อีกอย่างถ้าไม่สอนแนวนี้ นักเรียนก็อาจจะตกไปอยู่เบื้องล่างของความคิดของอื่นได้ นั่นหมายถึง งานเขียนที่ออกมาก็จะเป็นแนวคิดเดิมๆ ซ้ำๆ เหมือนกับที่ผมเขียนไว้ในบทความก่อนหน้าที่เรื่อง Heteroglossia (Heteroglossia: Working the Theory that is Working Me) นั่นคือถ้านักเขียนขาดความเข้าใจว่าสิ่งที่พวกเค้าเขียน พูดหรือคิดนั่น มักจะเป็น ของคนอื่น มากกว่าของตัวเอง เค้าก็จะเขียนอะไรแปลกใหม่ไม่ได้เลย ถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร
ส่วนตัวคิดว่าความคิด เนื้อหาและสไตล์การเขียนต้องไปด้วยกันเสมอ อย่างที่เขาว่าไว้ว่า Without facts, you're writing garbage. Without grace, nobody cares about your facts.
โดย: Rive Gauche วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:56:13 น.
เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง
Location : Citizen of the World---who lives in the United States
เป็นการศึกษาแพทเทิร์นการเขียนตามชนิดงาน
รวมถึงวิเคราะห์ "งานตัวแทน" ของการเขียนแต่ละประเภท---- เป็นการเรียนรูปแบบการนำเสนอ
ส่วนเนื้อหา
เป็นการสั่งสมข้อมูล การเรียนรู้ ประสบการณ์ และจินตนาการของผู้เขียน---- เป็นการตกผลึกทางปัญญาส่วนบุคคล
มีไม่น้อยที่นักเขียนใหม่ๆ ซึมซับอิทธิพลนักเขียนรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จ จนเป็นที่มาของประโยค "เหล้าเก่าในขวดใหม่"
แต่ถ้าไม่หยุดการค้นหา เมื่อผ่านไปซักระยะ ก็จะหา "ทาง" ของตัวเองเจอ แล้วก็ฉีกตัวแยกออกไปทางของตัวเองได้ในที่สุด
ตามความเข้าใจของเรา งานเขียนเป็นการสะท้อนผลึกความคิดและปัญญาส่วนบุคคล เป็นสิ่งที่สำเนากันไม่ได้ สิ่งที่สำเนาได้คือรูปแบบและวิธีการ ซึ่งปรากฏอยู่ในวิชา writing