ในปี ค.ศ. 1879 บริษัทได้ทำการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Honten Konishi Rokuemon และเริ่มต้นพัฒนากล้องถ่ายภาพของตัวเองขึ้นโดยช่างฝีมือที่ชื่อว่า ฮาเซกาว่า โทชิโนสุเกะ และ โทโจ คาเมจิโร่ ซึ่งกล้องตัวแรกที่ประสบความสำเร็จในการผลิตก็คือกล้อง Cherry ในปี ค.ศ. 1903 ซึ่งเป็นกล้องถ่ายภาพสัญชาติญี่ปุ่นตัวแรกที่มีชื่อยี่ห้อเป็นของตัวเอง
ต่อมาในปี ค.ศ. 1921 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น G.K. Konishiroku Honten ซึ่งพยางค์ roku (โรกุ) นั้นได้อ้างอิงถึงชื่อ ซูกิอูระ โรกุเอม่อน ที่ 6 (หมายถึงลูกชายเจ้าของบริษัทยาที่ชื่อ ซูกิอูระ โรกุซาบุโร่ ซึ่งเป็นทายาทลำดับที่ 6 ในตระกูล) ซึ่งคำว่าโรกุ (?) นั้นจะแปลว่า 6? ด้วยเช่นกัน ซึ่งโลโก้ของบริษัทก็ได้ออกแบบโดยใช้ตัวอักษรโรกุนี้อยู่ภายในดอกเชอรี่ ซึ่งเกิดจากการเล่นคำนั่นเอง
บริษัทฯ ได้ทำการก่อตั้งวิทยาลัยเพื่อทำการเรียนการสอนเรื่องเกี่ยวกับการถ่ายภาพใน ชื่อ Konishi college ขึ้นที่เมืองโตเกียวในปี ค.ศ. 1923 และผลิตกล้อง Pearlette ในปี ค.ศ. 1925 ซึ่งกล้องรุ่นนี้เป็นกล้องที่ดำเนินการผลิตออกจำหน่ายแบบเป็นจำนวนมากตัวแรก ของญี่ปุ่นด้วย
หลังจากนั้นอีกหกปี บริษัทก็ได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่ง นั่นก็คือม้วนฟิล์มถ่ายภาพที่ใช้ชื่อว่า Sakura ในปี ค.ศ. 1929 ซึ่งเป็นฟิล์มถ่ายภาพชนิดม้วนยี่ห้อที่สองที่มีการผลิตขึ้นจำหน่ายในประเทศ ญี่ปุ่น และในปีถัดมานั้นเอง ก็ได้ปล่อยเลนส์ถ่ายภาพเชิงพาณิชย์ของญี่ปุ่นออกมาเป็นตัวแรกโดยใช้ชื่อว่า Hexar ซึ่งก็มีความหมายว่า 6? เช่นกัน
บริษัททำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งในปี ค.ศ. 1936 มาเป็น K.K. Konishiroku ก่อนที่จะยุติการขายในปี ค.ศ. 1943 แล้วปรุบปรุงองค์กรมาเป็น Konishiroku Shashin Kogyo K.K. และเปลี่ยนเป็น Konishiroku Photo Industry Co., Ltd. อย่างเป็นทางการอีกครั้งหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง
Konica ผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกล้องและการถ่ายภาพมากมาย ซึ่งรวมไปถึงเลนส์และอุปกรณ์เสริมหลากหลายชนิดด้วย กล้องถ่ายภาพและเลนส์กว่าสองร้อยรุ่นถูกนำออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง มีตั้งแต่กล้อง Rangefinder, Folding Camera, ฯลฯ แน่นอนว่าต้องมี SLR ด้วยเช่นกัน โดยเริ่มจาก SLR ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า Konica F Konica Bayonet Mount I) ในเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 1960
ในส่วนของกล้องดิจิตอลนั้น Konica เริ่มตั้งแต่ปี 2002 แต่เพียงอีกปีเดียวต่อมาก็ควบรวมกิจการเข้ากับ Minolta
โคนิกามินอลต้าประกาศถอนตัวจากตลาดกล้องถ่ายภาพและฟิลม์สีทั้งหมด จบบทบาทการเป็นแบรนด์ดังที่ตากล้องทั่วโลกรู้จักดี โคนิกามินอลต้าโฮลดิ้งส์ (Konica Minolta Holdings Inc.) ประกาศหยุดการผลิตกล้องดิจิตอลแบบคอมแพ็คทั้งหมด และจะขายสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอลแบบ SLR หรือ single lens reflex ประสิทธิภาพสูงบางส่วนให้กับบริษัทโซนี่ (Sony Corp.) โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดตัวเงินการซื้อขาย
นอกจากกล้องดิจิตอลแบบคอมแพ็ค โคนิกามินอลต้ายังประกาศหยุดการผลิตฟิลม์และกระดาษอัดภาพสีแบรนด์โคนิกามินอลต้าภายในเดือนมีนาคม ปี 2007 โดยการยุติการผลิตฟิลม์และกระดาษอัดภาพ โคนิกาฯให้เหตุผลว่าเป็นเพราะการเติบโตของตลาดกล้องดิจิตอล ที่ทำให้การใช้ฟิลม์และกระดาษอัดภาพกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ส่วนการถอนตัวจากตลาดกล้องดิจิตอล โคนิกาให้เหตุผลว่าเป็นเพราะทนการแข่งขันในตลาดไม่ไหว
ด้านผู้ผลิตกล้องดิจิตอลรายใหญ่อันดับสามและสี่ของโลกอย่างโกดัก (Eastman Kodak) และฟูจิ (Fuji Photo Film Co.) ต่างเคยออกมาประกาศลดการลงทุนในผลิตภัณฑ์กล้องและฟิลม์ถ่ายภาพที่มีผลประกอบการติดลบอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เคยมีใครออกมาประกาศว่าจะยุติการผลิตเช่นนี้มาก่อน
ก่อนหน้านี้ โคนิกามินอลต้าเคยออกมาประกาศคาดการณ์ตัวเลขขาดทุนสุทธิประจำไตรมาส 1 ของปี 2006 (มกราคมถึงมีนาคม 2006) ไว้ที่ 47,000 ล้านเยน ราว 16,061.8 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวโคนิกามินอลต้าประกาศไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าได้ใช้เงินมูลค่า 90,000 ล้านเยน หรือประมาณ 30,756.8 ล้านบาทไปกับกระบวนการจัดการผลิตภัณฑ์ การจัดการสินทรัพย์ และการตัดแรงงานคนในธุรกิจกล้องและฟิลม์ถ่ายภาพ กระทั่งตัดสินใจถอดปลั๊ก ถอนตัวจากธุรกิจดังกล่าวในที่สุด ท่ามกลางความตกตะลึงของนักวิเคราะห์และบริษัทคู่แข่งในตลาด
โคนิกามินอลต้าก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม 2003 โดยการร่วมทุนระหว่างโคนิกา (Konica Corp.) และมินอลต้า (Minolta Co.) ทั้งสองมีประวัติศาสตร์ในตลาดกล้องดิจิตอลและฟิลม์ถ่ายภาพมาช้านาน โดยเริ่มจำหน่ายกระดาษอัดภาพในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1903 ก่อนจะส่งม้วนฟิลม์สีลงตลาดญี่ปุ่นในปี 1940
หลังจากการประกาศช็อคโลกของโคนิกามินอลต้า คู่แข่งในตลาดอย่างฟูจิให้คำมั่นว่า จะยังคงผลิตฟิลม์ถ่ายภาพสีต่อไป ด้านความสัมพันธ์ระหว่างโซนี่และโคนิกานั้น ก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยร่วมมือกันพัฒนากล้องดิจิตอล SLR เมื่อเดือนกรกฎาคมของปีที่แล้ว โดยโคนิกาเปิดเผยว่าจะผลิตตัวบอดี้และเลนส์สำหรับกล้องดิจิตอล SLR เพื่อส่งให้โซนี่ต่อไป แต่จะไม่มีการใช้ชื่อแบรนด์โคนิกามินอลต้าอีกต่อไป
ถือเป็นการจบชื่อโคนิกาที่สร้างสมมาตั้งแต่ปี 1903
https://pantip.com/topic/36373340