เวนเจอร์แคปเฟ้นลงทุน3ธุรกิจเด่น เร่งรัฐสร้างบรรยากาศการเมืองดึงดูดกองทุนใส่เงิน
จับทิศ 3 ธุรกิจเวนเจอร์แคป ไอที-ยายนยนต์-ค้าปลีก เฟ้นร่วมลงทุนธุรกิจเด่นที่ต้องใช้เงินฟื้นฟูกิจการในไตรมาสแรกปีหน้า ตั้งเป้าโกยผลตอบแทนสูง 25% ชี้ผลวิจัยปี"54 ไทยตกชั้นอันดับน่าลงทุน แนะเร่งปรับตัวสร้างบรรยากาศการลงทุน
นายโสภณ บุณยรัตพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีเน็ท แคปปิทอล และในฐานะนายกสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2555 น่าจะเป็นโอกาสของกองทุนร่วมลงทุน (เวนเจอร์ แคปปิตอล) ที่จะเลือกลงทุนในบริษัทเอกชนนอกตลาดได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลายธุรกิจอาจจำเป็นต้องใช้เงินฟื้นฟูกิจการ
ขณะเดียวกันถือเป็นจังหวะการลงทุนที่ดี เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดขยายตัว โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจไม่น่าจะแย่ไปกว่าสถานการณ์ปัจจุบัน จึงเป็นสัญญาณที่เหมาะสมกับการลงทุนเป็นอย่างยิ่ง่
"ผมมองว่าภายใน 1-2 ไตรมาสนี้ ทุกอย่างน่าจะฟื้นกลับคืนมาได้ การลงทุนตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงไตรมาสแรกปีหน้า ก็ยังถือว่าเป็นโอกาสที่ดี เพราะสำหรับเวนเจอร์แคป มักจะเลือกเข้าไปลงทุนตอนที่เศรษฐกิจกำลังจะขยายตัว หรือในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังแย่ แต่ดูแล้วไม่มีทิศทางว่าจะแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ ส่วนจะลงทุนในธุรกิจไหนบ้างก็ขึ้นอยู่กับนโยบายแต่ละกองทุน" นายโสภณกล่าว
อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมเวนเจอร์แคปมักจะคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงมากกว่า 25% เพราะต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกธุรกิจที่จะสามารถเข้าลงทุนจะประสบความสำเร็จ โดยที่ผ่านมาจะพบว่าบางบริษัทล้มเหลว และไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามที่เวนเจอร์แคปหวัง จึงทำให้อันดับความน่าลงทุนของประเทศลดลง
โดยจะเห็นได้จากผลการวิจัยของ IESE Business School (ดูตาราง) ในหัวข้อ ดัชนีวัดระดับประเทศที่ดึงดูดการลงทุนของกองทุนร่วมลงทุน และการลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ประจำปี 2554 (The Global Venture Capital and Private Equity Country Attractiveness Index 2011 Annual) ระบุว่า ประเทศไทยถูกลดอันดับความน่าลงทุนมาอยู่ที่ 34 จากก่อนหน้านี้ที่อยู่อันดับที่ 28 (จัดอันดับในปี 2550)
ขณะที่ประเทศอื่นในกลุ่มเดียวกันที่มีอันดับความน่าลงทุนสูงขึ้น ได้แก่ มาเลเซีย ได้เลื่อนขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 18 จากก่อนหน้ามาอยู่ที่อันดับ 21 ส่วนประเทศอินโดนีเซียอยู่ที่อันดับ 48 จากก่อนหน้านี้ที่อยู่อันดับ 59 และประเทศเวียดนามขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 53 จากก่อนหน้านี้ที่อยู่อันดับ 62
สำหรับประเทศที่อยู่อันดับ 1 จากการวัดระดับดัชนีความน่าสนใจลงทุนในปีนี้ คือ สหรัฐอเมริกา อันดับ 2 อังกฤษ และอันดับ 3 แคนาดา
ดังนั้นในส่วนของประเทศไทยจึงควรจะปรับปรุงข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่กดดันบรรยากาศการลงทุน เช่น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งควรจะมีความสม่ำเสมอขึ้น รวมถึงทำให้บรรยากาศทางการเมืองมีเสถียรภาพ ซึ่งจะช่วยยกระดับความน่าลงทุนขึ้นมาได้
นายโสภณกล่าวว่า สำหรับกองทุนวีเน็ท มีมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ขณะนี้ได้ลงทุนไปแล้วเกินกว่าครึ่งหนึ่ง โดยธุรกิจที่เน้นลงทุนได้แก่ ไอที ยานยนต์ รวมถึงธุรกิจค้าปลีก ซึ่งขณะนี้บริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนที่น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากประเทศไทยยังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจเติบโตอีกครั้ง น่าจะทำให้การบริโภคสูงขึ้นและสนับสนุนการทำธุรกิจ
Create Date : 11 ธันวาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 11 ธันวาคม 2554 19:25:17 น. |
Counter : 649 Pageviews. |
|
|
|