โบราณท่านว่า "ม้าดีต้องมีพยศ" ซึ่งในวงการฟุตบอลก็เช่นกัน เรามักจะเห็นยอดนักเตะจอมศิลปิน มักจะมีปัญหาในเรื่องของการควบคุมอารณ์หลายต่อหลายคน

"ธีราทร บุญมาทัน" ยอดแบ็กซ้ายดาวรุ่ง จากทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งผู้สันทัดกรณีลูกหนังในบ้านเรา ต่างก็ยกให้เป็นนักเตะที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมทุกด้าน ยกเว้น "นิสัยเลือดร้อน" จนได้รับฉายา "แบดบอยลูกหนังเมืองไทย"

จึงไม่แปลกที่เขา จะกลายเป็น "เป้า" ของแฟนบอลที่ไม่ใช่สาวก "ปราสาทสายฟ้า" โห่ใส่ ไล่ด่า ไม่ว่าจะในระดับสโมสร หรือแม้กระทั่งทีมชาติ

แต่ดูเหมือน เสียงวิจารณ์เหล่านั้น จะไม่ทำให้เขาสะทกสะท้านเลย กลับกัน ฟอร์มการเล่นของ "เจ้าอุ้ม" กลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่วงสองปีที่ผ่านมา จนก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมบุรีรัมย์ และ ทีมชาติไทย ด้วยวัยเพียง 22 ปีเท่านั้น

"ไม่รู้สึกกดดันอะไร ชอบดีเสียงโห่ โห่ไปก็ไม่ได้สนใจ มันเหมือนเป็นแรงกระตุ้นให้ผมด้วย ผมว่ามันจะทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น" เสียงยืนยันชัดเจนจาก "เจ้าอุ้ม" กล่าวผ่าน "ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์"

หลังจากสร้างความฮือฮา รับ 2 ใบแดง จาก 2 รายการติดต่อกัน ในศึกเวิลด์คัพ 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย และซีเกมส์ ปี 2011 โดยที่ 2 เหตุการณ์นั้น ห่างกันไม่ถึง 48 ชั่วโมง จนถูกวิจารณ์อย่างหนัก เมื่อช่วงปลายปี 2554

ผ่านมาเกือบ 1 ปี "เจ้าอุ้ม" จะมีโอกาสกลับมารับใช้ทีม "ช้างศึก" อย่างเป็นทางการอีกครั้ง และในการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ระหว่างวันที่ 24 พ.ย.-22 ธ.ค.นี้ หลังกรำศึกหนัก จนช่วยทีม บุรีรัมย์ คว้า ดับเบิลแชมป์ ปิดฉากฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ

"กลับมาเข้าแคมป์ทีมชาติครั้งนี้ ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม แต่อาจแตกต่างจากสโมสรนิดหน่อย ในเรื่องของเพื่อนร่วมทีม ที่คงต้องใช้เวลาปรับจูนการเล่นให้เข้ากันใหม่"

เรียกได้ว่า ธีราทร เป็นนักเตะไม่กี่คนที่เดินทางมาร่วมแคมป์ในช่วงโค้งสุดท้าย เนื่องจากติดภารกิจกับต้นสังกัด ในศึกลูกหนังโตโยต้าลีกคัพ รายการฟุตบอลสุดท้ายของปี 2012

แม้จะแทบไม่มีเวลาได้พัก แต่เขาก็มั่นใจว่า สภาพร่างกายของตัวเองยังไหวสำหรับทีมชาติเสมอ รวมถึงต้องการเป็นตัวแทนให้กับทีม "ปราสาทสายฟ้า" อีกด้วย หลังจากมีผู้เล่นหลายคนของสโมสร ทยอยถอนตัวทีมชาติไปหมดก่อนหน้านี้ เนื่องจากเหตุผลต่างๆ นานา

"สภาพร่างกายตอนนี้ อาจมีตึงๆ บ้าง แต่ก็ยังไหวอยู่ ไม่อยากถอนตัว และก็ไม่รู้สึกกดดันอะไรที่เป็นนักเตะบุรีรัมย์คนเดียวในทีมชาติชุดนี้ อยากจะลงเล่นเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับสโมสร"

"ก่อนหน้านี้ นายเขาจะส่งไปฝึกฟุตบอลที่ต่างประเทศ ผมก็เลือกอยู่ แต่สุดท้ายก็ขอเลือกอยู่ที่นี่ก่อน แต่ผมมีโอกาส ก็ยังอยากไปต่างประเทศ เพราะอยากไปดูคนที่เก่งกว่า เขาเล่นเป็นยังไง จะได้ศึกษาการเล่นของเขาด้วย"

กับความสำเร็จกับทีม "แชมป์เซราะกราว" จึงไม่แปลกที่ตอนนี้ "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย มีโอกาสสูงที่จะวางให้เขาเป็นแบ็กซ้ายเบอร์ 1 ของทีม 

"ฟอร์มตอนนี้ถือว่าดีในระดับหนึ่ง ก็รู้สึกพอใจ มาเล่นให้ทีมชาติก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด เหมือนกับตอนเล่นให้สโมสร และจะไม่เปลี่ยนสไตล์ตัวเองแน่นอน แต่จะพยายามใจเย็นขึ้น บางทีผมชอบเติมเกมรุก มันก็อาจมีอารมณ์ร้อนบ้าง แต่ก็พยายามปรับตัวให้อยู่กับเกม"

ขณะที่ในสายตาคนนอกอย่าง ศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ก็ยังยกให้ "เจ้าอุ้ม" จะเป็นนักเตะที่น่าจับตามองของทัวร์นาเมนต์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวก็รู้สึกว่า ตนเองยังต้องปรับปรุงอีกหลายอย่าง

"ผมก็รู้สึกเฉยๆ นะ แต่ก็จะพยายามศึกษาการเล่นพัฒนาตัวเองต่อไป ก็มีพี่มุ้ย (ธีรศิลป์ แดงดา) เป็นคนให้คำปรึกษา ให้แนวทางการเล่น แนวคิดต่างๆ ตลอด ส่วนนักเตะที่ผมชอบศึกษาการเล่น ถ้าเป็นคนไทย ก็คือ พี่บอย อนุชา กิจพงษ์ศรี ผมดูพี่เขามาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ นักเตะต่างชาติ ก็ชอบแอชลีย์ โคล ของเชลซี"

สำหรับทีมชาติไทยชุดนี้ "โค้ชวินนี่" ​ได้เรียกตัว แอนโธนี อำไพพิทักษ์วงศ์ ดาวเตะลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เพื่อนร่วม "เซราะกราว" ของ "เจ้าอุ้ม" ติดโผมาด้วย แต่น่าเสียดายที่ต้องถอนตัวไปเสียก่อน เนื่องจากร่างกายไม่สมบูรณ์ และต้องไปรักษาตัวที่สหรัฐฯ ช่วงจบฤดูกาลที่ผ่านมา

"เจ้าอุ้ม" ยอมรับว่า ค่อนข้างสนิทสนม กับ มิดฟิลด์วัย 24 ปี จากการที่ทั้งคู่ได้เป็นรูมเมทกันในสโมสร ซึ่งเขาขอเม้าท์เพื่อนรายนี้ว่า "เขานิสัยดี เขามีเชื้อสายเป็นคนไทยอยู่แล้ว ก็เลยเข้ากันได้ดี ผมจะช่วยแนะนำทุกอย่างให้ ส่วนใหญ่เขาชอบไปมาบุญครอง (เอ็มบีเค), พารากอน เขาบอกว่า ชอบนาฬิกาก๊อบปี้ และก็พาไปกินอาหารไทยด้วย ส่วนเขามีพูดถึงบ้านเกิดของเขาเหมือนกัน และชวนให้เราลองไปเที่ยวดู ถ้าไปเขาก็จะช่วยดูแลจัดการเรื่องที่พัก, อาหารการกิน พาไปเที่ยวให้เราเต็มที่"

ทิ้งท้าย "เจ้าอุ้ม" ซึ่งจะติดธงไตรรงค์ ลงเตะฟุตบอลรายการนี้เป็นสมัยที่ 2 ของตัวเอง ประกาศกร้าวว่า จะขอพาทีม "ช้างศึก" กลับมาคว้าแชมป์ให้ได้อีกครั้ง หลังจากตกรอบแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และร้างบัลลังก์แชมป์มานานกว่า 10 ปี

"ในปีนี้เราก็ต้องเป็นแชมป์ให้ได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ เพราะเราได้เล่นในบ้านด้วย ก็อยากให้แฟนบอลเขามาเชียร์กันเยอะๆ ไม่ว่าผมจะได้ลงหรือไม่ ผมก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ที่สุด" ฟูลแบ็กจอมบุก ย้ำชัด

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2555 10:18:55 น.		0 comments
Counter : 1809 Pageviews.
Share Tweet