โบรกแนะหุ้นQ4สดใส-อสังหาฯรับดอกเบี้ยลดลง ดัชนีแกว่งแคบ ทยอยขายแนวต้าน 1100 จุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.35 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.93 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ด้านตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค.ในคืนนี้ตามเวลาไทย นักวิเคราะห์คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบลงระหว่าง 1087-1100 จุด เน้นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 สดใส เช่น STEC และ AMATA และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจะมีจิตวิทยาที่ดีจากแนวโน้มดอกเบี้ยอ่อนตัว บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบลงระหว่าง 1087-1100 จุด โดยมีแรงหนุนทางบวกจากการซื้อสุทธิของต่างชาติที่กลับเข้ามาเกือบ 5 พันล้านบาท วานนี้ และข่าวที่ว่าสูตรการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแบงก์พาณิชย์อาจจะมีการเรียกเก็บเพียง 0.52% อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่องดังกล่าวยังคงต้องรอความชัดเจนต่อไปจนกว่าจะมีการประชุมและสรุปผลออกมาอย่างเป็นทางการ ขณะที่ทางฝ่ายค้านได้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในแง่ความถูกต้องของการออก พ.ร.ก. ในเรื่องการโอนหนี้ FIDF ส่วนปัจจัยภายนอกยังมีเรื่องที่นักลงทุนให้ความสนใจติดตามต่อในช่วงสุดสัปดาห์ อาทิ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐ รวมถึงคาดหวังผลสรุปการเจรจาหนี้ของกรีซ โดยรวมจึงมอง SETI น่าจะมีกรอบปรับขึ้นจำกัดที่ระดับจิตวิทยาแถวๆ 1100 จุด กลยุทธ์การลงทุน : เน้นการทยอยขายแถวๆ แนวต้าน 1100 จุด แนวต้าน : 1096-1101 แนวรับ : 1087-1083 KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ทรงตัวแคบ หลังวานนี้ไม่ผ่าน 1,100 จุด แม้ต่างชาติซื้อหนักมือ โดยนักลงทุนทั่วโลกจะชะลอเพื่อตามปัจจัยสำคัญกล่าวคือ i) ตัวเลขการจ้างงานและการว่างงานสหรัฐฯเดือน ม.ค. ซึ่งน่าจะออกมาดีตามสัญญาณจากตัวเลขจ้างงานเอกชนและการขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในช่วงที่ผ่านมา แต่ตัวเลขจะดีกว่าที่ตลาดคาดหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เนื่องจากช่วงหลังๆ นักลงทุนตั้งความหวังสูงพอควรกับสหรัฐฯ ii) บทสรุปการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ ที่น่าจะออกมาภายในสุดสัปดาห์นี้ โดยล่าสุดข่าวสารเรื่องกรีซเป็นลบมากขึ้นเล็กน้อย หลังจากประธานยูโรกรุ๊ป ชอง เคล้าด์ จุงเกอร์ ชี้ว่าการเจรจานั้นลำบากอย่างมากและยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเพิ่มทุนของธนาคารกรีซหลังจากลดหนี้ไปแล้ว ซึ่งข่าวดังกล่าวหักล้างปัจจัยบวกที่มาจากประเทศจีน หลังจากนายกฯ จีน กล่าวว่าจีนอาจเพิ่มการสมทบทุนให้กับกองทุนกอบกู้ยุโรป EFSF และ ESM ซึ่งหากเป็นจริงจะเป็นการสร้างความมั่นใจในระยะกลาง และเป็นกลยุทธ์ของจีนที่จะสร้างอำนาจต่อรองในเวทีโลกด้วย ส่วนปัจจัยในประเทศ เริ่มเห็นการเปลี่ยนกลุ่มเล่นมาเป็นธนาคาร หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดและดอกเบี้ยมีแนวโน้มลงเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ข่าวใน นสพ. เช้าวันนี้ที่ว่าท้ายที่สุดแล้วอาจมีการเก็บค่าธรรมเนียมธนาคารที่ 0.52% จากปัจจุบัน 0.40% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่แรงและตลาดคงรับรู้ไปแล้ว เราจึงมองว่าหุ้นธนาคารจะแข็งกว่ากลุ่มอื่นๆ ในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ราคาน้ำมันสหรัฐฯ อ่อนลงและนักลงทุนรอปัจจัยโลกดังกล่าวข้างต้น แต่ในสัปดาห์หน้า เรามองว่าหุ้นใหญ่ทั้งหมดมีความเสี่ยงทางลง เนื่องจากหุ้นขึ้นมามากแล้วและน่ามีแรงขายรับข่าวหลังกรีซประกาศ PSI dealกลยุทธ์: ให้ถือพอร์ตหุ้นหลักในกลุ่มน้ำมันและธนาคาร เพื่อหาจังหวะขายในสัปดาห์หน้า และซื้อเก็งกำไรกลุ่มโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันเช่น BANPU* และ STA* และซื้อหุ้นที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 4 สดใส เช่น STEC และ AMATA และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่น่าจะมีจิตวิทยาที่ดีจากแนวโน้มดอกเบี้ยอ่อนตัวลง (LPN, PS*) บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ตลาดยังมีจังหวะแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ดังนั้นยังเทรดดิ้งลักษณะขึ้นขาย..ลงซื้อ แนวโน้ม แม้ว่าตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐรายสัปดาห์จะลดลงอย่างรุนแรงเกินคาด แต่เนื่องจากตลาดหุ้นส่วนใหญ่ขยับขึ้นมาก่อนหน้าพอควรแล้วเพื่อรอรับข่าวความสำเร็จของการเจรจาสว็อปหนี้กรีซ ซึ่งตลาดยังคาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ในเร็วๆ นี้ ทำให้เช้านี้ตลาดหุ้นหลายประเทศจะเน้นหนักทางด้านแกว่งพักตัวลงมากกว่า ทั้งนี้คาดว่านักลงทุนส่วนหนึ่งยังรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของเดือน ม.ค.ที่จะประกาศในคืนวันนี้ว่าจะออกมายืนยันการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐได้หรือไม่อีกครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ในช่วงบ่ายก็เริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมากดดันตลาดให้ไหลย้อนมาปิดที่ระดับต่ำของวัน ทำให้ FSS คาดว่าวันนี้ SET มีแนวโน้มที่จะกลับมาแกว่งตัวผันผวนและมีสิทธิปรับพักตัวลงอีกครั้งได้ โดยมีโอกาสที่SET จะไหลย้อนลงไปที่บริเวณ 1080 จุดหรือต่ำกว่าซึ่งเป็นระดับดัชนีปิดของสัปดาห์ก่อนได้ กลยุทธ์: ยังเน้นเป็นการเข้าเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบ ดังนั้นยังควรหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อตลาดบวก และรอซื้อเฉพาะเมื่อดัชนีปรับพักตัวลงจะปลอดภัยกว่า Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555 Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 14:04:19 น. 0 comments Counter : 492 Pageviews. Share Tweet ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend Comment :   *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet