เจ้าสวามิภักดิ์ต่ออำนาจ ยอมเป็นทาสคณาธิปไตย เพียงหัวโขนไม่กี่ใบ ก็ทำให้เจ้าลืมตน โดยลืมไปว่าคนที่หลงใหลต่อการเสพอำนาจนั้นมีจุดจบที่น่าสยดสยองเพียงใด เพราะคำกล่าวที่ว่า “อำนาจทำให้ฉ้อฉล ยิ่งอำนาจเบ็ดเสร็จเท่าใด ยิ่งฉ้อฉลเบ็ดเสร็จเท่านั้น” (power tends to corrupt ,and absolute power corrupts absolutely) ยังคงเป็นความจริงอยู่เสมอ
 
มกราคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
31 มกราคม 2550

ความหวังเรืองรองสำหรับสังคมไทย

เธอเขียนจดหมายฉบับนี้โดยใช้กระดาษสมุดตีเส้นที่นักเรียนนักศึกษาใช้จดงาน ใช้ดินสอเขียนด้วยภาษาเรียบง่ายจนทำให้ข้าพเจ้าละอายใจกับสำนึกบริสุทธิ์และความกล้าหาญของเธอ ข้าพเจ้ามองดวงหน้ากระจ่างอ่อนเยาว์ของเธอเต็มตา และแลเห็นความหวังเรืองรองสำหรับสังคมไทย



หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของกาลเวลา



ข้าพเจ้าขอจบบทปาฐกถาว่าด้วย ‘กาลเวลาและความรุนแรง’ ในวาระ 30 ปี 6 ตุลา 19 ด้วยถ้วยคำของกวีเอกแห่งสยามประเทศ เพราะถ้อยคำของกวีมีความงาม และความงามช่วยเผยให้เห็นความจริง และความจริงชนิดที่สัมผัสรับรู้ความงามมีผลทำให้มนุษย์ทนอยู่กับความจริงนั้นๆ โดยยังธำรงความหวังในความดีอยู่ได้ และนี่เป็นบทสนทนาพ่อกับลูกบทหนึ่ง



พ่อบอกลูกว่า “หยาดน้ำค้างคืออะไร หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา”


ลูกจึงถามพ่อว่า “เวลาร้องไห้ทำไมคะ เสียอกเสียใจอะไรหรือคะพ่อ” พ่อก็ตอบว่า “เสมอว่าเวลาร้องไห้เพราะต้องจากเราไปไกลแสนไกลในระลอกคลื่นแห่งวิถีกาลจักรอันไม่คืนกลับหลัง...แต่ที่ร้องไห้มิใช่เพราะเสียอกเสียใจอย่างเดียว”



“เหตุเพราะว่า น้ำค้างปิติยินดีที่เคารพดวงตะวัน ทั้งได้สะท้อนคุณค่าแท้ของคลื่นแสงพระสุริยาทั้งเจ็ดสีพลีกำนัลแด่โลกแล้ว น้ำค้างก็เสมอว่าเศร้าสร้อยน้อยใจที่ต้องพลันแตกดับวับสลายอำลาจากเราไป ไม่ได้อยู่เจียระไนแววตาให้ซึ้งคุณค่าของแสงรุ้งและสุนทรีอื่นๆ ฉะนั้นไม่ว่าจะดีอกดีใจหรือวิปโยคโศกเศร้า น้ำค้างก็อย่างหยาดน้ำตา”19


เชิงอรรถ
1 สารคดีปีที่ 12 ฉบับที่ 140 (ตุลาคม 2539),น.22
2 แปลจากจดหมายภาษาอังกฤษของธงชัย วินิจจะกูล ทางe-mail นำมาใช้ไดัรับอนุญาตจากผู้เขียนแล้ว
3 ธงชัย วินิจจะกูล, “ความทรงจำกับประวัติศาสตร์บาดแผล:กรณีการปราบปรามนองเลือด 6ตุลา19,”รัฐศาสตร์สาร ปีที่19 ฉบับที่ 3 (2539),น.43-44
4 อ้างถึงใน ยุกติ มุกดาวิจิตร, “ ‘ 6ตุลา’สัญลักษณ์ของความรุนแรง ความรุนแรงของสัญลักษณ์, “รัฐศาสตร์สาร ปีที่19 ฉบับที่ 3 (2539),น.60”
5 สารคดีปีที่ 12 ฉบับที่ 140 (ตุลาคม 2539),น.102
6 Eviatar Zerubavel,Time Maps:Collective Memory and the Social Shape of the Past (Chicago and London: The University of Chicago Press,2004),p.24
7.Hegel,Hegel: Texts and Commentary Walter Kaufiman (Trans. And ed.) (Garden City, New York: Anchor Book,1966),p.68.
8 Martin Heidegger, Being and Time John Macquarrie and Edward Robinson (trans.) (New York: Harper& Row, Pubishers, 1962), p.39.ข้อความในต้นฉบับ “…time needs to be explicated primordially as the understanding of Being, and in termporality as the Being of Dasein, which understands Being.”
9 R.C. Zaeher, The Bhagavad-Gita (London: Oxford University Press, 1981) p.303.
10 Jean-Claude Carriere,มหาภารตะ จักรกฤษณ์ ดวงพัตรา แปล,(กรุงเทพฯ:คบไฟ,2544),น. 175-176
11 ศรีมัทภควัทคีตา ของ กฤษณะไทวปายนวยาส แปลเป็นไทยโดย แสง มนวิทูร(กรุงเทพฯ:แพร่พิทยา,2515),น.
12 พระคัมภีร์อัลกรุอ่านในที่นี้ใช้คำแปลจาก The Qur’an,Trans. By M.A.S.Abdel Haleem (New York: Oxford University Press, 2004)
13 T.R.V.Murti, the Central Philosophy of Buddhism: A Study of the Madhyamika System (London and Sydney: Unwin Paperbacks, 1987), p. 198.
14 Steven Collins, “Pali Buddhist ideas about the future.” Unpublished manuscript, 2006, pp. 1-2
15 Piotr Hoffman, Doubt, Time, Violence (Chicago and London: The University of Chicago Press, 1986), p.127-128.
16 สารคดีปีที่ 12 ฉบับที่ 140 (ตุลาคม 2539), น.143
17 สารคดีปีที่ 12 ฉบับที่ 140 (ตุลาคม 2539), น.141
18 เพิ่งอ้าง
19 อังคาร กัลยาณพงศ์, หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เทียนวรรณ, 2530), น. 56-57


Create Date : 31 มกราคม 2550
Last Update : 31 มกราคม 2550 17:01:54 น. 0 comments
Counter : 323 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Street Fighting Man
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ถึงชนจะชิงชัง แต่กูยังจะหยัดยืน
กู้เกียรติที่มารกลืน ให้มวลชนเข้าใจใจ
กูชาติทหารหาญ ประวัติการณ์นั้นยาวไกล
พิทักษ์ไผทไทย นี้สืบทอดมายาวนาน
ทหารไทยบ่ขายชื่อ บ่ขายชาติและวิญญาณ
เกียรติยศอุดมการณ์ บ่ขายกินเป็นเงินตรา
เพื่อผองประชาชาติ จะพลีชีพให้ลือชา
ลบคราบน้ำตา…อา ! ที่อาบนองแก้มผองชน
ผู้นำผู้ใดดี จะร่วมทางด้วยอดทน
ผู้นำที่เดนคน จะคัดค้านไม่เกรงใคร
น้ำใจนี้เดี่ยวเด็ด ดั่งเหล็กเพชรที่ทนไฟ
เนื้อร้ายต้องตัดไป ไม่ลังเลให้คนแคลน
ถึงแม้สมุนมาร จะคงคอยคำรามแทน
อุปสรรคถึงเหลือแสน จะบุกหน้าบ่ถอยหลัง
มอบรักต่อคนดี และต่อผีคือชิงชัง
ผีดิบจะล้มดัง เพราะเรี่ยวแรงที่ระดม
เสียงสูคือเสียงผี ที่หลอกคนด้วยคารม
[Add Street Fighting Man's blog to your web]