Welcome to my blog
4 วัน 3 คืน หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกแห่งอาณาจักรล้านช้าง (ตอนที่ 1: เตรียมตัวเที่ยวหลวงพระบาง)

 
สถานที่ท่องเที่ยว : หอพระบาง เมืองหลวงพระบาง, Laos
พิกัด GPS : 19° 53' 51.07" N 102° 8' 35.13" E

สวัสดีครับ หลังจากที่ผมได้เที่ยวญี่ปุ่นมา 3 ทริปติด (จนเริ่มเอียนญี่ปุ่นล่ะ) ในตอนนี้ผมจะพามาเปลี่ยนบรรยากาศเพื่อเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านใน AEC อย่างสปป.ลาวกันบ้าง โดยเมืองที่ผมจะมารีวิวในตอนนี้ เป็นเมืองมรดกโลกและเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวลาว นั่นก็คือ หลวงพระบาง (Luang Phrabang) ครับ

ทริปนี้ผมไปมาเมื่อวันที่ 4-7 ธันวาคม 2560 ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวของเมืองนี้ (เที่ยวฟินมาก) เรื่องราวจะเป็นยังไง ฝากติดตามด้วยนะครับ

รู้จักกับประเทศลาว

สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Laos People Democratic Republic) เป็นประเทศเพื่อนบ้านของไทยและหนึ่งในสมาชิกของอาเซียน และเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล 

ภูมิประเทศของลาวแบ่งเป็น 3 แบบคือ ภูเขาสูง ที่ราบสูง และที่ราบลุ่มแม่น้ำ (ส่วนใหญ่เป็น แม่น้ำโขง)

ปัจจุบันลาวปกครองด้วย ระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ มีประธานประเทศ เป็นประมุข (คนปัจจุบันคือ บุนยัง วอระจิต คนซ้าย) และมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร (คนปัจจุบันคือ ทองลุน สีสุลิต คนขวา)

ปัจจุบัน ลาวแบ่งเป็น 17 แขวง กับอีก เขตการปกครอง (คือ นครหลวงเวียงจันทน์) โดยแต่ละแขวงก็จะมีเมืองต่างๆ และมีเมืองหลวงของแขวงเป็นศูนย์กลางการปกครองของแขวงนั้น (เทียบได้กับอำเภอเมืองของไทย) โดยในทริปนี้ ผมจะพาไปเที่ยว แขวงหลวงพระบาง ครับ

แขวงหลวงพระบาง

อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ (บริเวณนี้เรียกว่า ลาวเหนือ) ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบระหว่าง แม่น้ำโขงกับแม่น้ำคาน แบ่งการปกครองได้เป็น 12 เมือง แต่ในทริปนี้ส่วนใหญ่เราจะอยู่ที่เมืองหลวงของแขวงซึ่งก็คือ เมืองหลวงพระบาง เป็นหลัก

ประวัติศาสตร์ของเมืองหลวงพระบาง

หลวงพระบางเป็นเมืองเก่าแก่ และเป็นราชธานีแห่งแรกของ อาณาจักรล้านช้าง สมัยแรกเริ่มสถาปนาอาณาจักรล้านช้างมีชื่อว่า "เมืองซวา" (ออกเสียงว่า ซัว) และเมื่อ พ.ศ. 1300 ขุนลอ ซึ่งถือเป็นปฐมกษัตริย์ลาว ได้ทรงตั้งเมืองซวาเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้าง และได้เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็น"เชียงทอง"

อาณาจักรล้านช้างได้เจริญรุ่งเรืองมาโดยลำดับ ช่วงที่พีคที่สุดของอาณาจักรอยู่ในรัชสมัยของ พระเจ้าฟ้างุ้ม (ครองราชย์ พ..1896-1916 ตรงกับช่วงต้นของกรุงศรีอยุธยา) ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมหาราชของชนชาติลาว โดยพระองค์ได้รวบรวมอาณาจักรลาวทั้งมวลให้เป็นปึกแผ่น และนำเอาพระพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์เข้ามาเผยแพร่อย่างมั่นคงในอาณาจักรล้านช้าง นอกจากนี้ ยังทรงอาราธนา พระบาง จากอาณาจักรขอม ให้มาประดิษฐานที่เมืองนี้จนกลายมาเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวลาวอีกด้วย

ต่อมาในรัชสมัยของ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช (ครองราชย์ พ.. 2091-2114) อาณาจักรตองอูในสมัยของพระเจ้าบุเรงนอง ได้เข้ารุกรานอาณาจักรล้านช้าง พระเจ้าไชยเชษฐาทรงเห็นว่า เมืองหลวงพระบาง มีชัยภูมิไม่เหมาะสม เพราะอยู่ใกล้พม่าจนเกินไป จึงทรงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่เมือง เวียงจันทน์ ทำให้หลังจากนั้นเมืองหลวงพระบางก็ถูกลดบทบาทลง 

อาณาจักรล้านช้างได้รุ่งเรืองครั้งสุดท้ายในรัชสมัยของ พระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช (ครองราชย์ พ.. 2181-2238) หลังจากนั้นอาณาจักรล้านช้างก็เกิดความแตกแยกออกเป็น 3 ส่วนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกันคือ อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ และอาณาจักรล้านช้างจำปาสัก ซึ่งอาณาจกรทั้งสามแห่งก็กลายมาเป็นประเทศราชของสยามในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ภายใต้การปกครองของสยาม อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางก็มีกษัตริย์ปกครองเรื่อยมา รวมทั้งช่วงที่ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี พ..2439 จนเมื่อลาวได้รับเอกราชในปี พ..2496 พระเจ้าศรีสว่างวงศ์ แห่งอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางก็ได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ของ ราชอาณาจักรลาว ที่ตั้งขึ้นมาใหม่

ราชวงศ์ของอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบางได้สิ้นสุดลงในรัชสมัยของ พระเจ้าสว่างวัฒนา (ครองราชย์ พ.. 2502-2518) เมื่อลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ในปี พ.. 2518

เที่ยวช่วงไหนดี

อากาศที่หลวงพระบางจะคล้ายอากาศในแถบภาคเหนือ หรือภาคอีสานของไทยครับ กล่าวคือ มีฤดูร้อน, ฤดูฝน และฤดูหนาว ช่วงที่ผมแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่คือ ฤดูหนาว ซึ่งอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ อากาศในช่วงนี้จะค่อนข้างเย็นสบาย ไม่ร้อนจนเกินไป เดินเที่ยวกำลังฟินดีครับ 

เวลา

เวลาที่ลาวจะเท่ากับไทย ไม่ต้องปรับอะไรทั้งสิ้นครับ

ตม.และวีซ่า

หลายๆเมืองของลาว (ที่ติดกับชายแดนไทย) สามารถข้ามไปเที่ยวได้โดยใช้ บัตรผ่านแดน (boarder pass) โดยไม่ต้องใช้ passport เช่น เวียงจันทน์ ปากเซ ท่าแขก เป็นต้น แต่สำหรับเมืองหลวงพระบางจำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตครับ (ไม่ว่าคุณจะเดินทางด้วยวิธีใดก็ตาม) เพียงแต่เราไม่ต้องใช้วีซ่า (ถ้าอยู่ลาวไม่เกิน 30 วัน)

ส่วนเรื่องตม.ที่สนามบินหลวงพระบาง ถือว่าค่อนข้างราบลื่น ไม่มีปัญหาและไม่มีการเรียกเก็บใต้โต๊ะ (ต่างจากหลายๆเมืองตามด่านชายแดน)

ข้อเสียอย่างหนึ่งของตม.ที่หลวงพระบางคือ ทำงานช้ามาก ดูเหมือนเค้าจะตรวจเอกสารค่อนข้างนาน โดยเฉลี่ยต่อคนจะใช้เวลาตรวจถึง 3-4 นาทีเลยทีเดียว

ผู้คนและความปลอดภัย

สำหรับหลวงพระบางผู้คนส่วนใหญ่ที่เป็นชาวลาว เราสามารถสื่อสารกันด้วยภาษาไทยได้เลย (สำเนียงที่นี่จะคล้ายๆคนไทยภาคเหนือปนอีสาน แต่ฟังค่อนข้างง่ายครับ) นอกนั้นยังมีชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของกิจการหลายอย่างอยู่พอสมควร (ส่วนใหญ่ต้องสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ) และยังมีกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น ชาวม้ง อีกด้วยครับ

ส่วนในแง่ความปลอดภัย หลวงพระบางเป็นเมืองที่ปลอดภัยจากอาชญากรรมใหญ่ๆ เช่น ปล้น จี้ ฆ่า (อันนี้เที่ยวได้สบายหายห่วง) แต่อาจจะเจอพวกกลโกงนักท่องเที่ยวต่างๆค่อนข้างเยอะ(ตามสไตล์ท่องเที่ยวอาเซียน) ถ้าใครจะไปก็ควรทำการบ้านไปเยอะๆหน่อย 

ระบบเงินตรา

จริงๆตามกฎหมายลาวรัฐบาลได้กำหนดให้ใช้ เงินกีบ เท่านั้นในการซื้อสินค้าและบริการต่างๆ แต่ในทางปฏิบัติ เราสามารถใช้ เงินบาท, เงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินยูโร ก็ได้ครับ

สำหรับเงินกีบอัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ประมาณ 250 กีบ = 1 บาท ถ้าจะแปลงเงินกีบเป็นเงินบาท ก็คิดง่ายๆคือ ให้ตัดศูนย์ออก 3 ตัว แล้วคูณ 4 เช่น 5,000 กีบ เท่ากับ 20 บาท

สำหรับธนบัตรเงินกีบจะมีหลายแบบตั้งแต่ 2,000, 5,000, 10,000, 20,000, 50,000 และ 100,000 กีบ จะสังเกตว่า ถ้าเทียบเป็นเงินไทย ธนบัตรพวกนี้จะมีมูลค่าค่อนข้างน้อย ดังนั้นเวลาเราแลกเยอะๆ เราจะได้ธนบัตรทีเป็นปึกๆ  ทำให้ใช้ค่อนข้างยากเพราะต้องเสียเวลานับ และยังเก็บใส่กระเป๋ายากด้วย

ดังนั้น ผมจึงแนะนำให้ใช้ทั้งเงินกีบ ควบคู่ไปกับเงินบาท ถ้าจะซื้อของมูลค่าน้อยๆ ก็ใช้เงินกีบ แต่ถ้ามูลค่าเยอะก็ใช้เงินบาทครับ

Note: ควรใช้เงินกีบให้หมดก่อนจบทริปนะครับ เพราะที่เมืองไทยหาที่แลกเงินกีบคืนค่อนข้างยาก ถ้าใช้ไม่หมดจริงๆ สามารถแลกคืนได้ที่สนามบิน (แต่จะขาดทุน)

การเดินทางเข้าสู่หลวงพระบาง

จากกรุงเทพไปหลวงพระบางสามารถเดินทางได้ 3 วิธี คือ ทางรถ, ทางเรือ และทางเครื่องบิน

(1) ทางรถ เราสามารถนั่งรถบขส.ระหว่างประเทศ จากประเทศไทย (เชียงใหม่, น่าน, เลย) หรือจากเมืองต่างๆของประเทศลาว เช่น เวียงจันทน์, วังเวียง, โพนสะหวัน เป็นต้น

(2) ทางเรือ จากท่าเรือที่อ.เชียงของ จ.เชียงราย เราสามารถนั่งเรือ ทั้ง เรือช้า และ เรือเร็ว ล่องไปตามโขงไปที่หลวงพระบาง (วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาเที่ยวเหลือเฟือ อยากใช้ชีวิต slow life เพราะต้องเสียเวลาในการเดินทางเป็นวันๆ)

(3) ทางเครื่องบิน จากกรุงเทพไปหลวงพระบางมีอยู่ 3 สายการบินที่คนไทยนิยมใช้กัน คือ Thai AirAsia (ขึ้นจากสนามบินดอนเมือง), Bangkok Airway (ขึ้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ) และ Thai Smile (ขึ้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ) ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกัน ใครจะเลือกใช้อะไรก็ขึ้นกับสไตล์เที่ยวและงบประมาณของแต่ละคนนะครับ

(4) ทางรถไฟ ปัจจุบัน (อัพเดทปี 2022) รถไฟสายลาว-จีน เปิดให้บริการแล้วนะครับ รถไฟขบวนนี้จะวิ่งจากนครหลวงเวียงจันทน์ ไปสุดที่บ่อเต็นที่ชายแดนลาว-จีน ผ่านเมืองท่องเที่ยวสำคัญของลาวอย่าง วังเวียง และ หลวงพระบาง ด้วย ค่าโดยสารก็ไม่แพงครับ แถมประหยัดเวลาไปได้เยอะเลย

ถ้าใครสนใจการเดินทางด้วยรถไฟในประเทศลาว ลองดูในคลิปนี้นะครับ บรรยายการเดินทาง รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ไว้ละเอียดดีมาก แต่ข้อมูลพวกนี้ เปลี่ยนได้ตลอดนะครับ ใครจะเดินทางไปลาว ต้องคอยเช็คข้อมูลเรื่อยๆนะ

การเดินทางภายในหลวงพระบาง

หลวงพระบางเป็นเมืองเล็กเที่ยวง่าย ทั้งเมืองสามารถเดินเท้าได้ถึงกันหมด และทั้งเมืองมีถนนเส้นหลักอยู่แค่ 3 เส้นเองคือ ถนนศรีสว่างวงศ์ (ถนนเส้นหลัก), ถนนสุวรรณคำผง (ถนนริมแม่น้ำโขง) และ ถนนกิ่งสหราช/พูสี (ถนนริมแม่น้ำคาน) นอกจากนี้ ถ้าใครขี้เกียจเดิน ก็สามารถขึ้นรถตุ๊กตุ๊กซึ่งมีให้บริการอยู่ทั่วทั้งเมืองเต็มไปหมด แต่ราคาก็ขึ้นกับความสามารถในการต่อรองของแต่ละคน

ดูแผนที่ฉบับขยายได้ที่นี่ครับ https://www.luangprabang-tourism-laos.org/luangprabang/lpb_images/lpb_map_big.png

ในส่วนของที่เที่ยวนอกเมือง จะมีหลักๆอยู่ด้วยกันสองที่คือ น้ำตกตาดกวางสีและ ถ้ำติ่ง

(1) น้ำตกตาดกวางสี สามารถซื้อทัวร์แบบ Shared tour (คนละ 200 บาท) หรือเหมารถสองแถวได้ ในราคาทั้งหมดประมาณ 800 บาทครับ (เหมาได้จากหน้าพระราชวัง)

(2) ถ้ำติ่ง แนะนำให้มาซื้อตั๋วที่ท่าเรือหลวง ซึ่งจะเป็นเรือแบบ Shared tour (เรือ 1 ลำขึ้นได้สูงสุด 6 คน) ราคาจะอยู่ที่ 65,000 กีบครับ (260 บาท)

แผนเที่ยว

วันที่หนึ่ง

-  เดินทางไปหลวงพระบางด้วยสายการบิน Thai AirAsia (FD1030) ถึงหลวงพระบางตอน 15.20

-  เช็คอินเข้าที่พัก

-  เดินชมบรรยากาศที่ตลาดมืดหน้าพระธาตุพูสี

วันที่สอง

-  เที่ยววัดรอบๆเมืองหลวงพระบาง เช่น วัดเชียงทอง วัดใหม่สุวรรณภูมาราม, วัดวิชุนราช เป็นต้น

-  ตอนเย็นชมพระอาทิตย์ตกดินที่พระธาตุพูสี

วันที่สาม

-  ชมพระราชวังหลวงพระบาง (เช้า)

- เที่ยวน้ำตกตาดกวางสี (บ่าย)

วันที่สี่

-  ตักบาตรข้าวเหนียว               

-  นั่งเรือไปเที่ยวถ้ำติ่ง (เช้า)

-  ขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพด้วยสายการบินThai Air Asia (FD1031) ถึงสนามบินดอนเมืองตอน 17.05 

ที่พัก

ตลอดระยะเวลา5 วัน 4 คืน ผมเลือกพักที่ Café de Laos Inn หรือที่ชื่อเก่าเรียกว่า The Chang Inn ที่นี่เป็นโรงแรมใน เครือบุราส่าหรี ซึ่งบริหารงานโดยคนไทย

ข้อดีของที่พักนี้คือทำเลดีมาก เพราะอยู่ใจกลางเมืองเลย พนักงานก็มีอัธยาศัยดีและด้านหน้าก็ตกแต่งสวยงามมาก ส่วนราคาก็กลางๆ ไม่ถูกไม่แพง แต่ข้อเสียของที่นี่คือ ห้องพักแคบไปหน่อย

ถ้าใครสนใจที่พักนี้สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ https://www.cafedelaos-burasari.com/

งบประมาณ

ทริปนี้ผมใช้งบประมาณโดยเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ประมาณ 9,000 บาท แบ่งเป็นค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 2,810 บาท, ค่าที่พักทั้งหมด (ต่อคน) 2,436 บาท, ค่ารถเที่ยวน้ำตก (ต่อคน) 200 บาท, ค่าเรือเที่ยวถ้ำติ่ง(ต่อคน) 260 บาท นอกนั้นเป็นค่าอาหาร,ค่าของฝาก (ซึ่งมีเยอะมาก) และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ

สำหรับรีวิวหลวงพระบาง ในตอนแรกก็คงจบลงแค่นี้ครับ เดี๋ยวตอนหน้าเราจะมาเริ่มทริปกันตั้งแต่สนามบินดอนเมืองเลย เรื่องราวจะเป็นยังไงฝากติดตามด้วยนะครับ

ตอนอื่นๆ

ตอนที่ 1: เตรียมตัวเที่ยวหลวงพระบาง

ตอนที่ 2: ช็อปปิ้งที่ตลาดมืด

ตอนที่ 3: วิถีพุทธแห่งหลวงพระบาง

ตอนที่ 4: เที่ยววังเก่าหลวงพระบาง

ตอนที่ 5: เที่ยวน้ำตกตาดกวางสี

ตอนที่ 6: นั่งเรือเที่ยวถ้ำติ่ง




Create Date : 24 ธันวาคม 2560
Last Update : 17 มิถุนายน 2566 21:47:18 น. 2 comments
Counter : 10424 Pageviews.

 
น่าไปเที่ยวครับ.... เคยไปเทียววังเวียง...แล้วติดใจ กะว่า
จะไปเที่ยวลาวใต้..

เขียนต่อนะครับ จะได้นำไปเป็นข้อมูล สำหรับเที่ยวต่อ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 26 ธันวาคม 2560 เวลา:5:28:32 น.  

 
ขอบคุณครับที่ติดตาม เดี๋ยวจะทยอยเขียนเรื่อยๆอย่างละเอียดเลยจะได้เที่ยวตามได้ครับ

ส่วนลาวใต้ ผมก็เคยไปครับ จะเป็นคนละอารมณ์กับลาวเหนือ แต่ก็สวยดีๆ เดี๋ยวว่างๆจะมาเขียนรีวิวให้ครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี IP: 1.46.140.62 วันที่: 26 ธันวาคม 2560 เวลา:11:07:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2560
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
24 ธันวาคม 2560
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.