Easy For You (Always)
<<
เมษายน 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
28 เมษายน 2549

ยังจิตตกกับภาษาอังกฤษไม่หายซะที

เมื่อวานก้อเพิ่งไปรับคะแนน TOEIC มา
มีรูปหน้ากลมๆอยู่บนใบคะแนนตามที่คาดไว้
มันไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย
แค่แย่กว่าบัตรประชาชนหน่อยๆ
จนกระทั่งเอาไปถ่ายเอกสาร...
เหมือนผีที่กำลังโผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำเลยครับ เหอะๆๆ

ถ้าดูคะแนน ไม่ดูหน้า
ก้อแอบดีใจเล็กน้อย...ได้เยอะกว่าปีก่อน 5%คะแนนเต็มมัน 990
ผลที่ได้ก้อประมาณ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งฟัง ทั้ง อ่าน
3 ปี สอบ มา 3 ครั้ง ตอนนั้นก้อได้น้อยกว่านี้ 45คะแนน
สงสัยสมองคงจะเริ่มอิ่มตัว

แต่ไม่เคยรู้สึกเลยแม้แต่น้อยว่าจะเก่งขึ้นกว่าปีก่อนๆเลย
เพราะตลอด 3-4 ปีมานี้ ไม่ได้หยิบหนังสือแกรมม่าว่าอ่านจริงๆจังๆ สักที
อย่างมากที่สุดก้อฟังๆๆๆ (เพราะมันง่ายกว่าอ่าน)
หนังก้อยังฟังไม่รู้ค่อยรู้เรื่อง พอจะฟังข่าวง่ายๆได้
เพลงก้อฟังไม่ค่อยออก
อ่านหนังสือพิมพ์ก้อช้าๆ เดาๆ เอา อ่านได้แค่บางเรื่องด้วยซ้ำไป

ทำไมรู้สึกว่ามันยังโง่ๆ อยู่อีกเยอะ
คำศัพท์น่าจะรู้เพิ่มขึ้นไม่ถึง 100 ตัว พูดสำเนียงก้อมั่วๆนี่แหละ
สงสัยว่าคนอื่นที่เค้าได้คะแนนกันประมาณนี้
เค้าจะมีปัญหาคล้ายๆกันรึป่าว
รึว่าการสอบแบบนี้มันใช้วัด...ความสามารถของผม...ไม่ได้
(แต่มั่นใจว่าถ้าสอบ TOEFL คงได้ไม่น่ารอด 30-40%)

คนไม่เคยสอบ TOEIC ก้ออาจจะงงงงว่ามันจะเทียบกับอะไรได้มั่ง
อย่างเช่นคนที่จะไปเป็นแอร์ ก้อต้องได้ สัก 550 ขึ้น
หรือ เมเนเจอร์ตามโรงแรม ห้าดาวบางที่ก้อขอที่ 600 ขึ้นไป

เมื่อ 5 ปีที่แล้วได้ แค่ สี่ร้อยหน่อยๆ ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำของโซนี่พอดี
ตอนนั้นอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นวิศวกร
รู้สึกว่าพี่ๆในบริษัทที่ได้สัก 6-7 ร้อย แม่งสุดยอดดด
ทำได้งัย หูทิพย์แหง๋มๆ
โหยย หัวหน้าได้เกือบๆ แปดร้อยแน่ะ
เวลาเจอปัญหาทางภาษาผมก้อจะเอาไปถามพวกเขา
เค้าก้อตอบกันได้ปรื๋ออออ...เออ..
บางคนคะแนนราวๆ 650-750
เค้าก้อจะอ่านแฮรี่พลอตเตอร์ภาคภาษาอังกฤษกันเลย
แล้วทำไมวันนี้เรายังอ่านไม่ได้หว่า...
หรือน่าจะอ่านได้แต่ไม่ใส่ใจ ไม่อดทนอ่านเองหว่า ??

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ชอบบอกตัวเองว่า กูไม่เก่งๆๆๆๆๆๆ จนชิน
เพราะเมื่อก่อนตอนมัธยม ถ้าได้เรียนภาษาอังกฤษ
ก้อหมายถึงเดี๋ยวก้อสอบซ่อมแก้ 0 เทอมนั้น
เคยซ่อมตัวเดียว 3 รอบจนครูบอกว่าไม่ต้องสอบแล้ว
ไปคัดลายมือมาส่งเถอะ...แล้วก้อยอมให้ผ่านๆไป

เป็นคนชอบตั้งมาตรฐานตัวเองไว้สูงๆ กดดันตัวเองเข้าไป
จนมันไม่มั่นใจที่จะบอกตัวเองว่า มึงทำได้ๆๆ
เห็นคนเก่งๆ ก้ออยากจะเก่งมั่ง
ถ้าจะบอกตัวเองว่าเก่ง...มันต้อง 80% ถึง 90% ขึ้นไป
เว่อร์ซะ แต่จริงนะครับ ไม่รู้ใครดลใจให้คิด
(อยากเก่งๆ แต่ก้อขี้เกียจประจำ)

ล่าสุดปีที่แล้วก้อเสีย self จิตตกครั้งยิ่งใหญ่
กับงานในฝันที่หนึ่งมา เพราะเรื่องภาษานี่แหละครับ
มันเป็นภาษาของอีกวงการหนึ่ง
รูปแบบ ลีลา มันต่างจากภาษาในเชิงวิทย์..
วันนั้นทำได้ไม่ดีเอาซะเลย ไม่ต้องรอกรรมการบอก ก้อรู้ตัว
ทั้งๆที่ผ่านไป 4รอบแล้ว
แค่ผ่านรอบนี้ไปได้ ก้อตรวจร่างกาย เซ็นต์สัญญาเริ่มงานเลย...
แล้วชีวิตผมคงจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นกว่านี้มากๆ
เป็นงานเดียวที่ทำให้ผมน้ำตาซึม
จากวันนั้นรู้สึกว่าตัวเองโง่มากๆครับ...กลัวภาษาขึ้นไปอีก


ไม่อยากทำข้อสอบเก่งๆ แต่อยากมีทักษะจริงๆมากกว่า
อยากฝึกอยากใช้เยอะๆ แต่ก้อเป็นคนพูดไม่เก่งอีกนั่นแหละ
คิดช้า พูดน้อย... (ลองนึกถึง น้องลมหวนนะครับ)


แต่อย่างน้อยก้อได้ตามเป้าที่จะเอาไปสมัครงานใหม่แล้วครับ
(ไม่กล้าพิมพ์มากเดี๋ยวไปทำงานแล้วมีคนในออฟฟิตแอบมาอ่าน อิ อิ)

เวลาทำงานที่โรงงานเร๋อครับ...
ความรู้สึกเหมือนโดนปล่อยเกาะเลย
รถบริษัทก้อเหมือนเรือ...
ไม่มีเรือก้อกลับขึ้นฝั่งม่ายด้ายย

-----------------------

ได้พาสปอร์ตเล่มใหม่แล้ว หนาตั้ง 50 หน้า
แต่หมอดูบอกว่า ปี สองปีนี้ไม่มีดวงเดินทางไกลนะลูก




Create Date : 28 เมษายน 2549
Last Update : 28 เมษายน 2549 2:55:43 น. 13 comments
Counter : 941 Pageviews.  

 
ภาษา ต้องใช้เวลาครับ ...สู้ ๆ ครับ


โดย: POL_US วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:2:57:34 น.  

 
Photobucket - Video and Image Hosting


it takes sometimes ka.
i went for TOEIC test when i was in my last year at university and i got only 509 !!!!

but now my english is alot better than that time



โดย: jaa_aey วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:6:06:40 น.  

 
แบบนี้ก็เก่งแล้วว ฝึกมากกว่านี้เดี๋ยวก็ได้เปิดโรงเรียนพอดี


โดย: Markabyte วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:7:21:10 น.  

 
ชอบรูปกล่อง comment จัง

จบเอกอังกฤษมาตอนป.ตรี แล้วมาจบป.โทคณะอื่น ทำงานมาจนป่านนี้ไม่เคยไปสอบโทอิค โทเฟลอะไรซักอย่าง ตอนนี้เจอฝรั่งทีเครียดเหงื่อตก แต่ก็ไม่คิดจะไปเรียนอะไรเพิ่มแล้วนะ รู้สึกหมดไฟและหมดวัยที่จะไปเรียนอะไรเพิ่มแล้ว แย่เลย

ชื่นชมความพยายามของจขบ.ค่ะ


โดย: L.I.R.A. วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:9:30:33 น.  

 
ผมก็เคยเป็นเหมือนเจ้าของบล็อกเลยครับ เจอฝรั่งเข้ามาทักหน่อย ก็ตอบได้คำเดียวว่า I can't Speak English. แต่ปัจจุบัน ไม่เป็นแล้วครับไม่กลัวฝรั่งแล้ว ถึงแม้จะพูดได้เกิน 50% หน่อยๆ แต่ว่าใช้ความหน้าด้านหน้าทนแทน คิดอย่างเดียวว่าไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ ได้หรือ พูดไม่ได้ก็ใช้สีข้างแถเอา เขาก็เข้าใจเราเองแหละครับ
และอีกอย่างผมไปเรียนกับครูเคทมาบ้างเลยทำให้จับจังหวะและรู้วิธีเอาตัวรอดอย่างสง่าผ่าเผยได้มากขึ้นด้วยครับ



ปล. (แอบกระซิบ) ว่างๆ ไปเที่ยวบล็อกผมบ้างนะครับ จุ๊ๆ อย่าบอกใครล่ะ


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:12:07:00 น.  

 
อิอิ เอาใจช่วยน่ะค่ะ

(TOEIC กับ TOFEL ต่างกันยังไงง่ะ)

+ มีที่ไหนเรียนดีๆๆป่ะค่ะ พวก สอบภาษาอังกฤษ ว่าจะหาที่เรียนอยู่


โดย: baddynut IP: 58.9.197.126 วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:20:19:11 น.  

 
TOEIC กับ TOFEL ต่างกันยังไง
นี่เลยครับ blog ของคุณ ubonrath เขียนไว้ละเอียดเลยครับ

https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=ubonrath&date=25-04-2006&group=5&blog=6

ถ้าอยากเรียนไปสอบ ผมว่าเรียน คอร์ส ที่ยากๆ ไปเลยดีกว่าครับ
อย่าง TOEFL GMAT ไอเอ้ว(เขียนไม่เป็น) และอีกมากมาย
พวกนี้เค้าจะเอาไว้วัดระดับสำหรับที่เตรียมไปเรียนต่อ
มันก้อจะมีความซับซ้อนมากกว่ามากๆ...
ต้องวิเคราะห์กันลึกซึ้งถึงแก่นไปเลย....
เรียนจบรับรองว่า ทำโทอิกได้เฉียดๆ เต็มแน่ๆครับ

โทอิกเป็นการวัดการใช้งานจริง
ในการ "รับรู้" passive skill มากกว่า ...
คือเน้น อ่านรู้เรื่อง ฟังเข้าใจ
เหมือนกับเราเอาภาษาไทยที่ใช้ในชีวิตประจำวันมาสอบ
ถึงจะมีภาษาสำหรับหลากหลายอาชีพ
แต่แน่นอนว่าง่ายกว่า ภาษาไทยสำหรับสอบเอนทรานซ์

ซึ่งถ้าจะมองในแง่สื่อสารในการการทำงาน
ไม่ต้องมาวิเคราะห์กัน 7-8 ตลบ
โทอิก น่าจะเพียงพอที่จะวัดมาตรฐานภาษาในระดับสากล

(แถมง่ายกว่าข้อสอบ ภาษาอังกฤษ เอนทรานซ์ มากกก)

--------------------


แต่ถ้าจะเรียนเพื่อคุยได้ ผมว่าครูเคท ก้อน่าจะดีนะครับ...
เรียนแบบธรรมชาติดี เคยได้ยินเขาเล่ากันมาน่ะครับ
เพื่อนหลายคนก้อไปเรียน

เท่าที่ผมสังเกตคือ....
คนที่พูดได้ถูกสำเนียง จะฟังได้ดีกว่า
เพราะไม่ต้องมาแปลงอีกที

เหมือนเวลาเราคิดเป็นภาษาไทย...
เราก้อเหมือนจะได้ยินเป็นภาษาไทยอยู่ในหัว

เวลาเราคิดเป็นภาษาอังกฤษ มันก้อจะเป็นสำเนียง อังกฤษ-ไทย ที่มันผิดๆ ก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา
บ้างก้อมาจากคุณครูที่สอนมาผิดๆ
บางทีก้อมั่วๆ ติ๊ต่างอ่านออกเสียงเอง
ซึ่งไม่มีทางที่จะเหมือนเจ้าของภาษาพูดเแน่นอน ...
ฟังกันไป เดากันไป เค้าพูดเรื่องนึง แปลได้อีกเรื่องเฉยเลย

สำหรับผม...จากประสบการณ์ลุ่มๆดอนที่ผ่านมา
ผมว่าการอ่านมากๆ คิดมากๆ กับฟังมากๆ
จะไม่ค่อยช่วยให้ทักษะการฟังพัฒนาได้เร็ว
เท่ากับฟังสำเนียงที่ถูกต้องมากๆ แล้วก้อออกเสียงตาม

สรุปว่าสนับสนุนคอนเซ็ปต์ คุณครูเคทแล้วกัน อิ อิ



โดย: superjack วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:0:03:18 น.  

 
การฝึกฝนภาษาต้องทำทุกวันเพราะภาษาเป็นทักษะจากการใช้ ไม่ใช่ศาสตร์ที่จะได้จากการเรียนรู้

สู้ๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:7:25:50 น.  

 
พอเข้าใจล่ะค่ะ ขอบคุณที่ให้คำตอบ ทั้งคุณ superjack กับ ubonrath (เปน....คนนั้นป่าว ทำไมชื่อเดียวกาน คิคิ)

แล้วครูเคทนี่ใช่ที่เขียนหนังสือรึเปล่า (เคยอ่าน 1 เล่มและไม่จบ)

ก็เอาเป็นว่า เอาใจช่วยน่ะค่ะ

P.S. รวยล่ะมาเลี้ยงนัทด้วย (ค่าให้กำลังใจ)


โดย: baddynut IP: 58.9.187.244 วันที่: 29 เมษายน 2549 เวลา:14:06:52 น.  

 
เล่าเรื่องน่าติดตามดีจังครับ
สำหรับผมมีข้อแนะนำที่เกิดจากการวิเคราะห์เอาเองนะครับ
ถ้าอยากเก่งอังกฤษ อย่างแรกเลยต้องชอบภาษาอังกฤษให้ได้ครับ
ทำยังไงก็ได้ให้รู้สึกชอบ รู้สึกดี ภูมิใจที่ได้อ่าน ฟัง พูด เขียน ภาษาอังกฤษ
อาจจะต้องกระแดะบ้าง แต่ก็ต้องยอมนะครับ เพราะกระแดะแล้วจะง่ายขึ้นจริงๆ

สร้างบรรยากาศรอบๆตัวให้คละคลุ้งไปด้วยภาษาอังกฤษ
เช่น ฟังเพลงฝรั่ง ดูหนังซาวด์แทร็ค อ่านนิตยสารภาษาอังกฤษง่ายๆ (เช่น Idea หรือ NJ ซึ่งผมอ่านตั้งแต่ ม.3 จนตอนนี้)
แล้วเวลาเจอฝรั่ง มันเป็นเรื่องที่ไม่อาจเลี่ยงได้หรอกครับที่จะอกสั่นขวัญแขวน
แต่ถ้าลองคิดแบบกระแดะๆ แบบว่าเราฟังได้ พูดได้
แล้วค่อยๆฟัง ค่อยๆพูด
อะไรๆก็จะลื่นไหลเองครับ แล้วถ้าลองได้สปีคบ่อยๆ
เราอาจจะรู้สึกสนุกและภูมิใจในตัวเองที่ได้ช่วยเหลือชาวต่างชาติ และโชว์คนที่ได้เห็น
(ถึงแม้จะงงๆทั้งคนพูดคนฟัง)

เอญ่าเคยบอกไว้ว่า Everything is impossible. I can do it.
นั้น ถ้าเอญ่าทำได้ คุณก็ทำได้ครับ



สุดท้ายอยากถามคุณ Superjack ว่า
หมีสีชมพูตัวนี้คือเจ้าของชื่อบล๊อกใช่มั้ยครับ
ว่าแต่ทำไมมันโหดร้ายเยี่ยงนั้นเล่าครับ
แต่ผมชอบนะเออ...


โดย: ห่วงนะ...เด็กโง่ IP: 203.118.74.20 วันที่: 30 เมษายน 2549 เวลา:2:40:53 น.  

 
อ๋า....เพิ่งเห็นว่า quote คำเอญ่ามาผิด
จริงๆคือ Everything is possible. นะครับ
เดี๋ยวเจ๊แกตามมาวีนใส่ น่ากลัวจริงๆ


โดย: ห่วงนะ...เด็กโง่ IP: 203.118.74.20 วันที่: 30 เมษายน 2549 เวลา:2:44:27 น.  

 
ไปเป็นไรสู้ใหม่คะ เนี่ยะจะสอบทดสอบภาษาก่อนเรียนต่อโท เครียดเหมือนกันคะ


โดย: ชาจัง IP: 124.120.4.220 วันที่: 30 เมษายน 2549 เวลา:17:07:15 น.  

 
สวัสดี เจ้าของ blog ubonrath_p นะเจ้าคะ

ขอบคุณหลายๆ เลย ที่แนะนำ blog ของเรา

ว่าจะมาลงคอมเม้นท์อยู่หลายครั้ง หลายครา
แอบเข้ามาอยู่เงียบๆ น่ะ แต่เห็นนู๋หมีสีชมพู๋ ชมพู แล้ว เออ...อ.อ.อ....ลงคอมเม้นท์ก็ได้ฟ่ะ อิ อิ

กะว่าทำ blog ให้สมบูรณ์ งามเริ่ด สะแมนแตนซะหน่อย
ค่อยแวะบอกคุณ superjack อีกรอบนึง
แต่คุณ superjack บอกท่านผู้อ่านเข้าชม blog ของข้าเจ้าแล้ว ต้องรีบทำ blog งามๆ ให้เสร็จไวๆ แล้วล่ะ
(ต้องรีบไปทวงหนังสือ toeic กลับคืนมาให้ได้ )

ทำ blog เสร็จแล้วจะบอกฝ่านนู๋หมีชมพูอีกรอบนะเจ้าค่ะ
.
.
.
ไปแล้วนะ หมีโหด (อย่ากัดนะ เมี๊ยวๆๆ เอ้ยอ...หมีร้องยังไงเหรอ???)


โดย: ~TaM~ (ubonrath_p ) วันที่: 28 พฤษภาคม 2549 เวลา:1:46:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

superjack
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





คำเตือน !!! รบกวนอ่านนิดนึงครับ ขณะนี้ท่านกำลังอยู่ในพื้นที่ Very Easy Zone ของผม ดังนั้น Please take it Easy !!! ตลอดเวลา หรือแปลว่า.."โปรดทำตัวง่ายๆเข้าไว้" ผม และทีมงาน ไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงกับท่าน หากไม่จำเป็น และนี่คือตัวอย่างของผู้ที่พยายามท้าทายอำนาจของเรา เด็กคนนี้... และเด็กคนนี้ .... หากยังสงสัยอะไร หรือ อยากรู้ว่าผมง่ายแค่ไหน...ฝากข้อความไว้สิครับ ... (ผมอาจจะดูเพ้อ ๆ ไปหน่อย...ทำใจนะครับ)







Google






superjack


[Add superjack's blog to your web]