ทดสอบเลนส์ Carl Zeiss Jena Pancolar 50mm f1.8 [EP43]
สวัสดีครับ วันนี้ทดสอบเลนส์มือหมุนยี่ห้อนึงนะครับ เป็นแบรนเยอรมันที่มีชื่อเสียงเทียบเคียงกับ Leica ราคาจับต้องได้[ในบางรุ่น] นั่นก็คือ Carl Zeiss Jena เป็นแบรนที่มีประวัติมายาวนานกว่า 100 ปีเลยทีเดียวครับ Carl Zeiss เติบโตจากการทำกล้องจุลทรรศน์และอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ครับ แล้วก็พัฒนาเรื่อยมาจนผิตชิ้นเลนส์ที่มีคุณภาพสูงมากๆครับ ชื่อ "Jena" เป็นชื่อเมืองที่มีโรงงานผลิต ในเยอรมันตะวันออกครับ เรามาลองดูประวัติคร่าวๆกันครับ เดิมที คุณคาร์ล ไซส์ ( Carl Zeiss) แกเป็นช่างฝนเลนส์ชาวเยอรมันช่างฝนเลนส์ผมพิมพ์ไม่ผิดหรอกเดิมทีการผลิตชิ้นเลนส์ในยุคแรกๆของอุสหกรรมการผลิตเลนส์ในเยอรมันนั้นใช้วิธีการหลอมชิ้นแก้วแล้วนำชิ่นแก้วที่ได้มานั่งฝนนั้งขัดกันทีละชิ้นด้วยความยากลำบาก เพื่อให้ได้ขนาดความโค้งเว้านูนตามทฤษฏีทางฟิสิกส์ของนักออกแบบชิ้นเลนส์ในสมัยนั้น
คุณคาร์ล ไซส์ ( Carl Zeiss) เกิดที่เมืองไวมาร์เยอรมันนี ศึกษาทางด้านคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์และวิชาเกี่ยวกับการมองเห็น ( Optics)ที่มหาวิทยาลัยเจนา ( Jena University) จากนั้นก็เริ่มเปิดกิจการเล็กๆเป็นของตนเองคือร้านรับจ้างฝนเลนส์ ผลิตเลนส์สำหรับแว่นสายตาและกล้องจุลทรรศน์
ในปี1846เขาได้พบกับ เอิร์นต์แอ็บเบ้ ( Ernst Abbe) นักฟิสิกส์และเคมี*(ผู้ให้กำเนิดทฤษฏีทางฟิสิกส์ที่เป็นต้นแบบในการผลิตชิ้นเลนส์ในเวลาต่อมา) และได้ก่อตั้งบริษัท Zeiss ในการผลิตชิ้นเลนส์สำหรับกล้องจุลทรรศน์ที่ใช้ในการแพทย์ร่วมกันผลงงานของพวกเขาได้รับการยอมรับและนิยมอย่างมากทั้งในการแพทย์และการทหารในสมัยนั้น
หลังจากนั้นเขาก็เข้าสู่ฐุรกิจการผลิตเลนส์สำหรับถ่ายภาพยนต์และเลนส์สำหรับถ่ายภาพ ซึ่งก็ได้รับความนิยมในด้านของคุณภาพอย่างมากมายเช่นกัน
คาร์ล ไซส์ ( Carl Zeiss) เกิดเมื่อวันที่11กันยายน ค.ศ 1816 และเสียชีวิตเมื่อวันที่3 ธันวาคม ค.ศ 1888...
หลังจาก คาร์ล ไซส์เสียชีวิตลูกชายของเขาก็เข้ามาบริหารกิจการต่อต่อ หลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2เมืองเจนาถูกกองทัพพันธมิตรยึดครอง(ไม่ใช่เสื้อเหลืองแต่เป็นอเมริกา)เยอรมันถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือเยอรมันตะวันตกกับเยอรมันตะวันออกโรงงานของไซส์ก็ถูกแบ่งออกเป็นสองแห่งเช่นกันคือในฝั่งเยอรมันตะวันออกถูกฝ่ายรัสเซียเข้ายึดครองและเปลี่ยนชื่อเป็น "ไซส์เจนา" ( Zeiss Jena) ผลิตกล้องถ่ายภาพขนาด 35 มม. คุณภาพต่ำถึงต่ำมากแค่ให้ได้รูปก็พอเพราะฉะนั้นไอ้เลนส์มือหมุนพะยี่ห้อ Zeiss Jena ที่เห็นเขาบ้าๆปั่นราคาให้เราหูตูบกันว่าเป็นเลนส์ Zeissเทพๆ จริงแล้วมันก็คือเศษเสี้ยวอารยธรรมที่รัสเซียผลิตเลียนแบบแปลนทางด้านออปติกของ Carl Zeissที่หลงเหลือเศษๆไว้ในโรงงานเก่าขนหนีสงครามไม่ทันเท่านั้นเองผลิตกันตามมีตามเกิดมั่วๆกันระหว่างนักฟิสิกส์ชาวเยอรมันกับรัสเซีย
ส่วนลูกชายและผู้สืบทอดในรุ่นต่อๆมาก็อพยพหนีระบบสังคมนิยมคอมมิวนิตส์มาตั้งโรงงานใหม่ในฝั่งเยอรมันตะวันตกและตั้งชื่อโรงงานใหม่ว่า " CarlZeiss AG ผลิตเลนส์ที่มีคุณภาพชั้นดีตรงตามทีคาร์ล ไซส์ ( CarlZeiss)เคยตั้งปณิทานเอาไว้ก่อนเสียชีวิตดังนั้นเราจึงเมักเห็นได้ว่า เลนส์จากคาร์ล ไซส์ ( Carl Zeiss)ที่สกรีนใต้กระบอกเลนส์ทุกตัวว่า Made In West Germany จะมีราคาสูงมาก เพราะมันคือต้นแบบจากจิตวิญญานของคุณคาร์ล ไซส์ ( CarlZeiss)จากรุ่นสู่รุ่น.....มันคือของแท้และดั่งเดิม
ในปีค.ศ.1946(เกล็ดเล็กเกร็ดน้อยนะ ในปีนี้เป็นปีที่ จอร์จ วอล์กเกอร์ บุช ( George Walker Bush) หรือ GeorgeW. Bush เพิ่งเกิด) บ.จากญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Kyocera ซึ่งเป็นผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพภายใต้ยี่ห้อ Yashica ได้ติดต่อทางการค้ากับ Carl Zeiss AG ให้ช่วยออกแบบและควบคุมคุณภาพการผลิตเลนส์ให้โดยมีฐานการผลิตอยู่ในญี่ปุ่นเพื่อเป็นการลดค้าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงจึงได้มีการทำข้อตกลงกันให้ผลิตเลนส์ที่มีชื่อแบรนด์ของ Carl Zeiss ในญี่ปุ่นได้ (จึงมีเลนส์ Carl Zeissรุ่นต่างๆที่สกรีน Made in Japan ในราคาที่ถูกลงจากเดิมในเวลาต่อมา)...
หลายท่านที่ได้เห็นผลิตภัณฑ์และตราสินค้า Zeiss มักจะเกิดคำถามว่า ใช่บริษัทเดียวกับ Carl Zeiss หรือไม่ หรือ เคยเห็นแต่ตราสินค้า Carl Zeiss Jena หรือ บริษัทเดียวกับกล้อง Zeiss Ikon หรือเปล่า หรือ Carl Zeiss Jena เป็นของเยอรมันตะวันออก และ Zeiss เป็นเยอรมันตะวันตก ฯลฯ
ยอดบริษัทด้านนวตกรรมในเรื่อง Optics และ Fine Mechanic เยอรมันบริษัทนี้มีอายุนานถึง 160 กว่าปีแล้วและผ่านยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงและความวุ่นวายของประเทศมาอย่างมั่นคง และยังคงความเป็นยอดนวตกรรมมาจนถึงทุกวันนี้
Carl Zeiss Jena
บริษัท CarlZeiss ก่อตั้งโดย นาย Carl Zeiss ในปี ค.ศ. 1846 โดยผลิตกล้องจุลรรศน์จำหน่าย(และนับเป็นบริษัทแรกของโลกที่ผลิตกล้องจุลทรรศน์ในเชิงอุตสาหกรรม) ณ.เมือง Jena โดยเครื่องหมายการค้า Carl Zeiss Jena นี้ปรากฎบนผลิตภัณฑ์ของ Zeiss ในช่วงปี ค.ศ. 190x และใช้เรื่อยมาจนถึงปีค.ศ. 1945 Schott & Genossen(Schott andAssociates)
ถ้าจะกล่าวถึงตราสินค้า Schott แล้วนักเคมีหรือผู้ที่ใช้แก้วทนไฟจะรู้จักเป็นอย่างดี ถึงผลิตภัณฑ์แก้วทนไฟคุณภาพแม้ในปัจจุบันบริษัทผลิตตะเกียงเจ้าพายุทั่วโลกยังใช้กระจกของ Schott
Otto Schott ผู้ชำนาญด้านการผลิตแก้วได้ร่วมหุ้นกับ Carl Zeiss และ Ernst Abbe (ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Zeiss และเป็นผู้บริหารสูงสุดในยุคถัดมา)เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์เลนส์แก้วสำหรับกล้องจุลทรรศน์และผลิตภัณฑ์ด้าน Opticประเภทต่างๆ และได้กลายเป็นบริษัทผลิตแก้วและผลิตภัณฑ์ OpticalProducts ชั้นนำของโลก
Zeiss Ikon
คงไม่มีนักสะสมกล้องเก่าท่านใดไม่รู้จักบริษัทนี้ Zeiss Ikon ได้นำวัฒนธรรมด้านผู้นำนวตกรรมมาสู่อุตสาหกรรมกล้องถ่ายรูปเช่นกล้องพับขนาดพกพาและอื่นๆ
ในปีค.ศ. 1826ในยุคที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์ถ่ายภาพในประเทศเยอรมันนีได้ตกอยู่ในวิกฤตการณ์ทางการเงินบริษัท Carl Zeiss Jena ได้เข้าไปร่วมทุนกับบริษัทกล้อง Ica,Contessa Nettel และอีกหลายบริษัทเพื่อจัดตั้งบริษัท ZeissIkon ขึ้นและได้กลายเป็นบริษัทลูกของ Zeiss ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่ง ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 บริษัท Zeiss Ikon ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 บริษัทได้แก่ Zeiss Ikon West และ Eastโดยบริษัท Zeiss Ikon West ได้ปิดตัวลงในปี 1970เพราะปัญหาต้นทุนที่สูงในประเทศเยอรมันตะวันตก และ ZeissIkon East ได้ถูกซื้อไปรวมกับบริษัทผลิตกล้องอื่นจนตราสินค้าหายไป
Carl Zeiss and Carl Zeiss Jena
หลังการพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945 กองทัพสหรัฐฯได้ขนนักวิทยาศาสตร์และผู้บริหารของบริษัท Carl Zeiss จากเมือง Jena ซึ่งอยู่ในเขตเยอรมันตะวันออกไปยังเมือง Heidenheim ในเขตเยอรมันตะวันตกและได้นำความรู้ที่สะสมมา 100 ปีเปิดสายการผลิตผลิตภัณฑ์กล้องจุลทรรศน์กล้องส่องทางไกล และหอดูดาว เลนส์ และอุปกรณ์การแพทย์
ในส่วนของเครื่องจักร , โรงงาน Carl Zeissและคนงานในเมือง Jena นั้นกองทัพรัสเซียได้ทำการย้ายเครื่องจักรเดิมทั้งหมดไปยังรัสเซียและได้จัดสร้างสายการผลิตใหม่ขึ้นในปี ค.ศ. 1947/8เพื่อผลิตสินค้ากล้องจุลทรรศน์ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เลนส์ให้แก่กลุ่มประเทศสังคมนิยม
การแข่งขันระหว่างบริษัท Carl Zeiss และ CarlZeiss Jena ได้รุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ตามกระแสความรุนแรงของสมครามเย็นระหว่างโลกตะวันออกและโลกตะวันตกโดยบริษัททั้ง 2 ได้อ้างสิทธิ์ต่อลิขสิทธิ์ผลิตภัณฑ์เครื่องหมายการค้า และสิทธิ์ในการใช้ Carl Zeiss และศาลสูงสหรัฐได้ตัดสินให้บริษัท Carl Zeiss เยอรมันตะวันตกได้สิทธิ์ในการใช้เครื่องหมายการค้า Carl Zeiss หรือ Zeiss เพียงผู้เดียวและทำให้ผลิตภัณฑ์จากโรงงานในเมือง Jena ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น asu JENA หรือ JENOPTIKหรือ JENOPIK JENA ไป
ภายหลังอาณาจักรสังคมนิยมสหภาพโซเวียตล่มสลายลงอันเป็นการสิ้นสุดยุคสมครามเย็น และกำแพงกรุงเบอร์ลินได้ถูกทุบทิ้งไปใน ปี ค.ศ. 1991 บริษัท CarlZeiss ตะวันตกและตะวันออกได้กลับมารวมกันกลายเป็นบริษัท CarlZeiss อีกครั้ง และได้เปลี่ยนตราสินค้าเป็น Zeiss ดังที่ปรากฎในสินค้าคุณภาพด้านต่างๆในปัจจุบัน
หากจะให้นิยามสั้นๆแก่บริษัท Carl Zeiss คงไม่มีคำไหนเหมาะกว่าคำว่า Optical Innovation Company บริษัทที่มีอายุ 160 กว่าปีแห่งนี้ ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1846ได้ผ่านความรุ่งโรจน์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20และฝ่าฟันช่วงเวลาอันยากลำบากภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2โดยบริษัทได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน อยู่คนละฝั่งประเทศในขณะที่หลายต่อหลายบริษัทต้องปิดกิจการลง หรือถูกซื้อไป Carl Zeiss ก็ยังคงต่อสู้และสร้างความเป็นเลิศในนวตกรรมด้าน Optical (แก้วและเลนส์) มาโดยตลอดจนบริษัท Carl Zeiss ทั้งสองได้กลับมารวมกันอีกครั้งภายหล้งจากที่กำแพงเบอร์ลินได้ถูกทุบทิ้งลงในปีค.ศ. 1991
Carl Zeiss Jena Pancolar 50mm f1.8 เป็นเม้าท์แบบ M42 จริงแล้วจะมี 2 รุ่น รุ่นที่1 [เรากำลังจะพูดถึง]ม้าลายจะเป็นรุ่นแรก ไม่มีการโค้ดเลนส์ และเคลือบเลนส์ด้วยทอเรี่ยมออกไซด์ รุ่นที่2 จะมีตัวหนังสือเขียนว่า MC และบอดี้ไม่ใช่ม้าลาย มีการเคลือบ Multicoat มาแล้ว เหตุที่เรียกว่าม้าลายเพราะรอบๆบอดี้จะมีสีเงินสลับดำ ทั้งวงแหวนปรับรูรับแสงและวงแหวนโฟกัสเลยครับ เลนส์ตัวนี้มีการเคลือบ ทอเรี่ยม ไว้ที่ชิ้นเลนส์ด้วยครับ [เป็นสารกัมมันตรังสี ขอแนะนำเช่นเดิมครับว่า หลีกเลี่ยงกับการสัมผัสชิ้นเลนส์โดยตรงไม่ว่าจะด้านหน้าหรือด้านหลัง] โดยมากคนจะนิยมเก็บเลนส์ตัวนี้กันครับเนื่องจากว่า บอดี้ภายนอกก็สวยตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่ายแล้ว เลนส์เองก็ยังให้ Detail รายละเอียดในส่วนมืดและส่วนสว่างอย่างน่าตกใจด้วยครับ เรามาเริ่มกันเลยครับ
บอดี้
ท้ายเป็นแบแบ M42
ทดสอบ แฟลร ที่ค่ารูรับแสงต่างๆ ไฟแฉกจะมาเมื่อประมาณรูรับแสงที่ 5.6 ขึ้นไปครับ
1.8
2.8
4
5.6
8 กับ 16 ลืมถ่าย 11
22
ทดสอบโบเก้ เปิดกว้างสุดจะเป็นโบเก้กลมๆ เมื่อหรี่จะค่อยๆเป็น 6 เหลี่ยมครับ
1.8
2.8
4
5.6
8
11
16
22 Noise โผล่มาแล้วครับ ^_^
Bokeh ในเวลากลางวัน
1.8
2.8
4
5.6
8
11
16
22
ทดสอบ Close Focus ผมบิดโฟกัสไปที่ใกล้ที่สุดจากนั้นใช้ขยับตัวเข้าออกแทนหมุนโฟกัส
1.8
2.8
4
5.6
8
11
16
22
ความโดดเด่นของเลนส์ตัวนี้คือการดึงขุดรายละเอียดออกมาอย่างมีมิติ จะไม่คมกริบแบบเลนส์ดิจิตอลครับ
Crop100%
Crop100%
ภาพตัวอย่างทั่วไป
วิดีโอประกอบ
VIDEO
สรุป เลนส์ตัวนี้เป็นเลนส์ที่ดีมากๆตัวนึงครับ มีเอกลักษณ์คือคอนทราสจัดสีเข้ม ตามสไตล์เยอรมัน แต่เจ้าตัวนี้ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือการดึงเก็บดีเทลในส่วนมืด จนน่าตกใจในหลายภาพตัวอย่างข้างบนครับ โดยส่วนตัวผมว่าเก็บดีเทลส่วนมืดได้ดีกว่า เลนส์ดิจิตอลของ Olympus ที่ผมมีอยู่ซะด้วยครับ!! ข้อเสียที่ควรต้องระวังแต่ไม่มากจนระแวงคือ วงแหวนโฟกัสจะหนืดครับ เลนส์ Carl Ziess เก่าๆโดยมากวงแหวนนี้จะชอบหนืดครับ เลนส์ตัวนี้มีค่าตัวจัดอยู่ในระดับกลางๆครับ อยู่ในเกรดที่เหนือกว่าเลนส์ญี่ปุ่นทั่วๆไปก็ว่า
หวังว่าข้อมุลส่วนนี้ คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ต้องการหาเลนส์ตัวนี้มาลองใช้ครับ ลากันไปเท่านี้ครับ สวัสดีครับ
ป.ล.ภาพตัวอย่างจากเลนส์ตัวนี้
*ผมถ่ายด้วยกล้อง Olympus OMD EM1 และ OMD EM5 ซึ่งเป็นเซนเซอร์ m4/3
ภาพจากเลนส์ตัวเดียวกันนี้หากถ่ายด้วยกล้องที่เซนเซอร์ต่างขนาดกันไปเช่น APSC หรือ FullFrame อาจจะได้ลักษณะโบเก้ที่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวครับ เรียกว่าต่างเซนเซอร์โบเก้ไม่เหมือนกัน
แต่โทนของภาพจะเคียงกันครับ* อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก ที่นี่ ========================================================
Subscribe Youtube:
Main Blog:
Facebook:
Create Date : 13 สิงหาคม 2559
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2560 14:14:46 น.
0 comments
Counter : 5406 Pageviews.