เจ้าสวามิภักดิ์ต่ออำนาจ ยอมเป็นทาสคณาธิปไตย เพียงหัวโขนไม่กี่ใบ ก็ทำให้เจ้าลืมตน โดยลืมไปว่าคนที่หลงใหลต่อการเสพอำนาจนั้นมีจุดจบที่น่าสยดสยองเพียงใด เพราะคำกล่าวที่ว่า “อำนาจทำให้ฉ้อฉล ยิ่งอำนาจเบ็ดเสร็จเท่าใด ยิ่งฉ้อฉลเบ็ดเสร็จเท่านั้น” (power tends to corrupt ,and absolute power corrupts absolutely) ยังคงเป็นความจริงอยู่เสมอ
 
กุมภาพันธ์ 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
3 กุมภาพันธ์ 2550

สัมภาษณ์ จอน อึ๊งภากรณ์

สัมภาษณ์ จอน อึ๊งภากรณ์
บทความSubmitted by pcpthai on Tue, 2007-01-02 17:28.
แม้ว่างานสมัชชาสังคมไทย ครั้งแรก จะได้เสร็จสิ้นลงไปและสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของงาน ที่ต้องการให้เกิดการเรียนรู้และร่วมมือกันของภาคประชาชนไทย แน่นอนว่าหลังจากการจัดสมัชชาสังคมไทยแล้วเจตนาที่ประกาศขึ้นจากกการจัดงานครั้งนี้คือการปฏิรูปการเมือง ให้มีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ต่อชนชั้นล่างอย่างแท้จริงต้องมีการนำไปปฏิบัติต่อไป หลังจากมีการพูดคุยหารือร่วมกันของเครือข่ายภาคประชาชน ที่ร่วมจัดงานสมัชชาสังคมไทยจึงเห็นร่วมกันที่จะผลักดันคำประกาศสมัชชาสังคมไทยให้ออกมาเป็นรูปธรรม จึงเป็นที่มาของ ขบวนการประชาธิปไตยประชาชนขึ้นมา

ถามทางฉบับนี้ จึงสัมภาษณ์ จอน อึ๊งภากรณ์ ผู้ประสานงานของขบวนการประชาธิปไตยประชาชน เพื่อทราบถึงทิศทางและการขับเคลื่อนของประเด็นการเมืองที่ร้อนแรงที่สุดของภาคประชาชนในขณะนี้

ขบวนการประชาธิปไตยประชาชน ตั้งขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ อะไร

เราตั้งขึ้นมาเพื่อผลักดันประเด็นการปฏิรูปการเมืองของคนชั้นล่างให้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา มันมีการเคลื่อนไหวในเรื่องของการปฏิรูปการเมืองมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถ้าเราสังเกตุดูเรื่องประเด็นการปฏิรูปการเมืองมักจะเป็นเรื่องที่พูดถึงในแง่ของสิ่งที่ชนชั้นกลางเขาสนใจ ไม่ค่อยมีเรื่องที่เป็นปัญหาของชนชั้นล่างเท่าไหร่ เช่น ชนชั้นล่างมักเดือดร้อนในเรื่องของที่ทำกิน เรื่องการจัดสรรทรัพยากร ก็ไม่ได้เอามาเป็นประเด็นเรื่องการปฏิรูปการเมืองครั้งนี้ แถมตัวแทนของประชาชนที่เลือกเข้าไปก็ไม่ได้ใส่ใจในประเด็นนี้อีก เราก็เลยอยากให้การปฏิรูปการเมืองมีประเด็นที่เสนอมาจากชนชั้นล่างบ้าง ซึ่งเครือข่ายภาคประชาชนมันมีจำนวนมาก และแต่ละเครือข่ายก็มักจะเคลื่อนไหวในประเด็นเฉพาะของตัวเอง ดังนั้นเราต้องการสร้างการมีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุด โดยการระดมทรัพยากรทุกส่วนเพื่อเคลื่อนไหวผลักดันประเด็น ซึ่งความหลากหลายในขบวนการนี้จะมีแม้กระทั่งส่วนที่คิดเห็นแตกต่างจากเราในเรื่องรัฐบาลเผด็จการทหารก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ เพราะผมเชื่อว่าถึงแม้จะแตกต่างในเรื่องความคิดแค่ไหน แต่ทุกคนก็อยากเห็นสังคมที่ดีกว่านี้เหมือนกัน

ช่วงนี้ มีการพูดถึงการร่างรัฐธรรมนูญของภาคประชาชนกันมาก อยากทราบว่าสิ่งที่ขบวนการนี้จะนำเสนอเป็นการร่างรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชนใช่หรือไม่

ผมว่ามันเป็นเรื่องอะไรที่กว้างใหญ่กว่าแค่เรื่องรัฐธรรมนูญมาก การนำเสนอประเด็นของเราต่อประชาชน คงไม่ใช่อยู่แค่ในกรอบของกฏหมายเพราะเราคิดถึงเนื้อหามากกว่าภาษา เราไม่กังวลว่าคุณจะเขียนรัฐธรรมนูญมาอย่างไร ภาษาแบบไหน แต่ถ้าคุณจะเขียนเราอยากให้คุณเขียนออกมาเป็นแบบนี้ มีเนื้อหาแบบที่เราเสนอ เช่น ต้องระบุว่ามีเรื่องเกี่ยวกับรัฐสวัสดิการด้วย เพราะเราไม่เชื่อใจในกลไกของรัฐเลยที่ทำให้เราไม่เข้าร่วมในการเป็นสมัชชาประชาชน เพราะอะไร คุณดูได้เลยว่าในการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ การคัดคนจากสองพันคนเหลือแค่ไม่กี่สิบคน กลไกรัฐมีอิทธิพลสูงมาก ไม่ว่าจะสามารถเลือกคนของตัวเองเข้ามาเป็นสมาชิกได้โดยโควต้า หรือให้ที่นั่งกับข้าราชการมีสัดส่วนสูงกว่าคนชั้นล่าง แถมมีสิทธิพิเศษ เลือกคนออกจากคนที่มีอยู่แล้วก็ได้ด้วย เราไม่เห็นว่าคนของเราถ้าเข้าร่วมกับการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะมีความหวังอะไรได้ ซึ่งอาจมีคนที่เห็นต่างเข้าไปร่วม เราก็คงต้องเคลื่อนไหวกดดันจากภายนอกอยู่ดี ไม่อย่างนั้นการเสนอของคุณมันจะไม่มีน้ำหนักความน่าเชื่อถือ เราปฏิเสธการเคลื่อนไหวจากภายนอกไม่ได้ ถ้าเราบอกว่าเราอยากได้รัฐธรรมนูญที่ไกลกว่าปี 2540 เพราะนอกจากเราต้องผลักดันให้มีการพูดถึงเรื่องของเราในรัฐธรรมนูญแล้ว เรายังต้องผลักดันให้กฎหมายลูกออกมารองรับเรื่องของเราด้วย และยังต้องเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการเอากฏหมายที่ว่านั้นมีผลในทางปฏิบัติด้วย ภาระกิจของขบวนการนี้คงไม่ใช่แค่การร่างรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว

เมื่อฝ่ายทหารจะร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาแล้ว จะเป็นการกดดันให้เราต้องเร่งพูดคุยกันเพื่อให้ข้อเสนอเราได้รับการเสนอต่อประชาชนก่อนรัฐธรรมนูญที่ทหารเป็นเจ้าภาพทำเสร็จหรือเปล่า

ผมว่าปัญหาของขบวนการภาคประชาชนอย่างหนึ่งที่ผมเจอบ่อยก็คือ มันมีประเด็นที่จะเคลื่อนไหวบ่อยครั้ง แต่มันขาดจังหวะ อย่างในกรณีการร่างรัฐธรรมนูญ เราต้องดูจังหวะของเวลาด้วยเพื่อให้มันเกิดกระแสในสังคมได้เราเสนอช้ากว่าสมัชชาประชาชนไม่ได้เพราะมันก็คงจะไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่ เสนอเร็วไปคนก็ลืม เอาเข้าจริงแล้ว เราใช้วิธีการเสนอประเด็นจากภายนอกและกดดันดันมาตลอดในหลายๆเรื่อง ถ้าเราทำได้ถูกจังหวะก็อาจเป็นไปได้ที่เขาจะรับไปปฏิบัติ อย่างเช่นในเรื่องของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าก็มาจากการล่ารายชื่อเจ็ดหมื่นรายชื่อ มันมีการสร้างกระแสจากภาคประชาชนก็ทำให้เกิดการขานรับ ซึ่งถ้าเราเอามาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในตอนนี้ที่มีการร่างรัฐธรรมนูญถ้ามีการเสนอแล้วมีการระบุลงไปในรัฐธรรมนูญมันก็ช่วยเราได้ แต่ว่ามันไม่ผูกมัดอะไรมากมาย บางทีก็ต้องสร้างกระแสกันยาวนานอย่างที่เราบอกไว้เมื่อกี้ เราก็คงต้องได้ประเด็น นำเสนอประเด็น ก่อนที่การร่างรัฐธรรมนูญที่มีทหารเป็นเจ้าภาพจะแล้วเสร็จ

ถ้ามีการเน้นประเด็นไปที่เรื่องของปัญหาของเครือข่าย ก็เหมือนกับว่าขบวนการนี้มุ่งที่จะผลักดันในเรื่องของสังคมอย่างเดียว ในเนื้อหาส่วนอื่นๆในรัฐธรรมนูญจะมีการนำเสนอด้วยหรือเปล่า เช่น เรื่องที่มาของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร หรือสมาชิกวุฒิสภา บทบาทหรือหน้าที่ จะมีการพูดถึงไหม

มันคงไม่ได้มีแค่เรื่องของสังคมอย่างเดียวหรอก มันก็ต้องมีเรื่องการเมืองด้วย อย่างน้อยเขาก็คงจะตั้งคำถามว่า เราต้องมีการปกครองอย่างไรถึงจะเรียกได้ว่าเป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้ ก็ถ้าเราดูแค่องค์กรเคลื่อนไหวของชาวบ้าน เขาก็อาจจะไม่ค่อยสนใจในเรื่องปัญหาของบทบัญญัติในส่วนของสภาฯทั้งสองสภา ว่าที่มาของกฎหมายมันควรเป็นมาอย่างไร แต่ภายในขบวนการภาคประชาชนก็มีหลายส่วนี่คิดไปถึงประเด็นทางการเมืองเหล่านี้ด้วย อย่างองค์กรสิทธิมนุษยชนคิดเรื่องนี้แน่นอน หรือองค์กรแรงงานที่มีการพูดถึงประเด็นการเรียกร้องให้แบ่งเขตเลือกตั้งตามสถานที่ทำงานแทนที่จะต้องไปเลือกตามภูมิลำเนาเหมือนที่ผ่านมา หรืออย่างพรรคการเมืองของภาคประชาชน เขาก็คงสนใจเรื่องนี้ อย่างน้อยในเรื่องการเมืองเหล่านี้ก็มีประเด็นที่ใครก็พูดถึงกันเป็นเรื่องใหญ่เลยก็คือ การยกเลิกข้อจำกัดเรื่องวุฒิการศึกษา ที่ให้เฉพาะคนจบชั้นปริญญาตรีมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง อันนี้ต้องมีการเสนอกันอยู่แล้ว

มีความหวังอย่างไร กับองค์กรนี้ และภาพรวมของภาคประชาชนไทยหลังจากเกิดขบวนการประชาธิปไตยประชาชนแล้ว จะเป็นอย่างไรบ้าง

ผมก็หวังว่ามันจะประสบความสำเร็จในการเคลื่อนไหวครั้งนี้นะ แต่ตอนนี้ผมค่อนข้างอึดอัดใจเป็นการส่วนตัวกับเรื่องความแตกต่างทางความคิดเห็นของภาคประชาชน ที่มีการตอบโต้กันระหว่างเครือข่ายที่คัดค้านรัฐประหารกับเครือข่ายที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวในเชิงปฏิรูปการเมือง ที่ฝ่ายหนึ่งมองว่าการเคลื่อนไหวประเด็นเรื่องการปฏิรูปการเมืองนี้อาจจะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาลเผด็จการชุดนี้ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อันนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอุปสรรคในการสร้างการมีส่วนร่วมของขบวนการ หรืออีกเรื่องหนึ่งที่มันเป็นปัญหามานานแล้วก็คือลักษณะของภาคประชาชน แบบที่มีการเน้นการรวมตัวเป็นเครือข่ายแบบจำนวนมากๆแบบนี้ แต่ละเครือข่ายก็จะมีการแยกย่อยออกมาเป็นองค์กรเล็ก องค์กรน้อย นี่เป็นลักษณะที่เป็นอุปสรรคในการติดต่อประสานงานมาก แต่ในกรณีนี้เราเริ่มเห็นความหวังขึ้นมาแล้วจากกการจัดงานสมัชชาสังคมไทย เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เราเห็นความพยายามของเครือข่ายแต่ละเครือข่ายที่จะประสานความร่วมมือกัน ทำให้เกิดผลต่อมาก็คือขบวนการประชาธิปไตยประชาชนนี้ ในเวทีนี้ก็เป็นอีกเวทีหนึ่งที่จะสร้างการเรียนรู้ร่วมกันมากขึ้น และมีการปฏิบัติการร่วมกันที่เป็นรูปธรรม เพราะเอาเข้าจริงแล้วแต่ละองค์กร แต่ละเครือข่ายก็ไม่ค่อยได้รู้จักกันเท่าไหร่ การมาได้รู้จักกัน ทำให้รู้ถึงจุดยืนและประสานการต่อสู้ออกไปสู่สังคมภายนอก อย่างการประชุมเตรียมงานนี้ที่เพิ่งผ่านไป ผมเห็นว่าแต่ละขบวนการ อย่างแรงงาน นักศึกษา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือหลายๆองค์กร เขาก็จะมีเรื่องการปฎิรูปการเมืองแบบที่เขาอยากจะให้เป็น มีประเด็นของเขาเอง และการเมืองของแต่ละขบวนการก็แตกต่างกันอีก มันท้าทายที่ว่าจะทำอย่างไรให้ร่วมมือกันได้

ส่วนในเรื่องของภาพรวมขบวนการต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ถ้ามองจากที่เป็นอยู่นี้ก็จะเห็นว่ามันมีพัฒนาการของขบวนการเคลื่อนไหวจากแค่ประเด็นเฉพาะหน้าของตัวเอง อย่างเช่น ถ้าคุณเคลื่อนไหวเรื่องประเด็นสัญชาติ คุณก็ทำของคุณไป หรือเรื่องการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร คุณก็ทำของคุณไป ตอนนี้ก็มีการพัฒนาจากประเด็นเฉพาะตัวเหล่านี้มาเป็นเรื่องใหญ่อย่างการปฏิรูปการเมือง จากเมื่อก่อนคนพิการก็เรียกร้องสิทธิของคนพิการไป เขาก็เอาเรื่องปฏิรูปการเมืองเข้ามาเรียกร้อง ผมว่ามันเป็นการพัฒนาประเด็น และมันก็มีแบบนี้ในหลายๆกลุ่มปัญหา อย่าล่าสุดนี้ก็เห็นว่าเครือข่ายผู้ประสบภัยสึนามิ ที่เมื่อก่อนเขาจะสนใจในเรื่องของสิทธิในเรื่องการทำมาหากินของเขา ตอนนี้เขาก็เริ่มพูดถึงการปฎิรูปการเมือง หรือแม้กระทั่งชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียง โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เพิ่งรวมตัวกันเมื่อเร็วๆนี้ ท้ายที่สุดผมว่ากรณีปัญหาอันหลากหลายเหล่านี้ คนที่ได้รับผลกระทบก็จะเริ่มมองเห็นแล้วว่า มันมีประเด็นร่วมกันอยู่เพียงประเด็นเดียวคือการขาดการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในนโยบายของรัฐ เขาก็จะตอบโจทย์นี้ ด้วยการรณรงค์ปฏิรูปการเมือง เพื่อเพิ่มอำนาจให้กับคนชั้นล่างได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

แล้วต่อจากนี้ไปมีกิจกรรมอะไรบ้าง เพื่อให้นโยบายเหล่านี้เป็นจริงขึ้นมา

ผมเองก็ยังตอบไม่ได้เพราะยังไม่มีการวางกิจกรรมเป็นทางการ ยังไม่มีมติในการประชุมออกมา แต่เท่าที่ผมคิดได้ว่าน่าจะต้องมีในเบื้องต้นก็คือเวบไซค์เพื่อแจ้งข่าวคราวความเคลื่อนไหว มีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ กลุ่มนักศึกษา และชนชั้นกลางในเมืองได้เข้าถึง หรือสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อเผยแพร่ให้ได้ในวงกว้างมากกว่าเวบไซด์ อีกเรื่องหนึ่งที่มีการเสนอกันว่าควรจะทำก็คือ การจัดเวทีต่างๆเพื่อระดมความคิดเห็นและรณรงค์ในแต่ละจังหวัดโดยเครือข่ายเอง เพื่อสร้างกระแสและการมีส่วนร่วมทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด หรือการเผยแพร่ผ่านวิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งอันนี้เราก็อยากได้สื่อของกระแสหลักด้วยก็จะพยายามทำให้ได้ ส่วนอันสุดท้ายนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมคนเดียว ผมคิดว่ามันน่าจะมีการจัดเวทีประชาพิจารณ์ โดยนอกจากเชิญพวกเดียวกันเองแล้ว ก็น่าจะเชิญบุคคลที่เขาน่าจะมีประโยชน์ในการเชิญเขามา ที่ผมคิดเอาไว้ก็ เช่น คนที่เขาจะสามารถเอาเรื่องที่เราพูดคุยกันไปปฏิบัติให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้ อย่างเชิญนักการเมืองบางพรรคเข้ามาฟัง ซึ่งต้องมานั่งถกเถียงกันอีกที ว่าจะมีประโยชน์หรือไม่




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2550
0 comments
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2550 19:23:45 น.
Counter : 819 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Street Fighting Man
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ถึงชนจะชิงชัง แต่กูยังจะหยัดยืน
กู้เกียรติที่มารกลืน ให้มวลชนเข้าใจใจ
กูชาติทหารหาญ ประวัติการณ์นั้นยาวไกล
พิทักษ์ไผทไทย นี้สืบทอดมายาวนาน
ทหารไทยบ่ขายชื่อ บ่ขายชาติและวิญญาณ
เกียรติยศอุดมการณ์ บ่ขายกินเป็นเงินตรา
เพื่อผองประชาชาติ จะพลีชีพให้ลือชา
ลบคราบน้ำตา…อา ! ที่อาบนองแก้มผองชน
ผู้นำผู้ใดดี จะร่วมทางด้วยอดทน
ผู้นำที่เดนคน จะคัดค้านไม่เกรงใคร
น้ำใจนี้เดี่ยวเด็ด ดั่งเหล็กเพชรที่ทนไฟ
เนื้อร้ายต้องตัดไป ไม่ลังเลให้คนแคลน
ถึงแม้สมุนมาร จะคงคอยคำรามแทน
อุปสรรคถึงเหลือแสน จะบุกหน้าบ่ถอยหลัง
มอบรักต่อคนดี และต่อผีคือชิงชัง
ผีดิบจะล้มดัง เพราะเรี่ยวแรงที่ระดม
เสียงสูคือเสียงผี ที่หลอกคนด้วยคารม
[Add Street Fighting Man's blog to your web]