เจ้าสวามิภักดิ์ต่ออำนาจ ยอมเป็นทาสคณาธิปไตย เพียงหัวโขนไม่กี่ใบ ก็ทำให้เจ้าลืมตน โดยลืมไปว่าคนที่หลงใหลต่อการเสพอำนาจนั้นมีจุดจบที่น่าสยดสยองเพียงใด เพราะคำกล่าวที่ว่า “อำนาจทำให้ฉ้อฉล ยิ่งอำนาจเบ็ดเสร็จเท่าใด ยิ่งฉ้อฉลเบ็ดเสร็จเท่านั้น” (power tends to corrupt ,and absolute power corrupts absolutely) ยังคงเป็นความจริงอยู่เสมอ
 
กุมภาพันธ์ 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
4 กุมภาพันธ์ 2550

ความจำอยู่ในจิตหรือนอกจิต

เนื้อความ :

วิทยาศาสตร์เข้าใจว่าความจำของคนเราบันทึกอยุ่ในสมองโดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า ฮิปโปแคมปัส ดังนั้นถ้าเราเสียชีวิตความทรงจำจะสูญสลายไปด้วย ส่วนในทางพุทธศาสนาสอนว่า เราสามารถที่จะระลึกชาติได้ดังนั้นความจำไม่น่าเก็บอยุ่ที่สมอง ตามลัทธิโยคาจารของมหายานมีสิ่งที่เรียกว่า อลายาวิญญานฃึ่งแปลเป็นอังกฤษว่า Storehouse Consciousness เป็นจิตที่ต่อเนื่องคอยเก็บความจำนี้อยุ่ ส่วนทางเถรวาทของเราสอนว่าจิตเกิดดับอยู่ทุกขณะดังนั้นระหว่างที่จิตดับความจำอยู่ที่ไหนครับ

จากคุณ : วิริยะ [ 22 ก.ค. 2543 / 07:54:22 น. ]
[ IP Address : 203.157.0.182 ]





ความคิดเห็นที่ 1 : (ดังตฤณ)


ส่วนหนึ่งของศาสนาอธิบายไว้
ว่าจิตเกิดดับก็จริง แต่มีสันตติ
กล่าวคือจะถ่ายทอดความจำและกรรมทั้งหลาย
จากดวงหนึ่งสู่ดวงหนึ่งไม่รู้จบครับ

จากคุณ : ดังตฤณ [ 22 ก.ค. 2543 / 09:18:48 น. ]
[ IP Address : 203.155.33.180 ]






ความคิดเห็นที่ 2 : (tchurit)


วิทยาศาสตร์ซึ่งมีการศึกษาตามแนว"สสารนิยม"เข้าใจว่าความจำของคนเราบันทึกอยู่ในสมองโดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า ฮิปโปแคมปัส แต่ข้อจำกัดของวิทยาศาสตร์คือการที่วิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่พยายามตอบคำถามทีละนิดทีละน้อย คำตอบก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัย นานวันก็ยังไม่ได้คำตอบที่แน่นอน ถ้าเชื่อในวิทยาศาสตร์ความจำของคนเราก็บันทึกอยู่ในสมองโดยเฉพาะส่วนที่เรียกว่า ฮิปโปแคมปัส แต่ในอนาคตคำตอบนี้อาจเปลี่ยนอีกก็ได้
ตามลัทธิโยคาจารของมหายานมีสิ่งที่เรียกว่า อลายาวิญญานฃึ่งแปลเป็นอังกฤษว่า Storehouse Consciousness เป็นจิตที่ต่อเนื่องคอยเก็บความจำนี้อยู่ หากเป็นเช่นนี้ก็จะสามารถเข้าได้กับหลัก "สัจนิยม"ของทางเถรวาท ["สัจนิยม"ของทางเถรวาทจะกล่าวในลักษณะการแยกองค์ประกอบของสิ่งต่างๆ พูดถึงห่วงโซ่ของเหตุ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดผล ในลักษณะ ความสัมพันธ์ที่เกิดต่อเนื่องกันไปเป็นปฏิกริยาลูกโซ่ (chain reaction)] ความจำก็มีความหมายเดียวกับ"สัญญา"ซึ่งเป็น ๑ ในขันธ์๕ซึ่งอยู่ในส่วนที่เป็นนามธรรมที่เป็นองค์ประกอบของคนเรา
ทางเถรวาทเราสอนว่าจิตเกิดดับอยู่ทุกขณะจริง จิตคือธรรมชาติที่รู้อารมณ์,สภาพที่นึกคิด, ความคิด จิตเป็นคนละตัวกับสัญญาหรือความจำดังนั้นระหว่างที่จิตดับคือเลิกคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งความจำหรือสัญญาก็อยู่ที่ฮิปโปแคมปัส(ถ้าคุณวิริยะเชื่อในวิทยาศาสตร์)หรือเป็นนามธรรมที่อยู่ในตัวเราที่เรียกว่าสัญญาขันธ์(ถ้าคุณวิริยะเชื่อในพุทธเถรวาท)ครับ

จากคุณ : tchurit [ 22 ก.ค. 2543 / 13:58:38 น. ]
[ IP Address : 203.157.0.182 ]






ความคิดเห็นที่ 3 : (man)


จิตมันเกิดตรงนั้น และมันดับตรงนั้นเลยหรือ หรือว่ามันจะมีสันตติ และเดินทางต่อไป (ตามความเชื่อแบบเถรวาท)
หากเป็นเช่นนั้น ความจำก็ยังมีส่วนที่เป็นไปได้ว่า จะเดินทางได้ (ผ่านกาล เวลา)
แม้กระแสไฟฟ้าและการเคลื่อนของไฟฟ้าเอง ก็เป็นไปในวิธีที่เรียกว่า สันตติ ไม่ใช่หรือ มันเกิด และดับอยู่ตลอดเวลา ที่มันเดินทาง แต่เมื่อถึงจุดปลายทาง (ที่ต้องการ) มันก็ยังคงแสดงสถานะเดิมของมันได้เหมือนเดิม
และแม้แต่หน่วยความจำในคอมพิวเตอร์เอง ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก คือมันสามารถเกิดดับได้อย่างรวดเร็วมาก แม้ขณะที่มันกำลังแสดงผลออกมา หรือแม้ขณะที่มันจะต้องเก็บความจำนั้นเอาไว้ มันก็มิได้อยู่นิ่ง ๆ หรือ "ดับ" อย่างสิ้นเชิง แต่ประการใด

จากคุณ : man [ 22 ก.ค. 2543 / 22:01:44 น. ]
[ IP Address : 203.151.73.196 ]






ความคิดเห็นที่ 4 : (ประสงค์ มีนบุรี)


ความจำ(สัญญาเจตสิก) อยู่ใน จิต เท่านั้น

ความจำ เป็นนามธรรม
เกิดร่วมกับจิต(จิตก็เป็นนามธรรม)
(เกิดพร้อมกันและดับพร้อมกัน)

โดยจิตเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้
ส่วนความจำ มีหน้าที่จำอย่างเดียว

แต่ความจำก็ไม่สามารถแยกอยู่ต่างหากได้
เพราะต้องอาศัยจิตเป็นที่เกิด

เรื่องเหล่านี้จะเข้าใจได้
ต้องมีปัญญาหยั่งรู้สภาพธรรมนี้ด้วยตนเอง
แต่ต้องเข้าใจสภาพธรรมตามที่พุทธพระองค์ได้แสดงไว้แล้ว

จากคุณ : ประสงค์ มีนบุรี [ 23 ก.ค. 2543 / 08:01:32 น. ]
[ IP Address : 203.147.52.32 ]






ความคิดเห็นที่ 5 : (Vicha)


ขอตอบแบบเล่นๆ เทียบกับ เมื่อ ปี 2532 ตัวเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่
แต่เก็บข้อมูลได้น้อย แต่ปี 2543 ตัวเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กกว่า ได้มากกว่าเป็น 100
เท่า นี้เป็นการเก็บข้อมูลในเชิ่งอาศัยวัตถุ
ในเรื่องจิตเป็นเรื่องของนามธรรมล้วนละเอียดอ่อนกว่ามากมาย
ดังนั้นการเก็บข้อมูลต้องมากมายมหาศาล อยู่ที่ว่าจะพัฒนาจิตให้เอามาใช้ได้หรือเปล่า
ดังนั้นข้อมูลความจำของคนเรา เก็บอยู่ 2 ที่ คือ 1 ที่วัตถุคือส่วนของสมอง และ 2
ในส่วนของจิต


จากคุณ : Vicha [ 23 ก.ค. 2543 / 21:56:45 น. ]
[ IP Address : 203.151.36.3 ]






ความคิดเห็นที่ 6 : (Vicha)


ขอต่ออีกนิด จิตนั้นมีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา แต่ข้อมูลนั้นมีการสืบต่อ หาได้สูญหายไปทั้งหมดไม่


จากคุณ : Vicha [ 23 ก.ค. 2543 / 22:08:03 น. ]
[ IP Address : 203.151.36.3 ]






ความคิดเห็นที่ 7 : (วิริยะ)


ระหว่างที่จิตดวงหนึ่งดับและถ่ายทอดความจำและกรรมทั้งหลายสู่อีกดวงหนึ่งตามความเห็นของคุณดังตฤณนั้นน่าจะมีบางสิ่งหรือเหตุการณ์บางอย่างเป็นสื่อกลางเช่นเดียวกับต้นข้าวที่โรยราในเหมันต์กับต้นใหม่ในฤดูฝนที่มีเมล็ดพันธุ์เป็นตัวเชื่อม
ค่อนข้างจะเห็นต้วยกับความเห็นของคุณ Vicha ที่ว่า ความจำสามารถคงอยู่ได้อย่างถาวร ชึ่งคล้ายกับmemory บน Hard disk จิตเปรียบเสมือน CPU ที่ดึงข้อมูลบางส่วนจาก Hard disk มาเป์น RAM (ความจำชั่วขณะ สัญญา) และเมื่อมีข้อมูลหรือการประมวลผลใหม่เกิดขึ้น (ผัสสะและเวทนา) ก็จะบันทึกข้อมูลกลับ สมองเป็นเพียง connector ที่จิตใช้ access ข้อมูลจาก Hard disk ถ้าสมองเสื่อม CPU ดึงข้อมูลผิดพลาดสัญญาก็เสื่อม บุคคลที่ได้อภิญญา CPU จะเป็นอิสระจาก connector สามารถ access ข้อมูลจาก Hard disk ของตัวเองและคนอื่นได้โดยตรง
ในปฏิจจสมุปบาทกล่าวว่า สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ ถ้าไม่มีสังขารฃึ่งเป็นวิบากของกรรม วิญญาณย่อมไม่เกิดทำให้เข้าใจว่า ความจำและกรรมของแต่ละคนน่าจะถูกเก็บไว้ที่สังขาร

จากคุณ : วิริยะ [ 24 ก.ค. 2543 / 01:34:12 น. ]
[ IP Address : 203.146.170.83 ]






ความคิดเห็นที่ 8 : (thesky)


ขอบคุณค่ะ

จากคุณ : thesky [ 24 ก.ค. 2543 / 11:32:22 น. ]
[ IP Address : 202.80.252.165 ]






ความคิดเห็นที่ 9 : (สุชาติ ชำเลืองใจ)


น่าจะเห็นด้วยกับคุณประสงค์ ความจำเป็นเจตสิกประกอบกับจิต ความจำจึงอยู่ในจิตตามหลักนี้ สิ่งที่ไม่ใช่จิตไม่น่ากล่าวว่า จำอะไรได้ ในคอมพิวเตอร์หรือซุปเปอร์ คอมพิวเตอร์ ไม่น่าเรียกว่าจำความจำ น่าเป็นการเก็บด้วยรหัส หรืออย่างเราพิมพ์ลงในกระดาษ ไม่ควรกล่าวว่า กระดาษจำได้ หรือ คอมพิวเตอร์มันจำของมันเองได้หรือบางครั้ง มันลืมไปแล้วอารมณ์ดี มันว่างๆ แล้วก็มีสติจำอะไรได้ไหม่กระมัง
การจำอาศัยปัจจัยหลายอย่างแก่จิต อาศัยปัจจัยภายนอกก็ทำให้จำได้ อาศัยเซลในสมองที่มันเกิดจากปฏิกริยาทางระบบประสาทที่มันรับมา แล้วพิมพ์เป็นรหัสตามกฎ้เกณท์วัตถุสสารพลังงาน ชีวเคมี ฟิสิกส์เท่านั้น อาศัยปัจจัยเหล่านี้ก็เกิดความสัมพันธ์แล้วทำให้จำได้ ผ่านระบบปัจจัยคือสสารได้ ส่วนมากแล้ว จิตปุถุชนอย่างเราใช้วิธีนี้และทำได้เพียงเท่านี้ ไม่สารถอาศัยด้วยจิตล้วนๆ ได้อาทิการอาศัยสมาธิ ที่จำได้โดยอาศัยความสามารถของจิตเอง ทำให้ได้ถึงเรื่องการระลึกชาติ บางอย่างได้ด้วยญาณ ไม่ใช่สมาธิแบบอำนาจสมาธิจิต เช่นบุพเพนุวานุสติญาณเป็นญาณเป็นต้น
เราจำอะไรได้ดี เพราะอาจจะมีความตึงตราตรึงใจ รุนแรงหรือประทับใจ สามารถทำให้ประทับตรึงตราในจิตได้มากชัดเจนกว่า เกิดจากประสบการณ์ในอดีตก็ตาม เมื่อเรานึกถึงย่อมจำได้ดี แต่บางครั้ง เราลืมไป ไม่ใช่ทุกกรณีย์ที่บอกว่า เพราะเซลสมองเสียไปจึงจำไม่ได้ แต่พอนึกได้อีก ก็จำได้ เห็นว่า บางครั้งไม่เกี่ยวกับเซลสมอง เมื่อจำได้ ก็เห็นได้ว่า ไม่จำเป็นต้องประทับด้วยประสบการณ์ใหม่ การที่เซลสมองเสียไป แล้วจำไม่ได้ จริง เพราะเงื่อนไขที่กล่าวมาแต่ต้น มนุษย์ทั่วไป จำโดยอสศัยปัจจัยภายนอกเป็นวัตถุและอาศัยปัจจัย เซลสมอง ไม่เคยใช้ความสามารถทางจิตโดยตรงได้เลย เมื่อเซลสมองตายไป จิตไม่สารถ หาข้อมูลที่เป็นวัตถุของรหัสนั้นได้ ก็จำอะไรนึกอะไรไม่ได้เลย แต่ก็มีจิตอยู่ บางครั้ง จิตรุ้อยุ่ แต่ไม่สารถนำออกมาได้ บางครั้งอาศัยการสกด จิต ใต้สำนึกก็มี แต่ก็อาศัยใต้สำนึกไปในเซลอยู่ดี หรืออาจได้ถึงภายใต้จิตก็มีอยู่เหมือนกัน ครับ
สสิ่งสำคัญในพุทธศาสนา ควรระลึก พิจารณาเป็นสติปัฏฐานหรือวิปัสสนาว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์เป็นอนัตตา ด้วยนะครับ หมั่นชำเลืองใจ ไปในลมหายใจ ชำเลืองใจไปที่ เวทนา ว่าเป็นอย่างไร ไปในจิตว่าเป็นอย่างไร ไปในธรรมว่าเป็นอย่างไร เป็นกุศลหรืออกุศล แล้วละหรือเจริญขึ้น ด้วยนะครับ



จากคุณ : สุชาติ ชำเลืองใจ [ 25 ก.ค. 2543 / 11:30:43 น. ]
[ IP Address : 203.147.50.65 ]




 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2550
0 comments
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2550 23:04:20 น.
Counter : 802 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Street Fighting Man
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ถึงชนจะชิงชัง แต่กูยังจะหยัดยืน
กู้เกียรติที่มารกลืน ให้มวลชนเข้าใจใจ
กูชาติทหารหาญ ประวัติการณ์นั้นยาวไกล
พิทักษ์ไผทไทย นี้สืบทอดมายาวนาน
ทหารไทยบ่ขายชื่อ บ่ขายชาติและวิญญาณ
เกียรติยศอุดมการณ์ บ่ขายกินเป็นเงินตรา
เพื่อผองประชาชาติ จะพลีชีพให้ลือชา
ลบคราบน้ำตา…อา ! ที่อาบนองแก้มผองชน
ผู้นำผู้ใดดี จะร่วมทางด้วยอดทน
ผู้นำที่เดนคน จะคัดค้านไม่เกรงใคร
น้ำใจนี้เดี่ยวเด็ด ดั่งเหล็กเพชรที่ทนไฟ
เนื้อร้ายต้องตัดไป ไม่ลังเลให้คนแคลน
ถึงแม้สมุนมาร จะคงคอยคำรามแทน
อุปสรรคถึงเหลือแสน จะบุกหน้าบ่ถอยหลัง
มอบรักต่อคนดี และต่อผีคือชิงชัง
ผีดิบจะล้มดัง เพราะเรี่ยวแรงที่ระดม
เสียงสูคือเสียงผี ที่หลอกคนด้วยคารม
[Add Street Fighting Man's blog to your web]