เฒ่าสายลับ....(ทับสายเหล้า)
Gopi..A girl from India








A girl from India
เรื่องเล่าแขกเข้าเมือง แล้วคุณจะเอ็นดูสาวแขกแดนภารตะที่ ชื่อ นางสาวโกปี้

Episode I

สาวภารตะ ชื่อ โกปี้ (GOPI ผู้หญิงอะไรชื่อเป็นโอเลี้ยงบ้านเรา) เธอเป็น ซุปเปอร์ไวเซอร์แผนกหนึ่ง จากสถานกงศุล เมือง เชนไน ประเทศอินเดีย เดินทางมาเทรนงานที่กรุงเทพฯ หนึ่งอาทิตย์ แต่ได้ฟรีทัวส์ก่อนสองวันวัน คือ เสาร์ และอาทิตย์ ก่อนจะเริ่มเทรนงานวันจันทร์
นางสาวโกปี๊ ตัวกลมๆ ผมยาวๆ ตาโตๆ (สาวงามของอินเดียเขา) ไม่เคยมาและไม่รู้จักใครที่เมืองไทยเลย นอกจากผม ซึ่งเคยตอบเมล์เรื่องงานกันแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้น เลยต้องมารับหน้าเสื่อ ต้อนรับ ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี

ตี ห้า เครื่องลง ผมไปรับโกปิ๊ ที่สุวรรณภูมิ เธอบอกว่าเธอตื่นเต้น ที่จะมาเมืองไทย และพบผม แต่ผมตื่นเต้นยิ่งกว่ามาก เพราะไม่รู้จะคุยกันรู้เรื่องไหม ก็รู้ๆ อยู่คนอินเดีย พูดเร็วจนรัว เครื่องลงจอด ตี 5 แต่คุณนางสาวโกปิ๊ เดินออกมา เกือบ 8 โมง ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรของเธออยู่ข้างใน ไม่ได้ถามด้วย (สงสัยมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองนิดหน่อย ตามสไตล์แขกอินเดียเข้าเมือง) ผมนั่งรอ ยัยโกปี๊เงกเลย 3 ชั่วโมง หลับไปรอไป ตอนออกมา ผมต้องจ่ายค่าที่จอดรถอ่วม

พาเข้าเมือง

ระหว่างทางจากสนามบินไปถนนข้าวสารย่านสนามหลวง โกปิ๊ คุยใส่ผมเป็นชุดๆ เหมือนปืนกลยิงใส่ผมหลายพันนัด ผมไม่มีทางได้ยิงสวนกลับไป สรุปแล้วพอจับใจความได้ว่า ยัยโกปิ๊ เธอเป็นคนฮินดู แต่กำลังจะดำเนินตามรอยพุทธศาสนาถึงขั้นทราบซึ้งในพระพุทธเจ้าของเรายิ่งนัก ซึ่งโกปิ๊ระบุไว้ก่อนหน้านั้นในอีเมล ว่าอยากมาไหว้พระนอน Reclining Buddha แถบขาดใจ ผมเลยต้องจัดให้ จะพาไปไหว้ พระนอนที่วัดโพธิ์

โกปิ๊เธอเป็นมังสวิรัต (หาร้านอาหารกินยากยิ่ง) มื้อแรกที่เมืองไทย โกปิ๊ กินได้แค่ ออมเลท (ไข่คน) + กาแฟ 1 ถ้วย
ช่วงหลังเลยสบายผม กินไข่ได้นี่ ผมเลยสั่งข้าวโป่ะไข่เจียว ให้เธอกินทุกมื้อเลย (โกปี๊บอกว่าโรงแรม พลาซ่าฯ อะไรนี่ แย่จัง ไม่มีข้าวไข่เจียวให้เธอกินเลย)

นางสาวโกปิ๊ ถ่ายรูปทุกอย่างที่ขวางหน้า ถนนหนทาง ป้าย ตึก พื้น ทางเดินถ่ายตั้งแต่อยู่ในสนามบินเลย โกปี๊ถ่ายไปทั่ว ถ่ายรถที่ผมขับไปรับเธอ
ถ่าย ร.ป.ภ., ถ่ายถังขยะใสรุ่นใหม่ใสๆ , ถ่ายหอควบคุมการบินที่ว่าสูงที่สุดในโลก
กว่าจะเดินจากตัวอาคารสนามบินไปที่จอดรถ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้

เธอว่าเธอบ้าถ่ายรูป ผมเห็นด้วย ผมว่าที่โกปี๊หายไป 3 ชั่วโมง คงมัวแต่ถ่ายรูป ซีทีเอ็กซ์ (เครื่องตรวจกระเป๋าผู้โดยสารหาระเบิด) อยู่แน่ๆเลย


ส่ายหน้า แปลว่า โอเค O.K. !!!

ผมนะงงกับยัยสาวแขกคนนี้มากเลย ถามเธอว่า "จะกินกาแฟมั๊ย” โกปี๊ส่ายหน้า ผมก็เลยถามว่าแล้วเธอจะกินอะไร โกปี๊บอกว่า “กินกาแฟ” ดูโกปี๊ซิ ทำผมงง แปดตลบ แต่ตอนหลังชักชินแล้ว เป็นที่รู้กัน ถ้าโกปี๊ โอเค เธอจะส่ายหน้าไปมา (ไม่ปฎิเสธ)


Episode II

ของฝากจาก อินตะระเดีย

โกปิ๊ หิ้วกระเป๋ามาจากอินเดีย 2 ใบ ใบหนึ่งสะพายไว้ ที่ตัว อีกหนึ่งใบใหญ่ เก่าๆ แต่มีกุญแจทองเหลืองอันใหญ่แบบที่เราใช้คล้องกุญแจบ้าน ล็อคไว้
เธอเรียกกระเป๋าใบนี้ว่า My Box ซึ่งโกปี๊จะลืมทิ้ง กระเป๋าใบนี้ไว้เสมอๆ ทุกครั้งที่แวะพักถ่ายรูป ผมต้องคอยเตือนโกปี๊บ่อยๆเรื่องกระเป๋า เหมือนเธอไม่อยากเอามันไปไหนมาไหนด้วย ผมเลยต้องคอยลากกระเป๋าใหญ่ใบนี้ ตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง

แอบชำเลืองดูเจ้ากระเป๋า My Box ตอนโกปี๊เธอเปิดมันออกมา ในนั้นมีเสื้อผ้า และของใช้ที่ไม่จำเป็น ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่ง เป็นตะกร้า ใส่ของฝากยกให้ผมทั้งตะกร้า ซึ่งหนักมาก เปิดดู โอ้ โฮ ! มี เครื่องเทศนานาชนิดของอินเดีย และขนม ประมาณ 20 กว่ากล่อง มีเสื้อยืด จาก Consulate Chennai หนึ่งตัวของผม แต่เป็นของแถมจาก Sponsor สักแห่งในอินเดีย, กล่องใส่ของทำจากหินอ่อน , ช้างแกะสลักจากหินอ่อน, สายสร้อยต่างๆ รวมทั้งตุ้มหู คล้ายงาช้าง เผื่อผมจะเอาไปแจกเพื่อนสาวในที่ทำงาน โกปี๊บอกว่าทำจาก “กามิลๆ “ “กามิล โบน” ผมให้เธอออกเสียงอีกที ผมก็ยังฟังเป็น “กามิล โบน “ อยู่ โกปี๊ก็อธิบายว่า สัตว์ตัวนี้ อาศัยอยู่ในทะเลทราย มีเขา อยู่บนหลัง นึกตั้งนาน อ้อ โกปี๊หมายถึงคือ “อูฐ” นั่นเอง ทของที่ระลึกำจากกระดูกอูฐ Camel Bone

พาเช็คอินห้องพักราคาถูก

ผมได้เมล์ รายละเอียดโรงแรม ที่ราคาไม่แพงไปให้ โกปิ๊ เป็นโรงแรม เจด พาวิลเลี่ยน แถวสุขุมวิท ค่อนข้างดูดีทีเดียว และราคา ไม่แพง คืนละ 1200 บาท แต่โกปิ๊ก็ยังเมลมาบอกผมว่าแพงไป อยากได้ เกสเฮ้าถูกๆเพราะจะเอาไว้ซุกหัวนอนตอนกลางคืนอย่างเดียว เพราะกลางวันทัึ้้งวันจะไปเที่ยว หรือขออาศัยนอนที่บ้านผมก็ได้ เธอว่าประหยัดดี เหอ..!

ตกลงวันที่มาถึงเมืองไทย ผมพาโกปิ๊ ไปที่ดูเกสเฮ้าส์ ย่านถนนข้าวสาร ราคา 300 มีแอร์ แต่ห้องน้ำรวม โกปิ๊ ชอบใจ แล้วก็ส่ายหน้าไปมา! เธอว่าเอาห้องนี้

แต่ตอนมาเช็คอิน ที่ โรงแรม สามดาว แถวถนนวิทยุ ซึ่งบริษัทฯ ออกค่าใช้จ่ายให้หมด ราคา คืนละ 5100 บาท เราขึ้นไปชมห้องกัน ผมบอกโกปิ๊ว่า “Oh..from hell to heaven” พวกเราหัวเราะกันใหญ่ แถม นางสาวโกปิ๊ทิปเงินให้ เบลบอยที่ตามมาเปิดประตูห้องให้ ไปตั้ง 20 บาทแน่ะ เบลบอยตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนกล่าวคำ ขอบคุณ แล้วเดินจากไปอย่างเศร้าสร้อย.....20 บาท

.........(และได้ความรู้อีกอย่าง จากความซื่อบื้อของเราสองคน โกปิ๊จองห้องพักได้ ชั้นที่ 20 แต่ไม่รอเบลบอย ที่จะยกกระเป๋าไปส่ง เราขึ้นลิฟกันไปเอง ตอนกดลิฟท์ ชั้น 20ไฟปุ่มไม่ติด คิดว่าไฟคงเสีย แต่ลิฟขึ้นไปถึงชั้น 21 เราออกมาจากลิฟ หาทางลงบันได แต่ไม่มีบันไดให้ลง เลยกด ลิฟมาใหม่ กดปุ่มชั้น 20 อีก แต่ลิฟไปลงจอดชั้น 19 ทำงัยดีล่ะ หรือลิฟตัวนี้จะไม่ชอบจอดชั้น 20 ซะกระมัง

มองไปมาในลิฟ เห็นมีที่เสียบการ์ด แน่แล้ว ผมขอการ์ดจากโกปิ๊ที่รีเซฟชั่นให้มา เสียบการ์ดเข้าไป คราวนี้กดชั้น 20 ได้ดังใจปรารถนา มารู้ที่หลัง เขาว่ามันเป็นซีคิวริตี้ลิฟ กดชั้นอื่นได้ทุกชั้น ยกเว้นชั้นนี้ ต้องใช้การ์ดเสียบก่อน เพื่อความปลอดภัยของคนที่อยู่ชั้นนี้ สรุปว่า นางสาวโกปี๊ เป็น วีไอพี เลยได้อยู่ชั้นนี้

ในที่สุดเราก็ได้มาอยู่ชั้นที่ 20 หลังจากใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ต้องมาเจอกับด่านประตูเข้าห้องพักอีก

หลังจากเดินหาเบอร์ห้องอยู่ไม่นาน ก็เอาการ์ดเสียบหน้าประตู (คิดว่าไม่โง่แล้ว) แล้วรอสัญญาณไฟอยู่นานไม่เวิร์ค ลองเสียบดูใหม่ ผลัดกันเสียบคนละ 4-5 ที กลับไปกลับมาไฟก็ไม่ติดอีก เข้าห้องไม่ได้ เวรกรรมจริงๆ แต่ยังพอมีบุญอยู่บ้าง เบลบอยยกกระเป๋าตามมาพอดีและพี่เบลบอยอธิบายให้ฟังว่า เสียบการ์ดแล้ว ต้องรีบชักออกเร็วๆ ไฟเขียวที่ประตูจึงติดถึงจะเปิดประตูได้ ที่เป็นแบบนี้เพราะเขากันลืมการ์ด คาไว้หน้าประตู อ๋อ เพิ่งเข้าใจแจ่มแจ้ง คราวนี้เอง ได้ความรู้เพิ่ม


Episode III






วันที่โกปิ๊รอคอยก็มาถึง..........


โกปิ๊บอกผมว่า ก่อนมาประเทศไทย เธอพร่ำแต่สวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าว่า ขอให้ได้มาเมืองไทย มาไหว้พระนอน วัดโพธิ์ สักครั้งในชีวิต

It was one my life’s ambition to visit Thailand and see
This Sleeping Buddha..
I am excited about my trip to your home town Bangkok, which
Was my life ambition. Thanks to God and you too, I am thrilled to visit Bangkok, and visit Buddhists temples too

ช่วงสายวันเสาร์ ผมพานางสาวโกปิ๊ ร่างกลม ผมยาว ใส่ส่าหรี่สีแดงสดใส ฝ่าแดดอันร้อนพร่าว เดินเข้าประตูวัดโพธิ์ หรือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ผมพาโกปิ๊ไปซื้อบัตรเข้าชม ราคา 50 บาทสำหรับชาวต่างประเทศ ส่วนคนไทยอย่างเราเข้าฟรี (แต่ไม่ค่อยอยากจะไปกันสักเท่าไหร่) มีไกด์เดินเข้ามาถาม เสนอค่าบริการ พาทัวส์วัดราคา 200 บาท โกปี๊ โบกมือ ปฏิเสธ ไป แต่ไม่ยอมสายหน้า แต่ถ้าโกปิ๊ส่ายหน้าล่ะ ไกด์ก็คงเดินจากไปเหมือนกัน

เริ่มต้นพาทัวร์ โกปิ๊ชะเง้อ มองหาพระนอน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านอยู่โบสถ์ไหน แต่เรื่องอะไรทีทผมจะบอกโกปี๊ว่าเราไม่รู้ ผมก็พาเธอเดินเข้าโน่น ออกนี่ไปตามเรื่อง แต่ละย่างก้าวภายในวัดช่างลำบกยากเย็นเสียนี่กระไร เพราะโกปิ๊ จะคอยหยุดถ่ายรูป และ ถ่ายวีดิโอ เป็นระยะๆ เหมือนว่าจะเก็บทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ให้รอดพ้นสายตาเลยสักตารางนิ้ว พระทุกองค์ เจดีย์ทุกเจดีย์ ประตูทางเข้าออก โบส วิหาร โกปิ๊ถ่ายเก็บไว้หมด เหมือนไปถ่ายสถานที่เกิดเหตุฆ่าตกรรม ก็ว่าได้ เท่านั้นยังไม่พอ ทัวร์ลิส หลายราย ต้องตกเป็นเหยื่อของโกปิ๊ ให้มาคอยถ่ายรูป โกปิ๊กับผมตลอดทาง จนผมต้องบอกให้โกปี๊ถ่ายรูปเดียวๆบ้างก็ได้ ผมถ่ายให้เอง

โกปิ๊ถามหาเจ้าอาวาส เพราะอยากจะพบเป็นการส่วนตัว เพื่อขอให้สวดมนต์ให้ Also if possible, I want to meet the Top Priest in the Temple to get his BLESSINGS. โหย..ไม่ใช่จะขอพบกันได้ง่ายๆ เหมือนวัดแถวบ้านเรานะ ผมนึกในใจ แต่ก็จำเดินเข้าไปสอบถาม เจ้าหน้าที่ให้เธอ แล้วก็กลับออกมาบอกโกปิ๊ว่า ท่านเจ้าอาวาสอายุ มากกว่า 90 ปีแล้วคงจะพบโกปิ๊ไม่ได้อ่ะ แต่ถ้าอยากจะเจอพระจริงๆ ผมก็จะจัดให้ ผมพาเธอไปที่ส่วน ทำสังฆทานของวัด จับโกปิ๊ไปนั่งรวมกลุ่มกับคนไทย 2-3 คน โดยไม่ลืมยัดถังสังฆทานให้เธอ โกปี๊รับถังสีเหลืองที่มีของใช้ไปอย่าง งงๆ ส่วนตัวผมก็คอยถ่ายวิดีโอให้ พอพระเริ่มสวด ท่านก็บอกให้โยม กล่าวตาม โกปิ๊หน้าตา เริกหลัก มองมาทางผม ผมโบกมือ ให้ทำตามเขาไป พอโยมเริ่ม ท่องนะโม โกปิ๊ ก็ทำปากขมุบขมิบ ไปตามเรื่อง รับมุกไม่เบา สวดอยู่สักพัก ก็ถวายของให้พระเป็นอันเสร็จพิธี โกปิ๊ปลื้มมาก ยกนิ้วโป้งให้ผม ที่คอยถ่ายวิดิโอไว้ทุกขั้นตอน รวมทั้งตอนกรวดน้ำ ที่ผมจับเอามือโกปิ๊ไปแตะ โยมที่นั่งข้างๆ แต่เท่านั้นยังไม่พอ โกปิ๊หันพูดอะไรสักอย่างกับหลวงพี่ แล้วชี้ไปที่จีวรที่หลวงพี่ใส่ ได้ความว่าเธอจะขอเศษจีวรของหลวงพี่เอาไปเป็นที่ระลึก หลวงพี่ก็ใจดีนัก เดินเข้าไปที่หลังกุฎิพระ สักพักเดินกลับออกมาพร้อมพระองค์เล็กๆ 2 องค์ มอบให้ผมกับโกปิ๊คนละองค์ แล้วบอกว่า จีวรหลวงพี่ยังใหม่อยู่เลย ยังไม่มีขาดเลย เอาพระนี้ไปแทนก่อนก็แล้วกัน โกปิ๊และผมดีใจเป็นหนักหนา ได้รับพระจากมือหลวงพี่ คงโชคดีไปตลอดปี



และในที่สุดเราก็ได้มาถึงโบสถ์ พระพุทธไสยาส The Reclining Buddha ที่งามที่สุดในประเทศไทย


โกปิ๊ตื่นตาตื่นใจ และดีใจมาก เหมือนได้มาเจอญาติที่จากกันมานานแสนนาน น้ำตาเธอคลอเบ้าตา โกปิ๊ไม่สนใจใครอีกแล้ว เริ่มระดมถ่าย ทั้ง กล้อง และ วีดีโอ อยู่เป็นนาน ผมปล่อยให้เธอถ่ายภาพหลวงพ่อจนจุใจ องค์หลวงพ่อสูงใหญ่มาก มองคอตั้งบ่าทั้งๆ ที่ทรงนอนอยู่

เมื่อเป็นที่พอใจของนางสาวโกปิ๊แล้ว ผมก็ขอเวลานอก ออกมาหาน้ำกิน โกปิ๊ไม่ขัดข้อง เธอตามผมออกมาหาน้ำกินแก้กระหาย เพราะว่าอากาศยามเที่ยงร้อนมากๆ ผมดมยาดมไปหลายรอบ

เราทั้งคู่กลับเข้าไปในวัดกันใหม่ อยู่ๆโกปิ๊ก็เอ่ยว่า อยากได้ โฮลี่วอเตอร์ อะไรนะ ลี่ๆ จะกินน้ำสตอเบอรี่ เหรอ โกปิ๊ บอกว่า โฮลี่ๆๆ..... โฮ-ลี่-วอ-เตอร์ ....อ๋อ Holly Water น้ำมนต์ นั่นเอง โกปิ๊นี่ ช่างขออะไรแปลกๆ แบบที่ผมคาดไม่ถึงจริงๆ ที่โกปี๊ขอแต่ละอย่าง อ๊ะถ้ากล้าขอ เราก็จะจัดให้ ผมพาโกปิ๊ ไปที่อุโบสถพระประธาน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักหวังจะขอน้ำมนต์มาให้โกปิ๊
ภายในโบสถ์ สว่างไสว งดงามมาก ผมก้มลงกราบพระประธานด้วยความเคารพ ส่วนโกปิ๊เธอก็ยกมือไหว้ประหลกๆ ปากก็พรึมพร่ำ ไปตามเรื่อง แต่โกปิ๊ไม่พลาดเลย ที่จะเก็บรูป แถมค่อยๆ เดินแหวกผู้คน ที่นั่งกันสลอนไปจนสุดถึงหน้าพระประธาน แล้วหันหน้ากลับมายิ้มแฉ่ง ให้ผมถ่ายรูปเดียวชัดๆ จนเด่นเป็นสง่า แบบไม่เกรงใจ ชาวบ้านที่มานั่งไหว้พระอยู่ทั้งไทยและฝรั่ง
ผมมองไปรอบๆ ไม่เห็นมีที่ท่าว่าจะมีน้ำ โฮลี่วอเตอร์ของยัยโกปิ๊อยู่เลย

แต่วันนี้ช่างเป็นวันโชคดีของโกปิ๊เสียจริงๆ มีพระหลวงพี่องค์หนึ่ง อยู่ๆก็เดินขึ้นโบสถ์เพื่อมาไหว้พระประธาน ผมไม่รอช้า ตรงดิ่งเข้าไปนมัสการท่านหลวงพี่ แล้วถามถึงน้ำมนต์ ท่านหลวงพี่ก็บอกว่า ธรรมดา ไม่ค่อยได้แจกน้ำมนต์หรอกวัดนี้ เราเพราะมีแต่ทัวร์ลิสชาวต่างชาติเข้ามาชมเท่านั้น แต่เห็นว่า เพื่อนผมมาจากแดนไกลและอยากได้น้ำมนต์จริงๆ ท่านก็เลยจะสงเคราะห์ให้ ท่าเดินนำผมและโกปี๊ ผ่านแนวเขตหวงห้าม เข้าไปทางหลังพระประธาน ตักแบ่งน้ำมนต์ จากอ่างน้ำโบราณใบใหญ่ให้ผมกับโกปี๊ เต็มขวดพลาสติก ท่านบอกว่า เป็นอ่างน้ำมนต์อายุ 100 ปีทีเดียว ผมและโกปิ๊ ปลาบปลื้มใจสุดๆ กราบหลวงพี่ไปอย่างงามๆ โกปิ๊ขอบคุณผมเป็นอย่างมาก ที่ได้น้ำมนต์อายุ 100 ปีกลับไปประเทศอินเดีย โกปิ๊บอกว่า เรื่องน้ำมนต์นี้ถือเป็นไคลแม็กสำหรับวันนี้เลย

โปรดติดตามตอนต่อไป






Create Date : 16 มกราคม 2553
Last Update : 20 มกราคม 2553 22:42:25 น. 1 comments
Counter : 832 Pageviews.

 
ตามพี่ ณ กับคุณโกปิไปเที่ยวครับ วัดโพธิ์ผมก็เพิ่งได้ไปครั้งแรกเมื่อตอนเข้ากรุงปีที่แล้วนี่เอง เชยสุดๆ เลย - -"

พี่ ณ เป็นไกด์ที่เยี่ยมมาก น่าเปิดกิจการจริงๆ เลย


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:10:43:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Tesss
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เฒ่าสายลับ

ลายปากกา


Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
16 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Tesss's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.