ความหวังเรืองรองสำหรับสังคมไทย
เธอเขียนจดหมายฉบับนี้โดยใช้กระดาษสมุดตีเส้นที่นักเรียนนักศึกษาใช้จดงาน ใช้ดินสอเขียนด้วยภาษาเรียบง่ายจนทำให้ข้าพเจ้าละอายใจกับสำนึกบริสุทธิ์และความกล้าหาญของเธอ ข้าพเจ้ามองดวงหน้ากระจ่างอ่อนเยาว์ของเธอเต็มตา และแลเห็นความหวังเรืองรองสำหรับสังคมไทย
หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของกาลเวลา
ข้าพเจ้าขอจบบทปาฐกถาว่าด้วย กาลเวลาและความรุนแรง ในวาระ 30 ปี 6 ตุลา 19 ด้วยถ้วยคำของกวีเอกแห่งสยามประเทศ เพราะถ้อยคำของกวีมีความงาม และความงามช่วยเผยให้เห็นความจริง และความจริงชนิดที่สัมผัสรับรู้ความงามมีผลทำให้มนุษย์ทนอยู่กับความจริงนั้นๆ โดยยังธำรงความหวังในความดีอยู่ได้ และนี่เป็นบทสนทนาพ่อกับลูกบทหนึ่ง
พ่อบอกลูกว่า หยาดน้ำค้างคืออะไร หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา
ลูกจึงถามพ่อว่า เวลาร้องไห้ทำไมคะ เสียอกเสียใจอะไรหรือคะพ่อ พ่อก็ตอบว่า เสมอว่าเวลาร้องไห้เพราะต้องจากเราไปไกลแสนไกลในระลอกคลื่นแห่งวิถีกาลจักรอันไม่คืนกลับหลัง...แต่ที่ร้องไห้มิใช่เพราะเสียอกเสียใจอย่างเดียว
เหตุเพราะว่า น้ำค้างปิติยินดีที่เคารพดวงตะวัน ทั้งได้สะท้อนคุณค่าแท้ของคลื่นแสงพระสุริยาทั้งเจ็ดสีพลีกำนัลแด่โลกแล้ว น้ำค้างก็เสมอว่าเศร้าสร้อยน้อยใจที่ต้องพลันแตกดับวับสลายอำลาจากเราไป ไม่ได้อยู่เจียระไนแววตาให้ซึ้งคุณค่าของแสงรุ้งและสุนทรีอื่นๆ ฉะนั้นไม่ว่าจะดีอกดีใจหรือวิปโยคโศกเศร้า น้ำค้างก็อย่างหยาดน้ำตา19
เชิงอรรถ 1 สารคดีปีที่ 12 ฉบับที่ 140 (ตุลาคม 2539),น.22 2 แปลจากจดหมายภาษาอังกฤษของธงชัย วินิจจะกูล ทางe-mail นำมาใช้ไดัรับอนุญาตจากผู้เขียนแล้ว 3 ธงชัย วินิจจะกูล, ความทรงจำกับประวัติศาสตร์บาดแผล:กรณีการปราบปรามนองเลือด 6ตุลา19,รัฐศาสตร์สาร ปีที่19 ฉบับที่ 3 (2539),น.43-44 4 อ้างถึงใน ยุกติ มุกดาวิจิตร, 6ตุลาสัญลักษณ์ของความรุนแรง ความรุนแรงของสัญลักษณ์, รัฐศาสตร์สาร ปีที่19 ฉบับที่ 3 (2539),น.60 5 สารคดีปีที่ 12 ฉบับที่ 140 (ตุลาคม 2539),น.102 6 Eviatar Zerubavel,Time Maps:Collective Memory and the Social Shape of the Past (Chicago and London: The University of Chicago Press,2004),p.24 7.Hegel,Hegel: Texts and Commentary Walter Kaufiman (Trans. And ed.) (Garden City, New York: Anchor Book,1966),p.68. 8 Martin Heidegger, Being and Time John Macquarrie and Edward Robinson (trans.) (New York: Harper& Row, Pubishers, 1962), p.39.ข้อความในต้นฉบับ
time needs to be explicated primordially as the understanding of Being, and in termporality as the Being of Dasein, which understands Being. 9 R.C. Zaeher, The Bhagavad-Gita (London: Oxford University Press, 1981) p.303. 10 Jean-Claude Carriere,มหาภารตะ จักรกฤษณ์ ดวงพัตรา แปล,(กรุงเทพฯ:คบไฟ,2544),น. 175-176 11 ศรีมัทภควัทคีตา ของ กฤษณะไทวปายนวยาส แปลเป็นไทยโดย แสง มนวิทูร(กรุงเทพฯ:แพร่พิทยา,2515),น. 12 พระคัมภีร์อัลกรุอ่านในที่นี้ใช้คำแปลจาก The Quran,Trans. By M.A.S.Abdel Haleem (New York: Oxford University Press, 2004) 13 T.R.V.Murti, the Central Philosophy of Buddhism: A Study of the Madhyamika System (London and Sydney: Unwin Paperbacks, 1987), p. 198. 14 Steven Collins, Pali Buddhist ideas about the future. Unpublished manuscript, 2006, pp. 1-2 15 Piotr Hoffman, Doubt, Time, Violence (Chicago and London: The University of Chicago Press, 1986), p.127-128. 16 สารคดีปีที่ 12 ฉบับที่ 140 (ตุลาคม 2539), น.143 17 สารคดีปีที่ 12 ฉบับที่ 140 (ตุลาคม 2539), น.141 18 เพิ่งอ้าง 19 อังคาร กัลยาณพงศ์, หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เทียนวรรณ, 2530), น. 56-57
Create Date : 31 มกราคม 2550 |
Last Update : 31 มกราคม 2550 17:01:54 น. |
|
0 comments
|
Counter : 323 Pageviews. |
|
|
|
|
| |