื่อน เลยรู้สึกว่าไม่ยากเกินไป

วิวข้างทาง

ขึ้นทางด่วนกันเลย ตอนแรกจะงงงงว่าเข้าช่องไหน

คุณปู่ดูเหนื่อยและเมื่อย

อยากไปกดจัง มีน้ำน่าลองหลายชนิดเลย

มะงุมมะงาหรามาพักนึง เจอโรงแรมแต่ไม่เห็นที่จอดรถ เลยบอกให้คุณลุงจอดข้างทาง ป๊าวิ่งไปถามหน้า front พนักงานบอกให้ไปจอดด้านข้างชั้นล่าง ที่แท้รถบัสจอดขวางทางเข้าโรงแรมอยู่เราเลยไม่เห็น พอลงไปดูก็เจอทางตัน คุณลุงที่รับรถบอกว่าถ้าจอดที่นี่คืนละ 1,500 เยน แต่ถ้าจอดในอาคารจอดรถใกล้ๆ คืนละ 900 เยน ว่าแล้วก็เอาแผนที่มาให้ ป๊าให้คุณลุง ปู่ ย่า กับน้องทัณฑ์เอากระเป๋าลงไปเช็คอิน แล้วให้ม๊าถือแผนที่เพื่อจะขับรถตามไปคำแนะนำ พอไปถึงปรากฏว่าเป็นอาคารจอดรถโดยเฉพาะ เราเลี้ยวรถเข้าไป กดปุ่มรับบัตร หาที่จอดรถแล้วเดินออกมา ไม่ต้องสื่อสารกับมนุษย์เลยสะดวกดี เสร็จแล้วก็เดินกลับโรงแรม

สุดหล่อของเรา Mitsubishi Deluca

ถ่ายรูปไว้ก่อนจะได้ไม่ลืมว่าจอดไว้ตรงไหน

ต้นไม้ระหว่างทางเดินไปโรงแรม

คนสวยกับดอกไม้

ลูกทัวร์นัดรวมตัวกัน 5 โมงครึ่ง ห้องที่ Hotel Monetary Sapporo แคบมาก แต่งแบบอังกฤษก็ดูสวยดี แต่อากาศในห้องจะอับๆ หน่อย โชคดีมีเครื่องฟอกอากาศมาให้ ถึงเวลานัดก็เดินไป lobby แผนจริงๆ ที่คิดไว้คือ ขึ้นกระเช้าโมอิวะ แต่ดูท่าทางเหนื่อยล้าเลยยกไปวันสุดท้ายแทน แผนใหม่ก็เลยเป็นเดินชมเมือง แต่เพิ่งก้าวออกจากโรงแรมไม่ถึงสิบเก้าก็หิวกันแล้ว คุณลุงเลยให้ไปหาของกินที่ห้าง Esta

เป้าหมายอยู่ใกล้ๆ

ถึงแล้ว

เดินผ่านห้าง Biccamera มาหลายชั้นจนเจอชั้นร้านอาหาร เราเดินผ่านตรอกราเมง แต่คณะทัวร์ไม่มีใครเลือก คุณปู่เลยเลือกร้านหมูทงคัตสึที่อยู่ด้านหน้า เราเข้าไปนั่งอยู่หน้าเตาเลย ที่นี่ทำแป้งขนมปังสดๆ โดยการบดเนื้อขนมปังมาชุบหมูยักษ์แล้วทอด เราเลือกกินกันคนละชุด คนลุงเจ้าของร้านตั้งใจทำมาก (เลยนาน) ม๊าจับเวลาแล้วว่าน่าจะทอดกระทะละประมาณ 15 นาที ในระหว่างนั้นน้องทัณฑ์อยากไปดูเคสมือถือก่อน ป๊าเลยพาลงไปชั้น 2 ของห้างไม่มีที่ถูกใจเลย คุณลุงก็ไลน์มาบอกพอดีว่าได้ของกินแล้ว ป๊ากับน้องทัณฑ์เลยกลับขึ้นไปกิน หมูอร่อยมากกินกันจนอิ่ม สนนราคา 7,500 เยนต่อ 1 ครอบครัวใหญ่ๆ ของเรา

โปรดสังเกตหมูในถาด

หูย ดูหมูที่ตักขึ้นมาดิ

ต้องกินกับน้ำจิ้มกับงา ก่อนอื่นต้องบดงาก่อน

แล้วใส่น้ำจิ้มลงไป

ชั้นหมูกับขนมปังน่ากินมาก

ที่มาของเกล็ดขนมปัง เอาขนมปังใส่เครื่องบดก็ออกมาเป็นเกล็ด

มาเป็นไฟล์ให้ยั่วน้ำลายกัน

กินเสร็จแล้วก็เดินซื้อของในตึกนั้น คุณปู่ได้รองเท้ามา 1 คู่ ส่วนคุณย่าเริ่มบ่นปวดเท้า เลยแวะซื้อขนมด้านล่างแล้วแยกย้ายกันกลับโรงแรม คุณลุงเดินไปส่งคุณปู่คุณย่า ส่วนน้องทัณฑ์นั่งกินไอติมรอคุณลุงที่ใช้ใต้ดินของ Esta ไอติมหมดคุณลุงก็กลับมาพอดี เราเดินเล่นในเมืองไม่ไกลจากโรงแรม ด้านนอกอากาศเย็นสบายประมาณ 22 องศา เดินจนถึงสวนโอโดริแล้วก็กลับโรงแรมพักผ่อน จนทริปวันแรกแบบเพลียๆ

อากาศเย็น เดินสบาย